กรกฏาคม 2556

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
ข้อดีข้อเสีย ของแพรี่ด็อก
 ก่อนจะเริ่มเลี้ยงแพรี่ด็อก (Prairie Dog) หลายๆท่านคงอยากได้ข้อมูลเพื่อตัดสินใจ ว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร จขบ. จะขอร่ายยาวจากสิ่งที่ได้พบเจอมาค่ะSmiley

เกริ่นก่อนว่า แพรี่ด็อก หรือ Prairie Dog คือกระรอกดิน ซึ่งมีถิ่นอาศัยอยู่แถวประเทศอเมริกา ธรรมชาติของเขาจะอยู่กันเป็นฝูง ในทุ่งกว้างงงงงงงง ที่มีอากาศร้อนผ่าวๆSmiley

กระรอกดินจะไม่ได้อยู่บนต้นไม้แบบประเทศไทย แต่จะขุดดินอยู่ในรูแทน และกินแต่ของแห้ง หญ้าแห้ง ดังนั้นรูปแบบการเลี้ยงจะเป็นคนละแบบกับกระรอกไทย ไม่ให้ผลไม้หรืออาหารสด ไม่เน้นความสูง เพราะดีไม่ดี ทำกรงสูงๆ แพรี่ด็อกอาจจะตกลงมาขาหัก แขนหักได้

เนื่องจากมันเป็นสัตว์สังคมมากๆ หากผู้เลี้ยงคิดจะเลี้ยงตัวเดียว คุณต้องให้เวลากับเจ้าตัวเล็กอย่างน้อยๆ 2-4 ชม. ต่อวัน (หรืออย่างพอดีๆก็ 8 ชม. โดยประมาณ...) ไม่อย่างนั้น จะพบเจอกับการอาละวาด โวยวาย พังกรง อย่างชนิดที่ไม่เคยเจอจากสัตว์ตัวไหนมาก่อนSmiley

เอาล่ะ มาเริ่มสาธยายข้อดีข้อเสียกันดีกว่า

ข้อเสีย
  • เป็นสัตว์สังคม: แพรี่ด็อก เป็นสัตว์สังคมมากๆๆๆๆๆค่ะ เลี้ยงตัวเดียว แล้วไม่ยุ่งกับเขาเหมือนเลี้ยงแฮมสเตอร์ไม่ได้เด็ดขาด ต้องมีเพื่อนให้เขา โดยเลี้ยงเป็นคู่ ซึ่งก็ต้องเตรียมใจแบกรับค่าใช้จ่ายและภาระที่เพิ่มขึ้นด้วย หรือไม่ก็เราเนี่ยล่ะ จะต้องเป็นเพื่อนเล่นกับเขา เขาจะต้องการเวลาของเราอย่างน้อยๆ 1 ชั่วโมง และต้องปล่อยวิ่งเล่น 2-4 ชม. ต่อวันค่ะ
  • ต้องให้เวลา: ถ้าคิดว่าจะเลี้ยงสัตว์ โดยจับมาอุ้ม มาเล่นวันละ 5-10 นาที หรือ 30 นาที แล้วเวลาที่เหลือก็จับเข้ากรงนั้น ขอให้ตัดตัวเลือกสัตว์ประเภทนี้ทิ้งไปเลยค่ะ เพราะเขาเป็นสัตว์ที่ติดคนมากๆ และต้องการความสนใจจากเราอย่างเต็มที่ เราต้องอยู่กับเขา เกาเขาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นแพรี่ด็อกจะอาละวาด แทะกรง กระแทกกรง และอาจจะทำให้เกิดความก้าวร้าว ไม่ยอมให้จับ หรือ กัด ได้ -> เราเตือนคุณแล้วนะSmiley
  • ทำลายข้าวของ: ถ้าคิดว่ากระต่ายกัดแทะเก่ง ขอบอกว่าเจ้าตัวนี้เขี่ยกระต่ายกระเด็นตกเวทีไปเลยค่ะ แทะทุกอย่างตั้งแต่มือเท้าคน ยันไม้ พลาสติก เหล็ก ยาง เสื้อผ้า พรม สายไฟ ฟิวเจอร์บอร์ด กระดาษ เชือก ฯลฯ แถมแทะเกือบตลอดเวลา พูดง่ายๆว่า อะไรที่เข้าปากได้ โดนหมด เพียงแต่ต้องมานั่งลุ้นว่าจะชอบแทะอะไรมากกว่ากันเท่านั้นเอง เจ้าตัวแสบของจขบ. แทะแม้กระทั่งลูกเหม็น!! (เอาไปวางไว้ในซอก กะจะใช้ไล่ไม่ให้เข้าไป หันมาดูอีกที เละเป็นชิ้นๆคาปากแล้ว) ดังนั้นการเอามาเล่นนอกกรง เราจะต้องจัดพื้นที่ให้ดีๆ ให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรที่ไม่อนุญาตให้แทะอยู่ในพื้นที่นั้นๆ
  • กัด: โอกาสเจอแพรี่ด็อกที่กัดคนนั้น ประมาณ 1:10 ค่ะ คือ 10 ตัว จะเจอชอบงับ ชอบกัดซักตัวนึง เป็นอัตราส่วนที่เยอะอยู่ และทุกตัวกัดหรือทำร้ายเราได้เมื่อเขาเกิดความกลัวหรือไม่พอใจ เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะคนขายจะเน้นนำเสนอแต่ความเชื่องเพื่อให้ขายได้ แต่เชื่องไม่ได้หมายความว่ามันไม่กัด และเมื่อติดนิสัยชอบกัดไปแล้ว อย่าหวังว่าจะเลิกได้ง่ายๆเลยค่ะ
  • ดื้อ: แพรี่ด็อกเป็นสัตว์ที่ดื้อค่ะ ดังนั้นการสอนเขาด้วยการห้ามนั้น แทบจะเรียกว่า เป็นไปไม่ได้เลย "ยิ่งห้าม ยิ่งเหมือนยุ" คงใช้ได้ดีกับแพรี่ด็อก เช่น หากเขาสนใจอยากจะไปซอกมุมใดมุมหนึ่ง หรือพยายามจะกัดอะไรซักอย่างที่เราไม่ให้กัด เขาก็จะพยายามอยู่อย่างนั้นเรื่อยๆ ไม่หยุดหย่อนไม่ว่าจะกี่วันผ่านไป ถ้าเราห้ามเขาไว้ ยื้อเขาไว้ซ้ำๆหลายๆครั้ง จะกลายเป็นว่าทำให้แพรี่ด็อกหงุดหงิด แล้วสุดท้ายจบลงด้วยการกัดคนเลี้ยงค่ะ เป็นอะไรที่ท้าทายความอดทน ขันติ กับมนุษย์ตาดำๆอย่างเรามากๆค่ะ
  • ห้ามลงโทษด้วยการตี: การลงโทษด้วยการตีเป็นสิ่งต้องห้ามกับแพรี่ด้อก เพราะเมื่อไรที่เราลงโทษด้วยการตี แพรี่ด็อกจะหันกลับมาก้าวร้าวใส่เรา และทำร้ายเราได้ค่ะ การลงโทษที่ได้ผลคือการจับเข้ากรง หรืองดเล่นด้วย
  • ต้องมีพื้นที่วิ่งเล่น: แพรี่ด็อกเป็นสัตว์ที่มีพลังงานสูงงงงงง การเลี้ยงขังอยู่ในกรงตลอดเวลาเป็นทางเลือกที่แย่มากสำหรับสัตว์ รวมไปถึงคนเลี้ยงด้วย เพราะแพรี่จะพยายามทำทุกวิธีเพื่อออกจากรง เช่น แทะกรงจนหน้าช้ำเป็นแผล เอาหัวกระแทกกรง ส่งเสียงดังและสร้างความรำคาญแก่เจ้าของ จึงต้องปล่อยให้เขาออกมาวิ่งเล่นอย่างน้อย 2-4 ชม. ต่อวันค่ะ
  • กลิ่น: อึและฉี่จะอยู่ในระดับแฮมสเตอร์ แต่จะมีกลิ่นสาปสัตว์มากกว่ากระต่าย และมีการปล่อยกลิ่นเหม็น(สุดๆ)เมื่อเกิดความกลัว หรือตกใจ
  • ค่าดูแลรักษา อาหารแพง: แพรี่ด็อก ต้องกินหญ้าแห้ง Thimothy และอาหารเม็ดเช่น oxbow หรือ cuni complete ซึ่งมีราคาค่อนข้างแพง รวมถึงการพาไปรักษาก็ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากเป็นสัตว์พิเศษและค่าใช้จ่ายสูง ค่าอาหารในการเลี้ยงแพรี่ด็อก ตกเดือนนึงอย่างน้อยๆก็ 300-500 บาท ยังไม่รวมค่าอุปกรณ์ตอนเริ่มต้นประมาณ 2-3 พันบาท

จบจากข้อเสียที่จขบ. ประสบมาทั้งหมดแล้ว และผู้อ่านยังคิดว่า 'รับด้ายยยยยย แค่นี้ชิวๆ' งั้นมาดูข้อดีของเจ้าตัวแสบนี้เพื่อเสริมกำลังใจกันบ้างค่ะ
  • ติดคน: ถ้าต้องการสัตว์เลี้ยงที่โคตรจะอ้อน โคตรจะต้องการเวลาของเรา อย่างกับเลี้ยงลูกตัวเองเลยทีเดียว เจ้าตัวนี้ใช่เลยค่ะ เวลาของคุณ 80% ของวันจะหายไปเพราะต้องมาดูแลเจ้าตัวนี้เนี่ยล่ะ ทั้งกวาดอึ เกามัน เล่นกับมัน ไล่ตามดุ ตามว่าเวลาไปกัดอะไรที่ไม่ให้กัด ฯลฯ

  • ฉลาด: ต้องขอยอมรับเลยว่า ถ้าตัดความดื้อของแพรี่ด็อกออกไป เรียกว่ามันเป็นสุนัขขนาดเล็กยังได้เลยค่ะ สอนอะไรก็จำได้อย่างรวดเร็ว(ยกเว้นขี้เรี่ยราด) รู้จักปรับตัวได้ดี
     << เหมือนหมาเลยว่าไหมคะ 55+
  • ทนอากาศร้อน: คือต้องยอมรับเลยว่า ปัญหาสัตว์เลี้ยงเมืองไทยที่เจอบ่อยๆก็ Heat Stroke เนี่ยล่ะ แต่เจ้าตัวนี้สามารถทนอากาศร้อนระดับบ้านเราแบบไม่ต้องเปิดแอร์ได้สบายๆค่ะ แต่ก็ควรจะมีพัดลมเป่าให้เป็นระยะๆนะคะ คนยังตับแตกตายได้ สัตว์ก็คงร้อนตายได้เช่นกัน
  • ขี้เล่น: ถึงเค้าจะติดคน แต่เขาก็ไม่ได้เรียบร้อยอะไรมาก ค่อนข้างจะไปทางขี้เล่น ร่าเริง ซึ่งเป็นอะไรที่เพิ่มความน่ารัก น่าฟัดให้เจ้าตัวนี้มากค่ะ
  • นอนเป็นเวลา: แพรี่ด็อก ตื่นกลางวันและนอนกลางคืนค่ะ ยิ่งอยู่กับคนไปนานๆเข้า เขาจะนอนเวลาเดียวกับเราและตื่นเวลาเดียวกับเราได้เลยล่ะค่ะ โดยส่วนมาก แทบจะไม่มีลุกขึ้นมาทำเสียงโวยวายในตอนกลางคืนเลย แต่ก็ยังไม่แนะนำให้เลี้ยงในห้องนอน เนื่องจากปัญหากลิ่น และการกัดแทะ หรือกระแทกกรง สร้างความน่ารำคาญให้หนักหนาพอสมควร

  • ส่งเสียงร้องได้ แต่ไม่ร้องบ่อยจนน่ารำคาญ: แพรี่ด็อก สามารถ 'เห่า' ได้ตามชื่อของเขาเลยค่ะ นั่นคือความน่ารักอย่างนึงของเขา เช่น กลับมาถึงบ้าน เขาก็จะเห่าเรียก แค่ครั้งสองครั้ง เรียกชื่อ เขาก็สามารถเห่าขานรับได้ หรือเวลาขังกรง ไม่พอใจ ก็อาจจะเห่าประท้วงเล็กน้อย เป็นต้น ไม่เห่าพร่ำเพรื่อ น่ารำคาญเหมือนสุนัข เพียงแต่ถ้าเลี้ยงในคอนโดที่มีความเข้มงวดเรื่องสัตว์มากๆ อาจจะปิดไม่อยู่ เพราะเสียงเขาดังระดับนึงค่ะ ยิ่งถ้าเป็นห้อง studio ประมาณ 30 ตรม. ไปยืนแถวๆทางเดินหน้าห้องนี่ได้ยินเสียงเห่าชัดแจ๋วเลยทีเดียว
ก็หวังว่าเพื่อนๆจะได้ข้อมูลไปพิจารณาไม่มากก็น้อยนะคะ จขบ. ต้องบอกเลยว่า ตอนก่อนจะเลี้ยงก็หาข้อมูลมาพอสมควร แต่พอถึงเวลา มันก็มีอะไรเพิ่มขึ้นมาอีกเยอะกว่าที่ชาวบ้านเขาบอกๆกัน รวมถึงการถูกพ่อค้าแม่ค้าปั่นกระแสความน่ารักของแพรี่ด็อก เน้นแต่ความเชื่อง แต่ไม่ยอมบอกถึงข้อดีข้อเสียอย่างอื่น เช่น การดื้อ การกัด หรือ เรื่องการทำลายข้าวของ เป็นต้น ซึ่งเห็นหลายคนที่มาเจอปัญหาดังกล่าว หลังซื้อมาเลี้ยงแล้ว ก็ขายบ้าง ทนกันไปบ้าง รวมถึง จขบ. ซึ่งมีปัญหากับเพื่อนร่วมห้องเรื่องเจ้าตัวนี้ ก็หนักหนาสาหัสเลยทีเดียวค่ะ



Create Date : 20 กรกฎาคม 2556
Last Update : 22 กรกฎาคม 2556 19:11:03 น.
Counter : 195723 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ShiShiBaRe
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]