Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2560
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
22 สิงหาคม 2560
 
All Blogs
 
คุณยายของผมอายุ 90 ปี



(บล็อกแก๊งรวนมาค่อนคืน กว่าจะอัพได้...) ในบรรยากาศเดือนแห่งวันแม่นี้ ขอเล่าเรื่องคุณยายผู้เป็น "คุณแม่ของทุกคนในครอบครัว" ให้ฟังกันครับ

คุณยาย (แม่ของแม่ผม) เป็นผู้สร้างฐานะครอบครัวขึ้นจากศูนย์และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในครอบครัวมายาวนาน ไม่ว่าจะแต่งงานออกไปมีครอบครัวกันแล้ว แต่ก็ยังคงผูกพันและกลับมาเยี่ยมที่บ้านยายกันบ่อยๆ จนเป็นความเคยชินไปแล้วว่าไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปี เมื่อมาที่บ้านคุณยายจะนั่งรออยู่ แต่ปีนี้ยายอายุย่างเข้า 90 ปีแล้ว เริ่มป่วยถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนรู้ว่าสักวันยายก็คงไม่อยู่แล้ว In some day, you'll be just a memory.

วันนี้ขอแบ่งปันเรื่องราวของคุณยายเพื่อเสริมสร้างความรักในครอบครัวอื่นๆต่อไปครับ







ผังตระกูลฝั่งแม่ผม (ขอเซ็นเซอร์คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องบล็อกนี้เพื่อความเป็นส่วนตัว)



พ.ศ. 2470 - 2492 ที่บางปะหัน

ยายเกิดเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2470 (ปีเดียวกับในหลวงรัชกาลที่ 9) ที่ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นลูกคนที่ห้าของนายหย่วน กับนางสาย ชื่อโหง่วเพราะเป็นลูกคนที่ห้า นางสายเป็นคนบางปะหันแต่กำเนิด เสียชีวิตตั้งแต่ยายยังเล็ก นายหย่วนเดินทางมาจากประเทศจีน (สกุลแซ่ห่าน) ทำโรงเลื่อยอยู่ที่ ต.หัวไผ่ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา มีทำนาระหว่างปีแต่ผลผลิตไม่ดีนัก

ยายมีพี่สี่คน คืออากงเฮง ยายใหญ่ ส่วนอีกสองคนเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก

บ้านของยายอยู่ที่ ต.หันสัง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งแม้แต่ในปัจจุบันก็ยังคงห่างไกลจากตัวเมือง แต่เมื่อพายายกลับไปบ้านเกิดยายจะบอกทุกครั้งว่ามันเจริญขึ้นเยอะเลยนะ ชุมชนหันสังอยู่ริมคลองชลประทาน ผันน้ำจากคลองบางแก้วและแม่น้ำลพบุรีครับ



สมัยเด็กยายเรียนหนังสือชั้นประถมที่โรงเรียนวัดบ้านแจ้ง มีนักเรียนห้องละ 10 คน แต่มันไกลบ้านมาก จนกระทั่งมีการสร้างโรงเรียนวัดไก่ ยายจึงย้ายมาเรียนที่โรงเรียนวัดไก่ ถึงจะเป็นเพียงโรงเรียนเล็กๆ แต่ยายก็เรียนดีอันดับต้นๆของห้อง ว่ากันว่าความฉลาดของเด็กจะถ่ายทอดมาจากทางแม่เป็นส่วนใหญ่ คุณแม่ของผมรวมทั้งอีเจ้าของบล็อกคนนี้ก็สอบได้ที่หนึ่งของโรงเรียนนะเออ สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นยายเลยทีเดียว

ยายเป้าคือหนึ่งในเพื่อนร่วมรุ่นของคุณยาย และปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่เช่นกันครับ ยายได้พบกับยายเป้าอีกครั้งเมื่อเดือน ม.ค. 2560 หลังไม่ได้พบกันมากว่า 70 ปี ที่หากันจนพบเพราะยายจำบ้านยายเป้าได้ เป็นบ้านที่ใหญ่โตเป็นอันดับต้นๆของแถบนี้ แต่ปัจจุบันฐานะบ้านยายเป้าย่ำแย่ลงไปมาก ยายเป้ายังคงอยู่ที่บ้านหลังนี้ในขณะที่คุณยายของผมเปลี่ยนที่อยู่ไป 3 ครั้ง



ยายกับยายเป้าในปัจจุบัน

วัดบ้านแจ้ง ในอดีตเคยเป็นวัดใหญ่ มีโรงเรียนที่มีเด็กนักเรียนมาก แต่ช่วงหลังเด็กในชุมชนเข้าไปเรียนในเมืองกันหมด โรงเรียนวัดบ้านแจ้งจึงถูกรื้อไปหลายสิบปีก่อน





พื้นที่นี้ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งโรงเรียนวัดบ้านแจ้ง

วัดไก่ ยังคงเป็นวัดใหญ่ศูนย์กลางชุมชนบ้านแจ้ง วัดนี้เป็นวัดเก่าตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่ถูกทิ้งร้างหลังการเสียกรุงครั้งที่สอง จนกระทั่งคนในชุมชนช่วยกันบูรณะขึ้นในปี พ.ศ.2325 และให้ชื่อว่าวัดไก่ เพราะบริเวณนี้มีไก่เป็นโรคระบาดตายจำนวนมาก และถูกบูรณะเรื่อยมา ได้มีการสร้างพระนอนในปี พ.ศ.2549 เนื่องในโอกาสพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ครองราชย์ครบ 60 ปี



บริเวณวัดมีลิงกังอยู่มาก มีนิสัยไม่ดุร้าย และเป็นสัญลักษณ์ของวัดไก่ จนถูกใครต่อใครเรียกว่า "วัดไก่มีลิง" 





โรงเรียนวัดไก่

ระหว่างวัดบ้านแจ้งและวัดไก่มีวัดดอกไม้ ยายจำเส้นทางวัดไก่-วัดดอกไม้-วัดบ้านแจ้งได้อย่างแม่นยำ เพราะต้องเดินผ่านเส้นนี้ทุกเช้า-เย็น เพื่อไปโรงเรียน ไป-กลับ 7 กม. ขนาดผมขับรถไปยังว่าไกลเลยครับ



ด้วยความที่คุณยายเป็นเด็กเรียนดี โรงเรียนวัดไก่จึงเสนอทุนให้ไปเรียนหนังสือในเมือง แต่ยายต้องการทำงานหาเงินมากกว่า สมัยนั้นมีเงินซื้อข้าวกินกันตายไปวันๆยังลำบากเลยครับ ถ้าฐานะไม่ดียังไงเรื่องหางานทำก็สำคัญกว่าเรียนหนังสือเยอะ ยายออกจากโรงเรียนตอน ป.4 เมื่ออายุได้ 12 ขวบ มาขายของเล็กๆน้อยๆพวกหมากพลู มะพร้าว น้ำตาล (ถึงคนสมัยนั้นจะชอบเคี้ยวหมากให้ฟันดำ แต่ยายผมไม่เคยเคี้ยวหมากนะ)  ข้าวของที่ขายรับมาจากป่าโมก จ.อ่างทอง พายเรือมาขายที่ตลาดบางปะหัน นอกจากขายของแล้วก็มีงานรับจ๊อบชั่วคราว เช่น ลอกปอและเกี่ยวข้าว ได้วันละ 6 สลึง เกี่ยวข้าวยังพอรู้จัก แต่ลอกปอเป็นงานที่คนรุ่นผมไม่คุ้นเลยครับ คิดว่าแค่ปอกเปลือกง่ายๆ จนเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนมีบทความของเว็บศิลปวัฒนธรรม เล่าเรื่องการลอกปอของคนสมัยก่อนให้ผมหายสงสัยพอดี

https://www.silpa-mag.com/club/miscellaneous/article_11061



(ติ๊ต่างว่าเข้าไปอ่านกันมาแล้ว) สรุปว่าทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย ทั้งเหม็นเน่าเลย โหดใช่เล่นนะครับ การลอกปอ -___-" คนสมัยก่อนกว่าจะได้มาสักสลึงมันลำบากจริงน้อ

วัดป่าโมก จ.อ่างทอง เป็นวัดที่ยายได้ไปบ่อยๆตอนไปรับของมาขาย ยายได้กลับมาวัดนี้อีกครั้งวันที่ 1 มิ.ย. 2556 ครั้งสุดท้ายที่ยายมาที่นี่ก่อนหน้านี้คือเมื่อ 70 กว่าปีที่แล้ว สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้



นอกจากวัดป่าโมกแล้ว อีกวัดที่ยายชอบมากคือวัดพระพุทธบาท จ.สระบุรี ที่ยายเคยเดินเท้าจากอยุธยาไปกับเพื่อน ถ้าเอาตามระยะทางบนถนนปัจจุบันมันไกลกันตั้ง 50 กม.




เหตุการณ์สำคัญในช่วงนี้
  • พ.ศ.2470 ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชสมภพ (ปีเดียวกับปีที่คุณยายเกิดพอดี)
  • พ.ศ.2475 เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นประชาธิปไตย แต่ตอนนั้นคุณยายยังเด็กมาก และระบบการปกครองส่วนกลางยังมีผลกระทบกับชีวิตของผู้คนในชนบทน้อย
  • พ.ศ.2488 สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง บางปะหันอยู่ไกลจากจุดยุทธศาสตร์แต่ยายก็ต้องหนีลงหลุมหลบภัยเมื่อมีเสียงหวอดังตอนเครื่องบินผ่าน ในตัวเมืองอยุธยามีการทิ้งระเบิดแถวสะพานปรีดีธำรงค์ หลังสงครามสิ้นสุดลงการค้าขายก็ฝืดไปอีกพักใหญ่ๆเลย
  • พ.ศ.2489 เกิดคดีสวรรคตรัชกาลที่ 8 ข่าวดังถึงบางปะหันว่า "ปรีดีฆ่าในหลวง" ซึ่งภายหลังก็ถูกเปิดเผยว่าเป็นการใส่ร้ายจากกลุ่มการเมืองฝั่งตรงข้าม



พ.ศ. 2492 - 2520 ที่หัวแหลม

พวกพี่ๆของยายได้แต่งงานและแยกย้ายกันไปสร้างครอบครัว ครอบครัวของอากงเฮงยังคงอยู่ที่บางปะหัน ครอบครัวของยายใหญ่ย้ายไปอยู่ตลาดพลู

ยายแต่งงานกับอากง (ขิ่ว) แซ่ด่าน เมื่ออายุได้ 22 ปี  ย้ายบ้านจากบางปะหันไปอยู่ที่หัวแหลม เปิดร้านขายอาหารตามสั่งใกล้ๆวัดตึก มีลูก 4 คน คนแรกเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก แม่ของผมเป็นลูกคนที่สองครับ



คุณยายและอากง



คุณยาย อากง และลูกๆ (แม่และน้าๆของผม)



บรรดาน้าๆ กำลังเที่ยวเล่นแถวบึงพระราม ที่เที่ยวยอดฮิตของคนอยุธยาสมัยนั้น

ลูกๆของยายเรียนโรงเรียนเกียรติกุลศึกษา แถวๆบ้านที่หัวแหลม ก่อนแม่จะย้ายไปอยู่ที่สี่แยกบ้านแขกช่วงที่เรียน ปวช. ที่พณิชยการเชตุพน ที่กรุงเทพฯ และย้ายไปโคราชช่วงที่เรียน ปวส. ที่วิทยาลัยเทคนิคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.นครราชสีมา ก่อนจะกลับมาอยู่กรุงเทพฯ หลังทำงาน

อากงเป็นคนติดการพนันมาก เสียทรัพย์ไปเยอะเช่นเดียวกับเพื่อนๆยายหลายคน ทำให้ยายสอนลูกสอนหลานให้จำเป็นแม่นมั่นว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนันนะ ยายเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง พอมีรายได้แล้วก็เก็บออมส่งเสียลูกๆเรียนหนังสือแล้วยังมีเงินพอจะเอาไปต่อยอด ยายซื้อบ้านที่สี่แยกบ้านแขกซึ่งปลูกบนพื้นที่เช่า และเปิดเป็นห้องแบ่งเช่า โดยมียายใหญ่ช่วยดูแล ต่อมาเจ้าของที่ได้ขายที่ ยายจึงเลิกกิจการห้องเช่าไป นอกจากนี้ยังมีที่อื่นๆในกรุงเทพได้แก่ที่หัวกระบือและริมคลองประปาที่ยายได้ซื้อที่ดินและขายต่อไปแล้ว เรียกว่าพี่น้องช่วยกันทำมาหากินจนสร้างฐานะขึ้นมาจากสมัยก่อนได้พอสมควร ช่วงนั้นสงครามโลกครั้งที่สองเพิ่งสิ้นสุดลง ทุกคนก็กลับมาทำงานสร้างฐานะ นี่คือยุคสมัยที่คนรุ่น Silent Generation สร้างทุกสิ่งทุกอย่างเป็นรากฐานให้สังคมยุคต่อมาครับ

อยุธยามีบุคคลมีชื่อเสียงมากมาย เช่น ปรีดี พนมยงค์, ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์, ดำรง พุฒตาล, ฯลฯ  เมื่อยายเข้ามาอยู่ในตัวเมืองอยุธยาก็มีโอกาสได้พบปะกับครอบครัวของผู้มีชื่อเสียงที่มีธุรกิจอยู่ในเกาะเมืองอยุธยาด้วย

ถึงฐานะจะเริ่มดีขึ้น แต่ชีวิตวัยทำงานของคุณยายไม่ได้ราบรื่น มีคนเมาอาละวาดทำลายร้านอยู่เรื่อยๆ ซ้ำร้ายนายหย่วน (พ่อของยาย) ได้เสียชีวิตในปี พ.ศ.2512 และนายขิ่ว (สามียาย) ก็เสียชีวิตในเวลาไล่เลี่ยกันในปี พ.ศ.2515 มันยากมากเลยนะครับสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวที่ต้องทำมาหากินและเลี้ยงลูกทั้งสามคนไปพร้อมๆกัน ไม่กี่ปีต่อมา เจ้าของพื้นที่ต้องการสร้างตึกแถวบริเวณตลาดหัวแหลม จึงขอให้ยายย้ายร้านออกไป ยายจึงต้องพาครอบครัวย้ายมากรุงเทพตอนอายุ 50 (โชคดีมีซื้อที่เตาปูนไว้) นับเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ที่หัวแหลมได้ 28 ปี



งานศพของตาทวดหย่วน



งานศพของอากงขิ่ว



บริเวณที่เคยเป็นบ้านยายที่หัวแหลม ตอนนี้เป็นตึกแถวครับ แม่ผมจำตำแหน่งได้เพราะตรงกับยุวพุทธิกสมาคมพระนครศรีอยุธยาพอดี



เชงเม้งที่สุสานวัดพนัญเชิง ครอบครัวของยายจะมารวมตัวกันทุกปีเพื่อทำความเคารพนายหย่วน (พ่อของยาย) นายตงหน่ำ (พ่อของอากง) และนายขิ่ว (อากง)

เหตุการณ์สำคัญในช่วงนี้
  • พ.ศ.2493 ในหลวง ร.9 ราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ปีเดียวกับปีที่ยายแต่งงานกับอากงเลย
  • พ.ศ.2516 เหตุการณ์ 14 ตุลา ผลกระทบมาไม่ถึงหัวแหลม
  • พ.ศ.2519 เหตุการณ์ 6 ตุลา ....โชคดีงานนี้ที่บ้านไม่ยุ่ง



พ.ศ. 2520 - 2556 ที่เตาปูน

ที่เตาปูน ยายซื้อที่ปลูกบ้านในซอยสะพานขวา เปิดเป็นบ้านเช่า เป็นบ้านสองชั้นพื้นที่ 56 ตารางวา เก็บค่าเช่าไม่แพง มีรายได้รวมเดือนละหมื่นกว่าบาท



ทางเข้าซอยสะพานขวา



บ้านยายในซอยสะพานขวา บ้านเกิดของคนรุ่นผมครับ

ลูกๆของยายแต่งงานมีครอบครัว และมีหลานรวมทั้งหมด 4 คน ผมเป็นคนที่ 2 ยายเลี้ยงหลานทั้งสี่คนตั้งแต่ยังเล็ก โดยเฉพาะช่วงปิดเทอมที่พวกเด็กๆมารวมตัวกันที่บ้านยาย จนกระทั่งหลานทั้งสี่คนเรียนจบมีงานทำ ระยะเวลาในการอยู่ที่บ้านเตาปูนยาวนานกว่าบ้านหลังอื่นๆ ทำให้ยายผูกพันกับบ้านหลังนี้มาก ผมก็มีความทรงจำในวัยเด็กกับที่นี่มากเหมือนกัน บ้านที่เคยอยู่กับพ่อสมัยเด็กที่หนองแขมก็อยู่ได้ 5 ปีก็ยกให้คนอื่นเช่าไปแล้ว บ้านที่บางพลัดก็ยังคงไป-กลับในปัจจุบันเลยไม่รู้สึก nostalgic เท่าไหร่  ช่วงปิดเทอมแม่จะพาผมกับน้องชายมาอยู่ที่บ้านยาย เล่นกับน้อง (ลูกน้า) ได้เล่นการละเล่นของคน genX อย่างเป่าลูกโป่งฟองสบู่ ซ่อนแอบ ขุดรูให้มดอยู่ ซื้อของหลอกเด็กหน้าปากซอย รวมทั้งแอบซื้อดอกไม้ไฟเล่นจนยายตีด้วยไม้เรียว (สมน้ำหน้า)

ในบรรดาหลานๆยายจะรักผมมากเพราะเป็นคนขี้เหนียว (นี่สินะข้อดีของแก) ไม่ยอมใช้ตังค์ ให้ 5 บาท เหลือกลับมา 5 บาท ยายให้ความสำคัญกับการเก็บออมมาก และด้วยความที่เป็นเจ้าของร้านอาหารมาก่อนยายเลยทำกับข้าวเก่งมากครับ เมนูเด็ดของยายที่หลานๆชอบก็จะเป็นปลาเจี๋ยน หมูต้มหน่อไม้ ต้มข่าไก่ แกงไก่ใส่หน่อไม้ น้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด สมัยก่อนบางวันก็ตื่นเช้าไปช่วยยายแบกของจ่ายตลาดที่ตลาดเตาปูนด้วย เดินออกด้านหลังซอยสะพานขวา หลายบ้านเลี้ยงหมาดุชอบเห่า บางทีก็วิ่งไล่ (โชคดียังไม่เคยโดนหมากิน) เวลาไปตลาดถ้าไม่มีผู้ใหญ่ไปด้วยก็ต้องพกหินไว้ในมือก้อนสองก้อน ทำให้ผมเกลียดหมาตั้งแต่เด็ก



บรรดาลูกหลานที่บ้านยาย



ห้างสรรพสินค้าบางลำพูบางโพ เป็นห้างสำคัญของแถบนี้ ปิดตัวลงในปี พ.ศ.2548 เปลี่ยนเป็นเดอะมาร์เก็ต และปิดตัวอีกครั้ง เพื่อขายที่สร้างห้างเกตเวย์



ตลาดเตาปูนและร้านค้าในบริเวณนี้

การเปิดห้องให้เช่าเหมือนจะสบายแต่ก็ต้องวุ่นวายกับคนจำนวนมากด้วยครับ บางคนก็ค้างค่าเช่า บางคนก็เมาเก๊งเก่ง เป็นหนี้จนฆ่าตัวตายในห้องพักก็มี แต่ก็ยังถือว่าสบายกว่างานที่ผ่านๆมาที่ยายเคยทำอะนะ

ยายเป็นโรคปวดขาเริ่มเดินลำบากตั้งแต่อายุ 60 ต้นๆ ตอนนั้นพ่อแม่ไม่ว่างที่จะไปรับผมที่โรงเรียนประถม น้าๆอาสาจะมารับผมก็ไม่ยอม อยากกลับบ้านกับยาย ยายนั่งรถเมล์ไปที่โรงเรียน ยืนรอผมอยู่เป็นชั่วโมงจนขาตึงก้าวไม่ไหว ผมต้องช่วยประคองยายกลับบ้าน ไม่รู้ว่ามันเป็นจุดเริ่มอาการปวดขาของยายหรือเปล่า

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ อาม่าของผม (แม่ของพ่อ) เสียชีวิตในปี พ.ศ.2535 (อายุ 74 ปี) และยายใหญ่ (พี่สาวของยาย) เสียชีวิตในปี พ.ศ.2540 (อายุ 75 ปี) ยายกลายเป็นคนที่อาวุโสมากที่สุดในตระกูล ตอนนั้นผมคิดว่ายายคงจะจากไปในเวลาอีกไม่นาน แต่ยายก็ยังอยู่ที่บ้านเตาปูนแม้เวลาจะผ่านไปปีแล้วปีเล่า พวกเราก็เริ่มหายหน้าหายตาไปใช้ชีวิตกันไป ตั้งแต่ขึ้น ม.ปลายผมก็ไม่ค่อยได้แวะไปบ้านยายแล้วครับ ปิดเทอมนั่งเขียนการ์ตูนกับเล่นเกมซูเปอร์แฟมิคอม-เพลย์สเตชั่นไปวันๆ จนเรียนจบ ป.ตรีก็แล้ว ทำงานที่บ้านโป่งก็แล้ว ไปเรียนต่อที่เมกาก็แล้ว ผมคิดว่าคนอายุ 70 กว่าๆก็ถือว่าชรามากแล้ว สมัยเด็กๆผมไม่อยากตายเร็วเลยอธิษฐานบ่อยๆว่าขอให้ตายตอนอายุ 80 เท่าพระพุทธเจ้า ซึ่งใครๆฟังก็บอกว่า โห! จะอยู่ทำไมนานขนาดนั้น! แต่คุณยายผมอายุยืนกว่านั้นอีกครับ จนพวกเราชินว่าไม่ว่าจะกลับไปที่บ้านยายเมื่อไหร่ยายก็ยังคงคอยพวกเราอยู่ที่เดิม ไม่เคยคิดถึงวันที่ยายจะไม่อยู่แม้แต่น้อย...

ยายเป็นคนสมัยก่อนที่ส่วนใหญ่จะกลัวผีกันมาก เพราะสมัยเด็กๆเคยเห็นผีตัวดำๆไต่ขึ้น-ลงกระไดบ้านที่บางปะหัน (แต่สมัยนี้คงสูญพันธุ์หมดแล้วมั้งครับ) พอรู้ว่าผมต้องไปพักที่อื่นคนเดียวช่วงที่ทำงานต่างจังหวัดหรือไปเรียนต่อที่เมกา คุณยายก็สวดมนต์ให้ผมทุกคืน ขออย่าให้มีอะไรมาทำให้ผมตกใจ ....ทั้งที่พวกเราต่างก็ห่างยายไปนานมาก คุณยายต้องรักพวกเรามากขนาดไหนนะถึงห่วงใยไม่เสื่อมลงไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี

และคุณยายก็อาศัยอยู่ที่บ้านเตาปูนแห่งนี้จนล่วงเข้าวัย 80 ปลายๆ...

ได้มีโครงการก่อสร้างคอนโดริชพาร์ค 2 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าเตาปูน และกว้านซื้อที่ดินบริเวณนี้เกือบทั้งหมด เจ้าของคอนโดมาเจรจากับยายหลายครั้ง และเสนอเงินก้อนใหญ่พอที่ลูกหลานจะไม่ลำบาก ยายจึงตัดใจยอมขายบ้านหลังนี้ในที่สุด การรื้อถอนเป็นไปอย่างรวดเร็ว คอนโดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2557 ยายนึกถึงบ้านหลังนี้เมื่อไหร่ก็ใจหาย สงสารบ้าน ....ก็อยู่ด้วยกันมาตั้ง 36 ปีนี่เนอะ



คอนโดริชพาร์ค 2 ปัจจุบันพี่ชายผมซื้อห้องชั้น 26 (ชั้นบนสุด) ของคอนโดนี้ไว้ มองลงมาเห็นบริเวณที่เคยเป็นบ้านยาย ตอนนี้เป็นทางเดินรถของคอนโดครับ



เหตุการณ์สำคัญในช่วงนี้
....เกิดทันกันหมดแล้ว ไม่ต้องเล่าก็ได้เนาะ



พ.ศ. 2556 - ปัจจุบัน ที่วังน้อย

วันที่ 6 ต.ค. 2555 ลูกหลานได้พายายไปหาบ้านใหม่แทนที่บ้านเตาปูนที่กำลังจะรื้อเพื่อสร้างคอนโด และได้เลือกหมู่บ้านทองภัชร ถนนโรจนะ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา หมู่บ้านเดียวกับที่ผมย้ายมาอยู่ตอนได้งานที่สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. วังน้อย เป็นการกลับมาอยู่ที่อยุธยาอีกครั้งของยาย และตัดสินใจเลือกบ้านสุดซอย 10 ซึ่งต้องใช้เวลาปรับปรุงพร้อมสร้างห้องเพิ่มเติมก่อนเข้าอยู่จริง ระหว่างนั้นยายได้ย้ายออกจากบ้านเตาปูนมาอยู่ที่บ้านแม่ที่บางพลัดชั่วคราว ช่วงต้นปี 2556



บ้านก่อนและหลังปรับปรุง เป็นไงล่ะ น่าอยู่ขึ้นเยอะ (เฮ้ยๆ คนถ่ายมันโกงสีท้องฟ้า!)

บ้านใหม่ของยายที่วังน้อยสร้างเสร็จและทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ในวันที่ 16 พ.ย. 2556 และยายก็อาศัยอยู่ที่บ้านนี้กับน้ามาจนถึงปัจจุบัน ลูกๆของยายเริ่มถึงวัยเกษียณจากงานทีละคนๆ (ภารกิจหลักหลังเกษียณคืออยู่บ้านเลี้ยงหลาน - ซึ่งถ้านับจากยายก็คือรุ่นเหลนเข้าไปแล้ว) เหล่าลูก หลาน เหลน ของยายได้แวะเวียนมาหายายเป็นประจำครับ

ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมยายจะถามว่ากินข้าวหรือยัง แล้วหานู่นหานี่ให้เรากินเป็นการใหญ่ พวกเราเกิดในยุคที่อยากกินเมื่อไหร่ก็กินได้ ไม่ได้เข้าใจความยากลำบากในการหาข้าวกินแต่ละมื้อๆเหมือนสมัยคุณยาย ทุกครั้งที่พายายออกไปกินข้าวนอกบ้านจะต้องแอบจ่ายตังค์ไม่ให้ยายได้ยิน เพราะสำหรับยายทุกมื้อนั้นแพงมาก!!! ไม่ต้องหรูขนาดบุฟเฟ่ต์โรงแรมห้าดาวที่เพื่อนๆรีวิวกันมานะครับ แค่หัวละเกินร้อยยายก็ว่าแพงแล้ว ถึงช่วงนี้เศรษฐกิจฐานรากจะไม่ดียังไงแต่ก็ต้องยอมรับว่ายุคนี้หาเงินง่ายมากกว่าสมัยก่อนมากๆๆๆๆ (ผมทำงานครึ่งวันก็ได้เงินพอจะพาไปเลี้ยงมื้อหรูทั้งครอบครัวแล้ว) ความจำเป็นในการเอาทุนต่อทุนจนร่ำรวยขึ้นมาแบบที่ลูกหลานคนจีนทำก็ลดความสำคัญลงไปเยอะแล้วสำหรับคนชั้นกลาง (ต่อให้ตายก็ไม่เลื่อนคลาส) ชีวิตของรุ่นเราง่ายกว่ารุ่นคุณยายมากๆครับ มันน่าเศร้านะที่คนรุ่นยายที่ฝ่าฟันความยากลำบากสร้างสังคมที่สุขสบายให้ลูกหลาน แต่ตัวเองยังคงใช้ชีวิตแบบแต่ก่อนเพราะเคยทำแบบนี้มาทั้งชีวิต

ช่วงอยู่ที่บางพลัดและวังน้อย หลานๆได้พายายเที่ยวไปยังที่ต่างๆ ทำให้ยายได้เห็นโลกภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปจากความทรงจำในวัยเด็กมากมาย วันไหนที่รู้ว่าหลานจะพาไปเที่ยวยายจะตื่นเต้นมาก จนตื่นตั้งแต่ตีสามอาบน้ำเตรียมตัวเที่ยว แต่ยายเดินลำบากขึ้นทุกวันๆ ต้องเพิ่มจากไม้เท้าเป็นรถเข็น บางที่ก็ขับรถวนเอาเป็นหลักเลย ใครพ่อแม่ยังไม่แก่มากก็รีบๆพาพ่อแม่เที่ยวนะครับ





เมื่อพาคุณยายไปยังสถานที่ที่ยายเคยไปเมื่อนานมากแล้ว โดยเฉพาะตอนพากลับไปแถวบางปะหันหรือหัวแหลม คุยกับคนรู้จักที่ยังเหลืออยู่ที่นั่น ยายจะเล่าถึงความหลังที่แสนคิดถึง และตื่นตาตื่นใจกับบ้านเมืองที่เจริญขึ้นในทุกจังหวัด สาเหตุที่ผมชอบเที่ยวโบราณสถานก็เป็นเพราะมันยืนหยัดอยู่ที่เดิมผ่านมาหลายชั่วอายุคน และมันร้อยเรียงความทรงจำของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับมันเข้าไว้ด้วยกันนี่แหละ

ปัจจุบันยายมีเหลน 3 คนแล้ว (ไม่มีลูกของผมสักคน แย่ๆ...) Smiley

วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต เปลี่ยนเข้าสู่รัชกาลที่ 10 ยายมีชีวิตอยู่ในช่วง 4 แผ่นดิน ตั้งแต่สมัย ร.7 - ร.10 และเป็นศูนย์รวมใจของครอบครัวมาจนถึงทุกวันนี้

ต้นปีนี้ยายป่วยบ่อยขึ้นมาก ดูเหมือนร่างกายที่เข้มแข็งทนทานได้มาถึงเวลาของมันแล้ว ดวงก็ไม่เป็นใจเท่าไหร่ ปีนี้ปีเถาะ (ปีเกิดของยาย) ชงแรงด้วย แถวๆบ้านวังน้อยมีแต่โรงพยาบาลคุณภาพต่ำเตี้ย (คุณภาพชีวิตคนต่างจังหวัดก็แบบนี้ละครับ) ซึ่งโรงพยาบาลประจำของยายก็คือ รพ.วชิระ ที่สามเสน ต้องเดินทางเข้ามาจากวังน้อยเป็นชั่วโมง โชคดีที่มีคุณน้าคอยพามาส่งให้ เมื่อเดือนที่แล้วอาการของยายหนักมากจนต้องนอนโรงพยาบาลสองสัปดาห์ อวัยวะภายในย่ำแย่ทำงานแทบไม่ไหวแล้วครับ น้ำท่วมปอด ลิ้นหัวใจรั่ว และอายุขนาดนี้ผ่าตัดไม่ได้แล้ว ต้องรักษาตามอาการไปเรื่อยๆ หัวใจของคุณยายคงเหนื่อยมามากแล้ว ต้องขอบคุณหัวใจดวงนี้ที่ทำงานมาตลอด 90 ปีนะครับ

โชคดีของครอบครัวเรามากที่เรารักและทำให้คุณยายรักมาโดยตลอด ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ที่คุณยายจะกลายเป็นเพียงความทรงจำ แต่เราคงไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง สำหรับยายเองก็ขอแค่ให้ลูกหลานได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ที่ยายพูดบ่อยที่สุดคือ 1) มาหาบ่อยๆนะ 2) ถ้ายายไม่อยู่แล้วก็ฝากช่วยดูแลแม่ด้วย

เราไม่ต้องการคำอวยพรให้คุณยายอายุยืน เราอยากให้คุณยายมีความสุขและจากไปอย่างสงบในวันหนึ่งมากกว่า คุณยายก็เหมือนคนที่เล่นเกมชีวิตจนบรรลุ achievement ทุกอย่าง 100% แล้วนะครับ เหลือแค่เมื่อไหร่จะออกจากเกมเท่านั้นเอง คุณยายคือคนที่ผมยอมรับอย่างหมดใจว่าใช้ชีวิตได้อย่างสวยงาม



ยายผู้อาวุโสที่สุดในตระกูล และน้องพิชญ์น้องคนสุดท้องของตระกูล อายุห่างกัน 90 ปี




ปู่ย่าตายายของใครยังอยู่ รักท่านให้มากๆจนถึงวันที่ท่านไม่อยู่กับเรานะครับ พวกท่านเหล่านี้แหละที่ฝ่าฟันความยากลำบากยุคหลังสงคราม สร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาจนพวกเราสุขสบายในทุกวันนี้

Smiley





Create Date : 22 สิงหาคม 2560
Last Update : 27 สิงหาคม 2560 22:35:26 น. 115 comments
Counter : 8106 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณกะว่าก๋า, คุณสองแผ่นดิน, คุณkae+aoe, คุณtuk-tuk@korat, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณtoor36, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณhaiku, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณRinsa Yoyolive, คุณSai Eeuu, คุณmambymam, คุณClose To Heaven, คุณSweet_pills, คุณJinnyTent, คุณnewyorknurse, คุณInsignia_Museum, คุณTui Laksi, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณMax Bulliboo, คุณอุ้มสี, คุณmariabamboo, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณThe Kop Civil, คุณmcayenne94, คุณmoresaw, คุณsecreate, คุณกาบริเอล, คุณซองขาวเบอร์ 9, คุณเนินน้ำ, คุณกิ่งฟ้า, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณหงต้าหยา, คุณโอพีย์, คุณmultiple


 

สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว

นั่งอ่านมาจนจบ
ชอบอยู่สองอย่าง
คือชอบเรื่องราวของคุณยาย
ผู้หญิงสมัยก่อนมีความอดทนสูงจริงๆนะครับ
ถึงจะเน้นการดูแลครอบครัว
แต่การที่ผู้ชายชอบเที่ยว ชอบสังสรรค์และการพนัน
ก็ทำให้ผู้หญิงต้องแบกรับภาระหนักขึ้นมากจริงๆ

กับชอบที่น้องชีริวเขียนประวัติครอบครัวได้ละเอียดมาก
มีผังของตระกูลด้วย เป็นสิ่งที่ดีมากๆ
พี่ก๋าเองยังไม่เคยทำเลยครับ
เหมือนกับญาติก็ห่างกันไปเยอะเลย

โหวตครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:6:18:57 น.  

 
ขอให้คุณยายสุขภาพแข็งแรงครับ
ขอบคุณสำหรับโหวตครับ คุณชีิริว
อ่านเรื่องราวของครอบครัว คุณชีริวผ่านมาหลายยุคสมัยเลยนะครับ
ยายผมเสียชีวิตตั้งแต่คุณแม่ยังเด็ก ผมเลยไม่เคยเห็นหน้าท่านครับ
มีเล่าเหมือนกันอยู่เรื่องหนึ่ง ผีตัวดำๆ คุณแม่ผมก็เคยเล่าให้ฟังเหมือนกันครับ
ตอนเช้ามืดคุณแม่และป้า(พี่สาวแม่) ไปเก็บลูกตาลสุกที่ร่วง
ก็ไปเก็บแย่งกับพวกผีตัวดำๆครับ
ผมเองทุกวันนี้ ก็ยังไม่เคยเห็นผี เลยไม่รู้ว่าผีตัวดำยังมีอีกหรือเปล่า
แต่เคยอ่านเรื่องเล่าจากในวัง มีผีตัวดำขโมยกินผลฝรั่ง


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:8:18:08 น.  

 
ชีริว Parenting Blog

ขอโหวตหมวดนี้นะคะ อ่านแล้วซึ้งจังค่ะ แถมได้ความรู้ด้วยนะคะเนี่ย มี้เองก็มีคุณย่าค่ะ แม่ของพ่อ อายุ 80 กว่าแล้ว

คุณต่อซะที่ไหนกันเล่า คุณชีริว 555555555555 จะบอกอะไรมี้ค่ะ ก็แค่ทักผิดบ่อยๆ แค่นั้นเอง



โดย: kae+aoe วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:8:51:00 น.  

 
อ่านแล้วน้ำตารื้นน่ะ

อยากไปเจอยายชีริวจัง ท่านน่าจะน่ารักมากๆ

แน่ล่ะสิ จะมีลูกได้ไง หาภรรยาก่อนมั้ยคระคุณน่ะ 555

ขอให้คุณยายสุขภาพแข็งแรง ถึงเวลาออกจากเกมก็ขอให้ไปอย่างสงบ ไม่มีห่วงใดๆ นะคะ

ต้องโหวตหมวดไหนง่ะ? โหวตไม่ถูก


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:9:24:37 น.  

 
คุณยายเป็นคนคิดบวก มองไปข้างหน้า
ท่านน่ารักมาก ๆ ค่ะ
เราโหวต ไดอาริสอ่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:10:12:21 น.  

 
มาโหวตแล้วน้าาา

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน Beauty Blog ดู Blog
เกศสุริยง Education Blog ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
อุ้มสี Diarist ดู Blog
ชีริว Diarist ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:10:50:54 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องชีริว

ปัญหาของบล็อกเมื่อคืนนี้ ครูก็เจอ จ้ะ อัพบล็อกไม่ได้เหมือนกัน มันขึ้นว่า ขณะนี้ มีผู้ใช้เน็ตเยอะมาก ขออภัย ให้ปิดเครื่อง แล้วลองเข้าใหม่ ตอนนั้น4 ทุ่มได้แล้ว ครูก็ลองอยู่ 2 ครั้ง ก็ยังเหมือนเดิม เลยเลิก นอนดีกว่า อิอิ

บล็อกที่เธอเขียนวันนี้ ครูชอบมากเลย อ่านเพลินมาก ทำให้คิดถึงชีวิตในตระกูลของครูเหมือนกัน เพราะเป็นคนจีนที่สร้างฐานะจากคนยากคนจนของพ่อเหมือนกัน เธอยังโชคดี ที่มีโอกาสได้คลุกคลีอยู่กับยาย (หวั่วม่า) ครูเกิดมา ทั้ง ตา ทั้งยาย ทั้งปู่และย่า ไปสวรรค์กันหมดแล้ว พ่อครูก็สร้างตัวเหมือนยายของเธอนั่นแหละ คนจีนในสมัยก่อน เขาอดทนและเก่งนะ ค้าขาย คิดค้น (พ่อเป็นคนคิดค้นเรื่องน้ำหวาน น้ำตาลกรวด สมัยก่อนขายดีมาก) แต่น่าเสียดาย ลูก ๆ ไม่มีใครดำเนินกิจการต่อเลย ปัจจุบันต้องไปซื้อเฮลบลูบอย แพงมาก ๆ กินกัน ห้าห้า

ยาย ของชีริว เป็นหญิงเหล็กจริง ๆ สู้ชีวิต เจอสามีชอบเล่นการพนัน ชีวิตลูกผู้หญิง ก็เรียกว่า โชคร้าย แต่ ยายก็ต่อสู้ เลี้ยงลูกตั้ง 4 คน และได้ดีทุกคน นับว่า เป็นยอดหญิงคนหนึ่งที่ลูกหลานต้องภูมิใจ และการนำเรื่องราวของยายมาเล่านี้ ครูว่าดีมากจ้ะ จะได้ให้ผู้อ่านได้เห็นความเจ๋ง ความเก่ง ของยายเรา สมควรที่จะได้นำไปเป็นแบบอย่างมาก ๆ จ้ะ

โหวดหมวด ครอบครัวและเด็ก นะจ๊ะ

(สถานที่ ๆ ยายเคยไป ที่ตัวนี้ ใช้ ไม้ยมกไม่ได้ จ้ะ เพราะว่า ทำหน้าที่ต่างกัน จ้ะ ที่ ตัวนั้น เป็นบุพบท เชื่อมความจ้ะ ต้องใช้ว่า สถานที่ที่ยายเคยไป )


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:11:14:19 น.  

 
ทำ Family Tree!!

มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท ไปตลาดฝาดให้เรียบอย่าให้เหลือ (อันหลังนี่ไม่ใช่ละ)

สมัยก่อนมันลำบากจริงๆ ในความคิดผมบริบทความลำบากในสมัยก่อนกับสมัยนี้มันแตกต่างกันครับ แต่ความลำบากมันก็ยังคงอยู่ อายุ 90 ปี อายุยืนมาก ของผมรุ่นปู่ย่าตายาย ไปหมดแล้วครับ ปู่อายุยืนสุด 94 ปี มีแต่คนบอกถ้าไม่กินเหล้า+สูบบหรี่จัด น่าจะอยู่ได้เป็นร้อยปี

เข้าโรงพยาบาลยังโอเคครับ สำคัญคืออย่าให้นอนติดเตียงนะเออ ไม่งั้นพอไม่ค่อยลุกแล้วจะไม่อยากลุก แล้วจะโทรมลงเรื่อยๆ จนลุกไม่ไหวแล้วจะติดเตียงจริง

ถ้าเทียบกับเกมเลเวล 90 แล้ว เลเวล Job เป็น master หมดแล้ว ค่าประสบการณ์เยอะมาก


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:11:14:43 น.  

 
เป็นอีกเอนทรี่นึงที่พี่มาถึงแล้ว ช่างหัวมันว่า
มีอะไรรออยู่ข้างหน้าอีก อ่านตั้งแต่คำแรกจน
จบเลย หลายอย่าง หลายเรื่อง หลายความคิด
พี่คุ้นเคยและยินดีเมื่อมีใครพูดถึง พี่ทันญี่ปุ่น
มาไทยตอนสงครามโลกครั้งที่สอง จำความ
โหดร้ายในช่วงนั้นที่ทำให้พี่ตกใจที่ไรแล้วเหมือน
เป็นง่อยไปพักใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้

และยินดีด้วยที่คุณชีริวมีชีวิตมาอย่างร่ำรวย
ด้วยความรักความผูกพันเช่นนี้ น้อยคนนักที่จะได้
มีโอกาส และชื่นชมความตั้งใจเขียนเรื่องนี้อย่าง
ละเอียดมากให้คนรุ่นนี้ได้อ่านกัน ถ้าพี่เขียนเรื่อง
ของคุณแม่พี่บ้าง ซึ่งถ้าท่านยังอยู่ ปีนี้ก็ 100+ แล้ว
ก็คงจะคล้ายๆกันในเรื่องตั้งตัวมาจากไม่มีอะไรเลย
และมีความรักความห่วงใยให้ทุกคนรอบๆตัวของท่าน
วันนี้พี่อยู่ตรงนี้ 40 นาที อ่านแล้วนั่งคิดถึงคุณแม่พอดู
ก่อนจะเขียนเม้นท์นี้โดยที่ลืมข้อความส่วนใหญ่
ไปหมดแล้ว

เมื่อคืนพี่ก็ผจญกับบล็อกรวนขนาด จะอัพเหมือนกัน
แต่ก็ถอดใจเพราะคิดว่าเน็ตช้า เช้ามาถึงรู้ว่า กรุ้ปร่างบล็อก
หายไปทั้งกรุ้ปเลย ถ้าเอาคืนไม่ได้ก็ได้วิ่งเล่นแก้กลุ่ม
ไปอีกหลายวันกว่าจะร่างอะไรได้อีกสักเรื่อง



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:13:23:59 น.  

 
น้ำตาซึมเลยพี่

ขอบคุณ คุณชีริว ที่แบ่งปันเรื่องดี ๆ ฟังแล้วเต็มตื้นในใจ

ปู่ยาตายายพี่ไม่อยู่แล้วซักคน พ่อพี่ 78 แม่พี่ 75 พ่อพี่ไม่ค่อยสบาย เข้าออก รพ. ตามหมอนัด นอกเหนือจากนั้นก็อยู่บ้าน ไม่ไปไหนเลย แม่พี่ไปวัด ไปเที่ยว กับกลุ่มเค้า แม่พี่เค้าเรียกญาติธรรม เวลาไปพี่พาลูก ๆ ไปบ้านแม่ (ยาย) จะพูดเหมือนกับยายคุณชีริวเลย กินอะไรมาหรือยัง จะกินอะไร ยายทำไว้ให้ (โทร. มาถามก่อน)

พณิชยการเชตุพน อยู่แถวบ้านพี่เลยค่ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
SevenDaffodils Photo Blog ดู Blog
เกศสุริยง Education Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Music Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Review Food Blog ดู Blog
**mp5** Dharma Blog ดู Blog
ชีริว Diarist ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:17:59:52 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับน้องชีริว

วันนี้ตอนช่วงค่ำ
ก็มีปัญหาเข้าเฟซบุ๊คกันนะครับ
ไม่รู้มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับระบบรึเปล่า



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:22:42:04 น.  

 
อ่านเรื่องราวคุณยายของคุณชีริว
ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นที่รวมใจของคนในตระกูลที่แตกแขนงลูกหลานมากมาย
แล้วนึกถึงคุณยาย/ย่า/ยายทวด จากเรื่อง Summer Wars เลยครับ
(ถ้าตอนเด็กที่บ้านเตาปูนมีการ "เล่นไพ่โค่ยโค่ย" ด้วยละก็ใช่เลย :D)

ตลอดหลายสิบปีที่คนรุ่น ๆ คุณยาย
ดูแลลูกหลานจนประสบความสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
คนรุ่นนั้นต้องลำบากมาอย่างมากเลย (มาก ๆ ด้วย)
อ่านแล้วซึ้งจริง ๆ ครับ ^^


ป.ล.

"...ช่วงปิดเทอมแม่จะพากับกับน้องชายมาอยู่ที่บ้านยาย..."
(อ่านแล้วงงนิดหน่อย เดาว่าน่าจะเป็น พากลับกับน้องชาย หรือเปล่าครับ ^^)

"คุณยายก็สวดมนตร์ให้ผมทุกคืน"
(ถ้าเป็นอะไรที่เกี่ยวกับศาสนาพุทธจะใช้คำว่า "สวดมนต์" ครับ ^^


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 24 สิงหาคม 2560 เวลา:0:44:28 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณชีริว..

เป็นสาวเมืองเก่า อยุธยานี่เอง

มือก็ไกว ดาบก็แกว่ง..

ท่านยังแข็งแรงสมตามวัยนะคะ

ครอบครัวของคุณชีริวทำดีที่สุดแล้วคะ



โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 24 สิงหาคม 2560 เวลา:1:45:48 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 สิงหาคม 2560 เวลา:6:30:27 น.  

 
ผมนั่งอ่าน ลงมาเรื่อย ๆ ไม่ขาดตอนเลย.. มีบางตอนกลับไป
อ่านย้อน

คุณชีริวเขียนเล่าได้ยอดเยี่ยม รู้เลยว่า คุณยายเป็นคนเก่งมาก ๆ
มองการณ์ไกล ซื้อที่ดิน ทำบัานเช่า ลอกเลน

ลูกหลานเลยได้ดีกันเป็นแถว...

แถวเตาปูน ผมจะไปบ่อยเพราะตอนเข้า กท.ใหม่ ๆ หลังจาก
ย้ายจาก อุบลมา จะอยู่แถว ซอยวัดหลวง กับริมทางรถไฟ
เลยไปตลาดเตาปูนบ่อย

....

ผมอ่านประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับบ้านเมืองไทย... ต้องบอกว่าเมื่อก่อน
มีการป้ายสี ด้านการเมืองมา ตลอด ตอนนี้ก็ยังมี.....

คุณชีริวเขียนแบบนี้ดีจังเลย ชอบอ่านครับ ได้ความรู้จาก
รุ่นคุณยาย คุณแม่ เป็นตัวอย่างที่ดี เป็นนักต่อสู้

...

คุณตาผม ก็เป็นคนจีน ที่จันทบุรี ได้เรียนหนังสือ และต่อมา
รับราชการ ได้เป็น ท่านขุน... เมื่อหลายปีก่อน คุณตาขอ
ให้พี่และผม ขับรถไปเยี่ยมพี่น้อง ที่ อยุธยา... ตอนนี้คุณตา
ไปสวรรค์แล้วครับ อายุได้ 96 ปี

งั้นต้องโหวตให้กำลังใจคุณชีริว
ชีริว Diarist ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

....

ต่ออีกนิดนุง

ผมสร้างบ้านหลังแรกของชีวิต จ้างช่างทำนะครับ สร้างเอง
ไม่เป็น แต่ช่วยช่าง ขุดส้วมในบ้านเอง เพื่อลงถังกลม 555

เหนื่อยมาก... บ้านต้องรีบสร้าง แหะ ๆ ซื้อไม้สด ๆ ที่
เขาเลื่อยมาส่งถึงที่จาก.... บอกมะได้.. เวลาช่างตีตาปู น้ำ
จากต้นไม้ยังปูดย้อนตาปูเลย 555 คนขายเขาบอกว่า เป็นไม้
ของเขาเอง ปลูกในที่ดิน... ผมก็ต้องเชื่อเขาละ




โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 24 สิงหาคม 2560 เวลา:7:13:27 น.  

 
เป็นภาพประวัติศาสตร์ที่น่าประทับใจมากเลยค่ะ


โดย: Sai Eeuu วันที่: 24 สิงหาคม 2560 เวลา:10:02:15 น.  

 
ซึ้งจังคนรรักยาย ที่จะรู้ประวัติชีวิตยายมาได้ถึงยาวนานเพียงนี้
ยายรินจากไปตอนอาายุ 92 ปี ก่อนเสียอาทิตย์นึงยายยังเดินไปกินก๋วยเตี๋ยวกับหลานๆ ได้เลย อิอิ
ยายผ่านมาถึง 4 แผ่นดินนี่ไม่ธรรมดาน่ะเราเองก็ผ่านมา 2 แผ่นดินแหน่ะ อิอิ
เจอยายเป้าที่ไม่ได้เจอกันนานกว่า 70 ปี ยังจำกันได้ บร๊ะเจ้า
คำว่าเพื่อนยังไงก็ยังคงอยุ่เนาะ ได้ย้ายสถานที่ที่พักกว่า 3 ครั้ง
ซึ่งแต่ละครั้งอยู่นานมากเกิน 10 ปีหมด นับว่าผูกพันอย่างมากจริงๆ
ทว่าตอนนี้นายทุนเจรจาขอซื้อที่สร้างคอนโดซะแล้ว
ชีวิตยายได้กลับมาอยู่ที่อยุธยาอีกครั้ง ผ่านสายตายายมามากนับว่าเจริญขึ้นมากมาย
ยังดีมีลูกหลาน เหลนดูแลรักยายมากเพียงนี้ น่าภูมิใจ ปลื้มใจแทนยาย ที่ดีคือชีริวควรมีเหลนให้ยายได้อุ้มด้วยนะ อิอิ

เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย ยายไม่ถามเหรอ ??



โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 24 สิงหาคม 2560 เวลา:10:18:25 น.  

 
คุณยายอายุยืนและดูแข็งแรงมากๆ
อ่านเรื่องราวแล้วประทับใจสุดๆจ้ะ




โดย: mambymam วันที่: 24 สิงหาคม 2560 เวลา:11:46:05 น.  

 
แอบเห็นคนอื่นโหวตประสบการณ์ชีวิต อิอิ มี้โหวตครอบครัว แฮร่ๆ

ปล. ร.ร. จัดให้เรียนวันเสาร์แบบนี้ อดดูการ์ตูนเลยเนอะ คิดถึงตัวเอง วันเสาร์อาทิตย์ต้องดูช่อง 9 การ์ตูน


โดย: kae+aoe วันที่: 24 สิงหาคม 2560 เวลา:13:16:53 น.  

 
ปล.2 ตั๊กแตนคุณต่อก็ไปแซวเค้าว่าแมลงสาบนะ แฮร่ๆ โดย: kae+aoe ตลอดๆ เลยเนอะ


โดย: kae+aoe วันที่: 24 สิงหาคม 2560 เวลา:13:19:29 น.  

 
เนาะ พี่ว่าอีก 5-6 ปี เราชินตาแล้วคราบดำ คราบตะไคร่จับ คงเหมือนเดิมล่ะ

พณิชยการเชตุพน อยู่ถนนประชาอุทิศ เขตราษฎร์บูรณะ ไม่ใกล้วัดโพธิ์ค่ะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 24 สิงหาคม 2560 เวลา:18:06:19 น.  

 
ชีริว Diarist ดู Blog


โดย: Close To Heaven วันที่: 24 สิงหาคม 2560 เวลา:23:49:27 น.  

 
ชีริว Diarist

คุณซีริวเขียนได้ละเอียด อ่านแล้วได้ความรู้ไปด้วยค่ะ
คุณยายของต๋าเสียตอนอายุ 95 ปี ท่านอยู่มาหลายแผ่นดินเหมือนกันค่ะ
ขอให้คุณยายคุณซีริวมีสุขภาพแข็งแรง
และอยู่่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลานตราบนานเท่านานนะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:0:08:19 น.  

 
ชั้นก็อยากให้เธอไปกินบุฟเฟต์ปิ้งย่างร้านนี้ คือดีย์ ต้องพาบุ๊งไปด้วย ชั้นว่าเธอน่าจะฟิน

แต่พรุ่งนี้เจอกันร้านอินเดียก่อนแล้วกันนะ



โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:11:09:06 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องชีริว

แวะมาทักทาย จ้ะ
ตอนพ่อครูเสีย คือ ปี 2514 ตอนนั้นอายุ 67 ปี เสียไปแล้วก็นานถึง 46 ปีแล้ว จ้ะ นานมากจริง บวกกับอายุของพ่อตอนเสียอีก 67 ปี ถ้าพ่ออยู ป่านนี้ 113 ปี จ้ะ แก่ความคุณยายของเธอแน่นอน อิอิ

เมื่อวานใจหาย เห็นคุยกันทั้งเฟสและในบล็อกบอกว่า รูปหาย ข้อความหาย ครูก็ลองไปเปิดบล็อกที่เขียน ๆ ไป ปรากฏว่า กรุ๊ป ตะพาบหายเกลี้ยงเลย ใจหายวาบ (แต่ก็มีเก็บไว้ในเวิร์ดด้วย ตั้งแต่ตอนหายไปคราวที่แล้ว เลยป้องกันไว้บ้าง) รีบแจ้งไปที่ทีมงาน โชคดี เขากู้คืนมาให้ได้จ้ะ เฮ้อ! โล่งอกไปที

ครู เพิ่งส่ง ตะพาบ ไปเมื่อคืนนี้ จ้ะ ว่างก็ไปอ่านนะ อิอิ อัพบล็อกเมื่อไหร่ ก็มาเคาะประตูเรียกครู นะจ๊ะ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:14:06:24 น.  

 
ขอโทษที่มาทำความรู้จักคุณยายช้า
และดีใจที่ได้รับรู้เรื่องราวของคุณยายที่น่ารักของคุณชีริวค่ะ

กว่าจะอ่านจบ ใช้เวลานานมากเลย
ครอบครัวคุณชีริว เป็นครอบครัวที่อบอุ่น รักใคร่ปรองดองกันนะคะ
อ่านแล้ว รับรู้ได้เลยเป็นครอบครัวที่น่ารักมาก ๆ
รุ่นตารุ่นยายของเรา เป็นรุ่นที่เข้มแข็ง อดทน
ผ่านอะไรมาเยอะแยะไปหมด

พี่ก็จำได้ว่า ตากับยายเคยเล่าให้ฟัง
เรื่องหลบไปอยูในหลุมหลบภัยสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
ตาพี่เดินไปรบถึงเชียงตุง ใช้เวลาหลายเดือน
พี่รักตา รักยายพี่มาก สมัยตะก่อนพ่อแม่หาเงินตัวเป็นเกลียว
พี่โตมากับตายายเลี้ยงพี่ นอนกับตายายมาตลอด
กว่าจะกลับไปนอนกับพ่อแม่ ก็โตแล้ว

นึกถึงตรงนี้ มันอัดอั้น ต้องหยุดพิมพ์
น้ำตาจะไหล นึกถึงวันที่ตายายยังอยู่
ตาพี่เสียก่อน พี่ร้องไห้เป็นเดือน ๆ คิดถึงตามาก
ตอนตาเสีย ยายยังอยู่ ก็ทุ่มเทไปที่ยาย
ยายพี่มาเสียทีหลัง มันเหมือนร่มโพธิ์เราล้ม

ตอนนี้ พี่มีแต่พ่อแม่ที่ให้เลี้ยงดู ตอบแทนค่าน้ำนม
เท่าที่จะทำได้ เพราะพี่เองก็มามีครอบครัวในเมือง
พ่อแม่ก็ไปๆ มา ๆ หา แต่ก็เลี้ยงดูท่าน ไม่ให้เหนื่อยละ
ยังโชคดีที่ตอนตายายยังอยู่ ยังพอมีกำลังได้ทดแทนพระคุณ
ที่เค้าเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนเรามาบ้างช่วงระยะหนึ่ง
ไม่อย่างนั้น พี่คงเสียใจไปตลอดชีวิต

คนที่อยู่กับคนเฒ่าคนแก่ มักจะเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยน
ท่าจะจริงเนอะ 555555

อ่านเรื่องราวของยายคุณชีริวไป ยิ้มไปค่ะ
มีแอบสยึ๋มกึ๋ยตอนผีขึ้นลงกระไดนี่แหละ
นึกถึงบ้านหลังเก่าสมัยก่อนของยายพี่
พี่ก็แอบกลัวนะ เพราะเป็นบ้านที่มีใต้ถุนสูง

เป็นบันทึกเรื่องราวที่ดีมาก
คุณชีริวทำได้ละเอียดมาก ๆ
พี่ไม่เคยจำได้ละเอียดเท่าคุณชีริวเขียนในวันนี้

เอาเป็นว่า เรื่องราววันนี้ น่ารักมากที่สุด ^^
ขอให้คุณยายมีอายุมั่นขวัญยืน สุขภาพแข็งแรง
อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลานนานๆ นะคะ

อ่อ ส่วนบ้านรักไทย สุกี้ไม่ได้กินจร้า
กินแต่ขาหมูยูนนาน เมนูที่สั่ง เหมือนกันที่เคยกินที่ดอยแม่สลองเปะ
เพราะกินที่นั่นแล้ว อร่อยประทับใจมาก
จากที่อ่านเม้นสืบ้านพี่ เดาว่าพี่ตามรอยคุณชีริวแน่เลยใช่มั้ย^^



โดย: JinnyTent วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:17:25:24 น.  

 
คุณยายของคุณชีริวเป็นพี่สาวคนโตของพี่
ได้เลยจริงๆค่ะ คนที่ต้องใช้กำลังกายและสมอง
ในทุกช่วงชีวิตมักอายุยืน มองโลกแง่ดีและมี
ความรักห่วงใยให้ลูกหลานไม่เคยหมดสิ้น
ลูกหลานดูแลท่านไว้ให้ดีก็จะเป็นประสบการณ์
หล่อเลี้ยงใจไปได้ตลอดชีวิตเช่นกันนะคะ



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:21:23:41 น.  

 

คุณยายดูมีความสุข สุขภาพแข็งแรง
ขอให้อายุยืนๆเป็นมิ่งขวัญของลูกหลานนานๆนะคะ

โหวดค่ะ


โดย: newyorknurse วันที่: 26 สิงหาคม 2560 เวลา:4:08:16 น.  

 
คุณชีริวเขียนประวัติคุณยายได้ละเอียด น่าอ่านมากครับ
แผนผังของครอบครัว จะช่วยให้เราผูกความเป็นพี่น้องไว้ด้วยกัน ระลึกถึงกัน ผมเองก็ทำไว้เมื่อยี่สิบปีก่อน วันนี้เติบโตกันหมดแล้ว ว่าจะ update ข้อมูลใหม่ เรียกว่าทำทุก 20 ปี 555
ถ้าหลานๆของแต่ละครอยครัวทำได้แบบนี้ก็คงจะดีนะครับ
ซึ่งคนที่ทำได้เช่นนี้จะถือว่าเป็นนักวิชาการประจำตระกูล หรือผู้นำของตระกูลก็คงไม่ผิด



โดย: Insignia_Museum วันที่: 26 สิงหาคม 2560 เวลา:14:16:47 น.  

 
โอ้โห...อ่านแล้วยิ้มทั้งน้ำตา คือปลาบปลื้มกับจขบ.
ที่เขียนบรรยายเรื่องราวย้อนอดีตต้นตระกูลไว้ดีมากๆ
แบบนี้เป็นประวัติของตระกูลให้ลูกหลานเหลนต่อๆมาได้อ่านด้วยนะคะ

ความรักความอบอุ่นที่คุณชีริวพาคุณแม่ไปเที่ยวด้วยบ่อยๆ
ในหลายๆบล๊อกที่ผ่านมา เพราะแบบนี้นี่เองมีครอบครัวที่ให้ใจ
ดูแลกันในช่วงเวลาดีๆที่มีกันและกันเสมอๆ

คุณยายเก่งมากๆนะคะ อายุยืนและมีความจำที่ดีเลิศอีก
เป็นบูญุศลที่คุณชีริวและลูก-หลาน ได้ไปกราบและเยี่ยมท่าน
พาท่านไปสัมผัสโลกภายนอก ในยุคนี้ ....
ปลื้มและซาบซึ้งใจด้วยคะ เขียนได้ดีมากๆคร้า


โดย: Tui Laksi วันที่: 26 สิงหาคม 2560 เวลา:21:49:21 น.  

 
อ่านแล้วประทับใจค่ะคุณชีริว
ขอให้คุณยายสุขภาพแข็งแรงตลอดไปนะคะ


โดย: Gorjai Writer วันที่: 27 สิงหาคม 2560 เวลา:9:43:05 น.  

 
บล็อกนี้อ่านเพลินมากเลย อ่านแล้วนึกถึงสมัยอากง-อาม่าเลย

แม้คุณยายจะอายุมากแล้วแต่ความจำดีมาก ๆ เลย ขอให้คุณยายสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ไข้นะคะ


โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 27 สิงหาคม 2560 เวลา:19:24:19 น.  

 
พารากราฟท้ายๆเรื่อง ตั้งแต่ วันที่ 13 ตุลาคม...อ่านแล้วอยากร้องไห้มาก เข้าใจทุกตัวอักษรที่คุณชีริวอยากจะสื่อ มันสวยงามมากค่ะ ชีวิตคนเรามีพบต้องมีจาก ตอนที่พ่อสามีเสียไป เราบอกสามีเสมอค่ะว่า พ่อเค้าแค่ไปก่อนเราแค่นั้นเอง... ไปแต่ตัว...ในพื้นที่ความทรงจำในตัวเรา มีพื้นที่พิเศษสำหรับพ่อตลอดไป
ชีวิตนึงใครจะรู้ว่า ใครจะไปก่อนกัน...ไม่แน่หรอกค่ะ อาจจะไม่ใช่แม่สามีที่อายุปีนี้ 81 อาจจะเป็นเราก็ได้ ว่ามั๊ยคะ ? แม่เราสอนตลอดว่า ทำทุกวันให้เหมือนวันสุดท้ายของชีวิต เพราะหากมันมาถึงจริงๆเราจะได้ไม่เสียใจว่า ทำไมไม่ทำ! รักใครบอกไป ทำดีกับใครได้ทำไป คนที่สำคัญสุดคือคนที่อยู่ตรงหน้า ทำกับคนพวกนี้ให้ดีๆเพราะเราไม่รู้หรอกว่า ใบหน้านี้อาจจะเป็นใบหน้าสุดท้ายที่เราได้เห็น.. เป็นกำลังใจให้คุณยายค่ะ เรื่องนี้ดีมากๆเลยนะเราชอบมากเลยค่ะ น่าทำเป็นหนังสือให้เด็กรุ่นหลังๆได้อ่านกัน เออ แต่มีบล๊อกแล้วนี่นะ อิอิ


โดย: Max Bulliboo วันที่: 27 สิงหาคม 2560 เวลา:19:48:17 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับน้องชีริว

ภาพชุดนี้ถ่ายมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
เพิ่งมีจังหวะเอามาใช้ในงานบล็อกครับ 555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 สิงหาคม 2560 เวลา:20:20:30 น.  

 
สวัสดีอีกรอบเด้อ

เพ้อเจ้อจริงด้วย อะไรของแก๊ 555

ค่าเมมเบอร์โหดจริงแหละ แต่สำหรับคนที่เค้านวดประจำๆ ก็คุ้มแหละมั้งนะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 27 สิงหาคม 2560 เวลา:20:50:53 น.  

 
เฮ้ยยยยย!! ฮารุฮิให้อามี่ซังโทษคนเดียวก็พอครับ คนอื่นอย่าไปรุมเธอเลย น่าสงสารจริงๆ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 27 สิงหาคม 2560 เวลา:21:25:10 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สองแผ่นดิน Travel Blog ดู Blog
ชีริว Parenting Blog ดู Blog

มาโหวตให้คุณยายจ๊ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:0:44:50 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:6:41:41 น.  

 
ขอบคุณที่แวะที่บล็อกจ้ะ





โดย: mambymam วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:8:11:04 น.  

 
เรื่องฟันน้องซี คุณหมอบอก ยสวๆ เลยค่ะ รักษากันไป


โดย: kae+aoe วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:11:06:05 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
newyorknurse Health Blog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog
กาปอมซ่า Literature Blog ดู Blog
moresaw Funniest Blog ดู Blog
หอมกร Movie Blog ดู Blog
ชีริว Diarist ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น



ไดอารี่อย่างนี้ดีค่ะ ซึ้งเรา รุ่นหลังมาอ่านก็เข้าใจ รู้เหตุการณ์ไปกับเราด้วย บันทึกได้ดีค่ะ


โดย: mariabamboo วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:12:44:06 น.  

 
พี่ไปสระมรกตเดือนตุลาคม 2558 ตอนนั้นหมอกไม่ได้ไปด้วย พอเมษา 2559 ครบ 4 คนพ่อแม่ลูก เลยอยากพาหมอกไปสระมรกตบ้าง สุดท้ายก็อย่างที่เห็นค่ะ ถอดใจรถติดยาวเลย ...

หลังจากนั้น เดือนกรกฎาคม 2560 หมอกไปเที่ยวกระบี่กับบริษัท ได้ไปสระมรกตแล้วค่ะ แถมได้ไปวัดถ้ำเสือที่แม่อยากไปมาก แต่ยังไม่ถึงซักที

พี่ไปพักเคแอลตามคุณชีริวไง พอไปอีกรอบ เลยพักที่เดิมค่ะ ขี้เกียจหาใหม่ ชอบเจ้าของเค้าอัธยาศัยดี ไปอีกก็พักที่เดิมอีกแหละ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:17:34:40 น.  

 
พิพิธภัณฑ์บนดอยของหมู่บ้านรักไทย พี่ขับรถขึ้นไปดูค่ะ
เพราะไกลโขอยู่ เดินไม่ไหว แค่เดินรอบอ่างเขื่อนในหมอกก็หมดแรงละ 55
ไม่มีคนเลย ดูเปลี่ยว ๆ ลูก ๆ ไปเดินส่อง ๆ ดู
พี่อาสาเฝ้ารถด้านนอก ไม่กล้าเดินเข้าไป
ทางลงด้านหลังก็หญ้าขึ้นเต็ม
เหมือนออฟโรดลงมา เสี่ยวมาก 5555

นึกถึงพระบารมีของในหลวง ร.9เนอะ
พระองค์ท่านทรงแก้ไขปัญหาชายแดนให้สุขสงบได้
อยู่อย่างรบเย็นเป่นสุข จนกลายเป็นทีท่องเที่ยงของเราปัจจุบันได้

ว่าแต่โปรแกรมวันเดียวของน้องชีริว
อย่างโหดนะจริง ๆ เลยนะนั่น ยังมีเวลาไปถ้ำลอดอีก
ถ้ำลอดพี่ไปนานมาก สมัยยังไม่มีลูกชายอ่ะ
ความจำลางเลือน ทริปนั้น รู้สึกจะไปกางเต็นท์นอนที่ถ้ำปลา
และไปเที่ยวดอกบัวตองที่ดอยแม่อูคอ วนกลับเชียงใหม่
จำได้แค่นี้ 5555




โดย: JinnyTent วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:19:09:09 น.  

 
คุณยายแข็งแรงนะคะ บอกไม่น่าเชื่อเลยว่าท่านอายุ 90 ปีแล้ว
คนรุ่นเก่าขยันและอดทนกว่าเด็กรุ่นเรามากๆเลย
สมัยนี้โตมาไม่เจอความลำบาก พ่อแม่หาให้หมดแล้ว
คุณชีริวเล่าละเอียด รู้เลยค่ะครอบครัวอบอุ่นมาก
เวลาลูกหลานมารวมตัวกันนี่เป็นความสุขของคนแก่งั้นเลยค่ะ



โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:23:12:13 น.  

 
โดราเอม่อนตอนพิเศษหลัง ๆ ผมก็แทบไม่ได้ดูเหมือนกันครับ
(ถ้าภาคพิพิธภัณฑ์ของเล่น ไม่มี Perfume ร้องเพลงตอนจบ
ป่านนี้ผมอาจจะยังไม่หยิบมาดูเลยมั้ง แหะ ๆ ^^")

ผมว่าสำหรับโดราเอมอนหนังโรงภาคใหม่ ๆ
การแต่งเรื่อง, การเขียนบท และการแบ่งจังหวะการเล่าเรื่อง
มันสนุกน้อยกว่าสมัยที่อาจารย์เป็นคนดูแลเองเยอะเลยเหมือนกันครับ
แต่ อ.ฟูจิโมโตะ เป็นหนึ่งในบุคลากร "ที่สุดของที่สุด" ของโลกการ์ตูน (สำหรับผมนะ ^^)
พอเอาผลงานใหม่ ของทีมงานใหม่ไปเปรียบ ความประทับใจก็เลยต่างกันมากเลย


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:23:58:28 น.  

 

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณสำหรบคะแนนโหวดค่ะ

สับปะรด บ้านเราหวานจริงๆนะคะ
ซื้อที่นิวยอร์ก นานๆจะเจอหวานสักที่
แต่ก้หวานไม่เทาของบ้านเราเลย


โดย: newyorknurse วันที่: 29 สิงหาคม 2560 เวลา:2:03:38 น.  

 
การตามหากันของคนสมัยก่อนไม่ง่ายเลยนะเนี่ย
จากกัน 70 ปี จำกันได้นี่สุดยอดมากกกกกกกกกกกกก
สมัยนี้มีเฟส ทำให้ได้เจอเพื่อนสมัยประถมเนาะ
แต่เมื่อก่อนมันไม่มีง่ะ เวลาผ่านไป คนก็หน้าเปลี่ยนเรื่องธรรมดา
สุดยอดจริง ๆ ค่า


โดย: Close To Heaven วันที่: 29 สิงหาคม 2560 เวลา:10:14:22 น.  

 
อ่านแล้วยิ้มตามเลยครับ ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ตามไปด้วยเลย


โดย: The Kop Civil วันที่: 29 สิงหาคม 2560 เวลา:10:32:36 น.  

 
นั่นจิ ...หงส์แดงชนะเกินความคาดหมายของเรา
และเราเองก็ยัง งงๆ กับน่อล !!! ถึงฟอร์มการเล่นอยู่เล๊ย
ขอบคุณคุณชีริวคร้า ที่แวะเยี่ยมและโหวตนะคะ


โดย: Tui Laksi วันที่: 29 สิงหาคม 2560 เวลา:19:18:24 น.  

 
พระท่านว่าคนอายุยืนนั้นมีบุญค่ะ
คุณยายเป็นตัวอย่างที่ดีของตระกูล
เป็นเสาหลักทีเดียว ย่านเตาปูน บางซ่อน บางโพ
แถวนั้น เป็นบริเวณที่น่าอยู่มาแต่ไหนแต่ไร

คุณยายคงเหงาทีเดียว เพราะเตาปูนคึกคักมาก
น่าจะแตกต่างกับ บ้านที่อยุธยาซอย 10
ต้องอาศัยลูกหลานผลัดกันเยี่ยมเยียนบ่อยๆ
ช่วยเพิ่มความเบิกบานของชีวิตนะคะ


โดย: mcayenne94 วันที่: 29 สิงหาคม 2560 เวลา:19:56:37 น.  

 
สวัสดี ตอนดึก จ้ะ น้องชีริว

แวะมาเยี่ยมตอนดึก จ้ะ ขอบใจที่แวะไปเยี่ยมและอ่านที่บล็อกและโหวด จ้ะ เอาความหลังมาขาย ห้าห้า

ครูจบปีการศึกษา 16 แต่กว่าจะได้รับปริญญา นานไปถึง 18 เป็นเพราะว่า ช่วงนั้น พ่อหลวงของเราประชวรด้วยเรื่องภายใน (ตามเขาเล่ามา) รอมานานมาก ในที่สุด คงแก้ไข โดยให้ สมเด็จและพระเทพฯ ท่านมเสด็จมา และรุ่นครู เป็นรุ่นแรกที่รับพระราชทานปริญญาบัตรที่ บางแสน ปรกติ ต้องรับที่ ม. ประสานมิตร จ้ะ

ขอบใจนะ ที่อวยพร ข้ามชาติให้ครู ห้าห้า คงไม่รู้อีกกี่ร้อยกี่พันชาติ อิอิ



โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 29 สิงหาคม 2560 เวลา:22:37:44 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะคุณซีริว
ทำงานอย่างมีความสุขในวันนี้นะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 30 สิงหาคม 2560 เวลา:7:11:23 น.  

 
ค่อยๆอ่านจนจบ
อ่านแล้วคิดถึงคุณยายของแม่ซองฯด้วย
เพราะสนิทกับคุณยายมาก นอนด้วยตั้งแต่เด็ก
คุณยายของชีริว เป็นผู้หญิงที่อดทนและเก่งมากค่ะ
น่าภูมิใจ และเป็นศูนย์กลางของญาติๆด้วยขาดคุณยายพี่ๆน้องๆยังคงรวมกลุ่มกันรึเปล่าเน๊าะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 30 สิงหาคม 2560 เวลา:19:18:04 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 สิงหาคม 2560 เวลา:6:45:36 น.  

 
คุณยายอายุยืนมากตรับ
องค์การอนามัยโลก WHO ให้อายุเฉลี่ยของคนไทย
ผู้ชายอยู่ที่ 68 ปี ผู้หญิง 72 ปี


โดย: moresaw วันที่: 31 สิงหาคม 2560 เวลา:7:11:02 น.  

 
สวัสดีอีกรอบเด้ออออ


น้ำน่ะ ไม่แพงนะ เพราะแก้วใหญ่มาก ใหญ่แบบสั่งแก้วเดียวจบอ้ะ กินหมดมีอิ่ม 555

ซึ่งเราว่าทำใหญ่ไป๊ ทำแก้วเล็กกว่านี้ในอีกราคาก็คงดีอะนะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 31 สิงหาคม 2560 เวลา:9:29:58 น.  

 
อ่านแล้วก็ซึมไปเหมือนกัน การเดินทางของชีวิตคนคนหนึ่งมันผ่านมาหลายเรื่องราวมาก ยังดีที่มีคนบันทึกเอาไว้อย่างครบถ้วน เก่งมากค่ะ

แต่ก็มีหลายอย่างที่พบว่าเราใกล้ๆ กันนะ พี่มีเพื่อนอยู่อ.บางปะหัน ในช่วงหนึ่งชอบแวะเวียนไปนั่งเล่นนอนเล่นอยู่ที่นั่น เพราะบ้านหลังนั้นทำแบบบ้านชนบทยกใต้ถุนสูง ด้านหน้าเป็นนาข้าว หลังบ้านเป็นคลองชลประทาน ธรรมชาติมาก
อีกเรื่องที่ใกล้กว่า ที่บ้านเคยอยู่แถวสามแยกเตาปูน เป็นตึกรุ่นแรกๆของแถวนั้นเลยค่ะ ตั้งแต่สามแยกยังเป็นทุ่งนามีแขกเลี้ยงวัวขี่รถมาบรรทุกหญ้าให้วัวกิน

ซอยสะพานขวาน่าจะใกล้ๆโรงหนังเฉลิมพันธ์ โรงหนังชั้นสองยุคนั้นที่ติดแอร์เย็นเจี๊ยบ ให้ความรู้สึกโก้หรูหรามากๆ


โดย: secreate วันที่: 31 สิงหาคม 2560 เวลา:11:35:21 น.  

 
สวัสดียามค่ำค่า
วันนี้สิ้นเดือนที่ร้านเงียบ ๆ
เลยมีเวลาท่องบล็อก แหย่ชาวบ้านเค้าไปทั่ว อิอิ
ทานข้าวเย็นยัง


โดย: JinnyTent วันที่: 31 สิงหาคม 2560 เวลา:18:20:52 น.  

 
แอบตลกที่มาของ วัดไก่ จากนั้นก็เรียกวัดไก่มีลิง 55

มาเก็บอ่านทีละหน่อย ๆ ละเนี่ย เลื่อนรวดเดียวท่าจะยาก
จบแล้วก็นึกถึงชีวิตของคนอีกรุ่นนึงเลย ยุคโน้น ... ใช้ชีวิต
ต่างไปจากสมัยนี้เยอะมากๆ คุณยายเลือกที่จะทำงานแทนที่
จะเรียนต่อ ...ยุคนั้นถือว่าทางเลือกมีน้อยจริงแหละ
เป็นรุ่นที่ก่อร่างสร้าง พอมาถึงลูกหลานแล้วก็ถือว่าเบาลงเยอะ

แต่เคยอ่านเรื่องปอกปอมาก่อนแล้ว ข่าวว่ากลิ่นมันแรงมาก

ชอบมิตรภาพของยายกับยายเป้ายืนนานมาก คงหาคนคุย
ถึงความหลังแบบคนรุ่นเดียวกันยากละ ... แบบว่าเหตุการณ์
ร่วมสมัยบางเรื่อง คนรุ่นนั้นเขาจะคุยกันออกรสสุด ๆ
แต่สำหรับเราคงต้องไปเปิดตำราประวัติศาสตร์แทน 55

พอได้เห็นภาพพิธีแบบจีน อืม...ก็นึกไปถึงฝั่งพ่อที่เป็นครึ่งจีน
ประมาณว่า ชื่อ ของปู่กับย่า ยัง จี๊น จีน อยู่เลยและก่อนย่า
แต่งกับปู่ ก็ยังใช้ แซ่ ...ส่วนฝั่งแม่จะออกไปทางไทยเดิม 55

บ้านบางหลังมันก็รู้สึกผูกพันธ์นะ ตอนที่ต้องรื้อถอนออก
เชื่อว่ายายคงคิดแล้วคิดอีกนานล่ะ แบบว่ามันต้องถูก
สิ่งอื่นมาทับกลบความทรงจำเนี่ย...
และแล้วยายก็ได้กลับมาอยู่ที่อยุธยาเนอะ
หลังจากที่ย้ายไปอยู่ที่อื่นมานานหลายปี

อืม...
ก็คิดถึงอยู่ช่วงหนึ่งนะที่ตัวเองแทบจะไม่ได้กลับไปที่บ้านปู่ย่า
ถือว่านานเลยล่ะ จนปี 2012 อาที่เป็นน้องคนสุดท้องจะ
แต่งงาน (ก็แต่งมีครอบครัวเป็นคนสุดท้ายในบรรดาพี่น้องด้วย)

ตอนนั้นปู่ 92 แล้ว แต่สุขภาพค่อนข้างดี
ทีแรกก็ว่าจะแต่งต้นปีหน้า
แต่ปู่ขอร้องให้แต่งปีนี้เหอะ...อาจรอไม่ไหว

แล้วก็บอกทางพ่อว่าอยากเห็นหน้าเราในงานนี้
(คือที่บ้านแยกทางน่ะ ฟ้าเลยไม่ค่อยได้เจอญาติฝั่งพ่อบ่อยนัก)

นั่นแหละ ... หลังจากที่ไปงานแต่งอาแล้วก็ใช้เวลาพูดคุยกับ
ปู่ย่า -จากนั้นอีกเดือนกว่า ๆ ปู่ก็เสีย (นี่ยังจำตอนจูงปู่เดินได้
อยู่เลย) ก็ดีใจนะที่กลับมาหาปู่ทัน ก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีก

เราก็ไม่รู้เนาะว่าญาติผู้ใหญ่ของเราจากไปเมื่อไหร่ตอนไหน?
จะยาวนานหรือไม่ยาวนาน ก็คงไม่ดีเท่ากับความสุขบั้นปลาย
ที่ได้เห็นคนรุ่นถัดไปเติบโต และความผูกพันธ์ที่มีต่อกันแบบนี้
มาถึงตอนนี้คุณยายโหงวก็ถือว่าได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าแล้วล่ะ



โดย: กาบริเอล วันที่: 31 สิงหาคม 2560 เวลา:20:02:24 น.  

 
เมื่อวานหมดเป๋า
มาส่งกำลังใจวันนี้ค่ะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 31 สิงหาคม 2560 เวลา:20:49:52 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกตื้นตันและรู้สึกหน่วงในหัวใจ
ย้อนกลับมาดูตัวเองบ้าง แม่พี่ก็แก่ลงทุกวัน
อยากกลับไปอยู่กับแม่จังค่ะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 31 สิงหาคม 2560 เวลา:21:31:10 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว


โป๊ยเซียนเป็นไม้ที่หาง่ายใกล้ตัว
พี่ก๋าชอบพอๆกับเถาตำลึงเลยครับ 5555

เดือนนี้ไฮกุคงจะจบแล้วต่อด้วยบล็อกความรักครับ
ตอนแรกว่าจะลงราฟาเอลหรือหมื่นตา
แต่ต้นฉบับความรักก็ทำไว้นานแล้ว
เลยคิดว่าเอาความรักก่อนล่ะกัน

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กันยายน 2560 เวลา:6:46:02 น.  

 
ขอบคุณโหวตจ้ะ



โดย: mambymam วันที่: 1 กันยายน 2560 เวลา:9:48:41 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณชีริว แวะมาทักทายและขอบคุณสำหรับโหวตค่ะ


โดย: Gorjai Writer วันที่: 1 กันยายน 2560 เวลา:10:31:19 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ชีริว Diarist ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

สวัสดีค่ะน้องซีริว พี่กิ่งตามมาอ่านเรื่องราวของคุณยายประทับใจมากเลยค่ะ น้องซีริวเขียนบรรยายได้ดีมากเป็นเรื่องราวเป็นขั้นตอนอ่าแล้วเข้าใจมากเลยสมเป็นเรื่องเล่าในอดีตถึงชีวิตของคุณยายได้ดี พี่กิ่งอ่านทุกตัวอักษรเลยค่ะ อ่านแล้วเห็นภาพคุณยายเลยว่าอดทนขนาดไหนและเก่งมากขนาดไหนที่หาเงินตัวคนเดียวเลี้ยงลูกมาจนโตได้ทำงานเป็นปึกแผ่นทุกคนรวมทั้งคุณแม่ของน้องซีริวด้วยนะคะ และพออายุมากก็ยังได้เลี้ยงหลานอีก น้องซีริวเป็นหลานรักของคุณยายจริงๆ คุณยายถึงต้องไปรับด้วยตัวเองที่โรงเรียนทุกวน คุณยายน่ารักมากค่ะ พี่กิ่งขอให้สุขภาพคุณยายแข็งแรงๆนะคะ
โหวตให้กับงานเขียนเยี่ยมยอดมากจ้าไม่น่าเชื่อเด็กวิศวะจะเขียนบรรยายได้เก่งจริงๆโหวตค่ะ

ขอบคุณมากนะคะที่ไปเยี่ยมพี่กิ่งอยู่เสมอ แต่พี่กิ่งก็ห่างหายไปนานเหมือนกันค่ะต้องขออภัยจริงๆ ใจอยากเข้าบล็อกแต่พี่กิ่งไม่ไหวจริงๆค่ะขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ให้นะคะ





โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 1 กันยายน 2560 เวลา:18:54:58 น.  

 
อุทัย ชอบค่ะ พี่คงกลับไปอีก แต่อาจเปลี่ยนที่พัก 555

... เนาะ กินเก่ง กินสนุกด้วยสิ ดูผ่านบล็อกแล้วเพลิดเพลินไปด้วย ผู้ชายต่อให้กินเก่งยังไงก็ไม่ละเมียดเหมือนผู้หญิงหรอก

ตอนพี่เห็นอึ่งอ่าง ผงะไปเลยเหมือนกัน เอ๊ย นี่กินกันด้วยรึ หนังเหนิงยังอยู่เลย อึ๋ย


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 1 กันยายน 2560 เวลา:19:42:38 น.  

 
บอกว่าสักวันท่านจะไม่อยู่แล้ว อันนี้เราก็คิดเหมือนกันนะ
คุณยายที่บ้านก็ 88 แล้วค่ะ
ทำรัยให้ท่านได้นิคก็ทำนะ



//พรมเปอร์เซียนี่มันสุดยอดมากๆค่ะ
เส้นนอนนี่ผูกไปเรื่อยๆ ไม่รู้เค้าวางลายยังงัยนะ น่างงจะตายไปเนาะ



โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 2 กันยายน 2560 เวลา:14:14:32 น.  

 
คุณยายเป็นไงมั่งจ๊ะชีริว


โดย: Close To Heaven วันที่: 3 กันยายน 2560 เวลา:0:23:23 น.  

 
แวะมาทักทายยามง่วงนอน เอะ ยังไง 555
บ่ายทีไร ทนไม่ไหว มักจะเป็นเวลาของกาแฟแก้วที่สอง
คุณยายสบายดีนะคะ

เรื่องราวในอดีตของเรา
หลายต่อหลายเรื่อง ไม่มีรูปภาพให้ดู
มีแต่ความทรงจำ ที่ได้แต่บอกเล่า และยิ้มเมื่อนึกถึง
เพราะยุคสมัยพี่ตอนเด็ก ๆ ไม่มีมือถือ ไม่มีกล้องถ่ายรูป

ใครมีกล้องถ่ายรูปโกดัก กล้องก้องแก๊ง สุดเท่ห์ละตอนนั้น
ฟิล์มก็โครตแพง ถ่ายรูปที ต้องมาเสียตังค์อัดรูปอีก

กว่าจะมีมือถือก็ตอนเรียนมหาลัยแล้ว
แต่ก็ยังไม่มีตังค์ซื้อมือถือนะ มีปัญญาซื้อแค่แพคลิ้งค์
แค่แพ็งลิ้งค์นี่ก็โครตเท่ละ เอาเหน็บเข็มขัดนักศึกษา 5555+

เอะ ยังไง มาคุยความหลัง คุยแบบนี้เค้าว่าคนแก่ละ
พี่ยอมรับว่าเป็นมนุษย์ป้าละ แต่ จขบ.นี่สิ
สงสัยจะคุยด้วยผิดคนป่ะเนี่ย เอิ๊กๆๆ

อ่อ เรื่องคุณโหน่ง ใช่แล้วตะก่อนคุณโหน่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง
สำนักพิมพ์อะเดย์ แต่ตอนนี้ คุณโหน่งรู้สึกจะขายหุ้นไปแล้ว
ไม่นานมานิเอง เหมือนจะจบไม่สวย อะไรสักอย่าง
แต่ก็คิดว่า แกไม่น่าจะทิ้งเส้นทาง บอกอ / นักเขียนนะ
แกเก่งนะ พี่ว่า กว่าจะทำนิตยสารแนว ๆ ดังมาได้ทุกวันนี้
เสียดาย เพราะแกเป็นโลโก้ อะเดย์ ในความรู้สึกพี่เลยอ่ะ



โดย: JinnyTent วันที่: 4 กันยายน 2560 เวลา:16:28:56 น.  

 
ครอบครัวคุณอบอุ่นดี คนแก่ถ้าเป็นที่รักเป็นบุญโดยไม่ต้องไปขออย่างอื่นเลย


โดย: นิด IP: 1.0.135.64 วันที่: 23 ตุลาคม 2560 เวลา:16:42:49 น.  

 
เหนื่อยมา 90 ปี วันนี้คุณยายหลับแล้ว...

คุณยายของผมเสียในวันที่ 20 พ.ย. 2560 เวลา 19.33 น. รวมอายุได้ 90 ปี 6 เดือน ไม่เคยคิดอยากเขียนเรื่องความตายของคนที่ตัวเองรักมากที่สุดในโลกเลยครับ แต่คุณยายจากไปอย่างสงบ และใช้ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์หมดจดจนผมอดไม่ได้ที่จะบันทึกไว้เป็นเป้าหมายการใช้ชีวิตของตัวเองต่อจากนี้ไป จึงขออนุญาตกลับมาที่บล็อกนี้อีกครั้งเพื่อจบเรื่องราวของคุณยายอย่างสมบูรณ์ครับ

ผมไปเยี่ยมคุณยายที่โรงพยาบาลครั้งสุดท้ายในวันที่ 11 พ.ย. ยายพูดคุยปกติเหมือนสุขภาพกลับมาแข็งแรงจนที่บ้านแปลกใจ ไม่เคยคิดว่านั่นจะเป็นพลังชีวิตสุดท้ายของคุณยาย สัปดาห์สุดท้ายของยายเป็นไปอย่างปกติมากทั้งที่ร่างกายที่เสื่อมถอยลงก็ไม่มีแววจะกลับมาดีแต่อย่างใด

วันที่ 20 พ.ย. เป็นวันจันทร์ ก็ต้องไปทำงานกันตามปกตินะครับ วันนั้นเป็นวันที่ฝนพรำลงมาทั้งที่ควรจะเข้าหน้าหนาวไปหลายรอบแล้ว ทั้งที่เป็นวันจันทร์แต่พี่ชายและน้องชายอีกบ้านหนึ่งของผมสะดวกขึ้นมา เลยนัดกับแม่ผมไปเยี่ยมยายที่บ้าน (ส่วนน้าอีกสองคนอยู่บ้านยายอยู่แล้ว) วันนั้นจึงเป็นวันที่ยายได้พบลูกทั้งสามคน และหลานสองคนที่อยู่บ้านที่เตาปูนด้วยกันมาตลอด แม่เล่าว่ายายพูดคุยได้แต่ก็พูดอะไรแปลกๆ เช่นถามพี่ชายว่าพาใครมาด้วยเหรอ นั่งอยู่ที่บันไดบ้าน ก็ไม่รู้ว่ายายเห็นอะไรที่พวกเราไม่เห็นหรือเปล่า หลังพวกแม่กลับไปไม่นานยายก็อาการกำเริบ น้าพาขึ้นรถเพื่อไปส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์แบบที่เคยได้สักพักยายก็สงบไปบนรถ เมื่อถึงมือหมอปั๊มหัวใจแต่ยายก็ไม่ฟื้นขึ้นมา น้าๆมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าจะไม่ยื้อยายไว้เพราะยายทำทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์และพร้อมจะไปจากโลกนี้แล้ว

หมอลงบันทึกว่ายายเสียชีวิตเวลา 19.33 น. ตอนนั้นผมเพิ่งกลับจากกรุงเทพมาที่บ้านวังน้อย พอทราบข่าวความรู้สึกมันตีกันหลายอย่าง ทั้งตกใจกับการจากไปของยาย ทั้งดีใจที่ยายทรมานอยู่ไม่นาน ทั้งงงว่ามันกะทันหันได้แบบนี้เลยเหรอ? แต่พอตั้งตัวได้ความรู้สึกคิดถึงยายก็เริ่มกัดกินเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งที่ทำใจไว้นานแล้วเพราะผมสังหรณ์ไปเองตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่ายายคงอยู่ไม่พ้นปีนี้ ยายเกิดปีเถาะซึ่งปีนี้ชงแรงมาก ยายเจ็บป่วยมากเกินกว่าที่จะเที่ยวได้สบายๆแล้ว ช่วงต้นปีผมพายายไปเที่ยวอีกครั้ง เลยพาไปวัดไผ่โรงวัวเพราะวัดกว้างพอที่จะขับรถเที่ยวชมสิ่งสวยงามรอบๆได้ ปีใหม่ผ่านมาผมไปไหว้พระธาตุแช่แห้งที่ จ.น่านซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเถาะให้ยาย ทั้งที่ตัวเองบอกคนอื่นตลอดว่าพระธาตุประจำปีเกิดมันเป็นแค่กุศโลบายที่คนเหนือกำหนดไว้เพื่อรักษาอัตลักษณ์ของตนเองเอาไว้เท่านั้นเอง ต้นปีผมขอให้ยายเล่าเรื่องอดีตเพื่อบันทึกไว้เรียบเรียงเรื่องราวของคุณยายเป็นความทรงจำทรงคุณค่าถึงโลกในอดีตอันแสนไกลที่ไม่เหลือใครในครอบครัวได้เห็นอีกแล้ว เดือน ก.ค. ยายล้มป่วยหนักมาก ต้องเข้าโรงพยาบาลวชิระ 2 สัปดาห์ อีกครั้งเข้าโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ 3 สัปดาห์ หลังจากนั้นก็เข้าโรงพยาบาลธรรมศาสตร์อีกหลายครั้ง หมอที่วชิระบอกตั้งแต่เดือน ก.ค. ว่ายายคงอยู่ได้อีกไม่นานเพราะหัวใจและปอดชำรุดไปมากแล้ว

บล็อกนี้ผมบอกไว้ว่าสักวันหนึ่งคุณยายก็จะกลายเป็นเพียงความทรงจำ พวกเราจะรักและทำให้คุณยายรักจนกว่าวันนั้นจะมาถึง เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง แต่พอเวลามาถึงจริงๆมันยากกว่าที่คิด แค่คิดว่าหลังจากนี้ไม่มีคุณยายอีกแล้ว ไม่มีคนที่ฝ่าฟันความยากลำบากสร้างครอบครัวขึ้นมาจนลูกหลานสุขสบายแล้ว ไม่มีคนที่คอยกอดผมตอนเด็กๆและปลอบว่า "ใครไม่รักเอ็งแต่ยายรักนะ" ไม่มีคนที่คอยสวดมนต์ให้ผมทุกวันช่วงที่ผมไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแล้ว ไม่มีแล้ว...

คุณยายจากไปอย่างสงบและปิดฉากชีวิตได้อย่างสมบูรณ์จริงๆครับ ลูกหลานมีงานทำมีครอบครัวสุขสบายกันหมดแล้ว เหลนคนเล็กที่ไม่คิดว่าจะเกิดเพราะน้องสะใภ้มีลูกยากปีนี้มันก็เกิดมาจนได้แล้ว ตลอดปีนี้ยายได้พบกับเพื่อนและญาติสนิทมิตรสหายที่ไม่ได้พบมาหลายสิบปี ทั้งคนที่น้าพาไปพบที่บางปะหันและหัวแหลม และคนที่มาเยี่ยมเยียนตอนยายนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ในวาระสุดท้ายตอนไปรับศพคุณยายเหมือนคนนอนหลับ แม้แต่ตอนเปิดโลงครั้งสุดท้ายก่อนเผาสัปเหร่อยังบอกว่าคุณยายสภาพดีมากตาและปากปิดสนิท ยายจากไปอย่างหมดกังวลแล้วจริงๆ ที่เหลืออยู่ทั้งความเศร้าและความเหงาอันสุดเวิ้งว้างก็เป็นเรื่องของคนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นเอง จะบังคับให้เลิกเศร้ามันเข้าใจทฤษฎีแต่มันก็ไม่ได้ทำกันง่ายๆนะครับ ทั้งครอบครัวพากันเศร้าแบบไม่สามารถจะเศร้าได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว จะว่าเศร้าก็ไม่เชิง ยินดีที่คุณยายไปสู่ความสงบสุขแล้ว แต่ความคิดถึงยายสุดหัวใจทำให้น้ำตาไหลทุกครั้งที่ความทรงจำเกี่ยวกับยายมันแว้บเข้ามาในหัว ความรักมันทำร้ายเราได้ร้ายกาจแบบนี้เอง

หลังจากยายเสีย ฝนก็หมดไป ตั้งแต่วันอังคารที่ 21 พ.ย. เป็นต้นมาฟ้าใสสวยมาก ลมหนาวกลับมาเยือนอีกครั้ง ทำเอาผมคิดถึง header บล็อกใหม่ล่าสุดอันนี้เลยครับ คุณยายเดินทางไปยังฟากฟ้าสุดแสนไกลในช่วงที่ท้องฟ้าสวยขนาดนี้คงเป็นการเดินทางที่มีความสุขมากนะครับ




พวกเราตั้งสวดคุณยายที่วัดบางพลัด วัดเล็กๆ จัดงานแบบเรียบๆ ตามที่ยายขอไว้ ถึงยายจะอายุยืนมากจนคนรุ่นยายจากไปหมดแล้ว แต่คนที่รู้ข่าวการเสียของคุณยายก็หลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศ ทั้งญาติห่างๆที่เดินทางมาจากกรุงเทพ อยุธยา หรือแม้แต่ลำปาง ทั้งคนรู้จักพี่ชาย น้า ทั้งพี่ที่ทำงานผม เพื่อนที่ทำงานน้อง หลายคนเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนยายเคยช่วยเหลือพวกเขาไว้อย่างไรบ้าง หลายคนรู้จักกับลูกหลานยายเป็นอย่างดีจนรู้จักและนับถือคุณยายไปด้วย คนเราแสวงหากันหลายอย่างแต่ผมเชื่อว่ากฎของความสุขก็มาในรูปแบบง่ายๆนี่แหละครับ เรามีความรักให้คนอื่น คนอื่นก็รักเราตอบแทน ไปจนถึงรักคนที่เรารักต่อเนื่องไปด้วย ถึงจะทำให้เจ็บปวดตอนเสียมันไปแต่ความรักก็เป็นสิ่งดีที่สุดที่มนุษย์จะให้กันได้นะครับ




หลังจากสวดครบ 5 คืนก็ถึงพิธีฌาปนกิจในวันที่ 26 พ.ย. วันที่คุณยายกลายเป็นสายลม ตอนนี้แม้แต่ร่างไร้วิญญาณของคุณยายก็ไม่อยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว ....แล้วผมจะมัวมาจมอยู่กับความคิดพวกนี้จนหายเศร้าไม่ได้สักทีไปทำไมกันนะ






วันที่ 27 พ.ย. 2560 เรานำเถ้ากระดูกของคุณยายออกจากเมรุวัดบางพลัดกลับไปที่อยุธยาบ้านเกิดของคุณยายเพื่อลอยอังคาร เป็นพิธีสุดท้ายแล้วครับ หลังพระสวดจบสัปเหร่อก็ช่วยเลือกอัฐิส่วนสำคัญด้วยความเชี่ยวชาญบรรจุลงในโกศทองเหลือง (ซื้อมาจากร้านธรรมรัตน์สังฆภัณฑ์แถวหัวแหลมบ้านเก่ายาย) อัฐิส่วนที่เหลือห่อผ้าขาวนำไปลอยอังคารที่จุดตัดแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสักตรงท่าน้ำวัดพนัญเชิง ซึ่งผมเพิ่งจะเขียนบล็อกถึงพอดี ผมคิดว่าตรงนี้เหมาะสมที่สุดเพราะสุสานวัดพนัญเชิงเป็นที่ฝังพ่อและสามีคุณยาย จุดนี้เป็นทางเข้าของเรือสินค้าที่สำคัญในสมัยอยุธยา คนโบราณเชื่อว่าด้านล่างเป็นวังพญานาค ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นจุดส่งวิญญาณที่ผู้ตายสามารถเลือกเดินทางขึ้นเหนือหรือลงใต้ก็ได้ ฯลฯ และอีกสารพัดเหตุผลซึ่งพิธีกรรมพวกนี้ก็เป็นไปเพื่อความสบายใจของคนที่ยังอยู่ทั้งนั้นละครับ คุณยายไปสู่สุขคติตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว







วันนี้เข้าไปห้องของคุณยาย เห็นกระดาษแผ่นเล็กๆที่ยายเขียนพกติดตัวไว้ตลอด เป็นกระดาษเขียนชื่อคนรู้จักยายที่เสียชีวิตไปแล้วเต็มแผ่นเลยครับ เมื่อไปทำบุญยายจะอุทิศส่วนกุศลให้คนเหล่านี้ไปด้วย ผมเสียญาติที่รักมากคือคุณยายครั้งเดียว คุณยายต้องผ่านการเสียบุคคลอันเป็นที่รักมาหลายสิบครั้ง แต่ยายก็ผ่านมันไปได้และยังส่งความปรารถนาดีไปให้พวกเขาเหล่านั้นตลอดมา




เมื่อเดือนก่อนผมเพิ่งนั่งดูหนังเรื่องฟรีแลนซ์ของ GTH บนเครื่องบิน ชอบบทสรุปของหนังนะครับ ความรักมันก็เหมือนดวงอาทิตย์ มันอบอุ่น ถึงแม้สุดท้ายมันจะลับฟ้าจากเราไปแต่การได้รู้จักและโอบกอดแสงอาทิตย์นั้นไว้ในช่วงเวลาหนึ่งก็เป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดแล้ว ถึงหลายคนจะไม่ชอบที่เรื่องนี้ไม่ได้สุขสมหวังแบบอีกหลายๆเรื่องแต่ชีวิตจริงมันก็ bittersweet แบบนี้ละครับ ชีวิตคนไม่ใช่หนังที่พอแฮปปี้แล้วจะจบปิ๊ง สุดท้ายคนเราก็ต้องพบกับช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นก็ขอให้รักแสงอาทิตย์นั้นให้ถึงที่สุดเพื่อให้มันอบอุ่นอยู่ในความทรงจำตลอดไปเถอะครับ

โกศทองเหลืองคงเก็บไว้ที่บ้านน้านั่นละครับ บ้านนี้ย้ายข้าวของมาจากบ้านยายเก่าที่เตาปูน มีรูปของตระกูลฝั่งยายอยู่หลายคน จะสร้างเจดีย์ไว้ที่วัด พื้นที่วัดก็น้อยและคุยกับหลวงพ่อท่านอยากใช้เพื่อประโยชน์อย่างอื่นมากกว่า แทนที่จะไปตากแดดตากฝนอยู่ที่วัดสู้อยู่ที่บ้านลูกหลานดีกว่าครับ


ลาก่อนครับคุณยาย พวกเราลูกหลานก็จะใช้ชีวิตที่คุณยายเลี้ยงดูมาให้ดีที่สุด แล้วพบกันอีกในภพภูมิใดๆเมื่อเวลามาถึงนะครับ




โดย: ชีริว วันที่: 28 พฤศจิกายน 2560 เวลา:21:36:20 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะเคยผ่านความรู้สึกแบบนี้ม
นอนหลับให้สบายนะคะคุณยาย


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 28 พฤศจิกายน 2560 เวลา:22:54:18 น.  

 
ท่านจากไปอย่างสงบเลยนะครับน้องชีริว
ขอแสดงความอาลัยด้วยครับ

ตอนอาม่าพี่ก๋าเสีย ท่านอายุ 98 ปี
และก่อนจะเสียก็เห็นลูกหลานที่เสียไปแล้ว
มายืนรอรับ
เป็นเรื่องที่แปลกดีครับ







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 พฤศจิกายน 2560 เวลา:23:02:27 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ

เปิดมาเจอบล็อกนี้ มีอัพเดตเพิ่มเติมตอนนี้ท่านจากไปแล้ว พอได้อ่านผมนึกถึงคำพูดของบูจาราตี้ใน โจโจ้ภาค 5 (ตอนที่ชิงธนูจากเรเควียมสำเร็จ) แล้วบูจาราตี้จากลา อย่าได้เสียใจไปเลยนะครับ


ป.ล. จากบล็อก จริงๆ อามี่ซังมีระเบิดนะเออ จริงๆแล้ว อามี่ซังพลาดท่าตรงที่มิคาสะ และโวะไม่อยู่ใกล้ๆ นี่แหละ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 28 พฤศจิกายน 2560 เวลา:23:48:17 น.  

 
บล๊อกนี้พี่ไม่เห็นเลย เข้ามาดูก็ยังบล๊อกเก่าอยู่จ้ะ

อ่านเรื่องราวของคุณยายแล้ว คุณยายเป็นคนที่อบอุ่นมาก
เป็นคนที่รักครอบครัว เป็นร่มโพร่มไทรให้ลูกหลาน เป็นตัวอย่างของผู้หญิงสมัยก่อน
ผู้หญิงตัวคนเดียวเลี้ยงลูก 3 คน ยุคนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

คนสมัยก่อนนี้เดินเก่งมาก ยุคเราถ้าไม่ใช่นักกีฬาแล้วหาคนอยากเดินไกลๆยาก
ในชีวิตคุณยายได้เจอเหตุการณ์ใหญ่หลายเหตุการณ์ ผ่านมาได้จนถึงตอนนี้ เป็นผู้หญิงแกร่งมาก

"ในบรรดาหลานๆยายจะรักผมมากเพราะเป็นคนขี้เหนียว (นี่สินะข้อดีของแก)" อ่านมาถึงตรงนี้หลุดขำก๊าก

คุณยายท่านได้ทำหน้าที่ของท่านดีทีสุดเพื่อครอบครัว
และลูกหลานก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง ดูแลท่านยามแก่ยามเจ็บป่วย
เขียนบรรยายเรื่องได้ละเอียดมาก ได้รู้ว่าหลานชายรักคุณยายมาก


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:1:00:16 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจกับน้องชีริวอีกครั้งค่ะ

ถ้าคุณถึงคุณยายก็ดูภาพท่าน
นึกคิดเหตุการณ์ที่ทำร่วมกันจ้ะ


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:1:20:37 น.  

 
** ถ้าคิดถึงคุณยาย เขียนผิดจนได้
ช่วงนี้พี่ก็เบลอๆ เมื่อวานความดันก็สูง
อายุมากขึ้นโรคภัย ก็อยากจะเบียดเบียน

รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:1:23:37 น.  

 
เสียใจด้วยค่ะคุณชีริว

ถึงจะทำใจแล้วว่าความเจ็บป่วย เจ็บ ตาย เป็นสัจธรรม แต่ลูกหลานก็เสียใจ ทำใจยากเมื่ออยู่ ณ สถานการณ์ตรงนั้น ตอนนั้นจริง ๆ เนาะ



โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:5:00:46 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจด้วยจ้ะ
คุณยายท่านไปสบายแล้วนะ

วาเนสซ่า เมย์ พี่อัพตามรีเควสคุณชีริวเมื่อปีที่แล้วน่ะ
เมื่อติดภารกิจไม่ได้ชม ก็ไม่เป็นไรจ้า
ขอบคุณมากจ้ะที่แวะชมดอกกระเทียมเถา

ปล.ช่วงนี้อัพเร็วเพราะเดือนหน้าจะต้องเดินทางรัวๆจ้ะ



โดย: mambymam วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:7:24:42 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ


โดย: kae+aoe วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:8:27:49 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจกับคุณซีริวกับการจากไปของคุณยายด้วยนะคะ

ความรักมันก็เหมือนดวงอาทิตย์ มันอบอุ่น ถึงแม้สุดท้ายมันจะลับฟ้าจากเราไป
แต่การได้รู้จักและโอบกอดแสงอาทิตย์นั้นไว้ในช่วงเวลาหนึ่งก็เป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดแล้ว

บทสรุปจากหนัง สื่อได้ตรงและน่าประทับใจมากค่ะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:8:31:45 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ คุณชีริว


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:12:39:36 น.  

 
จะมาขอบคุณโหวต ได้อ่านตอนจบและทวนอ่านอีกรอบ
รอบนี้ อ่านแล้วเศร้าจัง แล้วทุกอย่างก็ผ่านไปนะคะ
ไม่มีอะไรที่หยิบฉวยไว้ได้สักอย่าง ไม่ว่าสุข ทุกข์ รัก ชัง
เป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ทั้งสิ้น
คุณยายได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและคุ้มค่า
ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างงดงาม
ไม่มีอะไรน่าเสียใจ หรือ ย้อนกลับไปให้คิดเสียดาย
เหลือแต่รุ่นลูกหลาน เราจะทำได้ดีเหมือนคุณยายรึเปล่า

ที่จริงแล้ว คุณยายก็ไม่ได้จากไปไหน แค่เปลี่ยนภพภูมิ
เพราะรถคันเก่าพังหมดวิ่งไม่ไปแล้วค่ะ บุญบาปร่วมกันก็ต้องพบเจอกันอยู่ดี แค่คิดถึงคุณยายก็อยู่ใกล้ๆ

โดยทั่วไปคนเสียชีวิตไปแล้ว ไม่แนะนำให้คนเป็นระลึกถึงมาก เพราะท่านจะเป็นห่วงและไม่ไปเสวยสุข ตามผลบุญที่ได้กระทำมาค่ะ ความคิดถึงเป็นธรรมดาโลก เวลาจะช่วยเยียวยาทุกสิ่ง เป็นกำลังใจให้ค่ะ


โดย: mcayenne94 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:12:46:21 น.  

 
พี่กำลังนึกว่า คุณชีริวหายไปไหน
ตัวพี่เองก็วุ่นวายกับสุขภาพ แต่วันนี้ก็พอมี
กำลังและเวลา มาเที่ยวเยี่ยมน้องๆ ก็แวะมา
ที่นี่ด้วย เห็นตอนต้นบล็อก ยังนึกว่าเอา
เอนทรี่นี้กลับมาทำไม บล็อกมีปัญหาหรือ
เปล่า กะจะดูเม้นท์ข้างล่างเผื่อจะรู้สาเหตุ
จึงได้อ่านต่อ

ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ
พี่ว่าคุณยายท่านไปสบายแล้วทั้งด้วย
วัยที่มากจนสังขารทำให้ลำบาก และทั้ง
ความดีงามที่ท่านทำมาตลอดชีวิต
ท่านไม่ได้ไปไกลหรอกค่ะ ความรักและ
ความผูกพันจะทำให้ท่านอยู่ใกล้ไปตลอด
ชีวิตของคุณนะคะ



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:16:12:56 น.  

 
ใจหายนะ ที่คนรักจากไปแบบนี้แต่ระหว่างนี้ได้ทำใจแล้ว
อายุ 90 ปียายเป็นแบบอย่างให้ดำเนินชีวิตที่ดีมาตลอด

ยายถึงบอกกับชีริวไงว่า ใครไม่รักเอ็งแต่ยายรักนะ
คราวนี้ก็มีเมียเสียทีสิ จะได้มีคนรักเพิ่ม นอกจากยาย อิอิ

ก่อนยายเสีย นั้นเป็นอาการเดียวกับน้ารินที่เสียไปเลย
คือจะมีญาติพี่น้องมาเที่ยวมาเยี่ยมหาเยอะมาก ตอนนั้นอาการกลับดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แต่พอญาติๆ กลับไปไม่ทันไร ไม่ทันถึงชั่วโมง น้าก็แน่นิ่งไปอ่ะ
ปีก่อนนี่เอง ใจหายเหมือนกัน
ลางเค้าเหมือนกันเป๊ะเลย
เหมือนกับว่า ได้ทำการไปอย่างสมบูรณ์แบบไม่มีห่วงแล้ว
ยังดีกว่าที่สิ้นด้วยอบัติเหตุนะ นี่แหละ ผู้มีบุญจริงๆ

ชีวิตทีเ่หลือ ก็ดำเนินตามรอยท่านต่อไป
ยายบอกรอชีริวมีเมียได้สักที ยายจะหมดห่วง



โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:17:19:25 น.  

 
มาอีกรอบพี่รู้แล้วว่าทำไมบล๊อกนี้ถึงไม่ได้อ่าน
พี่ไม่อยู่นี่เอง ช่วงนั้นปิดบล๊อกไปเมืองไทยพอดี
อายุมากขึ้นชักจะหลงๆลืมๆ


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:19:10:59 น.  

 
หือ พี่ตกข่าวไปใช่มั้ย
เลื่อนขึ้นไปอ่าน ถึงได้รู้เรื่องราว

ขอแสดงความเสียใจกับชีริวและครอบครัวด้วยนะคะ
ขอให้คุณยายไปสู่สุขคติ

พี่เข้าใจความรู้สึกของลูกหลานที่สูญเสียร่มไทรของครอบครัว
ยายพี่เสียวันที่ 17 พ.ย.58 ผ่านมาแล้วสองปี
คุณยายเป็นศูนย์รวมใจของครอบครัว
ลูกหลานเยอะ แวะเวียนมาเยี่ยมแกตลอด
แกไม่สบาย มีคนมาเยี่ยมแกอย่างกะงานปอย

พี่มมีความสุขที่ได้นึกถึงยายนะ
บางทีก็อมยิ้มเวลานึกถึง บางทีก็น้ำตาไหลเพราะคิดถึง
และบางครั้งก็แอบเสียใจที่ดูแลยายยังไม่ดีพอ
พี่มีตวามรู้สึกว่า ยายไปดี ยายสะสมบุญมาเยอะ

ดังนั้น ชีริวก็อย่าเศร้าเสียใจนานนะคะ
ท่านสอนเราให้เห็นสัจธรรม พกไปด้วยได้แค่ความดีที่เเพียรทำ

ส่วนน่าน พี่ชอบน่านนะ
ไปปลายปี 58 ปลายปี 59 ก็ไม่ (ยังไม่ได้อัพ แหะ)
ปีนี้หยุดยาวสิ้นปีไปจังหวัดอื่นมั้ง
แต่ยังไม่เบื่อนะ มีโอกาสจะไปอีก




โดย: JinnyTent วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:19:18:02 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับน้องชีริว

อาม่าพี่ก๋าล้มด้วยนะ
ถ้าไม่ล้มนี่ยังแข็งแรงมากๆ
พอล้มแล้วเดินไม่ได้
นอนติดเตียงป็น 10 กว่าปีเลย
แต่ความจำยังดีมากๆครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:21:10:46 น.  

 
มาอ่านเรื่องของอาม่าค่ะ


โดย: sawkitty วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:21:18:07 น.  

 
เป็นครั้งแรกเลยครับที่อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ อ่านแล้วคิดถึงยายมาก ๆ เลย ยายผมเสียไปแล้วเกือบ 20 ปี


โดย: The Kop Civil วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:22:49:14 น.  

 
วันนี้กลับมาอ่านอีกครั้ง
ยังคิดว่าน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเพราะเปิดบ้านมา
เป็นเรื่องของคุณยาย ลางสังหรณ์เป็นจริงอีกด้วย

พี่ติ๋วใจหายที่สูญเสียผู่ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือ
ในการวางตนและการครองชีวิต
เหมือนคนรู้จัก หรือคนบ้านใกล้ตายจากไป
ต่อนี้ไปคงไม่ได้อ่านเรื่องรางของคุณยายอีกแล้ว

พี่ติ๋วขอแสดงความเสียใจกับน้องชีริวด้วยอย่างยิ่ง
ขอให้ดวงวิญญาณของท่านไปสู่ภพภูมิที่ดีที่สุดค่ะ


โดย: หมุยจุ๋ย วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:23:12:35 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะคุณชีริว
ขอให้คุณยายสู่สุคติค่ะ
เรื่องแบบนี้มันต้องมาถึงซักวันนึงจนได้
แต่ช่วงสุดท้ายนี้ท่านมีความสุขกับครอบครัวใหญ่ กับลูก หลาน เหลน
นับได้ว่าท่านเป็นผู้มีบุญค่ะ



โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:23:19:00 น.  

 
บูจาราตี้ตอนที่ปรากฎตัวครั้งแรก แนวเกิน ตอนแรกไม่คิดว่ามันเป็นผู้ชายด้วย

พอได้อ่านที่คุณชีริวเขียนเพิ่มเติม ผมนึกถึงคำพูดของบูจาราตี้ใน โจโจ้ภาค 5 จริงๆ (เล่ม 63) ตอนสุดยอดราชันย์ มันรู้สึกแบบนั้นครับ อย่ากังวลไปเลย ก็แค่กลับสู่ที่เดิม ไปสู่บ้านเก่าเท่านั้น

ปู่ผม 94 ปี ถ้าแกไม่สูบบุหรี่ แกน่าจะอยู่ได้ถึง 100 ปี


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:23:26:50 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ ชีริว
คุณยายเดินไป กลับ 7 km เป็นระยะทางที่ไกลพอควรเลย
ขนาดขับรถยังว่าไกล อันนี้จริงมาก ๆ ๆ ๆ ๆ

ยืนยันคำเดิม คือ หากมีอะไรให้เราช่วย บอกได้เสมอนะ


โดย: Close To Heaven วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:0:45:29 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:6:53:30 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะ ส่งกำลังใจให้คุณชีริวค่ะ


โดย: kae+aoe วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:8:38:58 น.  

 
ขอบคุณคุณชีริวมากจ้ะที่แวะฟังวาเนสซ่า
เธอเป็นผู้หญิงเก๋งหลายด้าน หน้าตาก็สวย
เสียแต่ครอบครัวไม่ค่อยอบอุ่น ก็น่าสงสาร
เพลงContradanza นี่ก็เพราะ แต่หาเรื่องราวความเป็นมาของเพลงไม่เจอ
เลยไม่ได้เอาลงจ้ะ



โดย: mambymam วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:9:12:49 น.  

 
ขอบคุณคุณซีริวมากนะคะสำหรับกำลังใจ

คุณยายต๋าเสียตอนอายุ 95 เวลาช่วยเยียวยาได้ค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:11:17:08 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องชีริว

ก่อนอื่น ครูขอแสดงความเสียใจกับเธอด้วย ที่ได้สูญเสียยาย ผู้เป็นที่รักยิ่งของเธอ
ครูเข้าใจความรู้สึกของเธอนะ เพราะเธออยู่กับยาย ยายเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ความรัก ความผูกพันย่อมต้องมีมากเป็นพิเศษ จ้ะ
แต่อย่างไร ก็ตาม ยาย ท่านก็ไปสบายแล้ว ไปสู่ภพภูมิที่ดี เพราะตลอดชีวิตของยายที่ครูอ่านจากที่เธอเล่า ยายได้ทำหน้าที่ของยาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ต่อปู่ ย่า ตา ยาย พ่อแม่ พี่น้อง ตลอดจนลูกหลาน เหลน และเพื่อนฝูงและต่อสังคม อย่างครบถ้วน บริบูรณ์ แล้ว ชีวิตบั้นปลาย ก็อบอุ่นด้วยลูกหลานได้ห้อมล้อม ดูแล เพื่อนฝูงที่จากกันหลายสิบปี ก็มีโอกาสได้พบเจอ ท่านได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าแล้ว จ้ะ เราต้องแสดงความยินดีกับยาย จ้ะ

ครูน่าจะรู้ช้ากว่าเพื่อนบล็อกคนอื่น ๆ นะ ช่วงหลัง ๆ ครูก็ไม่ค่อยได้เข้าบล็อกนานนัก หมายความว่า บ่าย ๆ ค่ำ ๆ ถึงได้เข้ามาอ่าน ก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า ทำไม ชีริว ไม่เข้ามาทักทายครูในบล็อกเลย ใจนึกไปว่า สงสัยไปเที่ยวต่างประเทศ ยังไม่กลับมาก หรือกลับมาแล้ว คงวุ่นอยู่กับงานที่ต้องสะสาง ไม่นึกเลยว่า ยาย จะจากไปเร็วนัก

วันนี้ มาอ่านที่ชีริวไปเม้นท์ที่บล็อกครู เลยนึกว่าเธออัพบล็อกเรื่องที่ไปเที่ยวมา กดเข้าบล็อกเธอ เอ๊ะ ! จำได้ว่า เรื่องนี้ เธออัพไปแล้วนี่นา ทำไมมาลงใหม่อีกล่ะ ยิ่งอ่านก็ยิ่งจำได้ว่า อ่านไปแล้ว จนถึงบรรทัดสุดท้าย เขียนอัพแล้วเดือน ส.ค. อ่านต่อไป เลยรู้ว่า ยายเสีย วันที่ 20 พ.ย. ก็ห่างกันไม่กี่เดือนเอง เฮ้อ! ตอนที่ชีริวเขียน ดู ยาย ยังแจ่มใสและแข็งแรงอยู่เลย แต่อะไร ๆ ก็ไม่เที่ยงแท้ น่ะนะ

ขอแสดงความเสียใจกับชีริวอีกครั้งนะจ๊ะ แต่ขอให้ชีริวรักษาสุขภาพทั้งกายและใจด้วยจ้ะ ทุกคนก็ต้องถึงวันนี้เหมือน ยาย น่ะนะ คิดถึง ยาย ก็หมั่นทำบุญใส่บาตรให้ยาย และทำสิ่งที่ยายชอบ อยู่บนสวรรค์ ยายจะได้สบายใจและมีความสุขมากยิ่งขึ้นนะจ๊ะ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:17:24:41 น.  

 
สวัสดี่ค่ะ

ได้อ่านประวัติคุณยาย คุณยายอายุยืนนะคะ
ตอนนี้คุณยายได้หลับพักผ่อนและวค่ะ
ขอให้คุณยายหลับให้สบายนะคะ ...

เข้าใจคุณซีริวค่ะว่าเมื่อคอบครัวต้องสูญเสีย ย่อมเสียใจเป็นธรรมดา
แต่ดีใจที่ไม่ต้องเสียดายและเสียใจว่าไม่ได้ทำหน้าที่นะคะ
เพราคนในครอบครัวได้ทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว


เราผ่านเรื่องราวแบบนี้มา ช่วงปู่ย่าตายาย
เราก็ไม่เสียใจและเสียดายอะไร
เพราะเราก็ทำได้ดีที่สุดเหมือนกัน
ช่วงนี้ก็เป็นการดูแลพ่อกับแม่ล่ะ เราเต็มที่อยู่ตอนนี้ค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ รวมถึงทุกคนในครอบครัวค่ะ


โดย: tanjira วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:17:29:46 น.  

 
เข็มแข็งนะ คนเราหนีความตายไม่พ้น
ชีริวเองสักวันก็ต้องตาย พี่ก็ต้องตาย
สู้เราเอาความตายของคนใกล้ชิดมาสอนเรา
ให้ปฏิบัติต่อกับคนที่เรารักดีกว่า
วันนี้ เราทำดีกับพวกเข้าหรือยัง ตอบแทนบุญคุณดีหรือยัง

พี่เองทำใจยาก คนที่พี่ตัดไม่ได้ก็คือ ลูก
ห่วงเค้า ว่าจะอยู่ จะมีชีิวิตยังไงถ้าไม่มีเรา

เวลาพี่ดูรูปยาย ตอนพายายไปเที่ยวนู๊นนี่นั่น
ก็สุขใจนะ ที่ยายตอนนั้นดูมีความสุข
ความรักยายยังเหมือนเดิม แม้ตัวยายไม่อยู่กับเราแล้ว
แต่เรามียายอยู่ในใจตลอด

สารภาพว่าทุกวันนี้ พี่ยังคิดว่ายายยังอยู่ที่บ้านของยายอ่ะ
พี่อยู่ในเมือง มีความรู้สึกว่ายายอยู่สะเมิง
ให้คิดถึง แต่พอไปสะเมิงเจอแต่รูปยายก็ใจหาย
แทนที่จะได้ไหว้ตัวยาย ก็ไหว้รูปยายแทน

ตอนแรก ๆ กลับสะเมิงทำใจยากนะ
ทำให้ไม่อยากกลับไปพักหนึ่ง เพราะยายไม่อยู่แล้ว
แต่ก็ต้องกลับเพราะยังมีพ่อแม่เราอยู่
พี่ผูกพันกับยายมาก พี่เป็นหลานคนแรกของยาย
นอนกับยาย ไม่ยอมนอนกับพ่อแม่

ดูสิ จะมาปลอบ ดันมาเล่าความหลัง
เอาเป็นว่า เวลาช่วยได้แน่นอนจร้า



โดย: JinnyTent วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:18:13:45 น.  

 
จริงครับ

อายุกับความจำ
พี่ก๋าว่าผกผันกันเสมอ
อายุน้อย ความำจดี
อายุมาก ความจำเสื่อม

อาม่าพี่ก๋าความจำดีมากครับ
ยังทันได้พาหมิงหมิงไปไหว้
อาม่าใจดีมากๆ
เป็นความทรงจำที่งดงามในความรู้สึกเสมอครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:23:17:28 น.  

 
ครอบครัวพี่คุณตา-ยาย เสียตั้งแต่ก่อนพี่เกิด
คุณย่าก็เสียตอนพี่อายุได้ 2 ขวบ มีคุณปู่นี่หล่ะที่พี่ผูกพันมาก
แต่พี่ก็ดันมาเรียนที่ กทม.ตอน ม.1 กว่าจะได้กลับบ้านก็ต้องรอปิดเทอม
คุณปู่ท่านเสียแล้วตอนอายุ 90 กว่า และคุณพ่อพี่ก็เสียแล้ว ผ่านเหตุการณ์นี้มาแล้ว
ที่เยอรมันพ่อปู่-แม่ย่าก็เสียแล้วค่ะ ใจหายเนาะนับวันญาติพี่น้องคนรู้จักเริ่มหายไป


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 1 ธันวาคม 2560 เวลา:2:10:38 น.  

 
คุณยาย ไปสบายแล้ว..ครับคุณชีริว...

ผมเข้าบล๊อกนี้ จำได้เลยว่าอ่านแล่ว แต่ฉุกคิดว่า ต้องมีอะไรสัก
อย่างแน่ เลยนั่งอ่านข้างบนอีกครั้ง เรียกว่า ละเลียดอ่าน ทั้งที่
จำเหตการณ์ สถานที่ได้.. คุณยายเข้มแข็ง ไฝ่รู้..ยอดเยี่ยม
เลยครับ

คุณยายไปสบาย ๆ คงเป็นที่ต้องการของหลาย ๆ คนที่อยาก
ไปแบบสบาย.. ลูกและหลาน ๆ อยู่กันอย่างสบายเพราะคุณยาย
เพาะบ่ม อบรมให้รู้จักประหยัด.. เรียนให้มากเท่าที่จะทำได้

ผมเชื่อว่า คุณยายไปสู่สรวงสวรรค์แล้วครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 1 ธันวาคม 2560 เวลา:4:45:34 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 ธันวาคม 2560 เวลา:6:35:21 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะ


โดย: kae+aoe วันที่: 1 ธันวาคม 2560 เวลา:8:42:51 น.  

 
ทักทายยามเช้าค่ะคุณชีรีว
ขอบคุณสำหรับโหวตด้วยค่ะ


โดย: Gorjai Writer วันที่: 1 ธันวาคม 2560 เวลา:9:12:26 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องชีริว

แวะมาเยี่ยมและทักทาย จ้ะ ดีใจ ที่บล็อกงานพิธีลอยอังคารของลูกศิษย์ ของครู มีประโยชน์ต่อการลอยอังคารของยายจ้ะ

งานส่งคุณยายไปสู่สรวงสวรรค์ ก็ผ่านพ้นไปแล้ว ความเศร้าโศกเสียใจ ก็ขอให้ผ่านพ้นไปด้วย มาคิดถึงงาน หน้าที่ ที่เราต้องดำเนินชีวิตกันต่อไปให้ดีที่สุด ให้สมกับที่ ยาย ได้บ่มเพาะสอนเรามานะจ๊ะ ยายที่อยู่บนสรวงสวรรค์ มองดูลูกหลานแต่ละคน จะได้ยิ้มอย่างมีความสุข นะจ๊ะ

ไปเที่ยว อิตาลี ให้สนุกนะ แล้วกลับมาเล่าให้ครูอ่านด้วย ประเทศนี้ ครูยังไม่เคยไป จ้ะ ว่าจะไปเหมือนกัน แต่คงต้องอีกสักพักใหญ่ ให้แข็งแรงกว่านี้ อีกสักหน่อยจ้ะ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 1 ธันวาคม 2560 เวลา:10:08:46 น.  

 


โดย: mambymam วันที่: 1 ธันวาคม 2560 เวลา:15:41:03 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับ

โอ้โห...น้องชีริวจีบพี่ก๋ากลางบล้อกแบบนี้
พี่ก๋าก็เขินแย่เลยสิครับ 555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 ธันวาคม 2560 เวลา:21:12:21 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับคุณชีริว
คุณยายได้สร้างสายธารวงศ์ตระกูลที่มั่นคงให้ลูกหลานแล้ว
เชื่อว่าคุณยายจะยังอยู่ในใจของลูกหลานตลอดไปครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 1 ธันวาคม 2560 เวลา:22:23:07 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ

ทุกครอบครัว ล้วนแล้วแต่ มีเสาหลัก ของครอบครัวเสมอ

เท่าที่ อ.เต๊ะ พบเจอ ก็มักจะเป็นคนรุ่น คุณตา คุณยาย นี่แหละนะครับ

แล้วส่วนใหญ่ มักจะไม่ใช่ผู้ชายด้วย จะเป็นผู้หญิงที่ มีความเข้มแข็ง
ขยันทำมาหากิน ตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงลูก อยากให้ลูกหลานได้ดี

ตัวเองจะกินจะอยู่ก็จะมัธยัสต์ อดออม ไม่ค่อยใช้จ่ายอะไร

สร้างฐานะ สร้างครอบครัวเป็นปึกแผ่นด้วยความมานะ แบบคุณยาย คุณซีริว นี่แหละครับ

เรื่องราวความลึกซึ้ง ความผูกพัน กับคนที่เรารักมากๆ ในครอบครัว ที่มาจากไปนี่ ถ่ายทอดออกมาได้ยาก เพราะจะเศร้าทุกครั้งที่นึกถึง จนไม่สามารถบรรยายออกมาได้จริงๆ

ครอบครัว อ.เต๊ะ ก็มีคนที่รัก จากไปตามอายุขัย จัดงานศพอยู่บ่อยครั้ง เรียกว่าเป็นเซียนงานศพ แต่ก็ไม่อาจจะทำใจ ไม่ไห้โศกเศร้าได้ซักครั้งเดียวเลยนะครับ

และการที่เรา อยู่สุขสบาย เติบโตมีการงาน มีฐานะที่ดีได้ ก็เพราะ คนรุ่นคุณยายนี่แหละ ที่เป็นฐานราก เป็นต้นทุนให้พ่อแม่เรา และตัวเราได้อยู่สุขสบาย มาทุกวันนี้


เพราะฉะนั้น คนที่ยังมีเสาหลักของครอบครัวอยู่ ก็ควรจะดูแล
ปรนนิบัติ ทนแทนบุญคุณท่านให้มาก

ชีวิตคนเราผ่านไปรวดเร็ว
อาจจะล้มหายตายจากกันได้ทุกเมื่อ เมื่อยังมีโอกาสก็ต้องรักและดูแลกันให้เต็มที่นะครับ

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมเยียน และส่งกำลังใจให้นะครับ

ปล อ.เต๊ะ ก็เกิดปีเถาะ เหมือนกัน มิน่าปีนี้ ชงหนัก ชง ขมปี๋ เลยครับ




โดย: multiple วันที่: 2 ธันวาคม 2560 เวลา:4:49:03 น.  

 
จริงอย่างคุณชีริวว่า
วงการลูกทุ่งหาคนมาแทนสายัฯห์ยากมาก
สมัยนี้เพลงลูกทุ่งไม่ใช่ลูกทุ่งแท้
มันเป็นลูกทุ่งกึ่งสตริงหรือกุ่งเพื่อชีวิตกันหมด
ฟังแล่วแปลกๆ นักร้องผู้หญิงก็ขายหุ่น หน้าตาซะส่วนมาก

ขอบคุณโหวตจ้ะ





โดย: mambymam วันที่: 2 ธันวาคม 2560 เวลา:5:45:00 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 ธันวาคม 2560 เวลา:6:36:45 น.  

 
สวัสดีคะคุณชีริว... ขอแสดงความเสียใจด้วยคะ
เราแวะมาอ่านแต่ไม่ได้ทักทายกันเพราะตอนนี้ไปสอนหนังสือ
ใช้เวลาว่างเล็กๆอ่านบล๊อกบ้างแต่พิมพ์ด้วยมือถือ ลำบากนิดหน่อยจร้า

บันทึกเรื่องราวนี้ อ่านแล้วปลื้มปิติ ในตัวจขบ.ที่บันทึก
ประวัติศาสตร์ชีวิตครอบครัวบรรพบุรุษ ที่น่าศรัทธาและชื่นชม
โดยใช้พื้นที่นี้ ให้มีคุณค่ามากๆคะ
คุณยายและทุกคนในครอบครัวได้เห็น
ต้องชื่นชมในตัวคุณชีริว ... สุดยอดคะ ....


โดย: Tui Laksi วันที่: 3 ธันวาคม 2560 เวลา:9:10:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชีริว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 89 คน [?]





**5 Latest Entries**
RedLife
เบตง
โดราเอม่อน ตอน ปืนหยั่งรู้ความคิด
ปัว-บ่อเกลือ
โดราเอมอน ตอน ฝาแฝดของโนบิตะ


Friends' blogs
[Add ชีริว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.