Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
31 ธันวาคม 2549
 
All Blogs
 

Shadow's Award รางวัล 10 อันดับอัลบั้มยอดเยี่ยมประจำปี 2006 [อันดับที่ 1-5]

หลังจากที่ Server ทรยศ และตูต้องพิมพ์หัวเนื้อหานี้มาเป็นครั้งที่สามแล้ว (ส้นตีน...แค่จะใส่รูปทำไมมันต้องเอาหัวข้อด้วย ไม่เข้าใจ)

ก่อนผมจะหงุดหงิดส่งท้ายปีไปมากกว่านี้ เรามาดู 5 อันดับที่เหลือกันเลยดีกว่าครับ

ดูอันดับที่ 6-10 ได้ที่นี่




อันดับที่ 5

"Amputechture" โดย The Mars Volta

Genres - Progressive Rock





Title - Day of the Baphomets
Artist - The Mars Volta
Album - Amputechture





วง The Mars Volta อันประกอบด้วยสองคู่หูชาวละติน อย่าง Omar Rodriguez-Lopez กับ Cedric Bixler-Zavala แต่เดิมนั้นมาจากวงพังค์ที่ชื่อ "At the Disco" ผู้ที่เข้ามาวนเวียนอยู่ในดนตรี Progressive และพยายามกำหนดแนวทางใหม่ด้วยตัวเอง ซึ่งเสียงตอบรับก็มีทั้งบวกและลบเป็นธรรมดา

ซึ่งในด้านของตัววงนี้ผมไม่ขอแสดงความเห็นอะไรมาก เพราะเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน แต่สำหรับอัลบั้มนี้แล้ว เป็นอัลบั้มที่ดึงความสนใจผมไปได้มากที่สุดของปีนี้เลยทีเดียว มันทำให้ผมรู้สึกว่า ไอ่พวกนี้เป็นใครมาจากไหนกัน มันเพี้ยนดีแท้ เพี้ยนจนอดใจไม่ไหวที่จะเริ่มชอบ

ในอัลบั้ม Amputechture บางเพลงทำให้ผมมีความรู้สึกเหมือนถูกผี King Crimson ยุค 70's (ซึ่งเพี้ยนพอกัน) ตามหลอกหลอน โดยเฉพาะเพลง Tetragrammaton และเพลงอย่าง Day of the Baphomets ท่อนโซโล่แบบ Free Jazz ของมันก็ชวนให้นึกถึง 21th Schizoid Man กับ Picture of a City เหลือเกิน เพลงอย่าง Asilos Magdelana ก็เป็นเพลงเดียวที่มีเนื้อร้องเป็นภาษาสเปนทั้งหมด (แต่มีคนบอกว่าชื่อเพลงนี้ตั้งผิด จริง ๆ มันต้องเป็น Asilos Magdelanos) ก็เป็นเพลงที่เรียบง่ายที่สุดของอัลบั้ม กลิ่นละตินตลบอบอวล เพลงที่เคยออกเป็น Single อย่าง Viscera eyes ที่โจ๊ะและย่อยง่าย บวกกับท่อนโซโล่กีต้าร์ซึ่งต้องให้เครดิตกับ John Frusicante มือกีต้าร์รับเชิญจากวงพริกไทยเผ็ดร้อน (Red Hot Chilli Pepper) ซึ่งมาเป็นกีต้าร์ให้กับทุกเพลง

บางคนที่ได้ฟังแล้วอาจรู้สึกรำคาญเสียงร้องว๊ากแบบแหลม ๆ ของ Cedric Bixler-Zavala เท่าไหร่ โดยเฉพาะเว็บจิ้มจุ่มนี้ด่าแหลกลาญ แต่ผมกลับรู้สึกชอบนะ เคยอ่านในหนูวิกิ เธอก็บอกว่า "บางที บางทีแล้วเนี่ยนะคะ...เสียงร้องผิดแผกจากชาวบ้านมันก็เป็นรสชาดอร่อยเหาะและเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของดนตรี Progressive เหมือนกัน" ใช่แล้วล่ะหนูวิกิ และเสียงแหลม ๆ ของวงนี้ยิ่งทำให้ผมรู้สึกถึงความเพี้ยน แล้วผมก็จะยิ่งชอบ(ในที่นี้ไม่ใช่เสียงดนตรีเพี้ยนคีย์เพี้ยนคอร์ดอะไรงี้นะ คือ..."เพี้ยน ๆ บ้า ๆ" น่ะ แล้วความเพี้ยนก็ไม่ได้หมายถึงเพี้ยนในการแต่งตัวหรือการแสดงออก-โดยดนตรียังธรรมดา แต่มันเพี้ยนลงลึกถึงตัวดนตรีเลยทีเดียว ซึ่งนอกจาก King Crimson บางอัลบั้ม , Frank Zappa กับ Captain Beefheart แล้ว ก็มีวงนี้แหละที่ทำให้ผมรู้สึกได้)

แต่ข้อเสียของอัลบั้มนี้ก็คือ เพลงเร็ว (จริง ๆ จังหวะ Prog. มันวัดกันไม่ได้ง่าย ๆ มันสลับขึ้น ๆ ลง ๆ) The Mars Volta จะทำได้ดี แต่กับเพลงเนิบ ๆ อย่าง Vicarious Atonement กับ El Ciervo Vulnerado นั้นยังสร้างบรรยากาศ (Atmosphere) ได้ไม่มากพอ แต่ในด้านเมโลดี้แล้วค่อนข้างโอเค เนื้อหาของอัลบั้มนี้รู้สึกจะเป็นConceptual แต่ผมไม่ค่อยสนมันเท่าไหร่ เป็นอัลบั้มที่ทำให้ผมลืมสนใจเนื้อเพลงมันไปเลย

Tracklist (ตัวหนาคือ Shadow's Chosen Track นะครับ)
1. Vicarious Atonement
2. Tetragrammaton
3. Vermicide
4. Meccamputechture
5. Asilos Magdalena
6. Viscera Eyes
7. Day Of The Baphomets
8. El Ciervo Vulnerado




อันดับที่ 4

"Materia" โดย Novembre

Genres - Progressive Death Metal / Doom Metal





Title - Materia
Artist - Novembre
Album - Materia





อย่างแรกเลยคือ ผมชอบปกอัลบั้มนี้มาก เรียกว่ามากที่สุดในปีนี้เลยก็ว่าได้ บรรยากาศขาวโพลน เย็นเยียบ แบบนี้ไม่มีเพียงแต่ปก แต่ดนตรีของอัลบั้มนี้ก็ให้ความรู้สึกแบบเดียวกัน

Novembre เป็นวงเมทัลจากอิตาลี ในอัลบั้ม Materia นี้ ผมได้ฟังแล้วก็รู้สึกถึงความหมองเศร้า เย็นยะเยือก อย่างไม่อาจบรรยาย บางเพลงมีเนื้อเพลงภาษาอิตาลี บางเพลงก็มีกลิ่นอิตาเลี่ยนปนมากับ Intro อย่าง Jules กับGeppetto บางเพลงก็แสดงความเป็น Melodic Doom
ที่มีเสียงร้องทำนองสละสลวยในแบบหนาว ๆ ออกมา

สำหรับเพลงที่ Novembre ได้แสดงพลังอย่างเต็มที่นั้นก็คือ Aquamarine กับ Materia ที่มีทั้งความซับซ้อนและเสียงร้องแบบสำรอกที่ใครหลายคนคาดหวังถึง และที่เป็นจุดเด่นของอัลบั้มนี้เลยคือ การสร้างบรรยากาศนั่นเอง ถือว่าเป็นวงเมทัลน้อยวงที่ทำให้เกิด เมทัลในลักษณะAtmospheric เช่นนี้ได้

ในทีแรกผมกะจะเอาเพลง The Promise มาเปิดลงที่นี่ เพราะคิดว่าเป็นเพลงที่น่าจะเข้าถึงผู้ฟังส่วนใหญ่ได้ แต่เพิ่งรู้ว่าเป็น Cover จากวงอื่นมา ผมจึงรู้ว่ามันคงไม่สมศักดิ์ศรีนัก เลยเอาเพลง Materia ดังชื่ออัลบั้มมาลงแทน

Tracklist

1. Verne
2. Memoria Stoica / Vetro
3. Reason
4. Aquamarine
5. Jules
6. Geppetto
7. Comedia
8. The Promise
9. Materia
10. Croma
11. Nothijngrad




อันดับที่ 3

"On An Island" โดย David Gilmour

Genres - Progressive Rock / Blue Rock





Title - On an Island
Artist - David Gilmour
Album - On an Island





เทพเจ้ากีต้าร์ของ Pink Floyd กลับมาทำอัลบั้มเดี่ยวของตัวเองอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนาน การที่เข้าได้ทำอัลบั้มเดี่ยวก็เป็นเหมือนว่าเขาได้โชว์พลังและความเป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ซึ่งใน Pink Floyd สองอัลบั้มหลัง (Momentary Lapse of Reason กับ The Division Bell) ก็เริ่มแสดงความเป็น Gilmour อย่างเห็นได้ชัดเจนขึ้น จึงไม่แปลกที่ใครฟังอัลบั้มนี้แล้วจะรู้สึกนึกถึง Pink Floyd สองอัลบั้มหลังอย่างอดไม่ได้ โดยเฉพาะ The Division Bell ที่ตัวดนตรีจะออกมาโล่งสบาย อารมณ์ชิล-ชิล Mellow-Mellow เนื้อหาพูดถึงความสัมพันธ์ในแบบของผู้ที่มั่นคงแล้วในจิตใจ

จนตรงนี้แหละที่มีนักวิจารณ์เพลงในนิตยสารแห่งการวิจารณ์ชื่อดังเล่มหนึ่งเอามาเขียนแขวะ Roger Waters หนึ่งในเจ้าของตำนาน Pink Floyd ในพื้นที่วิจารณ์อัลบั้ม On an Island นี้ ซึ่งแกแขวะ Waters ไปเสียครึ่งบทความแล้ววกกลับมาหาอัลบั้มนี้เป็นระยะ ๆ เมื่อถอดจริตทางภาษาออกมาได้แล้วความหมายจะประมาณว่า "เห็นไหม เห็นไหม Gilmour เขาเข้าใจชีวิตขนาดไหน เนื้อหาก็เป็นผู้ใหญ่ ไม่เป็นวัยรุ่นอารมณ์ร้อน ติสท์แดก อีโก้จัด บ้าพลัง อย่าง Waters หรอก" ซึ่งมันทำให้ผมหมดศรัทธาในตัวนักเขียนผู้นี้ไปในบัดดล ผมเป็นหนึ่งในผู้ที่ชื่อชอบ Roger Waters แต่ไม่ได้เกลียด Gilmour เพียงแค่ชอบน้อยกว่า...และในฐานะของผู้ที่มี Pink Floyd ในหัวใจคนหนึ่ง ผมคิดว่าความเป็น Pink Floyd ขาดไม่ได้ทั้งฝีมือกีต้าร์เจ้าตำหรับของ David Gilmour และ ความโกรธของ มือเบสส์ คนแต่งเพลง เจ้าแห่งคอนเซปต์อัจฉริยะ อย่าง Roger Waters

จบจากเรื่องความมั่นคงภายใน (ซึ่งจริง ๆ Pink Floyd ถือว่าปิดตำนานไปใน Concert Live8 ปีที่แล้ว...อย่างสวยงาม) เข้ามาสู่ตัวอัลบั้ม อารมณ์ Mellow-Mellow นี้ไม่ใช่ความผิดบาปในดนตรี Progressive แต่อย่างใด ตัวอัลบั้มเริ่มต้นด้วย Instrumental ซึ่งเป็นเสมือน Intro อย่าง Castellorizon ก่อนจะเข้าสู่ Title Track ที่ฟังสบาย ๆ แล้วต่อด้วยเพลงนุ่ม ๆ อย่าง The Blue เพลงที่แรงขึ้นมาอีกหน่อย อย่าง Take a Breath กับ Red Sky at Night แม้แต่ This Heaven ที่ดูมีจังหวะจะโคน ไม่ค่อยดึงความสนใจผมเท่าไหร่ เพราะผมกลับคิดว่าถ้าจะละมุนละไม ก็ขอเอาแบบที่ฟังแล้วเคลิ้มกันไปเลยดีกว่า อย่าง Then I Close my Eyes นี้เป็นเพลงบรรเลงที่ฟังแล้วเหมือนขึ้นสวรรค์ การได้ Graham Nash กับ David Crosby มาช่วยทำให้ดนตรีในอัลบั้มนี้นั้นทำให้ฟังมีกลิ่น Folk ปนอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย เพลงมีหวาน ๆ อย่าง Smile ที่แอบมีเสียงของ Polly Samson ภรรยาของ Gilmour ผู้มีอิทธิพลกับดนตรีของเขามาก มาช่วยร้องคลอ โดยนอกจากนี้เธอยังช่วย Gilmour ในการแต่งเนื้อร้องอีกด้วย จนมีคนเรียกว่าเป็น Yoko Ono เบอร์สอง ดู ๆ แล้วคู่นี้น่ารักดีจริง ๆ มาจนถึงเพลงที่ผมชอบที่สุดอย่าง A Pocketful of Stone ที่ทั้งหวาน ทั้งเศร้า และร่มรื่น กับเนื้อหาที่พูดถึงชีวิตและความตายอย่างเข้าใจในความเป็นไป ก่อนจะจบด้วยเพลง Where We Start ลงอย่างหมดจด

Tracklist

1. Castellorization
2. On An Island
3. The Blue
4. Take A Breath
5. Red Sky At Night
6. This Heaven
7. Then I Close My Eyes
8. Smile
9. A Pocketful Of Stones
10. Where We Start



MV เพลง Smile ครับ

"Needing a better way
To find my way home
To your smile"





อันดับที่ 2

"Foiled" โดย Blue October

Genres - Alternative Pop-Rock (With Post-grudge , Nu-Metal , Progressive etc. influenced)





Title - You Make Me Smile
Artist - Blue October
Album - Foiled





มาถึงตุลาฟ้าหม่นกันแล้ว Blue October เป็นวง Rock สมัยใหม่ จากรัฐ Texas โดยอัลบั้มนี้ถูกด่าเปิงจาก NME ว่ามันจะมั่วเกินไปแล้ว จะเอาแนวไหนก็เอาสักทางเซ่ !!
แต่ตรงข้ามผมกลับรู้สึกว่าความหลากหลายแต่ล้วยย่อยง่ายของอัลบั้มนี้ทำให้เอามาฟังได้เรื่อย ๆ โดยไม่เบื่อ แต่ถึงจะย่อยง่าย แต่ในด้านดนตรีก็ไม่ทิ้งแฝงความซับซ้อนไว้นิดลงไป และถึงแม้จะหลากหลาย แต่ก็ไม่ถึงขั้นทิ้งความเป็น Blue October ไปเช่นกัน

เพลงที่ดังสุด ๆ คือเพลงเจ้าอารมณ์เนื้อหาปวดร้าวอย่าง Hate me นั้นก็ช่างจับใจ (ถึงผมจะไม่ถึงขั้นชอบมันเมื่อฟังแต่ครั้งแรกก็เถอะ) MV ของมันก็กดหัวจิตหัวใจเหลือเกิน ซึ่งโดยเนื้อหาของอัลบั้มนี้เท่าที่ดูแล้ว มันให้อารมณ์เด็กมีปัญหา วัยรุ่นเบื่อโลก อย่าง The Wall เสียจริง (แต่ The
Wall รายละเอียดมันลึกกว่าอยู่แล้ว) แต่เพลงสดใส ๆ ก็มีอย่าง Into the Ocean , Everlasting Friend และ 18th Floor Balcony (แต่เพลงสุดท้ายยังมีอารมณ์หม่น ๆ อยู่นะ ว่าจะเอามาให้ฟังแล้ว แต่กลัวมันยาวเกินไป แล้วก็ Spoil ด้วย)

อัลบั้มนี้บางคนอาจจะเกลียดมันไปเลยก็ได้ มีอย่างที่ไหน กำลังซึ้ง ๆ กับ Pop-Rock เบา ๆ เหยาะเสียงคีย์บอร์ดแฝงตามไรเสียงฟังดู Progressive เล็ก ๆ อยู่ดี ๆ มันก็มาระเบิดหูตูด้วย เพลงที่โยน Nu-Metal ลงไปในหม้อเต็มก้อนอย่าง Drilled a wire through my cheek (ได้ข่าวว่าเพลงนี้เอาไปใช้ประกอบเรื่อง SAW 3 ด้วย แต่ผมยังไม่ได้ดู) ไอ่เพลง X-Amount of words ก็อย่างกับหลุดมาจาก Club Dance สลัว ๆ ไหนจะไอ่ Overweight ที่เริ่มต้นด้วยเสียงแมนโดลิน แล้วมันก็พากันร้องอย่าง Rap Rock ที่ไม่วายปูเสียงเครื่องสายไว้เป็นฉากหลัง แล้วยังเพลง Let it go ที่มันมีเสียงหีบเพลงปากมาทำ Folk อะไร!? ไหนจะ You Make me Smile กับ She's my ride home ที่มีซาวน์ Brit ปน ๆ มา ไอ่เพลงหลังนี้ตงิด ๆ นึกถึง Joy Division ได้ไงก็ไม่ทราบ ทั้งที่มันไม่ Gothic เลย

ถึงนักวิจารณ์หลายที่จะรุมด่า แต่...ขอโทษ ผมชอบหว่ะ
เป็นอัลบั้มที่ทั้งเนื้อหาและดนตรีจับหัวใจผมได้อยู่หมัด !!

Tracklist
1. You Make Me Smile
2. She's My Ride Home
3. Into The Ocean
4. What If We Could
5. Hate Me
6. Let It Go
7. X-Amount Of Words
8. Congratulations
9. Drilled A Wire Through My Cheek
10. Sound Of Pulling Heaven Down
11. Everlasting Friend
12. 18th Floor Balcony (including hidden track "It's just me.")




อันดับที่ 1

"Modern Times" โดย Bob Dylan

Genres - Folk-Rock , Country-Rock





Title - Working Man Blue #2
Artist - Bob Dylan
Album - Modern Times





สูงสุดคืนสู่สามัญ...
เที่ยวเสาะหาความซับซ้อนมาสนองหัวใจซ้อนซับของตน แล้วก็พ่ายแก่ Folk-Rock ง่าย ๆ ของสุดยอดSinger/Songwriter ผู้ยิ่งใหญ่ของหนุ่มสาวแห่ง ศต.ที่ 20 Bob Dylan มากับอัลบั้มใหม่ที่ทั้งก้าวไปข้างหน้า แต่ก็ไม่ลืมท่วงทำนองเก่า ๆ ทำให้เมื่อผมฟังอัลบั้มนี้แล้ว มันอดใจนึกถึงอะไรเก่า ๆ ในหลาย ๆ อัลบั้มแกไม่ได้ แม้ว่าชื่ออัลบั้มจะบอกว่า Modern Times (ซึ่งน่าจะตั้งตามชื่อหนังของ Charlie Chaplin) ก็ตาม

เพลงในอัลบั้มนี้ มีทั้งเพลงเร็วจังหวะน่าโยกตัวสลับกับเพลงช้า ไพเราะเรียบง่าย เนื้อหาลึกซึ้ง กินใจ เพลงอย่าง Spirit On the Water , When the deal goes down ทำให้ผมคิดถึงใครบางคนจนเสียน้ำตามาให้มันหลายครั้งแล้ว

ถ้าให้พูดจริง ๆ ผมออกจะชอบเพลงช้าในอัลบั้มนี้มากกว่าเพลงเร็ว เสียงของ Bob Dylan โดยเฉพาะในเพลง When the Deal goes down ฟังดูอบอุ่น อ่อนโยน ระบายสีให้ท้องฟ้ายามเย็นแบบราง ๆ ผมรู้สึกว่ามันช่างชีวิตและจับใจเหลือเกิน เกินกว่าจะบรรยายด้วยคำไหน ๆ แล้ว

เพลง Working man's blues #2 ที่ผมเอามาเปิดนั้น เป็นเพลงที่พี่พรแห่งร้านอวดดี ชอบที่สุด และผมเองก็ชอบเพลงนี้เหมือนกัน ผมเพิ่งรู้จักร้านนี้ได้แค่ครึ่งปี ครึ่งปีเท่านั้นร้านนี้ก็ถึงคราวต้องลาไป แต่มันเป็นความทรงจำที่ดีอย่างหนึ่งของปีนี้เลยทีเดียว อ้าวแหม ผมจะเจอใครที่คุยเรื่อง Cocktail ด้วยได้เท่านี้อีกเล่า แล้วเวลาเซ็ง ๆ ผมอยากจิบเครื่องดื่มแปลก ๆ (ที่บางทีขอผสมเอามั่ว ๆ สูตรตัวเอง) จะหาจิบราคาไม่บั่นทอนกระเป๋าได้จากที่ไหนนอกจากที่นี่ ตอนวันหนึ่งที่ผมแวะเข้าร้านด้วยอารมณ์หงอย ๆ ทั้งเป็นไข้ เจ็บคอ แล้วก็ท้องเสีย พี่แกก็เสริฟชาร้อนบีบมะนาวให้โดยไม่คิดเงิน ตอนวันเกิดผมก็ถึงขั้นผสมCocktail ปริศนาสีน้ำเงินมาให้เป็นกระติก พี่แกบอกว่าอยากให้ร้านนี้มันมีชีวิตของมัน ไม่ใช่เดินเข้ามาซื้อขายกันแล้วก็จากไป เลยมี Concept อะไรมาเรื่อย ๆ เสียดายผมมาตอน Concept แผ่น CD เพลงไม่ทัน มาเจอก็ตอนConcept หนัง(ฉายฟรี) ซึ่งทำให้ทุกวันพฤหัสตอนเย็นผมมีแหล่งพักพิงเฉพาะไปในตัว มีพี่ทิวนักเลงหนังตัวจริงคอยพูดวิจารณ์+ให้ข้อมูลหนังตอนท้าย พี่พรยังบอกอีกว่า รู้สึกว่าร้านกาแฟที่เชียงใหม่มันเยอะเกินไป ("จริง ๆ พี่พรชงกาแฟเก่งนะ เป่าฟองนมเก่งด้วย" พี่ทิวแอบแทรกขึ้นมา)
แล้วพี่เคยทำมาทางนี้ไง ก็เลยอยากให้คนที่ชอบ Cocktail แต่ไม่มีทุนทรัพย์ถึงขั้นไปนั่งในโรงแรมหรือร้านแพง ๆ ได้มากินกัน

ถึงแม้ร้านนี้จะมีขาประจำที่แวะมาเรื่อย ๆ แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อถึงเวลาที่การเงินมีปัญหา แรงใจก็คงช่วยยาก ไม่มีใครเลยอยากให้ร้านปิด...ตอนนี้พี่เจ้าของร้านทั้งสองคนกำลังไปทำงานที่งานพืชสวนโลก (ซึ่งใจจริงผมไม่ชอบงานนี้เอาเลย แต่เข้าใจคนที่ทำงานครับ) ก่อนจะกลับลงไปใต้เมื่องานนี้จบลง

ถึงคนที่ทำงานจะมีความเศร้าหมองในแบบของคนทำงาน แต่ถ้าหากเขามีคนที่รับรู้เข้าใจเสียหน่อยแล้ว ชีวิตจิตใจมันก็พร้อมจะสู้กับความเศร้านั้น

(แย่ล่ะ...เขียนออกแนวส่วนตัวไปหน่อย)

ถึงยังไงก็ตามสำหรับ Bob Dylan ที่พี่ชอบแล้ว อัลบั้ม Modern Times ก็เป็นอัลบั้มอันดับหนึ่งของผมสำหรับปีนี้เช่นกัน

Tracklist
1. Thunder On The Mountain
2. Spirit On The Water
3. Rollin' and Tumblin'
4. When The Deal Goes Down
5. Someday Baby
6. Workingman's Blues #2
7. Beyond The Horizon
8. Nettie Moore
9. The Levee's Gonna Break
10. Ain't Talkin'



ปิดท้ายด้วย UnOfficial MV เพลง Beyond the Horizon (จริง ๆ ตัดมาแค่ครึ่งเพลง) โดยใช้ Clip จากหนังของ ชาร์ลี แชปปลิน ดูแล้วน่ารักดี

โชคดีมีความสุขปีใหม่ทุกท่านครับ
สวัสดี




 

Create Date : 31 ธันวาคม 2549
30 comments
Last Update : 31 ธันวาคม 2549 1:42:59 น.
Counter : 1709 Pageviews.

 

นึกแล้วเชียวว่าอันดับ 1 ต้องเป็น Bob Dylan
เนื้อเพลงของแกสุดยอดจริงๆ
ตอนนี้ฟัง Don't think twice , It's Allright บ่อยๆ

 

โดย: grappa 31 ธันวาคม 2549 8:08:03 น.  

 

ไม่ค่อยได้ฟังเพลงสไตล์นี้ แต่แวะมาทักทายเจ้าของบล็อคครับ

 

โดย: Johann sebastian Bach 31 ธันวาคม 2549 8:56:42 น.  

 

สรุปว่าในสิบอันดับ รู้จักอยู่แค่ไม่กี่วง แต่ไม่เคยฟังเลยซักวง โฮะโฮะโฮะ (จะขำอะไรเนี่ยะ)

november นี่ปกงามบาดจิตบาดใจมากๆ แจ่มๆๆๆๆ เพลงยังบ่ได้ฟังนะครับ ใช้เน็ตเต่าอยู่ที่บ้าน เดี๋ยวหลังปีใหม่กลับมาฟังใหม่ ว่าแต่คงจะฟังได้นะครับ

 

โดย: strawberry machine gun 31 ธันวาคม 2549 16:05:21 น.  

 

ชอบหน้าปก David Gilmore กะ Bob Dylan...
สวัสดีปีใหม่ครับ
ขอให้ฟังเพลงเพราะกว่าทุกปี

 

โดย: แร้ไฟ 31 ธันวาคม 2549 23:53:32 น.  

 

ของ dylan ผมชอบ Working man's blues #2 ที่สุด
ส่วนอันดับอื่นไม่ค่อยรู้จักครับ หลายปีหลังผมไม่ค่อยได้ฟังวงใหม่ๆ ตามแต่คนเก่า วงเก่า ที่เคยตามกันมานานแล้ว
ส่วน gilmour ก็ไม่ค่อยโปรดเขาเท่าไหร่

สวัสดีปีใหม่นะครับ

ปล.เห็นพูดถึง "เพื่อน" ที่ไทยไรเตอร์ ต้องเรียกน้าเคนจิมาช่วยหรือเปล่าครับ

Photobucket - Video and Image Hosting

 

โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ 1 มกราคม 2550 2:23:26 น.  

 

น้องเงาหวัดดีปีใหม่
สุขกายสุขใจทุกวันทั้งปีนะจ๊ะ


 

โดย: ดาริกามณี 1 มกราคม 2550 18:42:35 น.  

 

ยังไม่ซื้อ bob dylan เลย

 

โดย: merveillesxx IP: 161.200.255.163 1 มกราคม 2550 19:08:39 น.  

 

ชอบเพลงของลุงบ็อบ ที่เอามาเปิดมากๆ เลยครับ
ตอนที่กำลังนั่งพิมพ์คอมเมนต์ ผมอ่านแค่อัลบั้มอันดับหนึ่งเดี่ยวจะทะยอยฟังเพลงจากอันดับ 2-4

ผมก็มีความฝันเปิดร้านค็อกเทลเล็กๆ ขายค็อกเทลราคาไม่แพงทั้งแบบเป็นแก้วๆ หรือเป็นถังเล็กๆ เหมือนร้านรถตู้ที่ข้าวสาร

อยากเปิดเพลงเย็นๆ กล่อมลูกค้าที่มานั่งจิบค็อกเทลหวานๆ

แวะมาสวัสดีปีหมูด้วยครับ
ขอให้เจ้าของบล็อกมีความสุขมากๆ นะครับ

Photobucket - Video and Image Hosting

 

โดย: King Of Pain 2 มกราคม 2550 2:25:16 น.  

 

รูปนี้มัน เบเฮลิตในเบอร์เซิร์คชัดๆ



สวัสดีปีใหม่ครับ

ขอให้สิ่งดีงามทั้งหลายในห้วงจักรวาลนี้จงปกป้องคุ้มครองคุณและคนที่คุณรักให้ประสบพบเจอแต่สิ่งที่ดีงามดังใจปรารถนานะครับ

 

โดย: นายเบียร์ 2 มกราคม 2550 4:07:17 น.  

 

อันดับที่หนึ่งถูกใจแม่ปลามั่กๆ กำลังว่าจะเอาลุงบ๊อบมาใส่ในบล๊อก Roadtrip เหมือนกันเลย แต่สงสัยจะไม่มีเวลาเอามาลงแหงๆ ยังไงสวัสดีปีใหม่ ขอให้มีความสุขในปีหมูน่ะจ๊ะ ไม่อ้วนเหมือนหมูน่ะ แต่รวยๆละกัน

 

โดย: Special Ed. 2 มกราคม 2550 4:09:05 น.  

 

แวะมาทักทายแควนๆ DT
ขอบคุณที่แวะไปมุง...อิอิ

-- หวัดดีปีใหม่ฮับ

=)

 

โดย: hunjang 2 มกราคม 2550 16:30:07 น.  

 

มาเก็บตกครับ
คราวนี้ฟังได้ทุกเพลงเลยแฮะ

ชอบเพลง You Make Me Smile ของ Blue October

 

โดย: King Of Pain 3 มกราคม 2550 0:41:37 น.  

 

แย่ล่ะ พิมพ์ผิด Post-grunge ไม่ใช่ Post-grudge (ขี้คร้านไปแก้ในนู้นแล้วววว ปล่อยไว้เอาฮา+ประจานตัวเองเสียเลย)

Post-grudge ดนตรีแนว "หลังผีจูออน"

 

โดย: ShadowServant 3 มกราคม 2550 3:27:10 น.  

 

Buster Keaton เป็นตลกหนังเงียบรุ่นเดียวกับแชปปลิ้นครับ แต่ดังไม่เท่า คงจะยากอะครับที่จะเอาอัลเลนเข้าไปแต่ถ้าเป็นหลายสิบปีข้างหน้าไม่แน่นะ

 

โดย: Johann sebastian Bach 3 มกราคม 2550 8:10:53 น.  

 

มาชมอันดับเพลงบ้าง


สวัสดีปีใหม่เช่นกัน

ขอให้พรทั้งหลายกลับคืนมาเป็นสองเท่านะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 3 มกราคม 2550 9:56:13 น.  

 

555 อันดับ 1-5 ของชาโดว์นี่โอ้ว ข่อยไม่ได้ฟังซักอัลบัมเลยอะ ข่อยว่า จขบ. นี่ฟังเพลงไปไกลแล้วนะ เอิ๊กๆ ไอ่ The Mars Volta นี่มันเพี้ยนเอาเรื่องแฮะ อันดับ 4-3-2-1 เด่วไล่อ่านไล่ฟังอีกทีนะ แต่ Blue October ชักสนใจอยากลองซื้อมาฟังมั่งเหมือนกัน ไปหยิบดูหลายรอบแล้ว

 

โดย: Together In 80s Dream 3 มกราคม 2550 12:15:10 น.  

 

ฟังครบทุกอันดับแล้วอะ Materia / Novembre นี่ก็เข้าท่านะ ชอบเสียงกีต้าร์หวานๆ เอ่อ แต่ท้ายๆ เพลงทำไมกลายเป็นร้องสำรากๆ ไปซะได้ 555


On An Island / David Gilmour ก็น่าสนง่ะ มีแววได้เสียตังค์อีกแล้ว เฮ้อ ยังงี้จะหั่นงบซีดีลงมั้ยเนี่ย

 

โดย: Together In 80s Dream 3 มกราคม 2550 12:52:59 น.  

 

เอ่อ ลืมไปว่ายังไม่ได้ฟังเพลงบล็อกนี้ เข้ามาฟังแล้วเปิด Mars volta ก่อนเลย แบบว่าอึ้งแดกมากกกกกกก เพลงจบเลยมาคอมเม้นท์ก่อนเลยนี่แหละ เพลงบ้าอะไร เริ่ดมากกกกกก

 

โดย: strawberry machine gun 5 มกราคม 2550 11:01:57 น.  

 

อ่าว กดฟังเพลงอื่นไม่ได้ซะงั้น กระตุกตลอดเลย หรือว่าเจออาถรรพ์ Mars Volta เข้าให้

เดี่ยววันหลังมาฟังที่เหลือต่อละกันเนาะ

 

โดย: strawberry machine gun 5 มกราคม 2550 11:11:32 น.  

 

มาสวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้มีความสุขมากๆ นะครับ

 

โดย: คนทับแก้ว 5 มกราคม 2550 16:22:34 น.  

 

บังเอิญว่าไม่ค่อยได้ฟังเพลงต่างชาติน่ะครับ 555+

ขอบคุณที่แวะไปทัศนารางวัลอันทรงเกียรติ(?)ของผมที่บล๊อกนะครับ

 

โดย: nanoguy (nanoguy ) 6 มกราคม 2550 12:15:54 น.  

 

สมาชิกวงThe Mars Volta มาจากวง At the Drive-in ไม่ใช่เหรอคับ? วงTMVพัฒนาขึ้นทุกอัลบั้ม อัลบั้มล่าสุดนี่ก็จ๊าบเหลือเกิน เป็นวงโพรเกรสซีฟ ไซคีเดลิก ร็อค ที่ผสมดนตรีพื้นบ้านเข้ามาด้วย โดนๆ ต้องยกให้เป็นอัลบั้มแห่งปีสำหรับผมเหมือนกาน

 

โดย: สามตา IP: 58.9.103.14 7 มกราคม 2550 12:05:23 น.  

 

มาจี๊ดกับ Blue October ค่ะ รู้จักวงนี้และกรี๊ดวงนี้จากที่นี่แหละค่ะ...ชอบๆๆๆๆๆ

ขอบคุณนะค๊าที่พามารู้จัก


 

โดย: renton_renton 7 มกราคม 2550 14:21:07 น.  

 

แย่แว้วววว!! จำผิดอีกอันนึง
At the Drive-In จริง ๆ แหละ

หน้าแตก ปล่อยไก่งวงไปอีกตัว
กระต๊ากกก!!

 

โดย: ShadowServant 7 มกราคม 2550 18:23:45 น.  

 

กร้ากกกกก ฟังได้หมดทุกเพลงแล้ว สรุปว่าตอนนี้กรี๊ดแตกกับ Mars Volta มากกกกกกกกกกกกกกกกก สติเสียไปเลยอ่ะ เพลงอื่นในอัลบั้มมันเป็นอย่างนี้อ่ะป่าว จะได้ไปลองหามาฟังดู

 

โดย: strawberry machine gun 8 มกราคม 2550 10:25:32 น.  

 

แวะมาทักทายคุณ shadow servant ครับ รู้ไหมครับว่าคุณโดน blog tag เข้าให้แล้ว อยากรู้ก็ลองคลิ๊กไปที่บล็อกของคุณ I will see you in life นะครับ

 

โดย: Johann sebastian Bach 8 มกราคม 2550 15:36:06 น.  

 

เข้าบล็อกนี้เป็นรอบที่เจ็ดของวัน เพื่อเปิดฟัง The Mars Volta นี่แหละ ยิ่งฟังยิ่งมันส์โคตรรรรรรรรร

 

โดย: ยิงกระสุนเป็นชุดๆ เลย IP: 203.131.220.50 8 มกราคม 2550 17:10:21 น.  

 

5555 พี่บาคมาแจ้งข่าว

วันนี้เล่นที่ร้าน ทำไมฟังเพลงอะไรก็ไม่ได้เลยก็ไม่รู้ สงสัยบล็อกไว้แหง

blog tag ก็ให้เราเขียนเรื่องของเราห้าเรื่องครับ เป็นเรื่องที่คิดว่าไม่มีใครรู้แน่ พอเขียนเสร็จเราก็ลูกโซ่ไปอีกห้าคนว่าให้ใครเขียนต่อ

รออ่านน่ะ

ป.ล. รับปริญญาเราจะได้เจอกันไหมนี้ เจอพี่ก็ทักบ้างเน้อ

 

โดย: I will see U in the next life. 8 มกราคม 2550 19:10:16 น.  

 

สวัสดีปีหมู ขอให้ปัญหาทุก ๆ อย่างกลายเป็นเรื่องหมู ๆ นะครับ

กะแล้วว่าในสิบอันดับต้องรู้จักไม่กี่ราย โชคดีนะเนี่ยยังรู้จักอันดับหนึ่ง

 

โดย: เจ้าชายไร้เงา 9 มกราคม 2550 14:34:18 น.  

 

งาย ไอ่น้อง สวัสดีปีใหม่ด้วยคน ไม่เจอกันเลยนะ

 

โดย: poypoy IP: 202.28.27.3 24 มกราคม 2550 17:28:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ShadowServant
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add ShadowServant's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.