ทริปบินเดี่ยวทางไกลครั้งแรก กรุงเทพฯ-สงขลา-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ กับระยะทางกว่า ๒,๔๐๐ กิโลเมตร
จากที่ได้เข้ามาสอบถามรายระเอียดและข้อแนะนำสำหรับทริปด่วนทริปนี้ และเป็นการเดินทางไกล(ที่สุดของผมแล้ว)ในวันเดียวเพียงคันเดียว คนเดียว ครั้งแรกของผม.........สิ่งที่เตรียมไว้นอกจากเสื้อผ้าแล้วก็มี- ยางในล้อหน้า(ไม่ได้ใช้ แต่ก็ดีแล้วละ)- สเปรย์ฉีดโซ่(ถ้าไม่ได้ท่าน jaturo แนะนำคงจะไม่ได้ติดไปด้วย) ขาดไม่ได้เลยจริงๆ ถ้าไม่ได้เอาไปคงแย่- และสุดท้าย หลวงพ่อสติ(จากท่าน ลูกหมูหัดกลิ้ง) ที่ช่วยให้รอดปลอดภัยตลอดการเดินทางเส้นทางคร่าวๆ ที่จะใช้เดินทางสำหรับทริปนี้ครับได้เวลาเดินทาง ๔ นาฬิกา ก็ออกมาเจอเพื่อนยากที่จะต้องร่วมทุกข์-สุขกัน ในระยะทางไกลแสนไกล สำหรับ ๔ วันต่อจากนี้ก่อนออกจากบ้าน ถ่ายภาพเรือนไมล์เช็คระยะกันก่อนครับนี่คือเส้นทางที่ผมใช้ออกจาก กรุงเทพฯ เพื่อจะไปยังถนนพระรามสอง(ประตูสู่ภาคใต้สำหรับผม)อากู๋บอกว่า เส้นทางที่ผมจะเดินทางไปนั้น มีระยะทางอยู่ที่ 989 กม.แผนที่วางไว้ในใจคือ แวะเติมน้ำมันทุกๆ ๑๕๐ กิโลเมตรเพื่อเลี่ยงปัญหาน้ำมันหมดกลางทาง (วิ่งปกติจะได้ระยะทางมากกว่าสองร้อยกิโลเมตรขึ้นไป)แต่การขับขี่ระยะทางไกลที่ต้องทำเวลาเช่นนี้ ปรากฏว่า ระยะทางต่อถังเหลือแค่เพียง ๑๗๐ กิโลเมตรเท่านั้น o_O'เข้าถนนพระรามสองมาได้หน่อยก็ดันเจอฝนซะนี่นี่ คือสภาพเส้นทางที่ผมกลัวที่สุด(มืด+ฝนตก) เนื่องจากถนนลื่น(ยิ่งเส้นนี้ด้วยยิ่งแล้วใหญ่)และไม่สามารถมองเห็นได้ว่า ข้างหน้าเป็นเพียงถนนเปีก หรือว่าเป็น "แอ่งน้ำ"เมื่อเจอฝนเข้าก็เลยต้องจอดเพื่อรอให้ทัศนวิสัยเปิดมากกว่านี้ภาพนี้พักอยู่ตรงแถวสมุทรสาคร ตลาดลีลาจอดหลบฝนรออยู่ตั้งแต่เวลาประมาณตีห้า เพื่อรอให้ฟ้าเริ่มสว่างพร้อมกับกาแฟร้อน(เซเว่นอีเลฟเว่น) ๑ ถ้วยนั่งรออยู่ร้านอาหารที่ผมถือวิสาสะไปนั่งหลบฝน ก็กำลังหุงข้าวต้มแกงกันรอเปิดร้านอยู่จนใกล้ฟ้าเริ่มสาง กำลังจะออกเดินทาง แต่เดี๋ยวก่อนกลิ่นเครื่องแกงใต้ลอยมาแตะจมูก (หอมจริงๆ) น้ำย่อยทำงานทันทีเลยสั่งข้าวราดแกงสำรองพลังงานไปหนึ่งจาน(อร่อยดีอ่ะ แกงปลาดุก กับไข่พะโล้)กินเสร็จข้าวเริ่มเรียงเม็ดฝนก็หยุดพอดี จัดแจงแต่งตัวและก็ออกจากจุดแวะหลบฝนมาตอน ๖.๓๐ในภาพผมใช้ถุงขยะสีดำใบใหญ่ เพื่อทำให้กระเป๋าสัมภาระผมเป็น "กระเป๋ากันน้ำ"ตอนนี้เพิ่งจะแวะมาหลบฝน ถ่ายเวลาเดียวกันกับภาพด้านบนแหละครับจากนั้นก็วิ่งมาเรื่อยจนบรรจบกับถนนเพชรเกษมก่อนจะเข้าสู่ถนนเพชรเกษมนี้มีภาพที่ผมประทับใจอยู่ภาพนึงภาพทิวทัศน์ข้างหน้า เป็นทิวเขาสีทึม มีหมอกลอยเอื่อยอยู่รอบทิวเขาเหล่านั้นฟ้าตอนเช้าซึ่งเป็นสีฟ้าคราม และมีท้องนาเขียวขจีอยู่ด้านล่าง สวยจริงๆ ครับแต่เนื่องจากต้องทำเวลา จึงไม่ได้จอดเพื่อควักเอากล้องถ่ายรูป ออกมาเก็บภาพนั้นไว้ แอบเสียดายเล็กๆพอเข้าถนนเพชรเกษมก็แวะเติมน้ำมันปั๊มระหว่างทางก่อนจะถึงเขาย้อยออกมาก็เจอกับน้องๆ นักเรียนกำลังโดยสารรถสองแถวเพื่อเดินทางไปโรงเรียนนึกถึงสมัยเรียนมัธยมต่างจังหวัดจริงๆช่วงนี้ทำความเร็วอยู่ที่ ๑๐๐-๑๒๐ กม. ขี่ไปจนถึงกุยบุรี เสียงโซ่ก็เริ่มดังจนรำคาญเลยแวะปั๊มแถวนั้นและทำการหยอดน้ำมันโซ่ซะออกเดินทางต่อเสียงโซ่ก็ยังคงดังอยู่แต่ไม่มาก อืม เดี๋ยวคงดีขึ้นแหละน่าระหว่างทางเจอรถเทรลเลอร์ขนรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ จำนวนนับสิบคันจะแซงพี่เหล่านี้ก็ต้องดูจังหวะดีๆ เพราะรถเราไม่ได้มีความเร็วปลายและอัตราเร่งเหลือกินเหลือใช้เท่าใดนักประกอบกับวันนี้เป็นวันพุธ(วันที่เดินทาง) จำนวนรถจึงไม่หนาตาเท่าไร วิ่งสบายๆครับยกเว้นรถพ่วงและรถบรรทุก ที่มีจำนวนมากกว่ารถส่วนตัวไม่ต่ำกว่าเท่าตัวแน่นอนในภาพจนเวลาประมาณบ่ายโมงตรง ก็ทนรำคาญเสียงโซ่ไม่ไหว ต้องแวะจอดเพื่อหยอดน้ำมันโซ่อีกรอบรวมทั้งน็อตปลายท่อที่หลวม ทำให้เสียงท่อไอเสียดังแปลกๆ เพราะแฟลบที่อยู่ด้านในมันหมุนตัวได้ตามอิสสระนี่เองแวะร้านซ่อมรถเล็กๆแถวนั้น ขอยืมปะแจเบอร์สิบ กวดน็อตได้มั่นคงดีแล้วจึงออกเดินทางต่อไปจากบางสะพานน้อย บึ่งไปอีกหน่อยก็ไปถึงแยกปฐมพร(ทางเข้าตัวจังหวัดชุมพร และสามารถเลี้ยวขวาเพื่อไปภูกเก็ตทางเส้นระนองได้)ตอนบ่ายโมงครึ่งเนื่องจากสามารถทำเวลาได้อย่างที่วางแผนไว้ จึงตัดสินใจที่นี่ว่าจะลงไปให้ถึงจุดหมายเลยจากแยกดังกล่าวก็เดินทางมุ่งหน้าต่อไปถนนช่วงชุมพรกำลังปรับปรุงผิวถนนอยู่หลายจุดตรงส่วนที่ยังไม่ได้ปรับปรุง บางช่วงขอบอกว่ายางมะตอยมันหมดสภาพแล้วจริงๆผ่านอำเภอพุนพิน(สุราษฏร์ธานี)ตรงต่อไปยังอำเภอทุ่งสงก่อนถึงอำเภอทุ่งสง มีการทำถนนใหม่ ถนนช่วงนี้สภาพผิวถนนบางช่วงค่อนข้างแย่และการซ่อมถนนบริเวณนี้จะคล้ายกับการทำถนนใหม่เลยโดยจะิปิดฝั่งที่ซ่อมด้านใดต้านหนึ่ง แล้วเบี่ยงให้รถไปวิ่งฝั่งที่สวนทางมาพูดง่ายๆก็ไปยืมเลนฝั่งตรงข้ามเลนนึงนั่นแหละครับก่อนเข้าตัวเมืองทุ่งสง เจอฝนนิดหน่อย โชคดีที่ฝนเพิ่งจะตกไปฝนยังไม่ขาดเม็ดเท่าไหร่ผมก็มาพอดี ตอนนี้ก็ค่อยๆขี่ไป เลนซ้ายสุด ด้วยความเร็วต่ำ ๖๐-๘๐ กม.ตอนนี้เด็กๆ เพิ่งจะเลิกเรียน กำลังเดินทางกลับบ้านกันคิดในใจ ตอนที่น้องๆนั่งเก้าอี้เรียนหนังสืออยู่ในห้อง พี่นั่งบนอานมอเตอร์ไซค์มาตลอดเลยผ่านเมืองทุ่งสงไปทางพัทลุง ถนนกลับมาดีเหมือนเดิมแล้วช่วงนี้จะเป็นช่วงไต่ระดับขึ้น สองข้างทางเริ่มมีภูเขาหินปูนช่วงนี้ถือว่าเป็นเส้นทางที่สวยงามอีกเส้นนึงเหมือนกันครับไปเรื่อยจนเกือบถึงพัทลุง แล้วโชคดีของผมที่มีมาทั้งวันก็ถึงคราวที่ต้องเฉลี่ยสภาพฤดูกาลที่ควรจะเป็นจริงๆจังๆเสียทีฝนกระหน่ำตกลงมาตั้งแต่พัทลุงเป็นต้นไปความเหนื่อยล้าเริ่มเกิดขึ้นช่วงพัทลุงนี้เอง ประกอบกับเจอฝนกระหน่ำซ๊าต้องคลานไปเรื่อยๆ ในใจคิดอยากจะหยุดหลบฝน แต่อีกใจก็บอกว่าน่า... อดใจอีกนิดเดียวฝนมันคงไม่ตกไปตลอดทางหรอกว่าแล้วก็ฮึดอีกครั้ง ไม่แวะหลบฝน ลุยไปเรื่อยๆจนเข้าเขตจังหวัดสงขลาฝนก็หายไปช่วงนี้เริ่มเย็นย่ำเสียแล้ว ผมจึงเริ่มทำความเร็วอีกครั้งเพื่อชดเชยกับช่วงที่ติดอยู่ท่ามกลางสายฝน แม้จะรู้สึกล้าแล้วก็ตามจนถึงอำเภอรัตภูมิเมื่อเวลาประมาณ ห้าโมงเย็นจึงได้รายงานการเิดินทางในกระทู้ก่อนซะหน่อยแต่ตอนลงจากรถปวดเอวค๊อดๆเลย T_Tจากนั้นก็เดินทางต่อ กับระยะทางอีกแค่ประมาณหกสิบกิโลก็ควรจะถึงจุดหมายในเวลาประมาณหกโมงเย็นแต่ ด้วยความเซ่อช่าของผมแทนที่จะมุ่งหน้าตรงไปยัง อ.นาหม่อม ซึ่งอยู่ระหว่างทางเส้นที่มุ่งหน้าสู่ปัตตานี ดันไปทางเส้นทาง อ.เมืองสงขลาซะนี่ขี่ไปขี่มาๆ มองหาป้าย อ.นาหม่อม ก็ไม่เจอ จนจะถึงเมืองสงขลาอยู่รอมร่อ....คิดขึ้นได้ก็แวะเข้าปั๊มเพื่อจะเติมน้ำมันและถามทางผม : น้องครับ อำเภอนาหม่อมอีกไกลมั๊ยน้อง : ที่ไหนนะพี่ นาหม่อม (แล้วน้องก็ทำหน้างงๆ) ไม่รู้จักอ่าครับพี่ผม : (- -")หลังจากนั้นจึงหยิบมือถือมาเปิดดูแผนที่ จึงถึงบางอ้อ พร้อมกันพอดีกับน้องอีกคนที่ทราบความจากเพื่อนเด็กปั๊มเดินมาบอกน้องอีกคน : พี่ๆ พี่มาผิดทางแล้ว พี่ต้องกลับรถไปทางเส้นเดิม แล้ว....ฯลฯผม : อืม.... ขอบคุณครับน้อง พี่พอจะรู้ตัวแล้วละน้องกับเพื่อนๆ ก็อดอมยิ้มหัวเราะคิกคักในความเซ่อของผมไม่ได้ ที่ขี่รถหลงไปตั้งไกลแล้วยังไม่รู้ตัวพอเริ่มฉลาดแล้วจึงย้อนกลับทางเดิมและไปถึงจุดหมายในที่สุด เมื่อเวลาประมาณ ๑๘.๓๐ น.สรุปการเดินทางในวันแรก ได้ระยะทางเพิ่มมาอีกนิดหน่อย รวมทั้งสิ้นประมาณ ๑,๐๒๙ กม. ด้วยเวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ ๑๔.๓๐ ชม.จากที่ควรจะแค่ประมาณ ๙๘๙ กม. ....... - -"หลังจากเสร็จภาระกิจ ในวันศุกร์(เดินทางจากบ้านมาวันพุธ) ก็ได้เวลาเดินทางต่อไปยัง ภูเก็ตช่วงก่อนหน้านี้เนื่องจากต้องทำเวลาจึงไม่ค่อยได้่ถ่ายภาพวันนี้เลยตั้งใจว่าจะถ่ายภาพมาฝากสมาชิกในบอร์ด เพื่อชดเชยเส้นทางที่ตั้งใจไว้คร่าวๆ ย้อนกลับทางเดิมจนถึงแยกพัทลุงแล้วจึงเลี้ยวซ้ายไปทางจังหวัดตรัง ผ่านเขาพับผ้าไปเรื่อยๆเริ่มออกเดินทางตอน ๑๐.๐๐ น.กำลังจะออกจากตัวเมืองสงขลา เจอป้ายนี้เลยเก็บไว้เป็นที่ระลึกหน่อยมุ่งหน้าสู่พัทลุงช่วงนี้เจอรถบีเอ็มฯ สองคันซิ่งไล่กัน ดูแล้วน่าอิจฉาเสียจริงผมคิดในใจ หากเป็นบีเอ็มฯ คงไม่ปวดตัวแบบนี้หรอกมั๊งแต่... ถึงให้สองคนนั้นมาขี่รถแบบผมเส้นทางแบบผมก็ใช่ว่าสองคนกล้าทำ... ลูกบ้าผมเยอะกว่าหรอกนะผ่านสี่แยกพัทลุงเลี้ยวซ้ายไปจังหวัดตรัง ก่อนจะขึ้นเขาพับผ้าครับจุดนี้น่าจะเรียกว่า ศรีนครินทร์ ทางขึ้นเขาพับผ้าเส้นทางภาคใต้มีทัศนียภาพที่ร่มรื่น เขียวครึ้งไปด้วยต้นไม้ข้างทางโดยเฉพาะเส้นทางที่ไม่ใช่สายหลักเช่นเส้นทางนี้ภาพนี้ถ่ายบนเขาพับผ้า ห่างจากภาพที่แล้วแค่อึดใจภาพนี้เป็นจุดเดียวกันกับด้านบน เป็นทิศทางที่เราจะไปต่อครับลงมาจากเขาพับผ้าอึดใจเดียวก็มาถึงเมืองตรัง(ติ่มซำ กับหมูย่างอร่อยสุดๆ)เลี้ยวขวาเส้นอ้อมเมืองตรัง มาได้นิดเดียวก็เจอวิวสวยอีกแล้วจอดๆ ถ่ายภาพซะหน่อยขี่รถไปแบบ งงๆ จุดหมายต่อไป อ.ห้วยยอดเพื่อแวะเยี่ยมเพื่อนสมัยเรียนซะหน่อยช่วงห้วยยอดเส้นทางที่ผมใช้กำลังทำถนนอยู่ขี่ๆ ลงเนินมาเจอทำถนนกรวดลอยเต็มหน้าตักเกือบแฉลบเจิมถนนสร้างใหม่เสียเล้วเราภาพนี้ถ่ายตรง ตัวอำเภอห้วยยอดของดีของดังที่นี่ก็เป็นเค้กขุกมิ่งอันเลื่องชื่อ(ผ่านไปอย่าลืมลองทานนะครับ)เจ้าเพื่อนผมมันก็ช่างบอกทางได้สุดยอดเสียเหลือเกินขี่รถจอดแล้วโทรถามทางอยู่สามรอบ ผมยังหามันไม่เจอ.... - -'สุดท้ายเลยบอกว่าอยู่หน้าบริษัทฮอนด้า ให้มันออกมาหาผมแทนเจอกันทักทายสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันพอหมดกาแฟคนละแก้ว น้ำชาอีกกาก็ออกเดินทางต่อ...สภาพเส้นทางระหว่างมุ่งหน้าสู่จังหวัดกระบี่ครับ เขียวสดชื่น อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนเลยระหว่างทางเจอน้ำพุร้อนอยากแวะใจจะขาดแต่เอ้อระเหยซ้า..... บ่ายสามครึ่งแล้วเส้นทางระหว่าง กระบี่-อ่าวลึก สวยมากมีภูเขาหินสูงอยู่สองข้างทาง เหมือนในภาพมีต้นไม้ขนาดใหญ่สูงร่วมยี่สิบเมตร(ไม่แน่ใจว่าต้นยางหรือเปล่า)และไม้ใหญ่อื่นๆ ทำให้สองข้างทางร่มรื่นมากถนนเรียบดีและสวยมาก ประทับใจครับภาพนี้ห่างจากข้างบนแค่ห้านาทีวันนี้ขี่สบายๆ ไม่รีบร้อนความเร็วเดินทางประมาณ ๘๐-๑๐๐ กม./ชม. แต่ส่วนใหญ่จะป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๘๐ ซะส่วนใหญ่ใช้เวลาแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงอ่าวลึกครับที่อ่าวลึกนี้จะเป็นจุดบรรจบของเส้นทาง เซ้าเทิร์นซีบอร์ดก็เส้นที่รถขึ้นหรือล่อง ภูเก็ต-กรุงเทพฯ มักจะวิ่งยาวๆ ตรงๆไปเข้าเส้นหลักที่จังหวัดสุราษฏร์ธานีละครับแล้วก็เข้าสู่จังหวัดพังงา ถนนช่วงพังงาจะไม่ค่อยดีเท่าไรโดยเฉพาะแถวทับปุดมีการทำถนนกันอยู่ ช่วงนี้ผมวิ่งแบบงงๆ หลงทางซะครั้งนึง(แต่แค่ไม่กี่ร้อยเมตร เกือบอีกแล้ว)ระหว่างทางผ่าน บ.กระโสม ด้วย ผมตื่นเต้นมาก แต่จอดไม่ทันมีใครทราบไหมว่าทำไมผมถึงได้ตื่นเต้น.... หุหุ (ทายถูกก็ไม่มีรางวัล)รถแถวนี้จะขับไม่ค่อยให้สัญญาณเท่าไหร่ ใครไม่เคยมาก็ระวังใจตรงกันเพื่อนร่วมถนนนะครับจนข้ามสะพานสารสินใหม่ เข้าสู่จังหวัดภูเก็ต เมื่อเวลา ๑๗.๓๐ น.สิ้นสุดไปอีกวัน สำหรับการเดินทางวันนี้ผมพักตรงสนามบินภูเก็ต เพราะนัดเจอกับน้องที่นับถือกันเจ้าถิ่นพานั่งรถเที่ยวหาดป่าตอง (คล้ายๆพัทยาบ้านเรา)ชมเมือง แต่ด้วยความค่ำมืดแล้ว เลยออกความเห็นว่า ไว้ค่อยมาเที่ยวชมเมืองในคราวหน้าจะดีกว่าว่าแล้วก็หาร้านนั่งกินดื่ม และสั่งอาหารมารองท้องเล็กน้อยก่อนจะไปร้านอาหารกึ่งผับ ติดหาดในยางนั่งโต๊ะที่ตั้งไว้บนหาด นั่งๆกินไป น้ำทะเลก็สูงขึ้นมาจนถึงโต๊ะที่นั่งกินกันอยู่เลยสั่งหอยนางรมมาสี่ฝา แต่น่าเสียดายที่ไม่มี่ยอดกระถินมาให้ - -'แต่อาศัยได้เพื่อนเก่าที่รู้ใจ "พี่สิงห์" ที่ทำให้คงบรรยากาศชายหาดและคงอรรถรสในการสนทนาเอาไว้ได้เป็นอย่างดี หุหุเช้าวันเสาร์ ตื่นขึ้นมาตอนเจ็ดโมงเช้าเจ้าถิ่นพาไปทาติ่มซำ และขนมจีนน้ำยา อาหารเช้าของคนที่นี่ผมฟาดซะเต็มคราบเนื่องจาก ต้องตุนพลังงานเอาไว้ใช้ตลอดการเดินทางเบ็ดเสร็จเยี่ยมชมสถานที่อีกเล็กน้อยก็กลับที่พักเพื่อเริ่มเดินทางต่ออีกครั้งในภาพระเบียงที่พักบริเวณสนามบิน สะดวกสะบาย และที่สำคัญไม่มีค่าใช้จ่ายเมื่อวานนี้ระยะทางจากเรือนไมล์อยู่ที่ประมาณ ๔๗๐ กม.ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น ประมาณ ๗.๓๐ ชม.อากู๋บอกว่าระยะทางสำหรับวันนี้คือประมาณ ๘๗๗ กม.เส้นทางเลียบทะเลฝั่งอันดามันขึ้นไปเรื่อยๆ จนผ่านจังหวัดระนองแล้วมาบรรจบกับเส้นหลักที่ แยกปฐมพร จังหวัดประจวบฯจอดเก็บภาพเส้นเลียบสนามบินเล็กน้อย เริ่มเดินทางที่เวลา ๐๙.๓๐ น.ในภาพดูดีๆ จะเห็นหางของเครื่อง 747 สามร้อยกว่าที่นั่งของการบินไทยจอดอยู่ตรงแท๊กซี่เวย์วิ่งออกมาได้หน่อยประมาณ สามสิบ กม. แวะเติมน้ำมันที่ โคกกลอยพอออกจากปั๊ม เวรกำ... สายไมล์ขาด....ผมรู้สึกเป็นกังวลมาก เนื่องจากใช้เรือนไมล์วัดระยะทาง และเช็คความเร็วเพื่อควบคุมเวลาที่ใช้ในการเดินทางไม่ไห้ช้าเกินไปแล้วนี่เป็นเส้นทางสายรองเสียด้วย ถ้าหากน้ำมันหมดกลางทางหรือทำความเร็วได้ไม่เหมาะสม อาจจะช้าเกินไปแน่นอนว่าจะเกิดปัญหากระทบกับช่วงท้ายของการเดินทางแน่นอน(ไม่อยากขี่กลางคืน) T_Tแต่บอกตัวเองว่า ช่วยไม่ได้ มีแต่ต้องลุยต่อไปเท่านั้น...อ้อลืมบอกไปว่า โคกกลอย ยังเป็นพื้นที่จังหวัดพังงานะครับผ่านโคกกลอยมาก็หน่อยครับ เส้นทางสายนี้ ถนนดีวิวข้างทางก็ร่มรื่นเหลือประมาณ โค้งมีให้เล่นเพลินๆเป้าหมายต่อไปจังหวัด ระนองสองข้างทางเต็มไปด้วยไม้ใหญ่ยืนต้นสูง เขียวสดชื่นด้านขวามือจะเป็นทิวเขาสูงพาดทอดยาวลงมาขนานกับชายฝั่งส่วนซ้ายมือก็จะเป็นทะเลอันดามัน ซึ่งถนนบางช่วงก็จะมองเห็นทะเลได้เช่นนี้ไปตลอดเส้นทางจนถึงจังหวัดชุมพรเลยครับภาพนี้เป็นสภาพเส้นทาง ยังอยู่ในเขตจังหวัดพังงาจุดนี้เป็นถนนก่อนถึง เขาหลัก เส้นทางสวยงามมากครับช่วงนี้เป็นช่วงที่ลัดเลาะขึ้นเขาและหน้าผา ขวาก็มือเป็นภูกเขาสูงถ่ายภาพจุดนี้ตอนเวลาประมาณ ๑๐.๓๐ น.สภาพเส้นทาง ภาพนี้เป็นจุดเดียวกันกับภาพด้านบนแถบเขาหลักจะมีช่วงที่เป็นแหล่งบริการนักท่องเที่ยวอยู่จุดนึงป้ายร้านรวงต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษแทบทั้งสิ้น คงพอจะทราบกลุ่มเป้าหมายแล้วนะครับร้านค้าจุดนั้นสร้างและตกแต่งกันอย่างสวยงาม เหมาะแก่การแวะพักทานกาแฟสักแก้ว อาหารเบาๆ สักมื้อ คิดได้แบบนี้แล้วผมก็......บอกตัวเองว่า ไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอกวุ้ย - -'คิดในใจ ไม่เป็นไร ถือว่าคราวนี้มาสำรวจเส้นทางไว้ลงมาครั้งต่อไป จะเซ็ทไว้สักสามวัน แวะมันให้หมดเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ (ปลอบใจตัวเอง)แล้วมาพบกับความจริงว่า ระนอง อีก ๑๖๕ กม. สู้ต่อไปถัดจากด้านบนมาหน่อย แค่ประมาณไม่ถึงสิบนาทีก็มาเจออุโมงค์ต้นไม้ ไม่ต้องไปไกลถึงเขาใหญ่ดูได้เสียงตะโกนจากผู้ชม "แต่มันไกลจาก กรุงเทพฯ โว้ย...." -_-เลาะริมเขามาเรื่อยๆ จนขึ้นเขาก็หลายลูกอยู่ช่วงนี้มีดูคาติกับอีกคันไม่แน่ในว่ารถอะไร บิดอัดตามกันไปด้วยความเร็วเข้าโค้งกันมันส์ไปเลย อยากตามไปดูเหมือนกันแต่กลัวจะลาโค้งตกเขาไปเสียก่อนจึงได้แต่เดินทางไปตามความเร็วที่เจ้าม้าแกลบจะอำนวย(แต่ก็ไม่รู้ว่าเร็วเท่าไหร่ เพราะสายไมล์ขาด T T)ภาพนี้จอดพักเพราะง่วงนอนมาก เกือบจะหลับคาแฮนด์อยู่แล้วก็เส้นทางร่มรื่น อากาศเย็นสบายซะขนาดนั้น....แถวนี้ไม่ทราบเรียกว่าอะไรเหมือนกันจอดพักเลย แช๊ะสักหน่อย ตอนนี้เวลา ๑๒.๓๐ น.ขี่ต่อไปอีก มุ่งหน้าตัวเมืองระนอง เส้นทางสวยงามสุดๆ เลยครับอ้อ ลืมบอกไป ว่าช่วงเส้นทางมาระนองนี่ จะมีด่านทหารอยู่เป็นระยะๆแต่เขาก็ไม่ได้เรียกตรวจเรียกคุยอะไร ก็ขี่ผ่านไปเฉยๆ ทุกด่านเลยเหมือนกันครับในภาพก่อนเข้าเมืองระนอง ขี่รถมาจะเห็นจากระยะไกลเลยครับเป็นน้ำตกจากเทือกเขาสูงด้านขวามือ ถ้าจำไม่ผิดจะชื่อน้ำตกหงาวอันที่จริงทั้งน้ำตก ทั้งชายหาด ทั้งภูเขา บ่อน้ำร้อน หลายจุดมากๆหากชอบเที่ยวทั้งภูเขาและทะเล ต้องมาเส้นทางนี้เลยครับ แถววิวข้างทางสวยงามร่มรื่นสุดๆระนองเป็นเมืองเล็กๆ (หรือเปล่า) แต่เส้น ทล.๔ ที่ผมผ่านน่าจะเป็นชานเมืองในเมืองส่วนกลางน่าจะคึกคักกว่านี้ แวะปั๊มน้ำมันที่ตัวเมืองระนองเป็นปั๊มสุดท้ายก่อนจะยิงยาวไปจนเข้าถนนหลักที่ชุมพร ระยะทางไม่น่าจะเกิน ๑๕๐ กม. ช่วงนี้ผมไม่ค่อยแน่ใจออกจากตัวเมืองระนองก็ขึ้นเขาเลยครับ โหนโค้งซ้ายขวาๆแป๊ปเดียว ต้องรีบจอดเก็บภาพครับ ที่เห็นไกลๆนั่นเป็นทะเล ตรงนี้เป็นจุดชมวิว ตอนนี้เวลาประมาณ ๑๓.๓๐ น.มองไปข้างหน้า เป็นช่วงลงเขาครับ เส้นทางช่วงนี้ถนนดีมากถึงมากที่สุดขี่รถโหนโค้งกันเพลินอารมณ์เลยทีเดียว... โชคดีจังวันนี้ไม่โดนฝนเลยออกจากจุดชมวิวด้านบนมาแค่ประมาณสิบนาทีก็มาเจอกับสะพานข้ามแม่น้ำละอุ่นที่มีขนาดเล็กๆ แต่ยาวมากจริงๆประมาณด้วยสายตาไม่น่าจะต่ำกว่าสองร้อยห้าสิบเมตรได้....มองไปฝั่งขวาของสะพาน ที่เห็นเป็นเกาะกลางแม่น้ำนั่นเป็นเรือรบญี่ปุ่น สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งอัปปางอยู่ที่นั่นโดยญี่ปุ่นยึดบ้านเราเป็นฐานในการส่งกำลังบำรุงและสเบียงกรังต่างๆแต่ปัจจุบันได้มีตะกอนแม่น้ำทับถมจนซากเรือรบญี่ปุ่นลำนี้กลายเป็นเกาะกลางน้ำไปจากสะพานนี้ไปทางด้านทิศตะวันตกจะเป็นปากแม่น้ำ ที่ออกไปยังทะเลอันดามันจะเห็นว่ามีชุมชนขนาดหลายร้อยหลังคาเรือนอยู่สองฟากฝั่งอาชีพยอดฮิตน่าจะเป็นอาชีพประมงกระมัง(อันนี้เดาเอาล้วนๆ)อ้อ ลืมไปครับ หลังจากออกจากจุดชมวิวตอนที่ออกจากเมืองระนองมา ตอนลงมาใกล้ถึงทางราบจะมีน้ำตกตระหง่านเป็นสง่าอยู่ติดกับถนนเลยครับ (น้ำตกปุญญบาล)ตอนเด็กจำได้ว่าเคยนั่งรถผ่านจุดนี้ แต่ไม่ได้แวะสวยงามมากๆครับ อยากจะจอดถ่ายแต่ไม่อยากให้เสียเวลามากเลยไม่ได้เก็บภาพมาฝากเดินทางต่อเลยละกันครบ พอข้ามสะพานด้านบนมาผมก็ยิงยาว ไม่แวะพัก ไม่แวะจอดที่ไหนแล้ว นอกจากเติมน้ำมันจนมาถึงแยกปฐมพรตอน บ่ายสองโมงครึ่ง จากนั้นเติมน้ำมันและเดินทางต่อทันทีวิ่งเข้าเลี่ยงเมืองหัวหินจนถึงแยกสะพานข้ามไปชะอำตอน หกโมงเย็นพอดีเป็นโชคดีของผมที่ไม่เจอฝนเลยระหว่างทาง (เจอร่องรอยบ้าง แต่ตกเสร็จไปแล้ว)จึงสามารถทำเวลาได้ค่อนข้างดี แต่ๆๆ.... มองไปข้างหน้าเพชรบุรีที่ผมจะมุ่งหน้าไปเมฆดำทะมึน ความกว้างคงครอบคลุมได้สักสองอำเภอเป็นอย่างน้อยขี่ไปเรื่อยๆ จนผ่านสะพานเข้าเมืองเพชรบุรี วิ่งไปยังไม่ทันถึงเขาย้อยก็แวะเติมน้ำมัน ตอนนั้นประมาณ ทุ่มครึ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหลังจากเติมน้ำมันเสร็จตู๊ด...... ตู๊ด........ปลายสาย : ฮาโหลผม : นี่พี่เองนะ เป็นงัยที่บ้านฝนตกป่าว(ในใจคิดว่าตกหนักแน่ๆเลย)ปลายสาย : ไม่เห็นมีนี่ ไม่ตกเลยผม : อะไรกัน นี่พี่น่าจะตกหนักนะ แถวนี้มองไปฝั่งเข้ากรุงเทพฯ มืดตื๋อเลยปลายสาย : ตกเหรอ ที่บ้านไม่เห็นตกเลย...เออแฮะ งั้นอาจจะตกไม่เยอะก็ได้ ไปต่อเลยแล้วกันว่าแล้วก็ขี่ต่อไป จนเข้าถนนพระรามสองเท่านั้นแหละครับตกอย่างกับฟ้ารั่ว......มืดก็มืด แถมฝนตกอีก.... T_Tก็ค่อยๆ คลานไปแบบทุลักทุเลพอประมาณไหนจะเหนื่อยและค่อนข้างล้าด้วย แต่ไม่มีทางเลือกยังงัยก็ต้องลุยไปให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัยให้ได้สรุป ผมใช้เวลากับระยะทางประมาณ ๑๒๐ กม. สุดท้ายด้วยเวลา ๒.๐๐ ชม.แล้วก็กลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัย เมื่อเวลา ๒๑.๓๐ น.วันนี้ระยะทางจากอากู๋ ประมาณ ๘๗๗ กม. ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น ๑๒ ชม. พอดิบพอดีหมดค่าน้ำมันไปทั้งสิ้นประมาณ ๓,๘๐๐ บาทสุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณสมาชิกหลายๆท่านที่เป็นห่วงคอยติดตามและแนะนำผมจนสามารถเดินทางได้สำเร็จอย่างที่ได้ตั้งใจไว้ขอคุณพระศรีรัตนไตรจงคุ้มครองท่านและครอบครัวจงประสบแต่ความสุขความเจริญทุกเมื่อไปครับ