|
||||
ลู่หมินซีรีส์ The Writer 4 / AI Tale 4.1 (นิทานจักรกล) ลู่หานคลายมือจากโทรศัพท์หย่อนลงที่โต๊ะหัวเตียงแล้วทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเตียง เสยผมช้าๆอยู่หลายครั้งก่อนเอนหลังลงไปนอนเอาท่อนแขนวางบนหน้าผาก เจ้าของน้ำเสียงไร้อารมณ์ที่เพิ่งคุยกันคือเด็กที่เพิ่งย้ายมาอยู่ระแวกบ้านเกิดที่เขาเคยเจอเมื่อสี่ปีก่อนตอนกลับบ้านเพราะคุณแม่เสีย เด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักแต่ชอบทำหน้าไร้อารมณ์พอๆกับน้ำเสียง และพูดกับเขาห้วนๆไม่สนเรื่องวัยที่ต่างกันทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยถูกชะตานัก แต่กลับสนิทสนมและเป็นที่รักของคุณตา วันนี้ได้คุยกันอีกครั้ง เป็นเรื่องเป็นราวกว่าที่เคยแต่ด้วยน้ำเสียงห้วนๆไร้อารมณ์เหมือนเดิม ทั้งที่เจ้าตัวโทรมาเพื่อบอกข่าวการเสียชีวิตของคุณตา และอธิบายยืดยาวถึงเรื่องครอบครัวของตัวเองที่จัดการเป็นธุระงานศพจนเรียบร้อยด้วยเงินที่คุณตาฝากไว้ พอเขาได้โอกาสแทรกพูดเพื่อถามว่าทำไมเพิ่งโทรบอก เด็กปลายสายก็เงียบไปชั่วครู่ ก่อนพรูลมหายใจ แล้วตอบ"เบอร์โทรก็ไม่เคยให้ โทรบอกได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว" แล้วก็ตัดสายไปดื้อๆ ชายหนุมหลับตาคิดถึงชีวิตที่ตอนนี้เหลือตัวคนเดียว และการงานที่ไม่ได้ดั่งใจจนอาจพูดได้ว่าเข้าขั้นล้มเหลวหากตัดสินด้วยมาตรฐานของเขาเองและสังคมคนใกล้ตัว เขาว่างงานเกือบสองเดือนแล้ว ทั้งความฝันที่จะเป็นนักเขียนก็ยังไม่คืบหน้าไปไหน แม้ว่าจะเคยมีผลงานเรื่องสั้นได้รับการรวมเล่มร่วมกับนักเขียนหน้าใหม่ที่ทางสำนักพิมพ์จัดประกวดเฟ้นหามา แต่หลังจากพยายามเขียนเรื่องสั้นสะสมไว้ แล้วลองเสนอไปทางสำนักพิมพ์หลายครั้งก็โดนปฎิเสธทุกครั้ง ความฝันที่โดนยืดเวลาออกไปเรื่อยๆมันยิ่งเพิ่มน้ำหนักบนบ่าจนบางทีเริ่มรู้สึกว่าจะก้าวต่อไปไม่ไหว ลู่หานตัดสินใจดีดตัวลุกขึ้น เดินไปลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากใต้ตู้เสื้อผ้า ถ้าการอยู่ในห้องบนตึกสูงจะยิ่งทำให้ความคิดดำดิ่งสับสน บ้านเกิดน่าจะเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการเยียวยาทุกสิ่ง ....................................................... พอเดินเข้าประตูรั้วเหล็กเตี้ยๆที่มีไม้เถาพันเลื้อยอยู่ทั่ว ลู่หานก็มายืนนิ่งอยู่กับกองสัมภาระหน้าบานประตูไม้สีซีด เขากำกุญแจไว้ในมือพักใหญ่ก่อนพยักหน้ากับตัวเองแล้วให้ลูกกุญแจได้ทำหน้าที่ของมัน ทันทีที่ดันประตูเข้าไปกลิ่นที่คุ้นเคยลอยเอื่อยผสมกับลมหายใจเข้า ชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบบริเวณจากจุดที่ยืนอยู่ด้านขวาคือทางเดินขึ้นส่วนยกพื้นไปสู่มุมนั่งเล่นที่มีทีวีเครื่องเล็กๆ เครื่องเสียงเก่าๆ โต๊ะเตี้ยๆกับเบาะรองนั่ง ถัดไปมีโโถงทางเดินแคบๆไปที่ห้องหนังสือของคุณแม่และห้องนอนที่มีประตูเปิดถึงกันได้ ส่วนห้องตรงข้ามเป็นห้องนอนของคุณตา ด้านซ้ายมือเป็นบันไดทางขึ้นชั้นลอยที่กั้นมิดชิดเป็นห้องนอนของเขา มีห้องใต้บันไดสำหรับเก็บของ ถัดไปเป็นส่วนทำครัวมีชุดโต๊ะอาหารสำหรับ4ที่ ลึกเข้าไปเป็นส่วนซักล้างและห้องน้ำ มีประตูที่เปิดไปก็จะเจอกับแปลงสวนครัวเล็กๆต่อกับสวนดอกไม้ที่ยาวเลยไปถึงหน้าบ้าน แม้ไม่สามารถเห็นได้หมดครบถ้วนแต่เขามีภาพอยู่ในความทรงจำที่พร้อมจะนำมาปะติดปะต่อกับส่วนที่เห็นจนเป็นภาพเต็มทั้งหมดของบ้านได้ ลู่หานหันหลังกลับไปขนกระเป๋าสามใบเข้าบ้าน มีกระเป๋าเดินทางล้อลากขนาด28นิ้ว กระเป๋าสะพายใบใหญ่แบบของนักกีฬา และกระเป๋าเป้ขนาดฟุตกว่าที่ใส่ของมาเต็มความจุอีกหนึ่งใบ เขาตัดสินใจกองๆกระเป๋าไว้แถวหน้าทีวีก่อนแล้วทิ้งตัวลงนอนตรงนั้นเลย การขับรถมาครึ่งวันทำให้หลังไหล่ล้าไปหมด มีแค่เบาะนั่งเอามารองหัวนอนเพียงไม่ถึงห้านาทีก็ผล็อยหลับไป กว่าจะตื่นบรรยากาศในบ้านก็ครึมแสงแล้ว ชายหนุ่มลุกขึ้นลูบหน้าลูบตาสะบัดหัวไล่ความง่วงงุน เดินไปเปิดไฟเดินเข้าครัวตามเสียงเรียกร้องของท้องโล่งๆ หลังจากอิ่มรามยอนแล้วพอจะหายเพลียได้เรี่ยวแรงกลับมา เขาเริ่มเดินสำรวจบ้านอย่างละเอียด แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาที่เขาห่างหายไปสี่ปีแต่หมายถึงตั้งแต่เขาเกิดมาบ้านก็ถูกจัดแต่งในเค้าโครงเดิมแบบนี้ ไม่ว่าเทคโนโลยีปัจจุบันจะล้ำสมัยไปแค่ไหน หรือทั้งแม่และพ่อจะทำงานในหน่วยงานเพื่อพัฒนาด้านจักรกลขั้นสูงของรัฐ แต่ที่อยู่ของนักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษกลับเรียบง่ายเหมือนชาวบ้านธรรมดาๆ ลู่หานหันไปมองกองกระเป๋าสลับกับเงยหน้ามองห้องตัวเอง เขาเเกลียดการจัดเก็บข้าวของที่สุดแค่คิดก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียด ชายหนุ่มหันซ้ายหันขวาลังเลแล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ห้องเก็บของใต้บันได คิดถึงตอนเด็กๆมักจะโดนทำโทษขังอยู่ในห้องเป็นชั่วโมงเพราะความซนระดับเซียนของตัวเอง คิดถึงจักรยานและสเก็ตบอร์ดที่เป็นกิจกรรมโปรดสมัยมัธยมแม้ว่าพื้นถนนแถวบ้านจะขรุขระไปด้วยเนินดินและก้อนหิน เขามั่นใจว่าพวกมันจะยังถูกเก็บไว้ที่เดิม เรื่องรื้อกระเป๋าจัดเก็บของจึงถูกผลัดไปอย่างง่ายดาย เขาเดินอมยิ้มตรงไปที่ประตูเหยียดแขนขึ้นคลำหาลูกกุญแจที่ขอบประตูด้านบน ลู่หานโยนลูกกุญแจแล้วตะหวัดมือคว้าเล่นด้วยความครึ้มใจ มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดยาวตามแรงดันประตู ข้างในห้องมืดจนมองอะไรไม่เห็น เขาคลำหาสวิตช์ไฟแต่กดอยู่หลายครั้งก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลู่หานบ่นพึมพัม กำลังจะก้าวถอยออกจากห้องแต่มีเสียงเล็กๆไม่คุ้นหูดังขึ้น พูดบางคำ .......มันเป็นชื่อของเขา เรื่องผีสางเขาไม่เคยเชื่อมาแต่ไหนแต่ไร แต่เวลาค่ำมืดแบบนี้กับเสียงที่ชัดเจนขนาดนั้นก็ทำเอาขนลุกซู่ไปทั้งตัว เขาจับลูกบิดประตูแน่นลากเท้าถอยช้าๆ แต่เสียงเรียกชื่อเขาก็ดังขึ้นอีก ดวงตาโตวาวเบิกกว้างพยายามเพ่งมองฝ่าความมืดไปทางต้นเสียง มันมาจากแถวหน้าต่างตรงที่คุณตามักจะวางกองไม้และพวกอุปกรณ์ทำสวนเอาไว้ แต่แม้ว่าหน้าต่างจะเป็นกระจกแต่แสงด้านนอกที่ผ่านเข้ามาก็สลัวเกินกว่าแยกแยะระหว่างข้าวของเครื่องใช้และ....สิ่งมีชีวิต เขาหวังอย่างยิ่งว่าชื่อของเขาจะถูกเรียกโดยสิ่งมีชีวิต ลู่หานพยายามหายใจลึกๆให้หัวใจเต้นช้าลง อ้าปากจะพูดแต่ไม่มีเสียงออกมา เขากลืนน้ำลายฝืดคอแล้วแข็งใจลองอีกครั้ง "คะ...ใครน่ะ" "น้องมินซอกครับ" เสียงตอบกลับชัดเจนจากจุดเดิม ชื่อที่เขาไม่รู้จักและเสียงที่เขาไม่เคยได้ยิน ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเท่าไหร่นัก เหมือนจู่ๆอุณหภูมิก็ลดต่ำลง ลู่หานรู้สึกเย็นวาบที่ต้นคอ มือที่จับลูกบิดเกร็งแน่นจนสั่น แต่ถึงอย่างนั้นความอยากรู้ที่มีมากกว่าความกลัวอยู่กำ้กึ่งก็ทำให้เขาสาวเท้ากลับ "นายเป็นใคร ทำไม...มาอยู่ในห้องนี้ได้ ฉะ...ฉันเป็นเจ้าของบ้านนี้นะ" "น้องมินซอกรอพี่ลู่หานอยู่ครับ" เหมือนหัวใจวิ่งปรู๊ดลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาพยายามคลำหาสวิตช์ไฟอีกรอบแล้วกระแทกนิ้วโป้งลงไปนับครั้งไม่ถ้วน จนในที่สุดหลอดไฟที่กลางห้องก็กระพริบแสงจากช้าไปเร็วเหมือนการสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเสียงสปาร์คของขั้วไฟฟ้า บรรยากาศแทบจะถอดแบบมาจากบรรดาหนังผีทั้งหลายที่เขาเคยดู ลู่หานหลับตาปี๋โดยอัตโนมัติ จนเสียงหลอดไฟกระพริบหลอนหูเงียบเสียงลง และห้องเล็กๆอาบด้วยแสงสว่างทั่วทุกซอกทุกมุม ........................................................................... .......................................... สวัสดีค่ะ เรื่องใหม่นี้แต่ละตอนจะไม่ยาวนะคะ แบบเดียวกับนิทาน แต่ก็หวังว่าแต่ละตอนจะอ่านสนุก และตัวคนเขียนเองน่าจะทำงานได้ง่ายขึ้น นิดนึง ^*^ เพราะชอบมีปัญหาเรื่องการจัดเรียงเหตุการณ์เวลาแต่ละตอนมีเนื้อหายาวๆ ขอบคุณที่แวะมานะคะ
|
สมาชิกหมายเลข 2090139
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
Group Blog All Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |