อยุธยายศยิ่งฟ้า (1): พระราชวังโบราณ
ยินดีต้อนรับสู่บล็อกซากอิฐของแท้และดั้งเดิมครับ วันนี้จะพาทุกท่านกลับมาที่พระราชวังโบราณอีกครั้ง สถานที่แห่งนี้เป็นบล็อกแรกที่ผมเขียนเกี่ยวกับโบราณสถานไว้ตั้งแต่ปี 2555 >>Blog พระราชวังโบราณ ...5 ปีที่คร่ำหวอดมากับซากอิฐ และพระราชวังโบราณแห่งนี้เองก็เป็นสถานที่ที่ทำให้ผมอินกับประวัติศาสตร์ ด้วยเรื่องราวมากมายมหาศาลที่เกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ ผมชอบโบราณสถานเพราะมันเป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนสร้างไว้ และยืนหยัดผ่านหลายชั่วอายุคน บันทึกเรื่องราวความทรงจำไว้มากมาย
ก่อนอื่นมาดูแผนที่โบราณสถานในเกาะเมืองกันก่อนครับ กว่าจะแปะจุดเสร็จแทบหมดพลังชีวิต บล็อกนี้จะเล่าเฉพาะส่วนของพระราชวัง ...ไม่กล้าคิดถึงตอนเขียนบล็อกหน้าที่จะพาเที่ยวทั่วเกาะเมืองเลยครับ
แผนที่โบราณสถานในเกาะเมืองอยุธยา (click ที่รูปเพื่อชมภาพขยาย)
พระราชวังโบราณอยู่ทางเหนือของเกาะเมืองอยุธยา ที่นี่เคยเป็นวังที่กษัตริย์สมัยอยุธยาประทับครับ ที่ตั้งวังอยู่ข้างๆวัดพระศรีสรรเพชญ์ แต่เดิมดูถึงจะไม่ได้รกร้างเพราะมีการบำรุงรักษาตัดหญ้าอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ค่อนข้างเงียบเหงาเพราะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้าไปชมครับ และมันก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ชมนั่นแหละ พระที่นั่งต่างๆถูกทำลายจนเหลือแต่ฐานราก ในบริเวณวังมีวัดพระศรีสรรเพชญ์ซึ่งเดิมเป็นพระราชวังเก่า ก่อนจะขยายวังขึ้นด้านบนแล้วเปลี่ยนบริเวณนี้เป็นวัดประจำพระราชวังแทน ใกล้กันคือบึงพระราม หรือชื่อเดิมคือหนองโสน ตามที่บันทึกไว้ว่าพระเจ้าอู่ทองสร้างพระราชวัง (วัดพระศรีสรรเพชญ์) ขึ้นบริเวณริมหนองโสนในปี พ.ศ.1893 การแต่งงานของพระเจ้าอู่ทองกับธิดากษัตริย์สุพรรณภูมิ ทำให้ขุนหลวงพะงั่วแห่งสุพรรณภูมิสนับสนุนการสร้างเมืองใหม่นี้
เดิมทีเมืองราชธานีเก่าใช้ชื่ออโยธยาศรีรามเทพนครเป็นการตั้งชื่อเมืองตามเมืองอโยธยาของพระรามจากมหากาพย์รามายณะ และสืบทอดชื่ออโยธยามาแม้ย้ายราชธานีมาในเกาะเมืองแล้ว แต่หลังเสียกรุงครั้งที่ 1 ชื่อเมืองของพระรามนี้ก็หมดความศักดิ์สิทธิ์ กษัตริย์เน้นการแผ่บารมีด้วยการทำสงคราม จึงเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นกรุงศรีอยุธยา (เมืองที่ไม่มีวันรบแพ้) ชื่อเต็มว่า "กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา" แสดงการสืบทอดอารยธรรมมาแต่ยุคทวารวดี
|
พระเจ้าอู่ทอง
| และนี่คือเส้นทางการกำเนิดอาณาจักรพระนครศรีอยุธยาอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรครับ - เมืองละโว้ (ลพบุรี) เจริญรุ่งเรืองในพุทธศตวรรษที่ 13 หลังชายฝั่งทะเลร่นลงด้านล่าง ชาวละโว้ได้สร้างเมืองอโยธยา (ตะวันออกของเกาะเมืองอยุธยา) เพื่อเป็นเมืองท่าของละโว้ - ขอมเข้ามามีอิทธิพลในละโว้ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 16 ละโว้เริ่มลดบทบาทลงเรื่อยๆ และอโยธยาขึ้นมามีความสำคัญแทนที่ - ในขณะเดียวกันฝั่งตะวันตก เมืองสุพรรณภูมิ (สุพรรณบุรี) ขึ้นมามีอำนาจแทนเมืองยุคทวารวดีอย่างนครไชยศรีและคูบัว - พระเจ้าอู่ทองกษัตริย์องค์ที่ 10 ของอโยธยา ย้ายเมืองเพื่อหนีโรคห่า มาสร้างพระตำหนักเวียงเหล็กขึ้นบริเวณวัดพุทไธศวรรย์ชั่วคราว ก่อนไปสร้างพระราชวังขึ้นริมหนองโสนและสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้น - ราชวงศ์สุพรรณภูมิจากสุพรรณภูมิขึ้นมายึดอำนาจจากราชวงศ์อู่ทองได้อย่างสมบูรณ์ในสมัยพระนครินทราธิราช และสร้างอยุธยาเป็นราชธานีอย่างแท้จริง
ด้วยความที่บริเวณนี้มีแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำลพบุรีโอบล้อมอยู่แล้ว เมื่อขุดคลองเมืองทางทิศตะวันออกเพื่อผันน้ำจากแม่น้ำป่าสักก็จะกลายเป็นเกาะเมืองอย่างสมบูรณ์ และน้ำนี่ละครับเป็นกลไกป้องกันข้าศึกที่เด็ดขาด นอกจากข้าศึกจะต้องยกพลข้ามน้ำเพื่อเข้าตีเมืองอยุธยาแล้ว หากอยุธยาต้านได้จนถึงหน้าน้ำหลาก ข้าศึกก็ต้องหนีน้ำกลับไป ด้วยบาเรียร์น้ำนี้ทำให้อยุธยาแข็งแกร่งยืนยาวในยุคที่เข้าตีกันเป็นว่าเล่น ถ้าดูแผนที่จะเข้าใจว่าคลองที่ขุดเพิ่มคือด้านบนเกาะเมือง แต่อันที่จริงนั่นคือแม่น้ำลพบุรีที่ตื้นเขินลงกลายเป็นคลองเมืองครับ คลองที่ขุดขึ้นคือแม่น้ำป่าสักทางตะวันออกต่างหาก
และเช่นเดิมครับ เนื่องจากวัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นสถานที่ตั้งพระราชวังแต่เดิมที จึงขอพาเที่ยววัดพระศรีสรรเพชญ์ก่อนไปชมวัง พระบรมไตรโลกนาถมีแนวคิดรวมอำนาจทางโลกและทางธรรมเข้าด้วยกัน จึงเปลี่ยนพระราชวังที่สร้างสมัยพระเจ้าอู่ทองเป็นวัดพระศรีสรรเพชญ์ในปี พ.ศ.1991 แล้วขยายวังขึ้นไปทางเหนือ ศูนย์รวมใจของอยุธยาเปลี่ยนจากวัดมหาธาตุที่สร้างในสมัยขุนหลวงพะงั่วมาเป็นวัดพระศรีสรรเพชญ์ในสมัยพระบรมไตรโลกนาถนี้เอง หลังจากนั้นธรรมเนียมการสร้างวัดไว้ในวังก็สืบทอดมายังรัตนโกสินทร์ด้วย (วัดพระแก้ว)
วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นพระอารามหลวงประจำพระราชวังในสมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา สิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ของวัดนี้คือเจดีย์เรียง 3 องค์ เป็นที่บรรจุอัฐิของกษัตริย์อยุธยาตอนต้น 3 พระองค์ไล่จากขวามาซ้ายคือ พระบรมไตรโลกนาถ พระบรมราชาธิราชที่ 3 (ลูกพระบรมไตรโลกนาถ) และพระรามาธิบดีที่ 2 (น้องพระบรมราชาธิราชที่ 3) โดยสององค์แรกสร้างในสมัยพระรามาธิบดีที่ 2 องค์สุดท้ายสร้างในสมัยพระบรมราชาธิราชที่ 4
วัดนี้มาหลายรอบเลยได้เห็นเจดีย์ในบรรยากาศต่างๆ รวมถึงตอนก่อนและหลังบูรณะด้วย 2010 - สภาพดั้งเดิมตั้งแต่บูรณะครั้งใหญ่สมัยจอมพล ป. 2012 - สภาพบูรณะหลังน้ำท่วมใหญ่ปี 54 ขาวจ๋องมาเลย 2014 - เออ พอตากแดดตากฝนไว้นานๆมันก็เหมือนจะเข้ารูปเดิมอยู่นะ 2017 - วิวกลางคืน เพิ่มความขลัง วัดปิดแล้วแต่ขออนุญาตคุณยามเข้ามา
สถานที่สำคัญอื่นๆในเขตวัดก็มีวิหารพระโลกนาถ ประดิษฐานพระโลกนาถ (ร.1 อัญเชิญไปวัดโพธิ์แล้ว), วิหารจอมทอง ใช้เป็นที่สนทนาธรรมและเก็บพระพุทธรูป แต่ที่จะพามาชมวันนี้คือวิหารหลวงที่ประดิษฐานพระศรีสรรเพชญดาญาณ พระประธานของวัดและเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองอยุธยา สร้างสมัยพระรามาธิบดีที่ 2 ปี พ.ศ.2046 เป็นพระยืนขนาดใหญ่สร้างจากทองสำริด จากหลักฐานประวัติศาสตร์คาดว่าสูง 13-14 เมตร หุ้มด้วยทองคำหนัก 171 กก. แต่ก็ไม่มีใครในยุคนี้ได้เห็น เพราะองค์พระถูกพม่าทำลายตอนเสียกรุงครั้งที่ 2 เพื่อทำลายขวัญเมืองจนเสียหายหนัก ร.1 ตั้งใจว่าจะหลอมใหม่ แต่พระสังฆราชปรามไว้บอกว่าเมื่อเป็นองค์พระแล้วไม่ควรนำไปเผาไฟอีก จึงนำไปบรรจุในเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองในวัดพระเชตุพน ตั้งชื่อว่าพระมหาเจดีย์พระศรีสรรเพชญดาญาณ (อยากให้ยุคนี้รื้อเอามาแสดงในพิพิธภัณฑ์มากกว่า)
มีผู้สันนิษฐานว่าเศียรพระพุทธรูปในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคือเศียรของพระศรีสรรเพชญดาญาณ และด้วยขนาดเศียรที่สูงถึง 173 cm คาดว่าองค์พระจะใหญ่โตมากจึงไม่น่าประดิษฐานที่อื่นได้นอกจากวิหารหลวง ซึ่งตรงกับข้อมูลที่บันทึกไว้ตอนย้ายพระเศียรมาที่พระนครว่าขุดพบที่วิหารหลวงวัดพระศรีสรรเพชญ์ (นำไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์จันทรเกษมก่อนย้ายมาพระนคร) ทั้งนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในขั้นตอนการถกเถียงครับ
เศียรพระพุทธรูปในพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
นอกจากนี้รอบๆยังมีเจดีย์บรรจุอัฐิพระบรมวงศานุวงศ์อยู่เยอะมาก ตอนสำรวจวัดพระยาโบราณราชธานินทร์ขุดพบโกศมากมายเลยครับ ตามวิหารรายก็มีที่เก็บอัฐิชนชั้นสูงด้วย
แต่สถานที่เก็บอัฐิสำคัญที่สุด (ถ้าไม่นับเจดีย์ประธาน 3 องค์) ต้องตรงนี้เลยครับ วิหารจตุรมุข ท้ายวัด มีเจดีย์อยู่กลางวิหารเป็นที่บรรจุอัฐิกษัตริย์อยุธยาตอนปลายหลายองค์ ที่บันทึกไว้มีพระเจ้าปราสาททอง พระนารายณ์ พระเพทราชา พระเจ้าเสือ องค์อื่นๆก็คงเก็บไว้ที่เดียวกัน แต่ด้วยความวุ่นวายในพระราชสำนักช่วงกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเลยไม่ได้มีการบันทึก
วิหารพระมงคลบพิตร อยู่ใต้วัดพระศรีสรรเพชญ์ พระดิษฐานพระมงคลบพิตร พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ คาดว่าสร้างสมัยพระไชยราชาธิราชที่วัดชีเชียงทางตะวันออกของวิหารปัจจุบัน จากนั้นพระเจ้าทรงธรรมได้ย้ายที่ตั้งมาบริเวณวิหารปัจจุบัน วิหารถูกทำลายเสียหายในช่วงเสียกรุงครั้งที่ 2 แต่องค์พระไม่ถูกพม่าทำลายเพราะมีความสำคัญเป็นรองพระศรีสรรเพชญ์ ได้รับการบูรณะในปี พ.ศ.2499 โดยจอมพล ป. และงบสนับสนุนจากรัฐบาลพม่า
ในการบูรณะองค์พระมงคลบพิตรสมัยจอมพล ป. ขุดพบพระพุทธรูปโบราณจำนวนมากในองค์พระ ปัจจุบันนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา ภายในวิหารยังมีเศียรพระพุทธรูปเก่าแก่มากมายเลยครับ
ถังเก็บน้ำโบราณทางทิศใต้ของวิหาร
|
ด้านหน้าของวิหารพระมงคลบพิตรมีอาคารเรียกว่าวิหารแกลบ เชื่อว่าเดิมเป็นส่วนหนึ่งของวัดชีเชียงที่เคยประดิษฐานพระมงคลบพิตร
| วิหารมงคลบพิตรยามค่ำคืน... ตอนนี้บูรณะอยู่นะครับ
ด้านหลังวิหารเป็นตลาดวัดมงคลบพิตรมีของกินมากมาย โรตีกับอาหารแห้งจะเยอะเป็นพิเศษ
ด้านหน้าวัดพระศรีสรรเพชญ์และวิหารพระมงคลบพิตรเป็นลานกว้างที่ใช้เป็นทุ่งพระเมรุ (สถานที่ประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิงกษัตริย์) เทียบเท่าสนามหลวงของกรุงเทพ ตอนนี้ต้นพุทราขึ้นเต็มจนดูไม่เป็นสนามหลวงแล้วครับ แต่ก่อนว่ากันว่าทหารพม่านำพุทรามากินแล้วคายเม็ดไว้ทำให้มีต้นพุทราเต็มบริเวณพระราชวังโบราณและสวนสมเด็จพระศรีฯ ในเกาะเมืองอยุธยา ต้นพุทรามีแต่เดิมตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว ร.5 ทรงให้ปลูกเพิ่ม และพระเทพให้อนุรักษ์พันธุ์ไว้คู่เมืองอยุธยาต่อไป
จบจากวัดพระศรีสรรเพชญ์แล้วตามเข้ามาชมพระราชวังกันเลยครับพวกเรา...
พระราชวังโบราณ หรือพระราชวังหลวงของกรุงศรีอยุธยามีพื้นที่ประมาณ 150 ไร่ โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 เขตคือเขตพระราชฐานชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน แต่ในเอ็นทรี่นี้ต้องอัพเกรดจากครั้งก่อนไปอีกขั้น เลยจะขอแบ่งละเอียดเป็น 7 เขตตามภาพเลยครับ
1. เขตพระราชฐานชั้นนอก - มีท้องสนามหน้าจักรวรรดิเป็นที่ตั้งของหน่วยราชการ เช่น โรงราชรถ โรงปืนใหญ่ ศาลหลวง และมีพระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์ เป็นพระที่นั่งด้านนอกสุด ปัจจุบันสนามหน้าจักวรรดิเป็นพื้นที่โล่งด้านหน้าพระราชวังโบราณ ล่าสุดเดือนที่แล้วใช้สร้างพระเมรุมาศจำลองของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีถวายพระเพลิง ร.9 ครับ
อนุสาวรีย์พระเจ้าอู่ทอง ตั้งอยู่ระหว่างบึงพระรามและวัดพระศรีสรรเพชญ์สถานที่ๆพระเจ้าอู่ทองได้สร้างเป็นพระราชวังในเริ่มแรก เดิมทีบริเวณนี้คือศาลาสารบัญชีที่ขุนวรวงศาธิราชเคยมาปลูกจวนอยู่
พระที่นั่งจักรวรรดิ์ไพชยนต์ สร้างสมัยพระเจ้าปราสาททอง พ.ศ.2175 ไว้ดูขบวนแห่และการแสดงต่างๆ ที่ฐานพระที่นั่งยังเหลือรอยปูนปั้นรูปยักษ์แบก
2. เขตพระราชฐานชั้นกลาง - เป็นที่ตั้งของพระที่นั่งสำคัญในยุคแรกที่พระบรมไตรโลกนาถสร้างพระราชวังขึ้นคือพระที่นั่งเบญจรัตน์ พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท และพระที่นั่งมังคลาภิเษก ต่อมาพระเจ้าปราสาททองได้สร้างพระที่นั่งวิหารสมเด็จทับพระที่นั่งมังคลาภิเษก และพระนารายณ์ได้สร้างพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ทับพระที่นั่งเบญจรัตน์
พระที่นั่งวิหารสมเด็จ สร้างสมัยพระเจ้าปราสาททองในปี พ.ศ.2186 ทับพระที่นั่งมังคลาภิเษกที่ถูกฟ้าผ่าไหม้เสียหายไป เป็นพระที่นั่งปิดทององค์แรกของอยุธยา
พระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท สร้างในสมัยพระบรมไตรโลกนาถ และเป็นพระที่นั่งเดียวที่สร้างตั้งแต่ยุคแรกและอยู่มาจนจบสิ้นยุคกรุงศรีอยุธยา ใช้เป็นที่ออกว่าราชการของกษัตริย์ รับแขกบ้านแขกเมือง และประกอบพระราชพิธีต่างๆ ร.4 เคยดำริให้สร้างพระที่นั่งนี้ขึ้นมาใหม่บนฐานเดิมด้วยนะครับ แต่พอ ร.5 ขึ้นครองราชย์ก็ขอให้รื้อของใหม่ทิ้งให้เหลือของเดิมเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ดีกว่า ที่เมืองโบราณก็มีสร้างพระที่นั่งองค์จำลองขึ้นจากบันทึกบอกเล่าถึงความงดงามอลังการ นับว่าเป็นพระที่นั่งที่สำคัญที่สุดในพระราชวังโบราณแล้วครับ
พระที่นั่งสรรเพชญปราสาทจำลองที่เมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ
พระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ สร้างในสมัยพระนารายณ์แทนที่พระที่นั่งเบญจรัตน์ อยู่ติดแม่น้ำลพบุรีทางตอนเหนือของเขตพระราชวัง ใช้เป็นที่ชมขบวนเรือและการแสดงริมแม่น้ำ ยกพื้นสูงกว่าพระที่นั่งอื่นๆ เชื่อกันว่าบรรจุพระอัฐิของพระนารายณ์ไว้ที่พระที่นั่งนี้ด้วย
3. เขตพระราชฐานชั้นใน - มีพระที่นั่งตรีมุข พระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ ตำหนักคูหาสวรรค์
พระที่นั่งตรีมุข ไม่ทราบยุคการสร้าง แต่ ร.5 ได้บูรณะเป็นพลับพลาตรีมุขทับพระที่นั่งตรีมุขเดิมเพื่อบูชาบูรพกษัตริย์เมื่อ ร.5 ครองราชย์ครบ 40 ปี ในปี พ.ศ.2541 เท่าพระบรมไตรโลกนาถ กษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในยุคก่อนหน้านี้ (ประวัติศาสตร์สายหลักไม่นับกษัตริย์ล้านนาและอโยธยา)
พระที่นั่งบรรยงค์รัตนาสน์ สร้างสมัยพระเพทราชา ปี พ.ศ.2231 มีสระน้ำล้อมเลี้ยงปลา ชาวบ้านเลยเรียกว่าพระที่นั่งท้ายสระ ซึ่งสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 โปรดพระที่นั่งนี้มาก เลยมีชื่อเรียกพระนามว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระด้วย
อันนี้ถังเก็บน้ำโบราณครับ ขนาดใหญ่โตและเหลือซากมากกว่าพระที่นั่งทั้งหลายซะอีก มีท่อดินเผาดึงน้ำจากแม่น้ำมาเก็บไว้ที่นี่
สังเกตดูดีๆจะเห็นท่อน้ำดินเผากระจายอยู่ทั่วเขตพระราชวังเลย นี่คือการประปาสมัยโบราณครับ คาดว่านำเทคโนโลยีเข้ามาจากฝรั่งเศสเปอร์เซียในสมัยพระนารายณ์ ผมจำได้ว่าเห็นท่อน้ำยี่ห้อนี้ที่พระนารายณ์ราชนิเวศน์ลพบุรี
4. เขตพระคลังมหาสมบัติ - เป็นที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ในวัง
5. เขตสวนองุ่น - เดิมเป็นพื้นที่โล่งมีสระแก้วเป็นสระน้ำบริเวณวัง พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศให้สร้างตำหนักสระแก้วเป็นที่ประทับเชื้อพระวงศ์
6. เขตสวนกระต่าย - อยู่ด้านหลังวัดพระศรีสรรเพชญ์ มีพระตำหนักสวนกระต่าย
7. เขตวัดพระศรีสรรเพชญ์
นอกจากพระที่นั่งหลักๆแล้วในนี้ยังมีซากฐานของตำหนักน้อยใหญ่และโบราณสถานอื่นๆอีกมากมายเลยครับ
ตำหนักคูหาสวรรค์ อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน ด้านใต้พระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ เป็นทีประทับกรมหลวงโยธาเทพ พระราชธิดาในสมเด็จพระนารายณ์ และต่อมาถูกใช้เป็นที่ประทับพระมเหสีของราชวงศ์บ้านพลูหลวง
|
ตำหนักสวนกระต่าย อยู่ในเขตสวนกระต่าย สร้างในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เพื่อเป็นที่ประทับของกรมขุนพรพินิตซึ่งต่อมาขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าอุทุมพร | อันนี้อาคารเรียนรู้พระราชวังหลวง จัดแสดงโมเดลพระราชวังโบราณ เปิดเดือน ธ.ค. ปี 58 แต่โดนไฟไหม้ไปอย่างรวดเร็วเดือน เม.ย. ปี 60 (คาดว่าโดนวางเพลิงหรือไม่ก็ก้นบุหรี่) ไม่ทันได้เข้าไปดูเลยครับ
ผมมาเดินพระราชวังโบราณสี่รอบ รอบนึงใช้เวลาเป็นชั่วโมงเพราะมันกว้างมาก ที่คัดมาลงบล็อกคือรอบที่ถ่ายพระที่นั่งนั้นๆสวยที่สุดครับ สวยกว่าบล็อกเก่าจมหูเลยเนาะ สมัยกรุงศรีอยุธยารุ่งเรืองที่นี่เคยมีความสวยงามอลังการขนาดไหน ศึกษาได้จากคำบอกเล่าที่ถูกบันทึกไว้ก็ชวนให้คิดถึงอดีตอันรุ่งเรืองของอาณาจักรที่เคยยิ่งใหญ่ระดับโลกในยุคนั้นจริงๆ
อยุทธยายศยิ่งฟ้า ลงดิน แลฤา อำนาถบุญเพรงพระ ก่อเกื้อ เจดีลอออินทร ปราสาท ในทาบทองแล้วเนื้อ นอกโสรม ฯ
(ท่อนหนึ่งจากกำสรวลสมุทร แต่เดิมเชื่อว่าศรีปราชญ์เป็นคนแต่ง แต่จากลักษณะคำโบราณและเนื้อหาคาดว่านิพนธ์ในช่วงต้นกรุงศรีอยุธยา)
วัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังโบราณจำลองที่เมืองจำลอง พัทยา
ตอนนี้พระราชวังโบราณและโบราณสถานอีกหลายแห่งในอยุธยาได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เนื่องในโอกาสเสียกรุงครบ 250 ปี กลับมาอีกทีคงเห็นชัดเจนขึ้นว่าตรงไหนคือพระที่นั่ง/ตำหนัก/ประตู/ศาลา อะไรบ้าง แล้วจะมาอัพเดทอีกทีนะครับ
ทางเหนือของพระราชวังโบราณมี วัดใหม่ไชยวิชิต สร้างในสมัย ร.3 บริเวณจวนของพระยาไชยวิชิต เป็นวัดเล็กๆ มีแค่โบสถ์และเจดีย์ประธานย่อมุมไม้สิบสองหนึ่งองค์
หมดแล้วครับสำหรับโบราณสถานในเขตพระราชวังโบราณอย่างเดียว (แล้วทั้งเกาะเมืองมันจะขนาดไหนเนี่ย?!) ขอพักบล็อก 1 สัปดาห์ไปท่องเที่ยวอิตาลีนะครับ เมื่อกลับมาจะรีบไปทยอยเม้นท์ใช้หนี้เพื่อนๆโดยเร็วที่สุดครับผม
Create Date : 02 ธันวาคม 2560 |
|
68 comments |
Last Update : 2 ธันวาคม 2560 16:18:49 น. |
Counter : 14272 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณmambymam, คุณRinsa Yoyolive, คุณกะว่าก๋า, คุณmcayenne94, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณtuk-tuk@korat, คุณJinnyTent, คุณmariabamboo, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณInsignia_Museum, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณtoor36, คุณKavanich96, คุณโอพีย์, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณTui Laksi, คุณหงต้าหยา, คุณmastana, คุณmoresaw, คุณอุ้มสี, คุณkae+aoe, คุณหอมกร, คุณเนินน้ำ, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณSweet_pills, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณดาวริมทะเล, คุณPear_Plean, คุณnewyorknurse, คุณSai Eeuu, คุณกิ่งฟ้า, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณThe Kop Civil, คุณtanjira, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก |
| |
โดย: mambymam 2 ธันวาคม 2560 10:18:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 2 ธันวาคม 2560 11:20:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: multiple 2 ธันวาคม 2560 12:59:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 3 ธันวาคม 2560 0:05:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมุยจุ๋ย 3 ธันวาคม 2560 21:40:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: mastana 3 ธันวาคม 2560 21:44:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 4 ธันวาคม 2560 7:45:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: kae+aoe 4 ธันวาคม 2560 8:10:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 4 ธันวาคม 2560 8:54:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนินน้ำ 4 ธันวาคม 2560 9:46:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: kae+aoe 5 ธันวาคม 2560 8:34:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 8 ธันวาคม 2560 0:39:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: Sai Eeuu 8 ธันวาคม 2560 18:09:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิ่งฟ้า 8 ธันวาคม 2560 19:29:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 10 ธันวาคม 2560 5:42:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: mambymam 10 ธันวาคม 2560 5:49:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 10 ธันวาคม 2560 22:11:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 10 ธันวาคม 2560 22:18:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 10 ธันวาคม 2560 23:52:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: multiple 11 ธันวาคม 2560 5:36:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 11 ธันวาคม 2560 6:41:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: mambymam 11 ธันวาคม 2560 7:39:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: kae+aoe 12 ธันวาคม 2560 8:25:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 12 ธันวาคม 2560 8:42:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 12 ธันวาคม 2560 10:51:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนินน้ำ 12 ธันวาคม 2560 14:25:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: mastana 12 ธันวาคม 2560 20:37:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 12 ธันวาคม 2560 21:57:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิ่งฟ้า 12 ธันวาคม 2560 23:33:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 13 ธันวาคม 2560 6:38:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: tanjira 13 ธันวาคม 2560 18:39:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: กาบริเอล 18 มกราคม 2561 15:27:13 น. |
|
|
|
|
|
อิจฉาคนได้ไปอิตาลี นั่งเครื่องตูดด้านกันพอดี อิอิ