หมอสูติฯ แนะผู้หญิงออกกำลังกายลดปวดวันเบาๆ
สูตินรีแพทย์แนะสุภาพสตรีวัยเจริญพันธุ์ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อลดอาการพีเอ็มเอส จากการหลั่งฮอร์โมนพรอสตาแกลนดินไม่สมดุล ส่งผลปวดไมเกรน ปวดท้อง หงุดหงิดช่วงก่อนและมีรอบเดือน หากไม่มีเวลาออกกำลังกายให้รับประทานยาต้านการหลั่งฮอร์โมนพลอสตาแกลนดิน
นพ.พันศักดิ์ ศุกระฤกษ์ สูตินรีแพทย์ กล่าวว่า ผู้หญิงก่อนมีประจำเดือนมักมีอาการที่เรียกว่า """"พีเอ็มเอส"""" หรือกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน เกิดจากระดับฮอร์โมนเพศในร่างกายเกิดภาวะไม่สมดุล ผู้หญิงส่วนใหญ่จึงมีอาการปวดท้อง ปวดศีรษะหงุดหงิด โดยผู้หญิงที่เป็นไมเกรนอยู่แล้ว จะส่งผลให้อาการปวดศีรษะไมเกรนรุนแรงมากขึ้น เพราะถูกกระตุ้นจากภาวะฮอร์โมนในร่างกาย ไม่สมดุล ทั้งนี้ เราสามารถป้องกันและลดความรุนแรงของอาการในช่วงที่มีประจำเดือนลงได้ โดยการออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายสร้างสารต่อต้านความเจ็บปวด หรือ """"เอ็นดอร์ฟิน"""" ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายกับโครงสร้างของมอร์ฟีนจึงมีสรรพคุณเหมือนเป็นยาแก้ปวด ขณะเดียวกันการออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยให้นอนหลับสบาย ระบบฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายปรับตัวสมดุล ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลช่วงมีประจำเดือนจะลดลง ส่งผลให้อาการปวดศีรษะไมเกรนลดลงด้วย นพ.พันศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้หญิงที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายสามารถรับประทานยาแก้ปวดในกลุ่มที่เรียกว่า """"แอนตี้พรอสตาแกลนดิน"""" เพื่อลดอาการปวด เนื่องจากในช่วงมีประจำเดือนเยื่อบุโพรงมดลูกมีการหลุดลอกตัวมาเป็นเลือดประจำเดือนและเมื่อเยื่อบุโพรงมดลูกสลายตัวจะหลั่งสารชนิดหนึ่งออกมาเรียกว่า """"พรอสตาแกลนดิน"""" ซึ่งทำให้ผู้หญิงเกิดอาการปวดท้องเมน การรับประทานยาในกลุ่ม """"แอนตี้พรอสตาแกลนดิน"""" จึงช่วยบรรเทาอาการปวดลงได้ หากมีอาการปวดไม่รุนแรงมากสามารถทานยาพาราเซตามอลแทนได้ แต่หากอาการปวดไม่หายควรใช้ยาในกลุ่มแอนตี้พรอสตาแกลนดิน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะรับประทานยาในกลุ่มดังกล่าวจะต้องไม่เป็นโรคกระเพาะอาหารเพราะยาในกลุ่มนี้จะส่งผลข้างเคียงต่อร่างกาย โดยทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารได้ นพ.พันศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของผู้หญิงที่มีอาการปวดศีรษะไมเกรนอยู่ด้วยนั้น ควรลดตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดไมเกรนลง เช่น ลดความเครียดออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอการรับประทานยาในกลุ่มแอนตี้พรอสตาแกลนดินช่วยลดอาการปวดศีรษะไมเกรนในช่วงที่มีประจำเดือน ควรปรึกษาแพทย์ เภสัชกรก่อนใช้ยา โดยเฉพาะผู้มีปัญหาโรคกระเพาะอาหาร | ""ที่มาข้อมูล :