ย่องหนับๆ ไปร่วมพิธีสืบชะตาหลวงที่วัดทุ่งเกี๋ยง
สวัสดีครับ เดือนกรกฎาคมนี้ มีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอยู่ 2 วันด้วยกันคือ วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 27 และ 28 กรกฎาคม นับเป็นโอกาสดีที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ทั้งเด็ก ทั้งวัยรุ่น ทั้งผู้เฒ่าผู้แก่ แลหญิงชายจะได้เข้าวัดทำบุญ ฟังเทศน์ฟังธรรม อาาาา ยิ่งบ่นก็ยิ่งยาวครับ (พอดีผมยังไม่แก่) วันนี้ก็เลยจะพาทุกท่านไปเข้าวัดกัน (แท่น แทน แท๊น) วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปร่วมพิธีสืบชะตาหลวง ที่วัดทุ่งเกี๋ยง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่นะครับ อ๊ะ.. ตามผมมาๆ แนะนำสถานที่กันซักนิดละกัน วัดทุ่งเกี๋ยงเป็นวัดเล็กๆ ในหมู่บ้านเล็กๆ ในอำเภอสันป่าตอง บรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ไหว้พระ ทำบุญ จริงๆ เลยครับ ราวๆ 8 โมงเช้านิดๆ ผมหอบสังขารที่โทรมๆ นิดๆ เพราะเมื่อคืนนอนดึกเกินไปหน่อย เดินโซซัดโซเซเข้ามาหาความชุ่มชื่นใจ เผื่อจะได้ชาร์จพลังกลับไปสู้กับงานอีกครั้ง ชาวบ้านก็เริ่มมากันแล้วครับ พอเดินเข้ามาในวัดได้ซักพัก สายตาซุกซนของผมก็แว๊บไปเห็น แม่อุ๊ยท่านหนึ่ง กำลังเดินบรรจงเสียบดอกไม้และธูปลงไปในพาน ทางเหนือเรียกว่า การใส่ขันแก้วตังสาม(พานแก้วทั้งสาม) อันได้แก่ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ครับ ภาพนี้ช่างจับใจผมซะจริงๆ นี่ไงครับ การใส่ขันแก้วตังสาม ก็จะมีข้าวตอก ดอกไม้ ธูป เทียน พ่อแก่แม่เฒ่าก็เก็บดอกไม้บริเวณรอบๆ บ้านนั่นแหละครับนำมาใส่ ใครมีดอกไม้อะไรก็นำมาใส่ ซึ่งมองดูละก็คละเคล้าผสมผสานสวยงามอย่างลงตัวจริงๆ
สักการะรูปพระอุปคุตเถระซักหน่อยเป็นสิริมงคล ตำนานกล่าวไว้ว่าพระอุปคุตเป็นพระอรหันตเถระผู้คอยคุ้มครองพระพุทธศาสนาสำหรับตำนานพระอุปคุตนั้นขอติดไว้ก่อนครับ จะนำมาให้อ่านกันในภายหลัง (สัญญา ครับสัญญา) แล้วก็มาสักการะพระสิวลีกันต่อ ว่ากันว่าผู้ใดสักการะพระสิวลีแล้วชีวิตจะเจริญรุ่งเรื่อง เพราะท่านได้ชื่อว่าเป็นศิษย์เอกของพระพุทธเจ้าและทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีเอตทัคคะในทางมีลาภมาก เข้าไปในมณฑลพิธีกัน ภายในพระวิหาร ไหว้พระประธานก่อนเอ้า กราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม ตรงกราบวิหาร ด้านหน้าพระประธานมีการตั้งเสาและเครื่องสืบชะตา โดยมองคร่าวๆ ได้แก่ เสาไม้ง่าม นำมาตั้งเป็นกระโจม มีกล้วยทั้งเครือ มะพร้าวทั้ง ต้นอ้อน ต้นหมาก ต้นกล้วย หม้อเงินหม้อทอง ไม้ง่ามเล็ก ฯลฯ ด้านบนมีสายสิญจน์ผูกโยงเป็นตาข่ายโดยรอบ ราวๆ 9 นาฬิกากว่าๆ ก็เริ่มพิธี ขออภัยที่ไม่ได้เก็บภาพมา พระสวดอยู่ร่วมชั่วโมงก็เสร็จพิธี มีการประพรมน้ำพระพุทธมนต์ครับ ผู้เข้าร่วมพิธีก็ปลดด้ายสายสิญจน์ที่โยงอยู่กลับบ้านไปเป็นศิริมงคลครับ พระอาจารย์สาคร ฐิตธมฺโม รองเจ้าอาวาสวัดทุ่งเกี๋ยงครับ ท่านได้กรุณาผูกข้อไม้ข้อมือแจกพระเครื่องเป็นที่ระลึก ให้ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณครับ พอเสร็จพิธีก็ออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆ วัด วัดนี้ถึงจะเล็กแต่ร่มรื่นแล้วก็เงียบสงบ แถมสะอาดอีกต่างหากครับ พอเดินออกมานอกประตูก็จ๊ะเอ๋เข้ากับซุ้มหมอยาเมืองเข้า คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นมายาที่มาจากอำเภอจอมทอง โห มาไกลแต้ๆ เลย หมอยาพื้นเมืองนอกจากจะมียาสมุนไพรมาขายแล้วยังนำยามัดมาต้มให้ชาวบ้านได้กินกันด้วยครับ ในหม้อนั่น น้ำยางี้เดือดพร่านเลย พ่อหมอก็โปรยยิ้มพรางเชื้อเชิญให้ผู้ผ่านไปผ่านมาลองเข้ามากินยาหม้อของแก " ยาขนานนี้ กิ๋นแล้วหายเจ็บแอวดีเน้อ " แกว่าอย่างงี้ แต่ผมเห็นน้ำเดือดๆ แล้วคงไม่ไหวครับ ใจก็อยากจะลองแต่พอดีไม่ค่อยถูกกับของร้อนๆ ท่าจะเข้าทำนอง " หวานเป็นลม ขมเป็นยา " แต่นี่คงเป็น "เย็นเป็นฮอลส์ ร้อนเป็นยา " แน่ๆ เลยครับ ก็จบการเดินทางสำหรับทริปนี้แล้วนะครับ ถึงจะเป็นทริปสั้นๆ แต่ก็อิ่มเอิบใจ " มีแฮงปิ๊กไปยะก๋านยะงานต่อแล้วเน้อปี้น้อง " ขอบคุณสำหรับการติดตาม สำหรับคนที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้คงจะเมื่อยตาแย่ ผมแนะนำให้ไปหาหมอยาเมืองแล้วลิ้มลองน้ำยาเดือดๆ ในหม้อในรูปนะครับ รับรองหาย (หัวเราะ) สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ |