|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ฝ่าพายุฝน ไปอุบลราชธานี
หลังจากทริปวันเดียวเที่ยวสังขละไปแล้ว คราวนี้ลองวันเดียวเที่ยวอุบลบ้างครับ ...มันเป็นไปได้ซะที่ไหนล่ะ!
เนื่องด้วยเมื่อสามสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ลาพักผ่อนประจำปี เพื่อพาแม่ไปเที่ยวก่อนเกษียณที่อุบล นอกจากโดดงานแล้วยังต้องโดดตะพาบด้วยนะครับเนี่ย ว่าแล้วก็ไปขอบายที่บล็อกเป็ดหวัน
แล้วเป็ดหวันก็ตอบมาในเวลาอันรวดเร็ว
เป็ดหวัน : เจ้ย! อันหลังเค้าไม่ได้ปู้ด!
และแล้ววันเดินทางก็มาถึง ฟ้าฝนเป็นใจมากครับ ....ตก!
แล้วการเดินทางที่ชุ่มชื้นที่สุดในชีวิตก็เริ่มต้นขึ้น... (จบอินโทร แผ่มแพ้ม ~)
วันที่ 19 ก.ย. ผมพาแม่ออกจากบ้านประมาณ 6 โมงเช้า จากกรุงเทพดิ่งเข้าเมืองโคราช แวะเยี่ยมเทคนิคโคราช โรงเรียนเก่าของแม่ และวัดศาลาลอยที่เด็กเทคนิคโคราชสร้างสรรค์ขึ้น จากนั้นก็ตามสาย 206 ฉีกไปทางตะวันออกผ่านตัวเมืองบุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ ตามลำดับครับ อันที่จริงคนเที่ยวอุบลนิยมใช้สาย 24 มุดเส้นล่างมากกว่า แต่ผมอยากผ่านตัวเมืองจังหวัดทางอีสานใต้เพื่อเที่ยวโบราณสถานครับ ซึ่งก็พบว่าคิดผิด นอกจากถนนจะยึกยือใช้เวลาแล่นมากกว่าเส้น 24 แล้ว ยังเจอฝนตกหนักตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะตรงตัวเมืองสุรินทร์ ถึงขนาดน้ำท่วมในตัวเมือง
ยิ่งไปทางตะวันออก ฝนก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ทริปนี้วิ่งหาฝนชัดๆ แต่ผมคิดว่าคงไม่มีตรงไหนแย่เท่าตัวเมืองสุรินทร์แล้วหละ
ซึ่งต่อมาก็พบว่าตัวเองคิดผิด ตัวเมืองศรีสะเกษยิ่งท่วมหนักเข้าไปอีก โชคดีที่ผมเอารถซีเดียคันเก่าที่มีประสบกาณณ์ลุยน้ำท่วมปี 54 ไป
วันนี้แวะเที่ยวโบราณสถานหลายแห่งนะครับ ถ้าเป็นอีสาน จะมีโบราณสถานจำพวกปราสาทขอม และโบราณสถานสมัยล้านช้างอยู่มาก ผมได้ไปปราสาทเมืองที ปราสาทบ้านปราสาท ปราสาทเมืองจันทร์ ปราสาทสระกำแพงใหญ่ และปราสาทสระกำแพงน้อย ครบครันตามที่วางแผนไว้ครับ ส่วนปราสาทบ้านช่างปี่และศีขรภูมิไม่ได้ไป เพราะฝนตกมันจมน้ำไปแล้ว เดี๋ยวจะพูดถึงโบราณสถานทั้งหลายในบล็อกปราสาทหินนะครับ บรรยากาศการท่องเที่ยวในวันนี้ก็ประมาณรูปนี้อ่ะ
(@ ปราสาทสระกำแพงใหญ่ จ.ศรีสะเกษ)
แต่ฝนตกตลอดการเดินทางมันก็มีข้อดีสองอย่างนะครับ 1. ได้บรรยากาศที่ไม่ค่อยมีใครเก็บภาพมาให้ชม 2. ไม่มีแดด ทำให้ผิวดิชั้นคงความขาวใสได้ตลอดทั้งวัน
เราตรงดิ่งเข้าตัวเมืองอุบล ถึงที่พักที่จองไว้ตอนหกโมงครับ T3House เป็นที่พักใหม่ใจกลางเมือง สะอาด หรูหรา ตกแต่งทันสมัย มี wifi มีแอร์ น้ำอุ่น และมีสายฉีดตูดให้ครับ เทียบกับราคาแล้วไม่แพงเลย จองผ่าน agoda มันบอกว่าลดจาก 1600 เหลือ 700 ผมรีบกดจองเลยครับ ...ไปดูราคาในเฟซบุ๊คของโรงแรมแค่คืนละ 550.- (แป่ว!) ข้อเสียก็คงเป็นที่จอดรถน้อยสุดๆถ้าเทียบกับจำนวนห้อง ผมคิดว่าหน้าฝนคนคงไม่เที่ยวอุบลกัน แต่ปรากฏว่าที่จอดเต็มจนต้องเข็นรถตอนออกครับ
วันที่สองของการเดินทาง ตัวเมืองอุบลฝนตกพรำๆ ไม่หนักเหมือนสุรินทร์-ศรีสะเกษที่ผ่านมา ผมคิดว่าเมฆฝนคงลอยไปด้านนั้นหมดแล้ว การเที่ยวอุบลคงไม่แย่อย่างที่คิดไว้
เราออกจากตัวเมืองอุบลข้ามแม่น้ำมูล เพื่อไปยังโขงเจียมที่รวมแหล่งเที่ยวยอดนิยมของอุบลราชธานีครับ หน้านี้แม่น้ำมูลมีน้ำเยอะสุดๆ
อุบลกินส้มตำกันตั้งแต่เช้า ผมอยากหาโจ๊ก หรือกับข้าวอย่างอื่นกินเป็นมื้อเช้ามากกว่า วันนี้เลยตั้งใจจะไปกินข้าวเช้าที่เขื่อนสิรินธร เดินทางง่ายนะครับ ขับตามเส้น 217 อย่างเดียวก็ถึง ...แต่ขับไปขับมา หาทางเข้าเขื่อนไม่เจอ (เจอแต่ม็อบเสื้อแดง) ขับมาถึงช่องเม็กเฉยเลย สรุปเลยต้องกินข้าวที่ช่องเม็กตามสภาพครับ ข้าวผัดหมูกรอบไข่ดาว จานละ 50 บาท ราคาอย่างกับอยู่กรุงเทพ กับข้าวชายแดนมันควรจะถูกไม่ใช่รึ?
ช่องเม็ก เป็นชายแดนไทย-ลาว เชื่อมต่อเมืองปักเซที่คนไทยนิยมไปเที่ยวกันด้วย ผมเคยมาที่นี่ครั้งแรกตอนปี 2002 เขื่อนปากมูลเพิ่งจะสร้างเสร็จใหม่ๆ เลย ตอนนั้นทำบัตรผ่านแดนชั่วคราวเข้าไปในลาวด้วย นับเป็นการเดินทางต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตของผมเลยทีเดียว
...แต่ทริปนี้ไม่ได้ข้ามไปลาวนะครับ ข้ามไปก็ไม่รู้จะไปซื้ออะไร
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว (สรุปว่าไปถึงช่องเม็กเพื่อกินข้าวอย่างเดียว) ก็กลับมาเส้นเดิมครับ เจอทางเข้าเขื่อนสิรินธรอยู่ตรงข้ามกับม็อบเสื้อแดงที่ขับรถผ่านมาตะกี้เอง ไม่รู้ว่าม็อบค้านสร้างเขื่อนหรือม็อบอะไร
เขื่อนสิรินธร เป็นเขื่อนของ กฟผ. ที่พ่อแม่ผมเคยทำงานอยู่ครับ ตอนนี้เกษียณแล้วทั้งคู่ แต่ก่อนเที่ยวอุบลไม่ต้องหาที่พักให้วุ่นวายเลย จองห้องพักที่เขื่อนนี่ละถูกและดี หนนี้ไม่ได้เข้าพัก แต่ก็แวะไปดูเขื่อนในวันที่น้ำมาก ซึ่งก็มากจริงๆครับ เกือบล้นขอบเขื่อน
ถึงจะมาหลายครั้งแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลองขับรถบนสันเขื่อนไปถึงป้ายแลนด์มาร์คเหนือประตูน้ำ เขื่อนสิรินธรมีกำลังผลิตไฟฟ้า 36 MW นานๆจะปล่อยน้ำได้เต็มแรงแบบนี้ครับ
จากนั้นก็เข้าวัดโขงเจียมไปยังจุดชมแม่น้ำสองสีอันลื่อชื่อ เป็นจุดบรรจบของแม่น้ำโขง (ขุ่น) และแม่น้ำมูล (ใส) ทำให้เห็นเป็นแม่น้ำสองสีแยกกันอย่างชัดเจนครับ
...ซึ่ง "แยกกันอย่างชัดเจน" ที่ว่า จะเห็นในหน้าแล้งช่วงเดือน เม.ย. นะครับ น้ำเยอะไหลแรงแบบนี้สีปนกันไปหมดแล้ว หน้าน้ำแบบนี้ใครเขามาเที่ยวอุบลกันฮึ?
แต่การมาแม่น้ำสองสีก็ไม่เสียเที่ยวซะทีเดียว เพราะมีของฝากราคาถูกบริเวณวัดโขงเจียม น่าจับจ่าย เที่ยงวันนี้ไปกินข้าวที่ร้านครัวผลดี แถวๆนั้นละครับ ที่ต้องเอ่ยถึงมื้อนี้เพราะราคาน่าประทับใจมาก มื้อนี้ผมสั่งต้มยำปลาบึก (80 บาท) และไข่อ่อนผัดพริกหยวก (60 บาท) ต้มยำปลาบึกมีปลาบึกชิ้นสวยๆถึง 12 ชิ้น! กินแล้วกินอีกก็ไม่หมดซะที ผิดกับตอนที่ไปนั่งร้านชมวิวที่หาดแม่รำพึง สั่งต้มยำปลากะพง เจอปลากะพง 6 ชิ้นเล็กๆลอยอยู่ในน้ำอะไรสักอย่างที่รสชาติเหมือนน้ำล้างหม้อต้มยำ ราคาฟันหัวแบะไป 480.-! (มื้อนั่นแม่ผมรำพึงตามชื่อหาดจริงๆครับ) ราคาระยองสั่งต้มยำที่อุบลได้ 6 ชามใหญ่ๆเลย
แม่น้ำลำธารและสถานเริงรมณ์เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลง เราเที่ยวโบราณสถานดีกว่าครับ ไม่ว่าจะฤดูไหน ไม่ว่าเราจะเกิดแก่เจ็บตายไปสักกี่รุ่น โบราณสถานมันก็ยังยืนหยัดอยู่ที่เดิมแบบนั้น (ชีริว กล่าวไว้) ว่าแล้วก็ไปชมประติมากรรมหินอายุร้อย ล้านปีที่เสาเฉลียงครับ
เสาเฉลียง เป็นแท่งหินที่เกิดจากการกัดกร่อนหน้าดินในบริเวณนี้เป็นเวลาหลายล้านปี จนเหลือแค่ชั้นหินทรายด้านบนอายุ 130 ล้านปี และแท่งหินทรายด้านล่าง อายุ 180 ล้านปีที่ทนต่อการกัดกร่อนได้น้อยกว่าชั้นบนเพราะการยึดตัวของเม็ดหินแย่กว่า เมื่อผ่านลมฝนไปนานๆเลยมีรูปร่างชะลูดเป็นเห็ดแบบนี้เอง
ผมเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งเมื่อนานมากแล้ว ถ่ายรูปเสาเฉลียงด้านหน้า แล้วก็ไปผาแต้มต่อ แต่คราวนี้ได้เดินขึ้นไปด้านบนเป็นลานหินขนาดใหญ่แผ่นเดียวมีรอยแตกพาดผ่านทั้งก้อน เลยเรียกว่า "ลานหินแตก" ส่วนด้านล่างคือผืนป่าดงนาทามอันกว้างใหญ่สุดเขตตะวันออกของประเทศไทยครับ
จากนั้นเราก็ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของอุบลราชธานี "ผาแต้ม" นั่นเอง ถึงฝนจะตกพรำๆแต่ก็ไม่ขัดขวางการท่องเที่ยวเท่าไหร่ คนเที่ยวน้อยกว่ารอบที่ผ่านๆมา เพราะฤดูนี้ใครเค้าเที่ยวอุบลกันเล่า! ด้านบนของผาแต้มเป็นลานหินใหญ่ เจ้าหน้าที่มีจิตอาสาบริการดีมากๆครับ คอยแนะนำจุดน่าสนใจให้ตลอด ตอนไปภูพระบาทที่อุดรเจ้าหน้าที่ก็ขยันเอาใจใส่นักท่องเที่ยวนะครับ รู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ตามภูเขาหินมักจะบริการดีแฮะ
ผาแต้มเป็นหินทรายที่ยกตัวขึ้นเป็นผาสูงชันกลางป่าดงนาทาม อยู่ติดชายแดนประเทศลาว คั่นด้วยลำน้ำโขง ที่นี่เป็นจุดแรกๆที่จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม (แต่ถ้าแรกสุดจริงๆต้องผาชนะไดที่อยู่ใกล้ๆกันนี่ละ) และมองอีกฝั่งก็จะได้เห็นพระอาทิตย์ตกก่อนใครด้วยครับ
เป็นครั้งแรกที่เห็นน้ำเต็มลำน้ำโขงแบบนี้ ฝั่งตรงข้ามนั่นคือประเทศลาวครับ
และสิ่งที่ทำให้ที่นี่ได้ชื่อว่าผาแต้มคือภาพเขียนสีของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ที่แต้มอยู่ในผาหินครับ ที่นี่มีภาพเขียนอายุ 3,000 - 4,000 ปี แบ่งเป็นสี่กลุ่มคือ ผาขาม ผาแต้ม ผาหมอนล่าง และผาหมอนบน ถ้าเดินไปถึงกลุ่มที่สี่จะวนรอบเขาได้เลย แต่รอบนี้ผมเดินถึงแค่กลุ่มที่สองครับ ภาพเขียนกลุ่มที่สองจะมีภาพต่อเนื่องกว่า 300 ภาพ คุณภาพคมชัดสมจริง มาเห็นที่จุดนี้จุดเดียวก็คุ้มแล้วครับ จุดที่สามไกลมาก ส่วนจุดที่สี่แคบและชัน ภาพก็น้อย ถ้าไม่ใช่แฟนคลับติดตามผลงานมนุษย์หินก็ไม่ต้องถ่อไปหรอกครับ
สิ่งที่น่าบ่นที่สุดในการท่องเที่ยวอุบลคือถนน โดยเฉพาะในโขงเจียมที่ทุเรศทุรังมากๆ เป็นหลุมลึกๆคมๆ ทั่วทั้งหน้าถนนยาวหลายกิโล เหมือนฝนอุกาบาตตก ต่อให้ขับซิกแซกขั้นเทพหรือลงไปแล่นไหล่ทางก็ไม่พ้นครับ จงก้มหน้าก้มตายอมรับชะตากรรมที่จะต้องลงหลุมไปเถอะ ผมจำได้ว่าตอนที่พ่อรู้ว่าจะไปอุบลซึ่งสมัยก่อนพ่อเคยขับพามาเที่ยวบ่อยๆ สิ่งแรกที่พ่อเตือนคือ "ระวังถนนห่วยนะ" (เหมือนตอนมาอยุธยาก็จะเตือนว่าระวังแก๊งค์ปาหินนะ... แต่ละจังหวัดเขามีจุดขายการท่องเที่ยวที่แตกต่างกันออกไปครับ) ตอนนี้ผมตระหนักได้ว่าพ่อผมมาอุบลครั้งสุดท้ายเมื่อ 11 ปีก่อน!! มันจะห่วยข้ามทศวรรษอะไรขนาดนั้นครับคุณ! เอางบมาลงซ่อมซะหน่อยสิ!
และด้วยความลึกและคมของหลุมนี่เองทำเอายางรถผมเดี้ยงไปเส้นนึง (อันนี้เจอหลุมในน้ำครับ สารพัดกับดักจริงๆ) ดีว่ามีร้านเปลี่ยนยางอยู่ มาเปิดร้านแถวนี้คงมีลูกค้าเยอะ | | สิ่งที่น่ารำคาญรองมาคือหมาครับ หมาแถวนี้นิยมนอนบนพื้นถนนมากกว่าในบ้านตัวเอง โดยเฉพาะตอนมีรถแล่นมามันต้องรีบแห่ขึ้นถนนมาเดินเกะกะทันที สัตว์อื่นจะรีบวิ่งข้ามถนน แต่หมาจะรีบวิ่งขึ้นมาขวางถนนให้รถหลบ ไม่รู้ว่าพวกมันมีเกมวัดความกล้าท้ารถทับกับเพื่อนหมา หรือพวกมันเป็นสัตว์ที่เกิดมาเพื่อให้รถทับก็ไม่รู้นะครับ
เอาละเป้าหมายต่อไป น้ำตกแสงจันทร์ หรือน้ำตกลงรูที่นักเที่ยวหลายคนรู้จักกันดีนั่นเอง น้ำตกแสงจันทร์เป็นน้ำตกเล็กๆไหลลงรูทะลุออกด้านล่าง เราสามารถมุดใต้จุดที่น้ำไหลลงมาชมน้ำตกได้ครับ ถ้าถ่ายภาพตอนแสงอาทิตย์ผ่านรูที่น้ำไหลลงจะเห็นน้ำตกสวยงามเหมือนแสงจันทร์เลยทีเดียว
....
แต่วันที่ผมไปน้ำมันแรงแบบก๊อกแตก ไหลล้นรูทะลุไปลงอีกด้านด้วย มันเลยกลายเป็นน้ำตกลงสองรู!! (ver. ท่อแตก)
สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้มยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ครับ อันที่จริงเสาเฉลียงคู่ที่ผาชนะไดก็น่าไป แต่เวลาเหลือน้อย เลยขอเลือกที่ๆใช้เวลาไม่มากอย่างภูอานนท์แทนครับ
ด้านบนภูอานนท์มีวัดภูอานนท์ที่เพิ่งสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2530 นี้เองครับ สามารถขับรถยนต์ขึ้นมาถึงด้านบนได้เลย บริเวณวัดมีลานหินทิวทัศน์สวยงาม และพระธาตุอานันทเจดีย์สวยเด่นเป็นสง่า มีการประดับธงบูชาพระธาตุด้วย แต่หาตู้บริจาคไม่เจอ อดทำบุญครับ
ขับตามเส้น 2112 ขึ้นมาอีกหน่อยจะถึงสามพันโบก ที่เที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของอุบลราชธานี ก็พอจะรู้มาบ้างว่ามันต้องเที่ยวหน้าแล้ง น้ำจะน้อยเห็นเกาะแก่งสวยงามครับ แต่ไหนๆก็ผ่านมาแล้ว ลองเก็บภาพสามพันโบกหน้าน้ำที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นกันดีกว่า...
...หือ? ...สามพันโบกที่ไหน? ไม่เห็นมีสามพันโบกเลยนี่?
แต่การท่องเที่ยวกลางสายฝนก็ไม่ได้เลวร้ายเสียทีเดียวครับ ตอนนั้นเป็นเวลาห้าโมงเย็น ฝนยังคงพรำตลอดทั้งวัน แต่แดดยามเย็นก็ส่องลงมา ทำให้ผมนึกข้อดีข้อที่ 3 ของการท่องเที่ยวยามฝนตกออก
3. ถ้าแดดออกพร้อมกับฝนพรำก็จะได้เห็นสายรุ้ง
ตอนนี้เย็นมากแล้ว เส้นทางไปอำนาจเจริญก็ไกลไม่น้อย คิดอยู่ว่าจะนอนที่อุบลอีกคืนดีไหม? แต่อำนาจเจริญมีรายได้ต่อหัวต่ำที่สุดในประเทศ ผมเลยอยากอุดหนุนเขาหน่อย เราผ่านเขมราฐ เข้าตัวเมืองอำนาจเจริญ นับเป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้าจังหวัดอำนาจเจริญครับ หลังการขับผ่านถนนมืดตื๋อตลอดทางเกือบสองชั่วโมงและแวะกินข้าวเย็นข้างทางเรียบร้อยแล้ว เราก็เข้าพักที่โรงแรมฝ้ายขิด โรงแรมหรูซึ่งมีไม่กี่แห่งในจังหวัดนี้ สภาพโรงแรมสู้ T3House คืนก่อนไม่ได้ครับ แอร์มีกลิ่นอับ ไม่มีลิฟต์ ในห้องมีปลั๊กใช้ได้อันเดียว ห้องน้ำไม่มีสายฉีดตูด แต่ราคาห้องพักไม่แพงครับ 500.- รวมอาหารเช้าสองคน เป็นคืนที่พักได้ถูกที่สุดในทริปนี้ไปเลย
วันที่สามของการเดินทางตั้งเป้าเที่ยวจังหวัดในอีสานอย่างยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ซึ่งผมไม่เคยเที่ยวมาก่อนเลยครับ จากอำนาจเจริญใช้เวลาชั่วโมงเดียวก็มาถึงพระธาตุก่องข้าวน้อยสมัยล้านช้าง จากนั้นก็ไปโบราณสถานเมืองเตย เข้าเขตร้อยเอ็ด แวะกู่พระโกนาและกู่กาสิงห์ ปราสาทสมัยขอม แล้วก็ไปเขตนครจัมปาศรีโบราณเที่ยวชมพระธาตุนาดูนและกู่สันตรัตน์ของมหาสารคาม ตั้งใจว่าจะหาที่พักแถวๆพยัคฆภูมิพิสัย แต่เวลาเหลือเยอะมากเลยลงโคราชครับ ระหว่างทางก็แวะปรางค์กู่สวนแตงและปราสาทหินนางรำ ทั้งหมดนี้จะเก็บไปเล่าในบล็อกปราสาทหินหลังเที่ยวอีสานใต้ครบทีเดียวเลยแล้วกันเด้อ
สิ่งที่น่าชมสำหรับทริปวันที่สามนี้นอกจากปราสาทหินแล้วก็คือทุ่งกุลาร้องไห้ที่ได้ยินชื่อตั้งแต่เด็ก ทุ่งกุลาร้องไห้เป็นที่ราบขนาดใหญ่กินพื้นที่ 6 จังหวัด มีเรื่องเล่าว่าชนเผ่ากุลาจากพม่าที่มาค้าขายผ่านบริเวณนี้แล้วไม่พบหมู่บ้านอะไรเลย มีแต่ทุ่งแล้ง ไม่มีน้ำ ไม่มีต้นไม้ให้ร่มเงา ไม่มีที่พัก จนชาวกุลาที่ได้ชื่อว่ามีความอดทนเป็นเลิศต้องร้องไห้เมื่อมาเจอความโหดร้ายของพื้นที่แห่งนี้ เป็นที่มาของชื่อเรียก "ทุ่งกุลาร้องไห้"
แต่ตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้วครับ ถึงฝนจะทำให้คนเดินทางอย่างเราๆลำบากขนาดไหน แต่มันเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตชาวนาในพื้นที่แห้งแล้งแบบนี้ ส่วนที่ผมชอบที่สุดคือวิวข้างทางร้อยเอ็ดทางไปกู่กาสิงห์ครับ จากทุ่งแล้งสุดลูกหูลูกตา ตอนนี้กลายเป็นท้องนาเขียวขจีแหล่งผลิตข้าวสำคัญของประเทศ แบบนี้ชาวกุลาคงไม่ร้องไห้อีกต่อไป
ถนนของร้อยเอ็ดเงียบสงบ และสภาพดีกว่าที่อุบลพอสมควร ขับผ่านฝูงวัวเป็นระยะๆ
เย็นวันนี้ขับเข้าโคราช กินข้าวเย็นที่ร้านขาหมูหินดาด สาขาตลาดแคครับ ร้านนี้มีห้าสาขาทั่วโคราช ขับไปเส้นไหนก็เจอ ผมชอบขาหมูที่สัมผัสนุ่มเนื้อไม่เป็นเส้นให้สากลิ้น แต่รสชาติก็ไม่ถึงกับหอมหวานเหมือนขาหมูที่เรากินทั่วๆไป เพราะเป็นเครื่องสมุนไพร ออกจืดแบบตำรับจีนนะครับ กับข้าวอย่างอื่นเขาก็ทำอร่อย
หน้าฝนปูนาเดินเข้าร้านบ่อยๆด้วย วันนี้มีสองตัว ให้เด็กในร้านจับไปทอดกินครับ
ช่วงหัวค่ำเราเข้ามาถึงตัวเมืองโคราช เมืองนครราชสีมาสร้างขึ้นในสมัยของพระนารายณ์เพื่อเป็นหัวเมืองป้องกันการบุกของเขมร ลาว ญวน แต่ถูกทำลายในสงครามเจ้าอนุวงศ์ในสมัย ร.3 ไปเสียมาก ประตูชุมพลเป็นประตูเมืองเก่าแห่งเดียวที่ยังคงสภาพเดิมอยู่ เดิมทีประตูนี้เป็นประตูทิศตะวันตกของเมืองนครราชสีมาเดิม แต่ตัวเมืองขยายออกไปทุกด้าน ประตูเมืองเลยมาอยู่กลางเมืองครับ เชื่อกันว่าหากได้ลอดประตูสามครั้งจะได้มาอยู่โคราชครับ เด็กที่มาสอบเข้าโรงเรียนต่างๆในโคราชนิยมมาลอดกันใหญ่เลย
และบริเวณประตูนี้เองที่ผู้ว่าโคราชได้สร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีเพื่อบรรจุอัฐิย่าโม เป็นอนุสาวรีย์แห่งแรกของประเทศไทยที่เป็นสามัญชน ชาวโคราชยกย่องวีรกรรมของย่าโมที่นำกำลังคนไทยต่อต้านเจ้าอนุวงศ์กษัตริย์ลาวที่ต้องการปลดแอกจากสยาม และเข้ายึดเมืองโคราชครับ
บริเวณอนุสาวรีย่าโมกลางเมืองวันนี้มีถ่ายทอดวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชียด้วย การแข่งขันชิงแชมป์เอเชียครั้งนี้จัดที่โคราชนี่ละครับ แล้ววันนี้ทีมสาวไทยก็ได้ทำให้คนไทยได้เฮกันทั้งประเทศ
คืนนี้โรงแรมเยอะจนไม่รู้จะพักที่ไหน เลยมั่วไปพักโรงแรมหรูขอบนอกของเมืองอย่าง V-One ค่าห้อง 2400 (ช็อค!) ขอราคาแบบถูกสุดๆก็ 1000.- ถ้วน แต่เป็นห้องกากที่สุด ซึ่งอยู่อีกตึกนึงเลยครับ เขาแยกคนจนออกไปไกลๆน่ะ ในห้องแคบจิ๋วหลิว แถมห้องน้ำยังไม่มีสายฉีดตูดด้วย ดีตรงที่ค่าห้องรวมอาหารเช้า และอาหารเช้าอร่อย ถึงตึกเก่าจะไม่มีลิฟต์ แต่ก็มีรถรับส่งและพนักงานแบกกระเป๋านะครับ
ช่วงเช้าเห็นรถช่องเจ็ดที่มาทำข่าววอลเลย์บอลจอดในโรงแรมนี้ด้วยครับ ชิ พักหรูนะ -3-
ด้านหน้าของโรงแรมสุดอลังการ ....แต่ตึกที่พวกผมพักคืออีกหลังด้านนอกประตูนู่น
วันสุดท้ายก่อนกลับมีเวลาเหลือเลยเที่ยวโคราชสักหน่อยครับ ตั้งใจจะไปสวนสัตว์โคราช แต่มันเปิดแปดโมง เลยขับย้อนขึ้นไปเที่ยวปราสาทพนมวันฆ่าเวลา ก่อนจะกลับลงมาเที่ยวสวนสัตว์โคราช และพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ไว้จะแยกไปเล่าอีกบล็อกเลยดีกว่าครับ ที่เที่ยวสองแห่งนี้ของดีเยอะและอยู่ใกล้กรุงเทพด้วย น่าชวนมาเที่ยวกันเยอะๆ
ขอปิดท้ายด้วยภาพรางรถไฟแถวบ้านจอหอ ผมชอบบรรยากาศรางรถไฟมากเลยครับ ถ้ามีโอกาสไปทางตะวันออกของโคราชผ่านห้วยแถลงผมจะถ่ายรูปสถานีรถไฟมาประกอบเพลงของน้าหมูพงษ์เทพ อิอิ
Create Date : 11 ตุลาคม 2556 |
|
65 comments |
Last Update : 5 มีนาคม 2560 18:47:06 น. |
Counter : 3116 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: **mp5** 11 ตุลาคม 2556 22:32:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 12 ตุลาคม 2556 3:13:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 12 ตุลาคม 2556 15:23:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 13 ตุลาคม 2556 20:34:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 13 ตุลาคม 2556 21:53:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: mambymam 14 ตุลาคม 2556 10:06:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 14 ตุลาคม 2556 12:10:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: tifun 14 ตุลาคม 2556 16:44:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: มี๊เก๋&ซีทะเล (kae+aoe ) 15 ตุลาคม 2556 8:15:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: มี๊เก๋&ซีทะเล (kae+aoe ) 16 ตุลาคม 2556 8:29:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิ่งฟ้า 16 ตุลาคม 2556 11:16:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: mambymam 16 ตุลาคม 2556 16:44:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: untalai 16 ตุลาคม 2556 23:18:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 19 ตุลาคม 2556 1:13:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: NENE77 19 ตุลาคม 2556 14:01:36 น. |
|
|
|
|
|
|
|
จะไปเหมือนกันค่ะ แต่เป็นปีหน้า กะว่าจะไปเที่ยวให้รอบเลยค่ะ