|
||||
อุบัติเหตุของความรู้สึก ( Dear Strange,4 ) อุบัติเหตุของความรู้สึก (Dear Stranger , 4 ) / แบคหมิน / ฝ่าเท้าที่กำลังจะวางลงกับพื้นชะงักกลางอากาศก่อนจะค่อยๆถูกดึงกลับพร้อมลำตัวที่หมุนตามกันไป แต่เสียงนุ่มติดแหบนิดๆที่เอ่ยชื่อของเขาก็ทำให้ฝ่าเท้าต้องวางค้างอยู่ในอากาศอีกครั้ง มินซอกลังเลแต่ก็ตัดสินใจหันไปตามเสียงเรียก "อ้าว น้องมินซอกยังไม่นอนอีกเหรอ" "กำลังจะนอนครับ พอดีหิวน้ำ...แล้วคุณจงอินล่ะครับ" "นอนไม่หลับน่ะ เลยหาอะไรดื่ม" ตอบแล้วก็ยกแก้วในมือจ่อปาก จิบของเหลวสีแดงเข้มพร่องไปเล็กน้อย มินซอกยังยืนละล้าละลัง คนที่นั่งอยู่เลยชักชวนด้วยท่าทาง จงอินยกแก้ว ยกคิ้วแล้วพยักหน้านิดๆ ผู้อ่อนวัยกว่าพยักหน้าตอบแบบไม่มั่นใจนัก เพราะสภาพตัวเองตอนนี้มีแค่บ็อกเซอร์กับเสื้อกล้ามสีขาวตัวจิ๋วเท่านั้น มินซอกเดินไปนั่งตำแห่งถัดจากหัวโต๊ะที่เจ้าของบ้านนั่งอยู่ พลางลูบต้นแขนไปมา จงอินมองยิ้มๆก่อนจะเดินไปหยิบแก้วแล้วกลับมารินไวน์ส่งให้ "ไม่ต้องเกรงใจหรอก ท่าทางเป็นคนขี้ร้อนเหมือนกันนะ" ชายหนุ่มที่ใส่ชุดนอนพร้อมชุดคลุมอดที่จะเอ่ยแซวไม่ได้ มินซอกหดคอพยักหน้ารับแก้วอย่างเกรงใจ เขาไม่ใช่คนที่จะปรับตัวให้เข้ากับอะไรง่ายๆนักแต่ท่าทีของคุณจงอินก็ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น ไม่เกร็งแต่ก็เขินสภาพตัวเองนิดหน่อย "อยู่ที่นี่เกือบอาทิตย์แล้ว เป็นยังไงบ้างครับ" "ดีครับ" ตอบพลางยกไวน์ขึ้นจิบ รสชาติแรกที่สัมผัสลิ้นก็รู้สึกดีมากๆ เขาอมไว้ครู่นึงแล้วค่อยกลืน ความนุ่มละมุนและรสสัมผัสที่ชัดเจน ทำให้อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ คนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเห็นแล้วก็ยิ้มตาม "มีอะไรก็บอกกันได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ คุณป้าแม่บ้านหรือเด็กในบ้านก็เรียกใช้ไหว้วานได้ตามสะดวก" "คุณป้าดีกับผมมากเลยครับ ทำอาหารอร่อยมากด้วย" "แต่ ตั้งแต่ย้ายเข้ามาดูน้องมินซอกเครียดๆ ทานข้าวก็ดูจะน้อยกว่าปกติ" "เอ่อ.." "หรือว่ามีปัญหากับแฟน" มินซอกกำแก้วไวน์นิ่ง ไม่รู้จะไปต่อยังไงดี "คุณจงอินทำให้น้องมินซอกไม่สบายใจรึเปล่าครับ" "ป่าวครับ" ตอบพลางตีท้ายทอยตัวเองเบาๆอย่างกังวล เขาไม่มั่นใจว่าถ้าคนที่เป็นพ่อเลี้ยงรู้ว่าแฟนของเขาเป็นผู้ชายจะมีท่าทีแบบไหน "อย่าหาว่าคุณจงอินยุ่งเลยนะ น่าจะไม่พ้นเรื่องมือที่สามใช่มั๊ย" มินซอกไม่ตอบแต่ยกไวน์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด "ดูท่าทางจะหนักอยู่เหมือนกันสิเนี่ย แบบนี้ปล่อยไว้จะยิ่งควบคุมยากแก้ไขยากขึ้นนะครับ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของคนสองคนแล้ว" พูดเหมือนหยั่งเชิงบางอย่างพลางรินไวน์เพิ่มให้เกือบเต็มแก้ว มินซอกยกขึ้นดื่มทันที ผู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากกว่า ดูจะเป็นห่วงเป็นใย พูดหาหนทางแก้ไขและปลอบใจผู้อ่อนวัยกว่าไปด้วย มินซอกไม่กล้าที่จะพูดอะไรมากนักได้แต่รับฟังและพยักหน้าตามทุกความคิดเห็น พลางดื่มไวน์ไปเรื่อยๆ หมดแล้วก็ได้รับการเติมเรื่อยๆเช่นกัน จนกว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่เริ่มมึนจนคอตั้งบ่าไม่ค่อยไหว "คุณจงอินยิ่งพูดยิ่งเครียดรึเปล่าครับ" เอ่ยแซวเพราะเห็นอีกฝ่ายคิ้วขมวดตลอดเวลาที่นั่งฟัง "ไม่ครับ..ไม่ มันก็จริง...เอ่อ..อย่างที่คุณจงอินแนะ...นำครับ" มินซอกเริ่มพูดไม่ปะติดปะต่อเจ้าตัวได้แต่ยิ้มๆก้มหัวเป็นเชิงขอโทษ "เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อน คุณจงอินก็คงแนะนำได้นิดๆหน่อยๆ สุดท้ายแล้วเจ้าของปัญหาต้องไปช่วยกันแก้เอาเอง" ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มที่มองมาอย่างให้กำลังใจทำให้มินซอกรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น เขายกแก้วไวน์ขึ้นแตะเพราะอีกฝ่ายยกรออยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะดื่มอีกหลายอึกใหญ่ อาการมึนๆแม้จะมากขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ไม่อยากเสียมารยาทขอตัวลุกไปก่อน แต่ก็รักษามารยาทไม่ได้นาน หัวกลมๆที่พยายามจะตั้งให้ตรงก็ไม่เชื่อฟังเสียแล้ว ผงกขึ้นๆลงๆจนเจ้าตัวเริ่มจะอาย เลยตัดสินใจขอตัวก่อนขึ้นนอนก่อน "ผม...คุณจงอิน ...ผมขอตัว..ก่อนนะ...ครับ" เปลือตาที่เริ่มหนักต้องใช้ความพยายามที่จะดันให้ยกขึ้นให้พอจะมองเห็นภาพเบลอๆของอีกฝ่ายได้ "ตามสบายครับไปนอนเถอะ แล้วไม่ต้องคิดมากล่ะ" เห็นภาพเบลอเป็นรอยยิ้ม คนที่เหลือสติครึ่งๆกลางๆจึงยิ้มตอบ ก้มหัวให้แล้วดันตัวลุกขึ้นยืน แต่ก็กะจังหวะและน้ำหนักไม่ถูก ขาปัดเก้าอี้ล้มหงายไปกับพื้นเสียงดังลั่น และตัวเองก็เกือบจะล้มตามไปด้วยถ้าไม่มีมือของอีกคนคว้าแขนเอาไว้ "เดี่ยวคุณจงอินช่วยครับ" มินซอกพยายามโบกไม้โบกมือว่าไม่เป็นไร แต่พอพอก้าวขาก็เกือบจะทรุดลงไปกองกับพื้น ในที่สุดก็ต้องยอมเอาแขนพาดบ่าร่างที่สูงกว่าตัวเองร่วมสิบเซ็นต์ เอวกิ่วที่โดนโอบเอาไว้พยุงพาเดินแบบที่เรียกว่าเหมือนจะโดนหิ้วเข้าเอวไปด้วยซ้ำ "มินซอก..ขอโทษ..คาาคร้าบ" ร่างที่นอนตัวอ่อนปวกเปียกบนที่นอนและตาแทบจะปิดแล้วยังพยายามรักษามารยาท "ขอโทษเรื่องอะไรกันครับ" ถามขำๆพลางดึงผ้ามาห่มให้แค่เอวเพราะกลัวเจ้าตัวจะร้อนเกินไป "มินซอกขอ..ขอโทษ ที่เมาค้าบ" ตอบแล้วก็ถีบผ้าห่มเป็นการใหญ่ มือก็ดึงถลกชายเสื้อรั้งขึ้นมา เหมือนเพียงแค่ผ้าบางๆที่สัมผัสผิวเนื้อก็ทำให้ร้อนแทบทนไม่ไหว จงอินส่ายหัวให้กับท่าทางเหมือนเด็กเอาแต่ใจแบบที่เวลาปกติไม่เคยเห็น สายตาคมกริบกวาดมองผิวเนื้อเนียนขาวที่ไร้อาภาณ์ปกปิดตั้งแต่ชายโครงลงมาถึงท้องน้อย ตรงไรขนอ่อนๆใต้สะดือถึงจุดที่ต่ำลงไป อวัยวะที่นูนเด่นขึ้นมากระตุกความรู้สึกจนชายหนุ่มต้องขบริมฝีปาก "ร้อนมากมั๊ยครับน้องมินซอก" ใบหน้ากลมขาวที่สีแก้มแดงจัดพยักตอบ ตามมาด้วยเสียงงัวเงียฟังไม่ได้ศัพท์ มือใหญ่จึงลูบหน้าลูบตาให้เหมือนปลอบใจเด็กที่กำลังอารมณ์ไม่ดี ปลายนิ้วเกลี่ยผมเผ้าให้พ้นไปจากกรอบหน้า "คุณจงอินจะช่วยให้หายร้อนนะครับ" ฝ่ามือทาาบลงตรงส่วนที่นูนเป็นรูปทรง คนที่เหมือนกำลังจะเข้าสู่การหลับลึก ร่างกายกลับตอบสนองอย่างรวดเร็ว มือนั้นจึงกดน้ำหนักมากขึ้นและถูวนสลับกับการลากขึ้นลงช้าๆ "ฮือ...อืมมมมม...." ริมฝีปากแดงเผยอส่งเสียงตามแรงกระตุ้น แม้ว่าดวงตายังคงปิดสนิท "จะได้หลับสบายๆนะครับ" น้ำเสียงอ่อนโยนในขณะที่มือกลับเพิ่มน้ำหนักแรงสัมผัสมากขึ้นเรื่อยๆ มือเล็กชื้นเหงื่อถูไปกับผ้าปูที่นอนสีเทาเข้ม แล้วรวบกำเนื้อผ้าขย้ำดึงขึ้นๆลงๆเพราะความรู้สึกปั่นป่วนตรงกลางลำตัว ดางตาปิดสนิดกดแน่นจนหนังตายับย่น ห้วงสติแม้ขาดๆหายๆ ถึงอย่างนั้นก็มีความรู้สึกลึกๆที่อยากจะต่อต้าน แม้ว่าร่างกายกำลังตอบสนองไปตามสัมผัสที่ได้รับก็ตาม มินซอกปรือตาขึ้นอย่างยากเย็น มองดวงตาสีน้ำตาลเข้มอย่างร้องขอ เขาอยากขอให้หยุด แต่มือแห่งปราถนาที่เริ่มอุ่นจัดกลับล้วงเข้าไปใต้บ๊อกเซอร์ สัมผัสสิ่งที่กำลังแข็งขืนโดยตรง เพียงสัมผัสแรกร่างที่นอนตัวอ่อนก็เกร็งกระตุกสะโพกยกสูงจากพื้นเตียง หัวกลมๆส่ายไปมาสลับกับการกดลงกับหมอนจนหน้าแหงนหงาย ริมฝีปากอ้าค้างพยามจะเอ่ยคำค้านแต่กลับกลายเป็นเสียงคราง "ฮืออออ..อย่าาาา....อย่าาาอ่าาาา อืมมมมม..." "ปล่อยตัวตามสบายนะครับ" เสียงทุ้มเหมือนลอยมาจากที่ไกลๆ มินซอกปล่อยมือจากผ้าปูที่นอนควานคว้าในอากาศจนจับได้ข้อมือที่กำลังเคลื่นไหวขึ้นลง เขาพยายามจะจะรั้งให้หยุด แต่มือนั้นกลับเร่งจังหวะขึ้นอีก มินซอกถึงกับร้องตัวเกร็งบิดไปมา จังหวะการหายใจกลายเป็นหอบแรง แรงยิ้อแทบไม่เหลือ ทั้งความรู้สึกต้องการก็เริ่มมีพลังมากกว่าความรู้สึกอยากจะต่อต้าน ทุกสัมผัสได้รับการตอบสนองอย่างเต็มที่ กระทั่งมาถึงจุดที่ต้องปลดปล่อย ส้นเท้าทั้งสองข้างตะกุยผ้าปูที่นอนจนชายผ้าหลุดลุ่ย สะโพกเกร็งกระเด้งลอยและค้างอยู่ชั่วครู่ ก่อนลำตัวจะบิดไปมาอยู่หลายจังหวะ ร่างเล็กจึงค่อยๆนอนราบลงเช่นเดิม มินซอกหอบหายใจแรง ร่างกายสั่นและกระตุกจากอารมณ์ที่ยังคั่งค้าง หัวคิ้วขมวดมุ่น จนเมื่อสัมผัสอุ่นๆประทับลงที่เปลือกตาลมหายใจจึงค่อยๆกลับสู่ภาวะปกติ และร่างกายคลายอาการเกร็งลง จงอินดึงทิชชูที่โต๊ะข้างหัวเตียงทำความสะอาดมือและหน้าท้องของคนที่นอนอ่อนแรงอยู่ เสร็จแล้วจึงจัดเสื้อผ้าที่ร่นรั้งทั้งส่วนบนและส่วนล่างให้เข้าที่เข้าทางอย่างใจเย็น ก่อนก้มลงกระซิบเบาๆที่ข้างหู "หลับฝันดีนะครับ" มินซอกได้แต่กลอกตามองเหมือนคนสติล่องลอย กลิ่นหอมอ่อนๆลอยผ่านจมูกไปมาตามจังหวะการเคลื่นไหวของร่างกาย จนเมื่อเหลือแต่ความเงียบสงบของบรรยากาศ กลิ่นนั้นก็ยังลอยเอื่ยอยู่สักพักก่อนจะจางหายไป ร่างอ่อนแรงค่อยๆหลับลึกภายใต้ผ้าห่มนุ่มบางที่คลุมมาถึงหน้าอก สิ่งแรกที่รับรู้คือความรู้สึกหนักๆที่หัวแต่ก็พอจะพยุงตัวลุกขึ้นมานั่งได้ เขาไม่ใช่คนคออ่อนอะไร เพียงแต่เมื่อคืนดื่มแบบพรวดพราดไปหน่อย สองมือที่กุมขมับอยู่ไม่ใช่เพราะความรู้สึกทางกายเท่านั้น แต่เมื่อสติสัปปะชัญญะเกือบครบถ้วนสมบูรณ์แบบนี้ เรื่องราวที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าก็ย้อนมาให้เห็นเป็นฉากๆ ความจำในส่วนห้องนอนเป็นแค่ภาพลางๆแต่ความรู้สึกกลับชัดเจนจนรู้สึกถึงความวูบไหวตรงส่วนล่างขึ้นมา ทำให้ต้องทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ร่างเล็กขดตัวหันเข้าหากำแพง จ้องมองความว่างเปล่าอย่างไม่เข้าใจ ทำไมคนที่มีฐานะเป็นพ่อเลี้ยงถึงทำอะไรแบบนั้น เขาละอายใจที่ตัวเองยอม....และยิ่งไปกว่านั้นเขาเกลียดที่ตัวเองในตอนนั้นกลับรู้สึกดีมากๆด้วยซ้ำ ................................................ หลังจากพยายามติดต่อผ่านเครื่องสือสารอยู่หลายวันและไปตามหาที่ร้านแล้วพนักงานทุกคนก็พูดเหมือนๆกันว่าติดต่อเจ้านายตัวเองไม่ได้เลย มินซอกจึงเหลือความหวังสุดท้าย เพราะฝนที่ตกพรำๆตอนช่วงเย็น ทำให้พื้นหญ้าแหว่งๆในสนามเด็กเล่นชื้นแฉะทั่วบริเวณ แต่มินซอกก็คุกเข่าลงอย่างไม่ลังเลเมื่อเห็นร่างในเงามืดของคนที่ตามหานั่งคุดคู้อยู่ในบ้านพลาสติกที่เจ้าตัวเคยบอกว่าเป็นเซฟเฮ้าส์ "แอบเอาโซ่ออกไปแล้วเหรอ ทั้งดึงทั้งกระชากถึงได้ทำเป็นเฉย" มินซอกทำเสียงเข้มหลังจากจัดแจงพาตัวเองเข้ามาอยู่ในบ้านจิ๋วได้อย่างทุลักทุเล แบคฮยอนยอมเงยหน้าขึ้นมาจากท่อนแขนของตัวเอง เพียงนิดเดียว "เรา...เราขอโทษนะ" เสียงอู้อี้ตอบมาเหมือนจะร้องไห้เสียให้ได้ มินซอกไม่พูดอะไร เขาอยากใช้เวลาอีกซักนิดตั้งสติ อยากพูดในเวลาที่พร้อมจะพูดจริงๆ "ผู้หญิง...ผู้หญิงคนนั้นคือ...เราเคยพลาดทำเขา...ท้องเมื่อเกือบสามปีก่อนตอนเรียนมหาลัยฯ เขาเป็นพนักงานที่บริษัทของพี่ชายเรา พี่เราเลยช่วยเคลียร์เรื่องให้" ในที่สุดแบคฮยอนก็พูดออกมาเอง มินซอกรู้สึกโล่งอกนิดๆที่ไม่ต้องคนเอ่ยปากถาม อย่างน้อยก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าแบคฮยอนน่าจะพร้อมที่จะปรับความเข้าใจกับเขากันแล้ว "แล้ว...เด็ก..." เขาพยายามระวังคำพูดมากที่สุด "เด็ก...ไม่อยู่แล้วล่ะ" แบคฮยอนกลืนน้ำลายยากเย็นแล้วจึงค่อยพูดต่อ "เราไม่ได้อยากให้เอาเด็กออกแต่ทางฝ่ายผู้หญิงไม่อยากเอาไว้ เราเลยต้องยอม ตอนนั้นเราก็ยังเรียนอยู่ทำอะไรไม่ได้มาก พ่อเราก็จะตัดพ่อตัดลูก แต่พี่ชายเราช่วยพูดให้ แล้วก็ช่วยเคลียร์กับทางฝ่ายผู้หญิงจัดการหาหมอให้ แล้วก็ให้เงินชดใช้ แต่ถึงตอนนี้พ่อก็ยังไม่ยอมพูดกับเราเลย" แบคฮยอนค่อยๆพรั่งพรูเหตุการณ์ในอดีตออกมาเรื่อยๆ ตลอดเวลาที่รับฟังมือเล็กอูมก็คอยลูบคอยบีบหัวไหล่ ลงน้ำหนักพอให้อีกคนได้รับรู้ถึงไออุ่นจากฝ่ามือนั้น "เรา...เรากลัวว่าถ้ามินซอกรู้เรื่องคงไม่อยากคบเรา ขอโทษที่ปิดเรื่องเอาไว้ และขอโทษที่โกหก วันแรกที่เราเจอกัน เราแค่อยากดูดีในสายตาของมินซอก" ดวงตารีเล็กที่มีน้ำเอ่ออยู่เต็มนั่นมีทั้งแววของความกังวลและรู้สึกผิดอย่างมาก "หน้าตาขี้เหร่ขนาดนี้ ทำยังไงก็ไม่ดูดีขึ้นมาหรอก" ทำหน้าย่นใส่แล้วเอานิ้วจิ้มๆที่หน้าผากจนคนที่พยายามกลั้นร้องไห้ค่อยๆคลี่ริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้มนิดๆ ในที่สุดก้มีเสียงหัวเราะเบาๆให้ได้ยินและน้ำตาก็ไหลออกมาด้วย แบคฮยอนปาดน้ำตาแล้วคว้ามืออีกคนมากุมไว้ มองหน้าคนที่อยู่ห่างกันแค่คืบด้วยสายตาที่ทำให้อีกคนเบ่งตาด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่พุ่งเข้ามาแบบไม่รู้ตัว "ทำไมเราถึงโชคดีแบบนี้ก็ไม่รู้ คนงี่เง่าแบบเราโชคดีขนาดนี้ได้ยังไง" มินซอกยังทำตาโต และไม่มีคำพูด "เรารู้ว่าตัวเองยังไม่ดีพอ มันอาจจะดูเห็นแก่ตัวแต่เราอยากให้มินซอกรักเราไปแบบนี้...เราจะทำตัวให้สมกับความรักที่มินซอกให้มา เราจะดีขึ้น เราสัญญา" "แบคฮยอน...." "มินซอกอย่าไปไหนนะ" "เราไม่ไปไหนหรอก แบคฮยอนนั่นแหละอย่าหายไปอีกนะ ไม่งั้นจะเอาโซ่ผูกคอให้ตายเลย" ปากอิ่มแดงยู่ใส่คนรักแล้วก็ขำตัวเอง .....แล้วเสียงหัวเราะก็เงียบไปดื้อๆ ริมฝีการที่สัมผัสกันครั้งแรกไม่ได้มาจากห้วงอารมณ์ปารถนา มันนุ่มนวลเหมือนสัมผัสของแมลงที่ต้องการดูดน้ำหวานจากดอกไม้ อบอุ่นเหมือแดดอ่อนๆที่ส่องผ่านช่องว่างของพุ่มไม้ตอนที่ลมพัดลงมาสัมผัสผิวกาย ฝนตกมาอีกครั้ง ในตอนที่คนหลงทางมีไฟดวงเล็กๆที่ให้ทั้งความอบอุ่นและช่วยส่องสว่างหาทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย ........................................ โลกมันกลมและคับแคบจนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเบี้ยเล็กๆให้ใครบางคนจับไปวางตรงไหนก็ได้ตามใจ สายตาที่เพ่งมองผ่านม่านน้ำฝนบางๆจากหน้าต่างไม่มีอะไรให้เป็นจุดโฟกัสนอกจากแสงไฟจากบ้านใกล้เคียง รอยยิ้มที่มุมปากแสดงให้เห็นว่าคนที่กำลังยืนครุ่นคิดหลังจากได้รับข้อความจากหญิงสาวในอดีตไม่ใช่คนที่จะยอมเป็นเบี้ยของโชคชะตา จำยอมให้พาไปอยู่ในที่ที่ไม่อยากอยู่อย่างแน่นอน ร่างสูงในชุดนอนลายทางเดินกลับไปที่เตียง วางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะหัวเตียงก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มเนื้อนุ่มบางที่มีคนที่เพิ่งตบแต่งเป็นภรรยาได้ไม่นานนอนหลับสบายอยู่ คนที่เหมือนจะหลับไปแล้วพลิกตัวเพราะรู้สึกถึงความยวบของที่นอน แขนเรียวสวมกอดผู้เป็นสามีแล้วซบหน้ากับอกอย่างเคยชิน ผู้เป็นสามีสวมกอดตอบแล้วกดจูบที่กระหม่อมก่อนจะวางคางเอาไว้ในตำแหน่งนั้น ฝ่ายหญิงหลับสนิทลงอีกครั้ง ในขณะที่ฝ่ายชายดวงตาสีน้ำตาลเข้มยังเบิกกว้าง เพราะสมองยังรื้อเอาเรื่องในอดีตมาทบทวน และวางแผนสำหรับเรื่องในอนาคตอันใกล้นี้ มินซอกที่อยู่บ้านด้วยความกระอักกระอ่วนใจอยู่หลายวัน ก็ยังไม่ค่อยรู้สึกดีขึ้นนัก เขาร้สึกละอายใจแปลกๆเวลาเห็นหน้าแม่เมื่อนึกถึงเรื่องคืนนั้น แต่คนต้นเรื่องอีกคนกลับดูใช้ชีวิตได้อย่างปกติธรรมดาเสียเหลือเกิน เรื่องที่จะถามไถ่ให้เคลียร์กันไปนั้นลืมไปได้เลย มินซอกไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นแน่ๆแต่ถ้าจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ทำไม่ได้อีก ร่างเล็กถึงกับสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงแรงบีบที่บ่า เขาหันไปหาพร้อมกับก้าวถอยด้วยสัญชาตญาณ "เอ่อ ..คุณจงอิน" "น้องมินซอกมายืนเหม่ออะไรครับ ไปทานข้าวได้แล้ว" ชายหนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดี มือที่วางบนบ่าออกแรงดึงนิดๆให้อีกคนกลับมายืนที่ตำแหน่งเดิม มินซอกฝืนยิ้มพยายามขืนตัวไว้เพื่อรักษาระยะห่าง แต่อีกคนก็เปลี่ยนมาเป็นโอบไหล่แล้วดันตัวเขาให้เดินไปพร้อมกัน "ไปกินข้าวกันครับ คุณแม่รออยู่ป่านนี้หิวแย่แล้ว" ความรู้สึกว่าห้องทานอาหารไกลกว่าความเป็นจริงกลับมาอีกครั้ง พอมาถึงที่โต๊ะได้มินซอกก็รีบเบี่ยงตัวเดินไปนั่งที่ประจำของตัวเอง "ได้กินข้าวพร้มหน้าพร้อมตากันซะที มินซอกกินเยอะๆนะลูก" ดาฮเยยิ้มรับลูกชายที่ทรุดตัวลงนั่งด้านตรงข้าม กุลีกุจอตักกับข้าวใส่ถ้วยข้าวให้ทันที มินซอกขยับถ้วยรับแล้วก้มหน้าก้มตากิน จนผู้เป็นแม่อดจะสงสัยไม่ได้ "งานยุ่งมากเหรอลูก ดูเครียดๆ" "ป่าว...เอ่อ..นิดหน่อยน่ะครับ ผมยังไม่ค่อยเก่งเลยตามพี่ๆเค้าไม่ค่อยทัน" "คุณจงอินจะขออนุญาตคุณพ่อช่วยพูดกับคุณหัวหน้าจินให้เอามั๊ยครับ" "หมาย..ความว่ายังไงครับ" มือที่ถือช้อนเตรียมส่งเข้าปากชะงักแล้ววางลงตามเดิม "น้องมินซอกคงไม่รู้ ประธานบริษัทน่ะคือคุณพ่อของคุณจงอินเองนะครับ คุณจงอินเองก็เพิ่งรู้เรื่องบริษัทที่น้องมินซอกทำงานอยู่จากคุณแม่ไม่กี่วันนี้เอง" ชายหนุ่มพูดพลางหันไปพยักหน้ายิ้มๆกับภรรยา ข้อมูลใหม่บนโต๊ะอาหารทำเอามินซอกอิ่มข้าวขึ้นมากระทันหัน เขามองพ่อเลี้ยงสลับกับผู้เป็นมารดาไปมาก่อนจะก้มหน้ามองถ้วยข้าวขมวดคิ้วมุ่น "เป็นอะไรไปลูก" "แค่แปลกใจน่ะครับ โลกกลมจัง" มินซอกตอบเสียงอ่อยแล้วรีบหันมาคุยกับพ่อเลี้ยง "ผมไม่อยากได้สิทธิพิเศษอะไร ขอผมตั้งใจทำงานเองดีกว่านะครับ" "เอาอย่างงั้นก็ได้ครับ แต่อย่าไปเครียดมากนักเลย หัวหน้าจินน่ะคุณจงอินรู้จักนิสัยแกดี ออกจะจู้จี้ไม่มีเหตุผล บางทีลูกน้องทำงานดีแล้วก็หาเรื่องบ่นวางอำนาจไปอย่างงั้นเอง " "ครับ...ขอบคุณครับ" มินซอกจบมื้ออาหารอย่างรวดเร็ว รีบข้อตัวขึ้นห้องนอนอ้างกับผู้เป็นแม่ไปว่ามีงานเอกสารอีกนิดหน่อยทำค้างอยู่ มือเล็กอูมกำโทรศัพท์แน่นและนานจนปลายนิ้วซีด เจ้าตัวก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำยังไง ร่างเล็กกระแทกแผ่นหลังลงกับที่นอนแล้วกลิ้งไปมาจนผมกระจุยมาปรกหม้า มองเห็นแต่ปลายจมูกมนและริมฝีปากแดงจัดเพราะโดนขบด้วยฟันจนน่ากลัวว่าจะห้อเลือด ในที่สุดก็พยายามรวบรวมความกล้าพร้อมตั้งสติดีดตัวขึ้นนั่ง พลิกหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมาเผชิญหน้ากับความเป็นจริง ปลายสายส่งเสียงสดใจ เป็นแบคฮยอนแบบที่เขาคุ้นเคย "คิดถึงเค้าหยอ" "ก็ไม่รู้จะคิดถึงใคร มันเลี่ยงไม่ได้นี่ " "แหม เลี่ยงได้ก็ไม่เลี่ยงหรอกเค้ารู้ เสน่ห์เค้าแรงร้อยยี่สิบแรงม้าขนาดนี้" มินซอกขำใส่โทรศัพท์รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมานิดนึง "เราคุยได้มั๊ย" "ได้สิ นี่เรานั่งเล่นอยู่หลังร้าน ลูกค้าไม่ค่อยเยอะมินซอกมีอะไรว่ามาได้เลย" "พี่ชายที่แบคฮยอนเคยพูดถึงชื่ออะไรเหรอ" "อ๋อ พี่จงอิน ทำไมเหรอ" มินซอกขยับโทรศัพท์ออกห่างก่อนถอนหายใจเบาๆแล้วพูดต่อ "พี่จงอินของแบคฮยอนน่ะ แต่งงาน....." แล้วก็ต้องหยุดถอนหายใจอีกรอบ "ใช่ๆพี่จงอินเพิ่งแต่งงานไปไม่นานนี้เอง แต่พอดีช่วงนั้นที่ร้านมีปัญหาเราเลยไม่ได้ไปงาน มินซอกรู้เรื่องด้วยเหรอ" "คือคุณจงอินแต่งงานกับแม่ของเราน่ะ" รีบพูดรวบประโยคเร็วๆแล้วก็หลับตาปี๋ ปลายสายเองก็เงียบไปนาน แต่พอจะพูดก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน มินซอกจึงให้แบคฮยอนเป็นฝ่ายพูดก่อน "งั้นคุณดาฮเยกับลูกชายที่คนที่บ้านพูดถึงก็...." "ขอโทษนะที่ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเลย" "ไม่ต้องขอโทษ ไม่เห็นมีอะไรต้องขอโทษเลย คิดดูดีๆสิเราก็เหมือนใกล้ชิดกันมากกว่าเดิมนะ" "แต่ พวกเราจะบอกกับครอบครัวยังไงดี แม่เราไม่ค่อยรับเรื่องพวกนี้ หมายถึง...ผู้ชายด้วยกันอะไรแบบนี้น่ะ แล้วนี่ เรายังเป็นเหมือนญาติกันแบบนี้อีก" "มินซอกอย่าเพิ่งกังวลนะ เอางี้ ไว้พรุ่งนี้เราไปรับที่ทำงานแล้วค่อยคุยกันดีมั๊ย" แบคฮยอนพยายามพูดตัดบทเพราะเขาเองไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเขาก็กังวลไม่ต่างกัน สิ่งแบคฮยอนรู้คือจงอินเป็นคนที่บุญคุณกับเขาไม่ต่างจากพ่อ คอยช่วยเหลือแม้ในตอนที่พ่อแทบจะไม่เหลียวแลเขาแล้ว ส่งเสียให้เขาเรียนจนจบ สนับสนุนให้เขาทำธุรกิจของตัวเอง เงินขาดมือจะขอเมื่อไหร่ก็ได้ ทั้งหมดนั่นเหมือนเป็นการทำหน้าที่ของผู้ปกครองคนหนึ่ง แต่ความสนิทสนมแบบรู้ไส้รู้พุงกันดีแบบพี่น้องทั่วไปนั้นยังเรียกว่าห่างไกลมาก แค่ใจชื้นอยู่บ้างว่าพี่ชายดีกับเขามาตลอดและเป็นคนมีความคิดเป็นผู้ใหญ่หัวสมัยใหม่ ทั้งมินซอกเองก็เหมือนเป็นคนในครอบครัวด้วย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แบคฮยอนพยายามสรุปเรื่องในแง่ดีเพื่อที่จะได้หลับตาลงเสียทีในคืนนี้ ร่างเล็กที่ซุกตัวอยู่ตรงริมเตียงติดกับผนังห้องก็พึ่งผล็อยหลับไปเพราะความเพลียแม้ว่าจะยังหาข้อสรุปอะไรไม่ได้เลยก็ตาม ............................................... ทั้งสองคนจบอาหารมื้อเย็นอย่างรวดเร็ว แบคฮยอนพูดตามที่สรุปกับตัวเองไว้ตั้งแต่เมื่อคืน พยายามโน้มน้าวให้มินซอกสบายใจ โดยเติมไข่ใส่สีไปนิดหน่อยว่าตัวเองรู้จักพี่จงอินดีว่าเป็นคนยังไง เรื่องแค่นี้พี่ชายไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เหลือปมเดียวที่ต้องแก้คือคุณแม่ของมินซอก "คือ...แม่เราน่ะไม่ค่อยโอเคกับเรื่องอะไรแบบนี้หรอก เรายังไม่เคยคุยกับแม่เรื่องนี้เลยด้วย " "แล้วแฟนคนก่อนล่ะ" มินซอกหยิบมีดสเต๊กมาเขี่ยๆเศษเนื้อพลางส่ายหัว "แล้วมินซอกรู้ได้ยังไงว่าแม่ไม่ค่อยโอเค" "คือ..พ่อขอเราน่ะ ....จะพูดยังไงดี...คือที่พ่อเราเสียสาเหตุนึงมันก็มาจากปัญหานี้ แม่เราจับได้ว่าพ่อมีคนใหม่ แต่เป็นผู้ชาย" มินซอกเผลอกำด้ามมีดแน่นในตำแหน่งที่อุ้งมืออยู่ชิดกับคมมีด และดูเหมือนจะกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ มือเรียวที่วางอยู่บนโต๊ะจึงยื่นมาจับ เอานิ้วตัวเองกดแทรกระหว่างนิ้วมืออีกคนให้คลายออก มินซอกที่พึงรู้สึกตัวมองหน้าแบคฮยอนแล้วก้มมองมือตัวเองยิ้มแห้งๆ เขาวางมีดลงดันจานสเต๊กให้ห่างไปอีกนิด "แม่กับพ่อทะเลาะกันหนักมาก เราเองก็ไม่รู้จะทำยังไง ตอนนั้นเราก็เพิ่งเริ่มคบกับแฟนคนแรก เราเข้าใจความรู้สึกของพ่อดี แต่ก็สงสารแม่มากด้วย พ่อกับแม่ทะเลาะกันทุกวันอยู่เป็นเดือนๆแล้วจู่ๆต่างฝ่ายต่างก็เงียบไป จนคืนนั้น.... " พวกแก้มเริ่มแดงจัดขึ้นเรื่อยๆ มินซอกลูบหน้าลูบตาตัวก่อนจะเล่าต่อ "พ่อกลับบ้านมากลางดึกหลังจากหายไปเป็นอาทิตย์ แฟนพ่อโดนทำร้ายเพราะคนที่แม่จ้างไป เราเองก็ไม่อยากเชื่อว่าแม่จะทำขนาดนั้นได้ พ่อโมโหมากจะลงไม้ลงมือกับแม่ เราเลยเข้าไปห้าม พ่อกอดเรา ลูบหัวเราบอกว่ารักเรามากแล้วก็ผลุนผลันออกไป มารู้ข่าวอีกทีตอนเช้า...พ่อกับแฟนพ่อประสบอุบัติเหตุ...เสียชีวิตทั้งคู่" ริมฝีการแดงที่เผยอค้างอยู่สั่นจนไม่สามารถบังคับให้กลายเป็นคำพูดได้อีก มินซอกซบหน้าลงกับมือตัวเอง แบคฮยอนลุกจากที่มานั่งข้างๆกอดคนรักไว้เต็มอ้อมแขน ลูบแผ่นหลังแล้วซบหน้าอิงหัวกลมๆของอีกคนไว้ เสียงจอแจในร้านอาหารเหมือนจะเงียบลงไป สายตาที่แอบมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นแต่ก็ยังมีวี่แววของความเกรงใจและเห็นใจอยู่ในนั้น พนักงานเสิร์ฟก็พยายามเลี่ยงไม่เดินผ่านไปใกล้ ปกติมินซอกค่อนข้างระวังตัว แต่ในห้วงเวลานี้สิ่งที่เขารู้สึกคือความอบอุ่นจากร่างกายของผู้ชายที่กอดเขาไว้ทั้งหัวใจเท่านั้น เป็นครั้งแรกที่น้ำตาไหลออกมามากมายแบบนี้ เป็นครั้งที่มินซอกยอมรับกับตัวเองว่าเขา.....ร้องไห้ ในความรักมีพลังทำให้คนเข้มแข็งขึ้นได้ และในความรักก็มีความเชื่อใจ ที่ทำให้คนเรายอมปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอในบางคราวได้เช่นกัน ทั้งสองคนอยู่คุยกันจนเลยเวลาร้านปิด พวกเขาโค้งขอบคุณพนักงานที่ให้ความเป็นส่วนตัวและยอมปิดร้านช้าเป็นพิเศษในวันนี้ ผู้จัดการร้านเดินยิ้มเข้ามาหาเพราะความคุ้นหน้าคุ้นตาที่เป็นลูกค้าประจำ "คุณลูกค้ากลับบ้านปลอดภัยนะครับขอให้โชคดี โอกาสหน้ามาใช้บริการอีกนะครับ" สายตาที่มองลูกค้าที่อายุห่างกันอยู่พอสมควรมองมาอย่างให้กำลังใจ แม้ว่าอยากให้คำแนะนำในฐานะเป็นผู้ใหญ่ แต่มารยาททางสังคมก็ทำให้คนที่อยู่ในชุดพนักงานทำอะไรไม่ได้มากนัก แบคฮยอนยี่นมือออกไปคว้ามืออีกฝ่ายมาจับเขย่าเบาๆ "ขอบคุณมากครับ อาหารอร่อยมาก ขอบคุณสำหรับ..ความใจดีด้วยครับ " มินซอกที่ยืนอยู่ข้างๆยิ้มและพยักหน้านิดๆก่อนต่างฝ่ายต่างโค้งให้กัน ...................................... "กลับแล้วเหรอครับ คุณจงอินรอจะคุยด้วยอยู่" มินซอกตอบรับเสียงเบาก่อนเดินไปที่โซฟาตัวยาวขนาดสามที่นั่งข้างโซฟาเดี่ยวที่เจ้าของบ้านนั่งอยุ่ วางกระเป่าสะพายก่อนนั่งตามลงไป "เหนื่อยแย่เลย" "นิดหน่อยครับ" "นิดหน่อยอะไรกัน นี่สงสัยต้องคุยกับหัวหน้าจินหน่อยล่ะ " "อย่าเลยครับ งานนี้ผมทำพลาดเองเลยต้องอยู่แก้งาน หัวหน้าแกบอกให้มาทำต่อพรุ่งนี้ด้วยซ้ำแต่ผมไม่อยากให้งานล่าช้าเพราะผมคนเดียว" พูดลางโบกไม้โบกมือห้ามแล้วกดมือลงที่อกตัวเองซ้ำๆ คนที่สูงวัยกว่าคลี่ยิ้ม ปฎิกิริยาที่น่าเอ็นดุแบบนั้นเจ้าตัวคงไม่รู้ตัวเองหรอก มินซอกเอียงคอยกคิ้วงงๆไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายยิ้มด้วยเรื่องอะไร "เอาเถอะ ถ้างั้นเข้าเรื่องของเราเลยล่ะกัน" ...เรื่องของเรา...คำกำกวมที่เล่นเอาร่างที่เล็กอยู่แล้วดูจะหดเล็กรวมเป็นก้อนเสียให้ได้ "คุณจงอินจะซื้อรถให้น้องมินซอกไว้ใช้ กลับบ้าดึกๆหารถกลับยาก มีรถส่วนตัวจะได้สะดวก" ทั้งโล่งใจทั้งตกใจ มินซอกกดหลังตัวเองกับพนักพิง ตัวตรงหน้าตาเหรอหราเหมือนตัวเมียร์แคทเวลาเฝ้าระวังภัย " ผม....ไม่ " "อย่าปฎิเสธเลยครับ เรื่องนี้คุณจงอินคุยกับคุณแม่ของน้องมินซอกแล้ว คุณแม่อนุญาตให้ซื้อได้ น้องมินซอกต้องห้ามปฎิเสธไม่งั้นถือว่าขัดใจคุณแม่นะ " ท่าทีและคำพูดของคุณจงอินทำให้มินซอกไม่รู้จะปฏิเสธยังไงได้ เขายิ้มนิดๆพร้อมกล่าวขอบคุณ หัวกลมๆยังไม่ทันได้ยกขึ้น ก็รู้สึกถึงน้ำหนักมือที่วางลงมา นิ้วโป้งไล้เส้นผมสองสามครั้งก่อนมือนั้นจะเลื่อนลงไปที่ต้นคอบีบเบาๆแบบที่ทำเป็นประจำ "คุณจงอินขึ้นนอนก่อนนะครับ น้องมินซอกก็อย่านอนดึกนักล่ะ" เสียงเล็กๆตอบรับทั้งที่ยังไม่ได้เงยหน้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกที่ยังค้างอยู่ตรงต้นคอหริออะไรกันแน่ กว่าที่เจ้าตัวจะตั้งคอเป็นปกติก็ตอนที่อีกคนเดินหายขึ้นชั้นบนไปแล้ว เข้าวันใหม่มาเกือบชั่วโมงแล้ว พรุ่งนี้ก็ไม่ใช่วันหยุดและทั้งตัวเองก็ตั้งใจว่าจะไปทำงานแต่เช้า เช็คงานที่แก้แล้วเมื่อวานอีกครั้งก่อนส่งหัวหน้า แต่มือเล็กอูมที่กำแน่นทั้งสองข้างตรงหน้าอกก็ยังยกขึ้นไปวางที่หน้าผากเอาขึ้นเอาลงไปมาอยู่ไม่รู้กี่รอบ จะโทรหาคนรู้ใจเวลาก็ดูจะดึกดื่นเกินไป ได้แต่ยกมือขึ้นจากหน้าผากทำท่ากระตุกๆดึงๆพลางพูดงุบงิบ "แบคฮยอน เราอึดอัดจังเลย อยากเล่าให้ฟังก็ไม่กล้า คืนนั้นมันอะไรกันแน่...แบคฮยอนอย่าโกรธเรานะ เรา...ไม่ได้ตั้งใจ" มินซอกดึงมือกลับ เอามาวางไว้ที่หน้าผากเหมือนเดิม เขาไม่แน่ใจว่าการที่คุณจงอินซื้อรถให้อาจจะทำเพื่อเป็นการขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องในคืนนั้นด้วยรึเปล่า .... เรื่องคืนนั้นเราเมา คุณจงอินก็ใช่ว่าจะสติสัมปชัญญะครบถ้วน แค่เมาน้อยกว่าเราเท่านั้นเอง ถ้าคุณจงอินต้องการจะขอโทษ เราก็ต้องจบ เลิกคิดได้แล้วมันไม่มีอะไรทั้งนั้นนอกจากเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ได้ตั้งใจ.... แบคฮยอนจะคุยกับคุณจงอินเรื่องสถานะของพวกเขาภายในอาทิตย์นี้แล้ว หลังจากนั้นเขาค่อยคุยกับผู้เป็นแม่ มินซอกได้แต่หวังทุกอย่างจะค่อยๆดีขึ้นจากนี้ ร่างเล็กพลิกตัวถีบผ้าห่มที่อยู่แค่เอวออก หดแขนขานอนขดตัวเป็นก้อนพยายามหลับตา....แม้หวังว่าจะดี แต่ความวุ่นวายใจไม่ได้ลดลงเลย .................................. ..................... ......................................................................................................... ......................................................................................................... ปลอบใจคนกดบัตรไม่ได้ ปลอบได้รึเปล่าไม่รู้ กรุ๊ปฮัคค่ะ T__________T ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ ขอบคุณมากๆสำหรับคอมเม้นท์ทั้งในบล็อกและแท็คทางทวิตเตอร์ ถึงจะน้อยแต่ให้ทำให้มีกำลังใจมากค่ะเพราะอ่านแล้วรู้เลยว่าตั้งใจเขียนให้จริงๆขอบคุณมากๆอีกครั้งค่ะ #ficDS โปรดติดตามตอนต่อไปและขอให้รวย! Get Rich! =^.^= คุณจงอินไมทำกะลูกเลี้ยงงี้อ่ะ คุณแม่ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกแล้วถ้ารู้คงโกรธมินซอกแน่เลย แล้วไหนจะแบคอีกจะรอดไหมเนี่ย เล่นแม่ซอกมีปมอยู่ เรื่องมันคงไม่ง่าบ รออ่านตลอดเลยไรท์ เค้าชอบ
โดย: ชิน IP: 223.24.62.20 วันที่: 8 กันยายน 2559 เวลา:12:49:24 น.
|
สมาชิกหมายเลข 2090139
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
Group Blog All Blog Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |