Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
10 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
+ บล้อกนี้..บ่นๆๆๆ (อีกแล้ว) +

บล้อกนี้ รี่ขอบ่นเรื่องจุกจิกแล้วกัน ไม่รู้จะไปบ่นกับใครที่ไหนดี เฮมิชก็ฟังจนเบื่อแล้ว อิอิ
ไม่แนะนำให้อ่านเพราะยาวเหลือเกิน และไม่ค่อยมีสาระอะไรกับใครเท่าที่ควร แถมมีแต่ตัวหนังสือด้วย


โปรแกรมเที่ยวของเราอยู่ดีๆก็ต้องหยุดลงกลางคัน เราแพลนจะนั่งรถไฟตู้นอนไปเชียงใหม่หลังสงกรานต์ คงไม่ได้เที่ยวอะไรมากมาย กะว่าไปพักผ่อนจริงจัง แต่กลายเป็นว่าหลังสงกรานต์ณิฌ่าต้องเริ่มไปโรงเรียนเพื่อปรับตัวก่อนเปิดเทอม ไม่เป็นไรเนอะ ระหว่างเทอมสาวๆคงได้หยุดประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ห้ามพลาดแล้วนะครั้งนี้

พอสองสาวเปิดเทอมไปโรงเรียนกันแล้ว ระหว่างวันรี่ก็ยังไม่เหงานะเพราะมีเมซี่อยู่เป็นเพื่อน แต่จะให้อยู่บ้านทั้งวันก็คงไม่ไหว สงสัยต้องไปถามไถ่คอร์สที่จิมโบรีไว้ด้วย ถ้าวันและเวลาถูกใจอาจจะได้ลงคล้าสสนุกๆให้เมซี่ รี่จะได้รู้สึกว่าทำตัวเป็นประโยชน์แก่ลูกบ้าง

พูดถึงเมซี่แล้วรี่ก็แอบเครียดเรื่องพูด พยายามจะไม่เปรียบเทียบเธอกับพี่ๆ แต่ก็อดไม่ได้จริงๆ วัย 1 ขวบ 3 เดือน โซอี้กับณิฌ่าตอบโต้ด้วยคำพูดได้แล้ว ในขณะที่เมซี่มักจะใช้การพยักหน้าและส่ายหน้าเท่านั้น อยากได้อะไรก็วิ่งมาจูงมือรี่ไปที่ตรงนั้นแล้วก็ชี้ๆๆ เวลาจะหม่ำนมก็จะบอก "หม่ำๆ" แล้วก็วิ่งมาเปิดเสื้อรี่ (โป๊ๆ) เวลาอยากอวดอยากโชว์นั่นแหละ ถึงจะยอมเรียก Papa Mama เมซี่พยายามเรียกพี่ๆเหมือนกันนะ "Zzzzz" คือเรียกโซอี้ น้ำลายเต็มหน้ารี่ทุกที "Shaaaa" คือเรียกณิฌ่า

เมื่อก่อน เมซี่ยังพยายามออกเสียงตามรี่บ้าง แต่ช่วงหลังหยุดชะงักไปซะงั้น ส่งภาษามือไปก็ไม่ค่อยจะสนใจ มีอันเดียวที่ยอมรับคือ "Milk" เวลาอารมณ์ดี เมซี่จะวิ่งมาหารี่ บอก "หม่ำๆ" ทำท่า milk แล้วก็ปืนมาบนตัก จัดท่านอนให้ตัวเองและดึงเสื้อรี่ขึ้น อิอิ

เฮมิชบอกว่าอย่ากังวลมากเลย เมซี่ได้ยินสองภาษามากกว่าพี่ๆ อาจจะสับสนอยู่ หรือไม่ก็อาจจะพูดช้าเหมือนเฮมิช (เฮมิชเริ่มพูดตอน 3 ขวบ หลุดออกมาครั้งแรกก็เป็นประโยคเลย) และบอกว่าอย่างน้อยรี่ควรดีใจที่เมซี่ฟังรู้เรื่องทั้งไทยและอังกฤษ สังเกตจากที่เธอทำตามคำสั่งได้ อย่างไรก็ตาม รี่ก็ยังแอบเครียดอยู่เหมือนเดิม ถ้าขวบครึ่งเมซี่ยังพูดไม่ได้มากคำไปกว่านี้รี่กะว่าจะพาไปทำ Speech Therapy แล้วล่ะ รอไปถึง 3 ขวบ รี่คงอกแตกตายไปซะก่อน

ส่วนโซอี้กับณิฌ่า รี่ไม่ค่อยห่วงอะไรมากนัก แต่อยากเสริมกิจกรรมให้ แพลนว่าพอณิฌ่าปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ที่โรงเรียน เข้าหาเพื่อน ครู ใช้ภาษาไทยได้ดีและสนุกกับการเรียนรู้ที่โรงเรียนได้พอสมควรแล้ว รี่จะให้เรียนว่ายน้ำหลังเลิกเรียน แต่ก็ต้องดูอะไรอีกหลายๆอย่าง เด็กๆอาจจะชอบเล่นน้ำ แต่ถ้าไปเรียนจะชอบรึเปล่า เวลา สถานที่ ยังไม่ได้ไปดูอะไรไว้เลย คาดว่าประมาณกลางปีคงได้พาเฮมิชไปช่วยดูช่วยเลือก

กิจกรรมอื่นๆคงยังไม่มีอะไรมาก โซอี้ยังคงไปเรียนเปียโนเหมือนเดิม เธอไม่ค่อยขยันซ้อมเลย รี่ไม่อยากให้เรียนแล้ว แต่เฮมิชอยากให้ลูกเรียนต่อเพราะครูบอกว่าเรียนรู้ได้เร็ว เวลาส่งการบ้านก็ทำได้ดี เฮ้อ.. ส่วนณิฌ่าเคยบอกว่าอยากเรียนบัลเล่ต์ (เอ่อ..หุ่นไม่ให้นะลูก ลดอีกซักนิดดีมั้ย?) เฮมิชก็เล็งว่าจะจัดให้ลูกพอครบ 4 ขวบ แต่หลังจากณิฌ่าดูสารคดีเรื่องบัลเล่ต์ก็เหมือนเธอจะห่างเหินไป กลับไปสนใจการตีกลองชุดมากกว่า (จากการดูดีวีดีคอนเสิร์ต Live Earth) รี่เหวอไปเลย มันคนละแนวกันเลยนะลูก หุหุ

โปรเจคท์ของลูกๆผ่านไป มาคุยเรื่องของแม่บ้างแล้วกัน

พอลูกๆเริ่มไปโรงเรียนแม่จอมขี้เกียจแต่(เหมือนจะ)ไฮเปอร์อย่างรี่ก็เตรียมหาโปรเจคท์ให้ตัวเองทำไว้พร้อม แต่จะทำได้มากน้อยแค่ไหนอันนี้ยังไม่รู้เหมือนกัน นอกจากโปรเจคท์พาเมซี่ไปเรียนรู้นอกบ้านแล้ว รี่ก็มีโปรเจคท์ยิบย่อยอีกไม่มากนัก แต่ก็พอจะทำให้รี่รู้สึกอยากทำอะไรขึ้นมาบ้างนิดหน่อย

ช่วงก่อนหน้านี้ พี่เอ แม่พี่เก็นและน้องไหม เสนอแนะ Amigurumi ว่ากำลังอินเทรนด์ รี่ก็กรี๊ดๆตามไปด้วย ไปรีบหาซื้อเข็ม ไหมพรม หนังสือ แล้ววันๆก็เสิร์ชดูรูปน่ารักๆ พอเริ่มจะมีเวลาเริ่มทำก็ปรากฏว่ามันยากมากๆเลยนะ ฮือ.. แล้วที่สำคัญ รี่โดนเมซี่กวนตลอดเวลา ยิ่งช่วงตอนจะเริ่มเข้าได้เข้าเข็ม เธอก็ยิ่งป่วนหนัก โปรเจคท์ตุ๊กตาถักเลยมีอันต้องเลื่อนออกไปก่อน ไว้มีเวลาเป็นของตัวเองมากกว่านี้ค่อยเริ่มใหม่อีกทีแล้วกันนะรี่นะ

อีกโปรเจคท์ที่ไม่ได้ฤกษ์ซะที ก็คือ Makeover ลดความอ้วน เปลี่ยนทรงผม ดูแลผิวพรรณ รู้จักกับ Make-Up

++ ลดความอ้วน - รี่ยังไม่ได้เริ่มเลย เพราะยังให้นมเมซี่อยู่ ทั้งที่หมอเด็ก(ขาจร)และหมอฟันบอกให้เลิกนมแม่ได้แล้ว รี่ก็เริ่มลดมื้อเย็นบ้างแต่ไม่ทุกวัน ตอนนั้นน้ำหนักมันจะขึ้นรึเปล่าเนี่ย ไม่ได้ชั่งเป็นเดือนแล้ว ออกกำลังกายโดยการเดินช้อปปิ้ง (คิคิ) เดินไปซื้ออาหารข้างนอกตึกน่าจะช่วยได้เยอะ เพราะไม่มีแอร์ ต้องเดินเร็วกว่าปกติและต้องยกของหนักเดินเป็นระยะทางไกลกว่าที่เดินปกติ

++ เปลี่ยนทรงผม - รี่กำลังมีความคิดอยากเท่ห์เหมือนนู๋ Emily Strange อยากทรงผมเหมือนเธอมากๆ ผมยาวตรงและมีผมหน้าม้าอีกด้วย ตอนนี้สีผมจากสีน้ำตาลแดงๆก็ได้เปลี่ยนมาเป็นสีเดิมของตัวเองแล้ว จะเหลือก็แต่เมื่อไหร่ผมจะยาวและตรงซะที (ไม่น่าตัดผมสั้นเลย ไม่น่าเชื่อเฮมิชเลย ไม่งั้นป่านนี้เป็น Emily Strange ไปแล้วนะ แง้ๆ) คงต้องรอให้ผมยาวก่อน เหยียดตรงเนี่ยยังพอหาตัวช่วยได้บ้าง

++ ดูแลผิวพรรณ, รู้จักกับ Make-Up - ลืมไปได้เลยอันนี้ สืบเนื่องมาจากความขี้เกียจของรี่ ครีมโน่นนี่ที่ซื้อมาตามเทรนด์ ไม่เคยได้เปิดใช้เลยค่ะ เฮมิชเดินผ่านไปเห็นยังแซวว่า "แกะพลาสติกออกบ้างก็ได้นะ!" ชิชะ! ตอนนี้ก็เริ่มสำเหนียกตัวบ้างเล็กน้อยว่าวัยก็กระชั้นชิดใกล้เลข 3 เข้าไปทุกที ควรต้องทำอะไรกับตัวเองก่อนที่เฮมิชซึ่งแก่กว่าสิบปีจะดูอ่อนเยาว์กว่า กรี๊ด..รับไม่ได้

ส่วนโปรเจคท์ใหม่ล่าสุด ก็คงไม่พ้น Digital Scrapbooking อย่างที่รี่เคยเล่าให้ฟังว่าอยากทำ Scrapbooking มานานแล้ว แต่เนื่องจากไม่สะดวกหลายๆอย่าง เช่น ไม่มีที่จัดเก็บของตกแต่ง ที่วางขวดโหลหรือกล่องต่างๆก็ไม่มีแล้ว แถมด้วยมีลิงสุดป่วนสามนาง เวลาอยู่ที่บ้านพร้อมกัน สภาพบ้านจะเหมือนถูกถล่มด้วย Tsunami หรือไม่ก็เพิ่งผ่านสงครามมาหมาดๆ เพราะสามลิงจะช่วยกันรื้อค้นทุกซอกทุกมุม แล้วถ้ารี่มีที่เก็บของจุกจิก มีหรือที่จะไม่ผ่านสายตาและมือเท้าของสาวๆเหล่านี้ เฮ้อ..

พอได้มารู้จักกับ Digital Scrapbooking ก็เริ่มหลงใหลอย่างบ้าคลั่ง ถึงได้ลองเอามาทำเป็น Scrapblog ดูพอให้หายคลั่ง อิอิ ตอนนี้อาการดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะเริ่มหาไอเดียทำเป็นอย่างอื่นบ้าง เลยกะว่าจะกลับมาเขียนบล้อกแบบปกติบ้าง เปลี่ยนรสชาติไปเรื่อยๆ ล่าสุดรี่ไปเจอ Snap and Scrap <-- คลิก ซึ่งพูดถึง Badge Album ง่ายมากมากถึงมากที่สุด กรี๊ดๆ วี้ดว้าดกับเฮมิชว่าจะทำแจก Grandpa, Grandma, Pokki & Yaya, Uncle Jamie และ Auntie Som รวมทั้งเก็บไว้เองด้วย ทั้งหมดเป็น 6 เล่ม คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงต้นเดือนมิถุนายน เนื่องจากใกล้ๆ UK Father's Day และวันเกิดของ Yaya & Grandma จะได้ส่งไปให้เป็นของขวัญชิ้นแรก (5555 จริงๆ) จากครอบครัวเรา

ถ้าโปรเจคท์แรกประสบความสำเร็จ โปรเจคท์ต่อๆไปก็อาจจะได้มีบ่อยๆขึ้น แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับวัสดุอุปกรณ์ด้วย ถ้าหาง่าย ราคาไม่แพง เก็บได้นาน ก็ควรรีบทำเพื่อพัฒนาฝีมือต่อๆไปสู้ผลงานชิ้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เนอะรี่เนอะ สู้ๆ

โปรเจคท์อื่นๆที่ตั้งใจจะทำ แต่ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากมาย ได้แก่

++ ตัดผมหน้าของเมซี่ที่ยาวทิ่มแทงลูกตาของเธอจนเกือบจะครบทุกเส้นแล้ว ต้องรอเฮมิชว่างนานๆ มาช่วยจับช่วยมัดเมซี่ ไม่งั้นไม่กล้าตัดนะ แหว่งเยอะแน่นอน ฮือ..

++ ตัดชุดให้ตุ๊กตา Blythe (ตั้งชื่อให้ว่าน้อง Claire) ซึ่งได้มาเป็นของขวัญวันเกิดปีนี้ อันนี้คงต้องรอนาน ต้องหาเวลาปรึกษาหม่ามี้เรื่องตัดเย็บซะหน่อย ช่วงระหว่างที่ฝึกวิชาเย็บปักถักร้อย รี่แพลนจะส่งน้อง Claire ไปรับการ Customized จากคนรู้จักด้วย อิอิ

++ หัดทำอาหาร(บ้าง) ขนม(เล็กน้อย) แบบใหม่ๆบ้าง ทำกินเองถูกกว่าซื้อกินนะ(รึเปล่า?) ลูกๆชอบหม่ำฝีมือแม่ (สังเกตจากรอยยิ้มและการหม่ำหมดชาม) แต่แม่ไม่ค่อยทำให้หม่ำเพราะทำไม่ค่อยเป็น แหะๆ

++ แบ่งเวลาในแต่ละวันให้เหมาะสม ให้เวลาตัวเองได้ทำอะไรตามใจบ้าง มีเวลาให้ลูกๆบ้าง เดี่ยวหรือกลุ่มก็แล้วแต่ และที่สำคัญแต่อาจจะเคยเห็นว่าไม่สำคัญ เวลากับเฮมิช แต่ก็จำกัดเหลือเกิน ต้องรอลูกๆหลับกันหมดก่อน จากนั้นส่วนมากเราก็จะนอนจับมือดูดีวีดีด้วยกัน ผลัดกันนวดหลังบ้าง (รี่บังคับเฮมิช เฮมิชอ้อนรี่) ถึงจะได้พูดกันน้อยเพราะมัวแต่ดูหนัง แต่ก็รู้สึกดีมากๆนะ

พาร์ทสุดท้าย เป็นเรื่องที่รี่ได้ยินมาจากคนอื่น เกี่ยวกับคนภายนอกที่กระทำกับโซอี้ จะถูกจะผิดอย่างไรรี่ก็ไม่รู้ แต่ก็หวังว่าจะไม่เกิดขึ้นกับลูกอีก

ช่วงปิดเทอม โซอี้ไปเรียน English Summer Course ที่ออฟฟิศเฮมิช จะว่าไปเรียนก็ไม่ใช่ เรียกว่าไปเล่นกับเพื่อนเก่าๆผ่านชั้นเรียนภาษาอังกฤษแล้วกัน ครูแต่ละคอร์สพากันถามเฮมิชว่า "Why is Zoe here? Her English is perfect." ก็ใช่ไง แต่ถ้าอยู่บ้านตลอดช่วงปิดเทอม ไม่แม่ก็ลูกแหละที่จะคลั่งตาย อิอิ

คอร์สแรก โซอี้เรียกกับครูใหม่ของที่นั่น ซึ่งก็ดูจะเอ็นดูโซอี้อยู่มาก รี่ไปส่งลูกเรียนครั้งนึงก็เห็นครูกับโซอี้จูงมือกันไปหยิบของและกลับเข้าห้องเรียนก็ดูน่ารักดี แต่พักหลังๆเฮมิชเริ่มถามว่า "What do you think if you see a teacher holding a student's hand all the time during the class?" รี่ก็งงๆ เฮมิชเลยบอกว่า โซอี้กับครูจับมือกันบ่อยๆเวลาที่เฮมิชแอบไปดูลูกเรียน ตอนแรกรี่ก็ไม่รู้สึกอะไรเพราะจากที่เห็นก็ไม่ได้น่าเกลียด ดูน่ารักดีด้วยซ้ำ เวลามีใครเอ็นดูลูกเรา เราก็ดีใจหน้าบานใช่ปะ?

วันหนึ่งในช่วงท้ายๆของคอร์สแรก โซอี้บ่นให้เฮมิชฟังว่า "Daddy, the teacher touches my hand all the time. I don't like that." เฮมิชก็เริ่มสะกิดใจ โทรคุยกับรี่เรื่องนี้ แต่รี่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องอะไร คงเป็นเรื่องของความเอ็นดูมากกว่า หรือไม่ครูก็อยากมีลูกสาวล่ะมั้ง รี่ถามจากโซอี้ เธอบอกว่าครูชอบมาจับมือโซอี้ อยู่ดีๆก็มาจับ จับแต่มือโซอี้ มีเพื่อนๆครูไม่ได้จับ เฮมิชบอกลูกว่าอย่าเพิ่งบอกหัวหน้าครู หารู้ไม่..สายไปแล้วค่ะคุณเฮมิช ลูกสาวคุณไปรายงานต่อหัวหน้าครูเรียบร้อยแล้ว ครูเลยถูกเรียกเข้าไปพบ สอบถามว่าได้ทำจริงมั้ย? อะไร? ยังไง? เฮมิชเล่าว่าครูเข้ามาขอโทษเฮมิชที่ทำให้ไม่สบายและบอกว่าไม่คิดอะไรกับลูกจริงๆ เฮมิชก็เกร็งๆเพราะไม่อยากให้ผิดใจกันกับเพื่อนด้วยเรื่องแบบนี้

เรื่องนี้ก็จบลงด้วยดี พอเปลี่ยนคอร์สใหม่ โรงเรียนก็จัดครูคนใหม่มาสอนหมุนเวียนตามปกติ รี่ก็ไม่ติดใจอะไรเท่าไหร่ แต่ก็หวังว่าลูกจะไม่เจอแบบนี้อีก (เข้าใจว่าคงจับมือบ่อยมากๆ โซอี้ถึงรู้สึกไม่ชอบ เพราะปกติเธอชอบกอดคนนู้นคนนี้และชอบที่จะถูกกอดด้วยซ้ำ)

อีกเรื่อง เกิดเหตุที่เดิม แต่คนละสาเหตุกัน เพื่อนที่ทำงานของเฮมิชจะมีลูกรุ่นใกล้ๆกับสาวๆบ้านรี่ โดยเฉพาะณิฌ่า ประมาณ 3 ขวบกว่าๆ สาวๆบ้านรี่ไปเล่นที่ออฟฟิศเฮมิชประจำ วันดีคืนดีก็จะมีเด็กๆจากบ้านอื่นมาเล่นด้วยบ้าง
วันเกิดเหตุ ครอบครัวนี้ก็มาที่ออฟฟิศ มีภรรยา ลูก(เลี้ยงของเพื่อนเฮมิช) ลูกสาววัยณิฌ่าและลูกชายอ่อนกว่า 1 ปี พ่อต้องสอนอยู่ในห้องใกล้ๆเพลย์รูม แม่ต้องไปทำธุระข้างนอก ให้ลูก(เลี้ยงฯ)ดูแลน้องเล็กๆ แต่เหมือนลูกคนละพ่อจะไม่คุยกันหรือไง ไม่เห็นพูดหรือเล่นด้วยกันเลย รี่ก็ช่วยดูไม่ได้ เพราะลำพังตัวเองก็มีสามสาวต้องสอดส่องอยู่แล้ว พอแม่บ้านที่สนิทกันว่าง เธอก็ขอพาโซอี้กับณิฌ่าลงไปเดินเล่น รี่ก็ไม่ว่าอะไร ดีซะอีก จะได้เบาแรงดูแลแค่เมซี่ อิอิ ลูกสาวลูกชายบ้านโน้นก็แวะมาเล่นกับรี่บ้าง กวนเมซี่บ้าง ตามประสาเด็กๆนั่นแหละ

จังหวะที่ลูกชายปีนสไลด์นั่นเองมั้งที่ล้มแล้วปากไปกระแทกสไลด์เลือดออกซิบๆ รี่ก็ไม่ได้ดูเพราะให้นมเมซี่อยู่ ลูกชายร้องไห้ฟูมฟายอยู่นาน ไม่มีใครปลอบ จนเห็นสองสาวบ้านรี่กลับขึ้นมาพร้อมด้วยลูกโป่งในมือนั่นแหละ ทีนี้ก็เลยร้องไห้ยกใหญ่เพราะสาวๆบ้านรี่วิ่งหนีกลัวถูกแย่งลูกโป่ง โซอี้เครียดมาก รี่เลยบอกให้เธอเอาไปไว้ที่โต๊ะทำงานเฮมิชแล้วกัน อะไรเกิดขึ้นในห้องทำงานไม่รู้ แต่โซอี้ออกมาพร้อมด้วยน้ำตาซะงั้น รี่เลยเข้าใจไปว่าลูกชายคงแย่งลูกโป่งไป แต่รี่ก็บอกลูกว่าโซอี้กับณิฌ่าเล่นลูกเดียวกันได้ อีกอันให้แบ่งเค้า จะได้เป็นเด็กมีน้ำใจ โซอี้ก็บ่นว่าโดนขโมยลูกโป่ง

วันต่อมา แม่บ้านเล่าให้ฟังว่าตอนเห็นโซอี้ร้องไห้ นึกว่าโดนเฮมิชดุว่าออกไปข้างนอก แล้วก็ถามรี่ว่าโซอี้ร้องไห้ทำไมเมื่อวานนี้ รี่ก็ว่าสงสัยลูกชายมาแย่งลูกโป่งโซอี้ไป แต่ความจริงแล้ว เรื่องราวมันแย่กว่าที่รี่คิดเอาไว้มากๆ ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับลูก ไม่คิดว่าคนที่ทำจะเป็นคนที่เคยชื่นชมโซอี้ให้เฮมิชฟัง (เป็นคนปากอย่างใจอย่างหรืออย่างไร)

เรื่องราวจริงๆคือ พ่อ (เพื่อนเฮมิช) ออกมาจากห้องที่ตัวเองกำลังสอนเมื่อได้ยินเสียงลูกร้องกรีดเสียง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับทุกคนเห็นสองสาวถือลูกโป่ง โซอี้วิ่งมาหารี่และรับลูกโป่งจากมือณิฌ่าเพื่อเอาไปไว้ที่โต๊ะทำงานเฮมิช พ่อเดินตามเข้าไปในห้องทำงานด้วย คนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าต่อว่า พ่อเข้าไปฉวยลูกโป่งจากมือของโซอี้และยังชี้หน้าด่าโซอี้ด้วยว่าเห็นแก่ตัว ไปแย่งลูกโป่งของลูกเค้าได้ยังไง ทำไมเป็นคนแบบนี้ มีสิทธิ์อะไรไปทำแบบนี้กับลูกของเค้า คนที่อยู่ในเหตุการณ์พยายามจะบอกความจริงว่าโซอี้เพิ่งกลับมาจากข้างล่าง ลูกโป่งในมือก็ไปได้มาจากข้างล่าง แต่พ่อไม่ฟัง เอาลูกโป่งไปส่งให้ลูกชายเพื่อจะได้หยุดแหกปากร้องไห้ซะที

รี่ฟังแล้วเลือดขึ้นหน้า ควันออกหู อยากเข้าไปจัดการกับมัน (ขออนุญาตที่จะเริ่มไม่สุภาพ) อยากถามและด่ามันเหมือนที่มันทำกับโซอี้ อายุมันปาเข้าไปเท่าไหร่แล้ว โซอี้เพิ่งจะ 5 ขวบ มันมีสามัญสำนึกบ้างมั้ย โอเค..มันอาจจะเข้าใจผิด (มันเล่าให้เมียฟังอย่างโมโห ขณะที่เมียมันบอกว่าลูกโป่งไม่ใช่ของลูกมัน) แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกสำนึกอะไรเลย ขอโทษเป็นมั้ย ขอโทษเด็ก 5 ขวบแล้วมันจะตายหรือยังไง ความเป็นคนของมันอยู่ตรงไหน อยากพูดแค่นี้และอยากรอคำตอบจากมัน แต่ก็ไม่ได้ทำ เฮมิชไม่ให้ทำ รี่เลยขอไร้เหตุผล ห้ามไม่ให้เฮมิชพูดจาใดๆกับคนๆนี้ (เรียกเป็นตัวก็ดูไม่เหมาะเพราะลักษณะเหมือนคน แต่ใจเดรัจฉานก็เท่านั้น) ซึ่งก็คงไม่สำเร็จ เบื่อเฮมิชที่สุด คอยแก้ต่างให้มัน ไปเลย ชิชะ!

จากเรื่องนี้ ทำให้รี่พาลเกลียดมัน และเกลียดตัวเองที่ต้องไปรู้จักกับมัน เกลียดที่ลูกมันไปโรงเรียนเดียวกับลูกๆของรี่ (ไม่รู้ต้องอยู่ห้องเดียวกันรึเปล่า..เครียด!) ทั้งที่มันเองก็ไม่ได้สนใจหรือพร้อมจะให้ความร่วมมือใดๆกับทางโรงเรียนเลย มันเคยพูดเองด้วยซ้ำ โรงเรียนไหนๆก็เหมือนกันนั่นแหละ ไม่เห็นต้องเลือกอะไรมากมาย) รี่เองรู้สึกผิดมากๆๆๆๆที่ได้ชักนำคนประเภทนี้เข้ามาสู่โรงเรียนอันมีแต่ครูและผู้ปกครองที่ทรงคุณวุฒิ คับคุณภาพและเปี่ยมด้วยคุณธรรม รี่กราบขอโทษทุกๆคนที่บ้านพลอยภูมิจากใจจริงค่ะ ตอนนี้รี่ขออย่างเดียว ขอให้มันเจอ รร ที่ใกล้กว่า ราคาถูกกว่า ใหม่กว่า ดีกว่า และอะไรก็แล้วแต่ มันจะได้เปลี่ยนใจย้ายลูกไปเรียนที่นั่น รี่จะได้ไม่รู้สึกผิดมากไปกว่านี้ เครียดกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่อยากปรึกษาใคร

วันปฐมนิเทศ ซึ่งจริงๆรี่ไม่ต้องไปแต่ก็กระเสือกกระสนที่จะไปอีก เพราะอยากไปฟังโน่นนี่เหมือนได้ไปทบทวนเรื่องต่างๆของลูกที่โรงเรียนอีกครั้ง ชอบใจตรงที่มีนักจิตวิทยาเด็กมาพูดหลายๆเรื่องหลายๆแง่มุม ได้ฟังเรื่องกรรมแล้วก็กลับมามองตัวเอง รี่เครียดรี่ทุกข์เรื่องมันก็เพราะมีกรรมกับมัน ทำอย่างไรที่จะให้กรรมนี้มันไม่บั่นทอนจิตใจรี่ล่ะ เฮ้อ..ไม่รู้เหมือนกัน กว่าการปฐมนิเทศจะเสร็จสิ้นก็ผ่านเวลาเที่ยงไปแล้ว รี่คุยธุระกับครูเล็กน้อยก่อนจะรีบขึ้นรถ ระหว่างที่คุยโทรศัพท์อยู่ก็เหลือบไปเห็นแม่ (เมียมัน) จูงมือลูกสาวลูกชาย แล้วแถวโรงเรียนจะเรียกแท๊กซี่ซักคันก็ยากยิ่ง (ที่รู้เพราะมีประสบการณ์ตรง) รี่คิดในใจ "จะขับรถโฉบหน้าลูกเมียมัน หรือจะสงเคราะห์ให้ร่วมทางกลับบ้าน ดีนะ?"

รี่ไม่ได้จะบอกว่าตัวเองดี เพราะที่อาสาไปส่งก็เนื่องจากว่าอาจเป็นหนทางชดใช้กรรมที่มีกับมัน แถมยังได้กระหยิ่มยิ้มย่องกับตัวเองว่า "ฉันเป็นคนดีที่ช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะคนในครอบครัวของแก ในขณะที่แก กับเรื่องง่ายๆ แค่ขอโทษเด็ก 5 ขวบ จากความโง่เขลาหรือเข้าใจผิดแต่กลัวเสียหน้า ของแกเอง แกยังทำไม่ได้" รวมทั้งสงสารลูกเมียมันด้วย มันปล่อยให้ลำบากกันขนาดนี้เชียวหรอ (รักเฮมิชมากขึ้นเป็นกอง จุ๊บๆ) คิดไปคิดมา รี่ก็ได้เห็นชีวิตอีกแบบที่ตัวเองไม่เคยเจอ แต่ลึกๆก็ยังนึกถึงแค่ว่า "รี่ช่วยมันแล้ว คงหมดเวรหมดกรรมซะทีนะ" แต่เปล่าเลยว่ะค่ะ ลูกมันดันลืมฝาขวดนมไว้ในรถรี่ เฮ้อ.. ต้องลำบากเฮมิชเอาไปคืนมันอีก โอ้ยยยย!

ใจจริง รี่ก็อยากทำดีกับทุกคน ไม่ว่าใครจะดีจะร้ายกับเราหรือครอบครัว แต่ประทานโทษ รี่ไม่ใช่นางเอก(ว้อย) ใครดีก็ดีตอบ ใครร้ายก็ร้ายตอบ แต่ร้ายตอบของรี่ต้องคูณ 2 จากที่โดนมา ไม่งั้น..ไม่ใช่รี่

ไม่เชื่อ..ลองไปถามยัยป้าคนนึงดูสิ รี่เคยเขียนถึงนะ หึหึ แต่ลบไปแล้ว นึกว่าจะหมดเวรหมดกรรม วันก่อน she ถามชื่อเมซี่จากรี่ "ชื่ออะไรเหนี่ย?" (สำเนียงแบบยกตนข่มท่าน ประมาณนั้น) ถามอยู่หลายครั้ง รี่ก็นึกว่ามันถามเมซี่ เมซี่ก็ไม่ตอบ 5555 รี่ก็ไม่ตอบ ครั้งสุดท้ายที่ได้ยินคำถาม รี่ก็เลยตอบไปสั้นๆห้วนๆ "เมซี่" (ปกติรี่จะมี ค่ะ ต่อท้าย หรือไม่ก็ทำเสียงเล็กๆคล้ายจะพากษ์เสียงลูกไง อิอิ ยัยแม่แอ๊บแบ๊ว) เวลาเดินผ่านรี่ก็เดินเชิดคางใส่ she ถ้า she ทำเป็นไม่เป็น รี่ก็จะเดินฉับๆไปเฉี่ยวๆไหล่ เฉี่ยวกระเป๋า she ซะงั้น (ถ้า she ไม่สนใจ รี่ก็เดินต่อไป แต่ถ้า she หันขวับ รี่ก็จะพูดกับตัวเองให้ she ได้ยินชัด "อุ๊ย ไม่เห็นว่ะ") เพราะฉะนั้น อย่ามาใกล้ดีกว่ามั้งป้า กรุณาอยู่ห่างระยะ 100 เมตรแล้วป้าจะปลอดภัย

กรี๊ด ภาพลักษณ์อันดีงามของรี่จะสูญเสียไปหมดก็เพราะบล้อกนี้แหละ แต่ก็ทนไม่ได้นี่นา
กรี๊ด ไปแล้วดีกว่า บล้อกแบบนี้ จะมีอีกทีก็คงปีหน้าแหละมั้ง 5555 บายๆ


Create Date : 10 เมษายน 2551
Last Update : 10 เมษายน 2551 13:51:05 น. 5 comments
Counter : 566 Pageviews.

 


โดย: CrackyDong วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:13:31:57 น.  

 
กิ๊ฟมาอ่านเรื่องหลังๆ เกี่ยวกับน้องนะคะ อ่านแล้วโกรธแทน ผู้ใหญ่อะไร เอาใจลูกตัวเองตะพึดตะพือ แบบนี้ ต้องไปแกล้งเพื่อนที่ รร แถมพ่อ ก็ไม่ว่าลูกตัวเอง ต้องโทษลูกคนอื่นแน่ๆ เหมือนพ่อแม่รังแกฉันเลยค่ะ

เป็นกิ๊ฟจะตามไปว่าเลยนะ ไม่ยอมหรอก กิ๊ฟไม่ได้เป็นคนดีไง แบบว่าดีมากๆ มันอยู่บนโลกนี้ลำบากกิ๊ฟว่า โดนแต่คนข่มเหง


โดย: grippini วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:15:45:23 น.  

 
จริงๆตอนแรกกะเข้ามาปรึกษารี่เรื่องทำ DIGI SCRAP แบบว่าเง็งไปหมด เลยเหลือบมาเห็นบลอกนี้พอดี

เรื่องกวนประสาทแบบนี้ พี่เข้าใจรี่เลยล่ะ พี่ว่ารี่มารยาทดีมากแล้วน่ะที่ไม่ได้ตอบโต้อะไรเค้าไป คนพวกนี้ต้องโดนกรรมตามทันแล้วมันจะสะใจที่สุด (พี่ก็อ้างกรรมๆเวรๆตลอดเลยเนอะ) คนบ้าๆพวกนี้โรคจิตเนอะ

พี่ว่าไม่ไปเที่ยวช่วงสงกรานต์นี่ดีแล้วล่ะรี่ คนแน่นจะตาย อยู่กับบ้านเป็นเพื่อนพี่ดีกว่า 55 แต่ปีนี้รี่คงเหนื่อยน้อยลงเนอะ สองสาวไปโรงเรียนทั้งคู่ นักจิตวิทยาเค้าว่าไงเหรออยากรู้มั่งน่ะ

อยากบอกว่าเรามีเรื่องหงุดหงิดคล้ายๆกันในช่วงเวลาใกล้ๆกัน
หลายทีละ สงสัยจะเป็นเนื้อคู่ อิอิ เอ..เฮมิชจะยอมมั้ยน้า


โดย: nzmum วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:15:48:00 น.  

 
ดีจังเลยค่ะ ที่สอนให้น้อง ๆ พูดได้สองภาษา
เด็กใหม่ ๆ คงสับสนอยู่เหมือนกันนะค่ะ
ให้นมลูกจนโตเลย คุณแม่ต้องมีเวลามาก ๆ เลยนะเนี่ย
แล้วยังมีโปรเจคอีกเพียบเลย โอว...ยอมเลยละค่ะ อิอิ
จัดสรรเวลาเก่งจริง ๆ ค่ะคุณรี่

คุณรี่ อดทนมาก ๆ แล้วนะเนี่ย คนสมัยนี้ไม่ค่อยจะสำนึกหรอกค่ะ
เห็นแก่ตัวกันจริง ๆ ทางที่ดีที่สุด อยู่ห่าง ๆ หรือไม่ก็เลิกคบไปเลยเน๊อะ


โดย: บ้านดินริมสวน วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:19:47:37 น.  

 
รี่ พี่โจก็เริ่มพูดตอนเกือบสามขวบน่ะ จริงๆแล้วกว่าจะพูดเป็นประโยคก็สามขวบนิดๆน่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องเมซี่น่ะ


โดย: มาเรีย ณ ไกลบ้าน วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:11:40:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ShiEri
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








:: Previous Entries ::

+ Long Time No See & Lots To Tell +
+ Many Stories +
+ Art Attack +
+ Nisha @ School +
+ Dolls' Day +
+ Isaan Road Trip, Day 4 +
+ Isaan Road Trip, Day 3 +
+++ Tag 70 ข้อ +++
Friends' blogs
[Add ShiEri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.