เที่ยวเมืองแพรกศรีราชา ชัยนาท
ระหว่างรอเที่ยวปราสาทหินทางอีสาน ก็ขอนำเสนอเมืองโบราณของภาคกลางไปเรื่อยๆครับ ภาคกลางตอนกลางๆและบนๆตั้งแต่อ่างทอง-สิงหบุรี-ชัยนาท-นครสวรรค์ขึ้นไป เป็นที่ตั้งถิ่นฐานและสร้างอารยธรรมของมนุษย์มานาน โดยส่วนมากเป็นเมืองบริวารของอาณาจักรเก่าอย่างสุพรรณภูมิ ลพบุรี หรือสุโขทัย ก่อนจะถูกควบรวมเป็นส่วนหนึ่งของอยุธยาในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 19 ครับ
ปีก่อนผมอัพบล็อกกลุ่มสุโขทัย-กำแพงเพชรไปแล้ว คราวนี้ขอพาเที่ยวโบราณสถานเมืองแพรกศรีราชาที่ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ที่นี่เป็นเมืองเก่าร่วมสมัยกับอู่ทอง ลพบุรี อโยธยา และสุโขทัย และมีอายุการใช้งานยาวนานถึงยุครัตนโกสินทร์ครับ
เมืองนี้เก่าแก่เกินจะพิสูจน์ทราบว่าเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่ แต่มีการขุดพบโบราณวัตถุสมัยทวาราวดีและสมัยขอมหลายชิ้น วางโชว์ในวัดวาหรือพิพิธภัณฑ์ แต่โบราณสถานจำนวนมากที่ยังหลงเหลือในปัจุบันส่วนมากถูกสร้างในสมัยอู่ทอง ก่อนยุคกรุงศรีอยุธยา ผังเมืองของเมืองแพรกจะดูประหลาดเพราะเป็นเมืองที่สร้างทับเมืองมาหลายยุคหลายสมัย
เมื่อเข้ายุคสุโขทัย พญาเลอไทได้สร้างเมืองแพรกศรีราชาให้เป็นเมืองหน้าด่านทางตอนใต้ของสุโขทัย พอสุโขทัยถูกอยุธยาเทคโอเวอร์ไปก็รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยา และเรียกว่าเมืองสรรค์ครับ เจ้ายี่พระยาโอรสองค์รองของพระนครอินทร์ กษัตริย์อยุธยาเคยมาปกครองเมืองนี้ และสร้างพระราชวังไว้บริเวณวัดมหาธาตุ ปัจจุบันมีอนุสาวรีย์ของเจ้ายี่พระยาที่วัดมหาธาตุเพื่อแสดงความเคารพที่ทำให้เมืองสรรค์รุ่งเรืองใหญ่โตครับ แต่เจ้ายี่พระยาไม่ได้เป็นกษัตริย์ เพราะไปชนช้างเพื่อชิงบัลลังก์กับเจ้าอ้ายพระยาที่อยุธยา จน Double K.O. ทำให้เจ้าสามพระยาได้เป็นกษัตริย์ไปโดยปริยาย
อนุสาวรีย์ของเจ้ายี่พระยาที่วัดมหาธาตุ
ช่วงกลางของสมัยอยุธยา พระมหาจักรพรรดิได้ย้ายศูนย์กลางเมืองชัยนาทข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาทางตะวันออกของเมืองเดิมในปี พ.ศ. 2091 เพื่อใช้แม่น้ำเป็นแนวต้านป้องกันพม่า และมีบทบาทสำคัญในการต้านรับข้าศึกหลายครั้ง สงครามตอนเสียกรุงครั้งที่สอง ชาวสรรคบุรีนำโดยขุนสรรค์ได้ไปสมทบชาวบ้านบางระจันช่วยทำศึกกับพม่าด้วย ก่อนเมืองสรรค์รวมทั้งวัดวาอารามทั้งหลายจะถูกทิ้งร้างตอนเสียกรุงนี้เอง
เมืองแพรกมีโบราณสถานจำนวนมากกระจุกตัวอยู่ สามารถใช้เวลาเพียงชั่วโมงครึ่ง เที่ยวครบทั้ง 5 วัดเด่นๆได้เลยครับ
แผนที่ อ.สรรคบุรี จากหนังสือนายรอบรู้ ฉบับท่องเที่ยวอุทัยธานี-ชัยนาท (คลิ๊กเพื่อชมภาพขยาย)
ที่แรกที่เราได้แวะไปเยือนเมื่อเข้ามาในเขตเมืองแพรก คือวัดสองพี่น้องครับ ที่นี่มีเจดีย์สององค์ที่สร้างสมัยอู่ทอง
วัดโตนดหลาย อยู่ใกล้ๆวัดสองพี่น้องครับ ต้องเดินผ่านห้องน้ำและทุ่งรกๆ เข้าไปนิดหน่อย เจดีย์ประธานเป็นทรงพุ่มข้าวบิณฑ์แบบสุโขทัย
และไฮไลต์ที่คนรักซากอิฐไม่สมควรพลาดด้วยประการทั้งปวงคือวัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นศูนย์กลางเมืองแพรกเดิม และมีชื่อเรียกภาษาชาวบ้านว่าวัดหัวเมือง สร้างในสมัยอู่ทอง ได้รับการบูรณะในช่วงที่เจ้ายี่พระยามาปกครอง วิหารเก่าเป็นศิลปะอยุธยาตอนต้น ตอนนี้เหลือแต่พระประธานคือหลวงพ่อใหญ่กับเสาครับ ส่วนพระที่ศักดิ์สิทธิ์และคนนิยมมากราบไหว้ที่สุดคือหลวงพ่อหลักเมืองหรือหลวงพ่อหมอในวิหารเล็ก ด้านหลังมีเสาหินหลักเมืองโบราณตั้งอยู่ด้วย ส่วนองค์พระมหาธาตุประธานของวัดพังทลายไปมากจนไม่รู้ลักษณะเดิมครับ
ในบริเวณวัดมีเจดีย์หลากหลายรูปแบบ แต่ที่โดดเด่นโด่งดังที่สุดก็ต้องปรางค์กลีบมะเฟืองด้านหลังวัดเลยครับ ลักษณะคล้ายปรางค์หนึ่งของวัดมหาธาตุลพบุรี เป็นลักษณะที่นิยมทำในช่วงอู่ทองและนับเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของสรรคบุรีเลยก็ว่าได้ ที่เมืองโบราณ สมุทรปราการ เขาจำลองปรางค์นี้ไว้ด้วยนะ
ข้างๆวัดมหาธาตุมีวัดพระยาแพรก เป็นวัดเล็กๆที่เหลือแต่เจดีย์และซากวิหารครับ
วัดที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งคือวัดพระแก้ว อายุรุ่นราวคราวเดียวกับวัดมหาธาตุ ที่นี่มีเจดีย์ที่ว่ากันว่างดงามที่สุดเป็นราชินีแห่งเจดีย์ทั้งมวลในสยาม (อ.ประยูร อุลุชาฎะ กล่าวไว้)
องค์หลวงพ่อฉายพระประธานของวัดเป็นพระพุทธรูปเก่า แกะจากหินทราย 5 ชิ้น ซึ่งชิ้นหนึ่งเป็นทับหลังขอมสมัยบาปวนแบบกลับหัว เป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณครับ ที่วางกลับหัวคาดว่าเป็นปริศนาธรรมว่าหากต้องการบรรลุจะต้องทวนกระแสกิเลส เราเลยเห็นลายทับหลังด้านหลังของหลวงพ่อฉายแบบกลับหัว
นอกจากเจดีย์และพระหลวงพ่อฉายแล้ว ที่นี่ยังมีปลาดุกยักษ์และกล้วยร้อยหวีให้ดูด้วยนะ (พระที่กวาดลานวัดท่านชี้ให้น้องผมดู ส่วนผมไม่ได้เห็น เลยจิ๊กรูปถ่ายของน้องมาลง ชะแว้บ!) ใครเบื่อโบราณสถานแต่ถูกที่บ้านบังคับไปวัดนี้ก็ไปนั่งให้อาหารปลาหรือนั่งดูกล้วยไปพลางๆได้
หลังจากนั้นเราขึ้นเหนือไปเที่ยวเขื่อนเจ้าพระยาครับ ก่อนจะกลับลงมาเที่ยวโบราณสถานแห่งที่ 6 ที่สุดท้ายของทริปนี้ นั่นคือวัดพระบรมธาตุ มีเจดีย์ประธานศิลปะแบบอู่ทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นศูนย์กลางศรัทธาของชาวชัยนาทมาแต่โบราณ
วันที่ผมไปเป็นวันอาสาฬหบูชา มีพิธีหล่อพระพอดี ชาวบ้านและนักข่าวแน่นเอี๊ยด
ในบริเวณวัดมีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติชัยนาทมุนี ซึ่งจัดแสดงโบราณวัตถุที่พบในจังหวัดชัยนาทไว้ด้วย เปิด 9.00-16.00 น. นะครับ ส่วนผมไปถึง 5 โมง อดเข้า
ช่วงนี้จะอัพปราสาทหินภาคอีสานและโบราณสถานภาคกลางสลับกันตามโอกาสอำนวยนะครับ ของภาคใต้น่าจะปีหน้าละจ้า
สำหรับสถานที่กิน ถ้าแวะกินกลางทางแนะนำกินที่สิงห์บุรีครับ ร้านข้างถนนสาย 1 อร่อยๆดังๆเยอะแยะเลย ปกติกินแม่ลาปลาเผาบ่อยๆ ส่วนรอบที่ไปชัยนาทนี้ผมแวะกินที่ภัตตาคารไพบูลย์ครับ ไว้แปะรูปกับข้าวในบล็อกเที่ยวสิงห์บุรีแล้วกัน
Create Date : 25 ตุลาคม 2556 |
|
37 comments |
Last Update : 27 ตุลาคม 2556 22:13:03 น. |
Counter : 6733 Pageviews. |
|
|
|
พึ่งเคยเห็นกล้วยแสนหวี
ถ้าเด็กๆรุ่นใหม่เบื่อโบราณสถาน
ปลาุดุกยักษ์และกล้วยแสนหวีน่าจะเป็นทางออกที่ดีน่า
ชมรอเพลินๆ
เจดีย์เก่าแก่ตั้งแต่นั้นเป็นปรักหักพังคล้ายที่สุโขทัยนะคะ
แน่ะ ทำเป็นพูดไป ไม่เคยเห็นกับตานะ
ไม่เคยไป เห็นแต่ในรูปน่ะค่ะ แหะๆ
หนาวแล้วค่ะ ป่าน่าจะโกร๋า น้ำค้างแข็งลงมาคลุมสนามหญ้าแล้ว
อาทิตย์หน้าเค้าบอกสโนว์คงลงมาบ้างแล้วค่ะ
คงชิริวคิดถึงทางเมกานี้บ้างมั๊ย หนาวแต่มีเสน่ห์น๊า
5555
happy weekend จ้า