Group Blog
 
<<
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
6 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
Low Fidelity (ภาคสอง) - 10 อันดับหนังสือในดวงใจประจำปี 2548

อาจจะช้าไปหน่อยเพราะพลุปีใหม่ที่จุดกันมอดไปบนท้องฟ้านานแล้ว แต่เพิ่งได้มีโอกาส Up Blog จริง ๆ เนื่องจากช่วงนี้กำลังวิ่งวุ่นกับอะไรหลาย ๆ อย่าง รู้สึกตัวเอง Energetic ดี เลยรีบ ๆ ทำอะไรที่อยากทำตอนนี้ก่อน เดี๋ยวเกิดขี้กียจขึ้นมาก็ไม่เป็นอันทำ

หมายเหตุ - 10 อันดับนี้ไม่ได้หมายความว่า เป็นหนังสือที่ตีพิมพ์ปี 2548 ทั้งหมดนะขอรับ บางเล่มเก่ากึกฝุ่นจับก็มี ที่ผมหมายถึงคือ เป็นหนังสือที่ผมได้อ่านจนจบในปี 2548 ที่ผ่านมานี้ต่างหาก มาดูกันดีกว่าว่า Shadow award ปี 2548 มีอะไรบ้าง





10.) เจ้าการะเกด / แดนอรัญ แสงทอง

ผมติดใจงานเขียนแนวกระแสสำนึกของนักเขียนผู้นี้มาแต่ "เงาสีขาว" ที่ ดิบ ทึมทืบ หม่นมัว และแอบโรแมนติกเล็ก ๆ มาถึงผลงานเล่มนี้ ถึงแม้หลายคนจะบอกว่าเนื้อหาเบาบางลงจาก "เงาสีขาว" และ "อสรพิษ" (ทั้งสองเล่มนี้ถูกตีพิมพ์เป็นภาษาฝรั่งเศสและเป็นที่สนใจกันมาก) ลีลาการเขียนจะอ่อนลง แต่ผมก็ยังได้กลิ่นประหลาดลึกลับที่แตกต่างจากงานชิ้นก่อน ๆ จริงอยู่ที่ผมอาจไม่ชอบเล่มนี้เท่า "เงาสีขาว" (ที่เป็น Masterpiece ของเขาไปแล้ว) แต่ก็ดีพอที่ผมจะจัดให้เป็นหนังสือประทับใจประจำปี 2548 ได้

เพิมเติม : จริง ๆ แล้วเล่มที่ผมชอบที่สุดของแดนอรัญไม่ใช่ "เงาสีขาว" แต่เป็นงานเขียนสมัยที่ยังตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์สู่ฝันของพิบูลศักดิ์ ละครพล อย่าง "ยามพราก" และมันเป็นหนังสือโรแมนติกเหงา ๆ ที่ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นคนเดียวกับที่เขียนเงาสีขาวได้เสียด้วย!!! ค่ดว่าเล่มนี้ได้ถูกเอามาพิมพ์ใหม่ ในชื่อ "เพลงรักคนพเนจร" หาได้ในจำนวนจำกัดครับ แต่ที่แน่ ๆ มีที่ร้าน 'เล่า' เชียงใหม่แน่นอนครับ






9.) ชูมาน / พิบูลศักดิ์ ละครพล

ผมอ่านเล่มนี้จบแล้วตายไปเลยครับ...ตายไปกับความเศร้า ที่หวานหอมแต่เป็นพิษของเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ เป็นโศกนาฏกรรมความรักของชายหนุ่ม-หญิงสาว ที่มีฉากเป็นเชียงใหม่เมื่อ 2520 !! ผมยังเป็นสัมพะเวสี หาที่เกิดไม่ได้ด้วยซ้ำ (ผมเกิด 2527) แต่นอกจากเรื่องราวความรักที่ไม่หวานจนเลี่ยน ความอ่อนไหว ความตราตรึง แล้ว มันยังทำให้ผม nostalgia ไปถึงเชียงใหม่เมื่อตอนผมยังเป็นเด็ก ๆ ที่ยังไม่ใหญ่โต และ Commercialize ขนาดนี้

"ชูมาน" เป็นเรื่องที่ สนพ. a book เลือกเอามาพิมพ์ใหม่ โดยผมอ่านเบื้องหลังท้ายเล่มแล้ว ได้มีการคัดเลือกจากสองเล่มที่ชั่งใจอยู่คือ "ชูมาน" กับ "ขอความรักบ้างได้ไหม" ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้ล้วนจบแบบโศกนาฏกรรม แต่เรื่องหลังรุนแรงเรื่องแรก (เค้าว่าไว้ในนั้น)

แต่สำหรับผมแล้ว "ชูมาน" ติดตรึง และทุรนทุรายกว่า
ถึงได้บอกว่าผมตายไปเลย....กับอันดับเก้านี้






8.) เจ้าหงิญ / บินหลา สันกาลาคีรี

ถือเป็นปรากฏการณ์นึงเลยครับสำหรับปีนี้ จะเรียกว่าเป็นซีไรท์หักมุมก็ได้ ด้วยความฉงนฉงาย อยากรู้ว่ากรรมการจะมาไม้ไหนหว่า... ผมเลยลองไปซื้อมาอ่านดู สารภาพว่าไม่เคยอ่าน บินหลา มาก่อนเลยสักเล่มเดียว พออ่านเรื่องแรกของเล่มนี้จบ ซื้อเลย-ซื้อทันที จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันเกิดพอดี เลยถือซะว่าเล่มนี้เป็นของขวัญวันเกิดที่เราซื้อให้ตัวเองซะเลย

แต่พอหลังจากซื้อมาก็ทยอยอ่านไปทีละเรื่องสองเรื่อง ก็รู้สึกว่าไม่มีเรื่องไหนเลยที่ประทับใจเท่าเรื่องแรก จะมีบ้างอย่างเรื่องเก้าอี้ดนตรี หรือเรื่องเจ้าหญิงดื้อ ๆ ที่เริ่มต้นเรื่องด้วยการบอกว่า เมื่อเจ้าหญิงกับเจ้าชายแต่งงานแล้ว มันยังไม่จบหรอก พวกเขายังจะมีครอบครัวต่อไป แล้วก็กลายเป็นราชากับราชินี ซื่อราชากับราชินีในเรื่องนี้ แยกกันอยู่จนทำให้เจ้าหญิงเป็นเด็กมีปัญหา...แค่นี้ผมก็ฮากลิ้งแล้วครับ นึกภาพเจ้าหญิงเจ้าชายในนิทานตอนเด็ก ๆ กลายเป็นไม่เบื่อไม้เมากันยามแก่ตัวมา... เอ่อ ก็จริงนะ เมื่อตอนเด็ก ๆ เรารู้จักแต่คำว่า "แล้วก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขชั่วกาลนาน" แล้วก็ฝันหวานกันไป ไม่รู้เสียเลย ว่าในโลกความจริงแล้วชีวิตคู่มันเจออะไรหลายรสกว่านั้น

ขออันดับแปดให้ละกันนะ






7.) ทัชมาฮาลบนดาวอังคาร / ทินกร หุตางกูร

นอกจาก เงาสีขาว , หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว แล้วหนังสือของผู้เขียนคนนี้เคยเปลี่ยนชีวิตผมมาแล้ว... ตั้งแต่ "คนไต่ลวดบนดาวสีฟ้า" มาจนถึง short lists ซีไรท์ ปี 2546 อย่าง "โลกของจอม" ที่ดันถูกหาว่าเป็นบทความไปซะได้

มาปีนี้ ทินกร หุตางกูร นักเขียนคนโปรด มากับปกสีแดงกุหลาบ กับรูปเด็กผู้หญิงจับมือเด็กผู้ชายบนปก และคำโปรยบนนั้น ทำให้ผมตื่นเต้นมากว่า นักเขียนคนนี้จะเขียนเรื่องราวความรักในสไตล์ของเขาออกมาในรูปแบบไหน

พอผมได้อ่านแล้ว หลายเรื่องอย่าง "ฟ้าไร้ดาว" กับ "ทัชมาฮาล" นั้น ทรงพลังมาก ราวเป็น maintrack ในอัลบั้มเพลง ที่พร้อมตัดออกซิงเกิ้ล (จริง ๆ แล้ว สองเรื่องที่กล่าวมาเคยออกมาแล้วในหนังสือรวมนักเขียนที่ชื่อ "สนามหญ้า")

กลวิธีการเขียนที่เต็มไปด้วย Reference เข้ามาสอดรับอารมณ์ของเรื่องนั้นก็ยังทำได้กลมกลืน (ถ้าหนังสือของเขาเป็น Website คงมี hyperlink เต็มไปหมดแน่ ๆ) ความรู้สึกส่วนใหญ่ในเรื่องก็ไม่พ้นความเศร้า ความเหงา ความแปลกแยก ประเด็นสังคมที่ชวนฉุกคิด (แต่ตรงนี้อ่อนพลังน้อยลงกว่าสองเล่มแรก) และที่สำคัญอีกความรู้สึกหนึ่งคือความรักสีหม่น ๆ ในโลกที่ไม่เหมือนสวนสนุก




6.) หอมกลิ่นภูเขา / สร้อยแก้ว คำมาลา

นี้ก็นักเขียนอีกคนครับที่ผมเป็นปลื้ม เล่มแรกที่ผมอ่านคือ "ความอ่อนไหวของชีวิต" นั้น ขออนุญาตใช้คำนี้อีกครั้ง "ผมตายไปเลย...." ในเล่มนี้ของเธอ จะเป็นบทความ เกี่ยวกับความนึกคิด ความรู้สึก ของคนที่ผ่านโลกของกิจกรรมเพื่อสังคมมา ส่วนหนึ่งก็พูดถึงชีวิตของเธอเอง

ผมอ่านเล่มนี้แล้วนึกภาพของผู้หญิงนักกิจกรรมคนหนึ่ง ที่พยายามทำตัวให้เล็ก อ่อนน้อม ขณะเดียวกันก็สดใส มาเล่าเรื่องผ่านเสียงกระซิบของขุนเขา ผ่านความหอมของกาลเวลามาให้ฟัง

(หมายเหตุ - เล่มนี้ผมหารูปปกไม่เจอคร้าบบบบ)






5. H2O - ปรากฎการณ์แตกตัวของน้ำบนแผ่นกระดาษ/ อนุสรณ์ ติปยานนท์

นอกจากมุราคามิแล้ว คนที่ผมรู้สึกว่าเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงธรรมดาก็ดูมีมนตร์ขลังได้ ก็คือ อุปสรณ์ ติปยานนท์ นี้แหละครับ

ผมอ่าน "ลอนดอนกับความลับในรอยจูบ" ของเขายังไม่จบ เล่มนี้เลยยังคงติดค้างอยู่ในใจ ผมสารภาพว่าไม่ได้อ่านตามลำดับ ผมอ่านเรื่องแรกจบ ก็ข้ามไปอ่าน Iberry เลย แล้วก็ชอบมากเสีบด้วย ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้น สำคัญมากที่บรรยากาศของเรื่อง อ่านแล้วเหมือนมีละอองไอน้ำมาเกาะที่แว่นยังไงอย่างงั้น

เป็นรวมเรื่องสั้นที่เขียนถึงได้ยากมากครับ แต่หลายคนคงรู้แล้วว่า เป็นรวมเรื่องสั้นที่มีแรงบรรดาลใจมาจากความประทับใจของผู้เขียนที่มีต่อน้ำ และน้ำที่เองที่ก่อให้เกิดชีวืต ชีวิตที่ก่อให้เกิดเรื่องราวไม่อาจคาดเดา เช่นในหลาย ๆ เรื่องของเล่มนี้

(ไว้มาต่อ 5 เล่มหลังใน Comment ครับ)


Create Date : 06 มกราคม 2549
Last Update : 8 มกราคม 2549 2:45:21 น. 26 comments
Counter : 1278 Pageviews.

 


4.) นาร์ซิสซัส กับ โกลดมุนด์ / เฮอร์มาน เฮสเส / แปลโดย สดใส

ผมได้ยินเรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพิ่งจะมีโอกาสหยิบออกมาจากห้องสมุดคณะวิจิตรศิลป์ ก็ช่วงกลางปีนี้เอง แล้วก็ลงมืออ่าน ในทีแรกผมประทับใจบรรยากาศของโรงเรียนพระที่นาร์ซิสซัส กับโกลด์มุนด์ ได้เจอกันในเรื่อง จนกระทั่ง ความรู้สึกของผมก็จับจดอยู่กับการเล่นกับความคิดของตัวละครสองตัว กับการผจญภัยค้นหาตัวตนภายในอันเต็มไปด้วยบทเรียนของโกลด์มุนด์

ครับ เรื่องนี้ว่าด้วยการเดินทางเข้าถึงตัวตนภายในของคนสองคนผู้มีธรรมชาติของชีวิตอยู่คนละขั้ว นาร์ซิสซัสเต็มไปด้วยระบบคิด มีระเบียบ อยู่กับการใช้ความนึกคิดภายใน ใต้หลังคาวัดที่เขาเรียนอยู่และเป็นอาจารย์ในปัจจุบัน ขณะที่ โกลด์มุนด์ นั้นมีวิญญาณของนักผจญภัย ผู้ต้องหนีออกไปนอกหลังคาวัด เริงเล่นและเจ็บปวดอยู่กับโลกภายนอกอันเต็มไปด้วยเหตุการณ์ความผันผวนมากมาย กลายเป็นศิลปินบ้าง กลายเป็นคนจรบ้าง และในบ้างครั้งก็กลายเป็นอาชญากร!!

นาร์ซิสซัส ชื่อเขาฃวนให้นึกถึง นาร์ซิส ตามตำนานกรีก ผู้หลงเงาในบ่อน้ำของตน (ซึ่งนาร์ซิสซัสเองก็ดูเหมือนชายผู้หลงในปัญญาตน) ขณะที่ ชื่อของโกลด์มุนด์ นั้นแปลว่า ปากทองคำ ซึ่งลิ้มรสอันหอมหวานของความหนุ่มสาวในฤดูร้อน จวบไปจนถึงความเจ็บปวด ทารุณ ของฤดูหนาว
ชายผู้สวมรองเท้าคนละใบ แต่มุ่งไปยังทางเดียวกัน

ที่สุดแล้ว...ผมไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไหร่ว่าใครจะบรรลุอะไรหรือไม่
เพราะลำพังเรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมาระหว่างการเดินทาง ของโกลด์มุนด์ และจิตวิญญาณของนาร์ซิสซัส ที่ซึมซับได้จากหน้ากระดาษนั้น ก็งดงามพออยู่แล้ว

(หมายเหตุ - เล่มนี้ผมหาปกเป็นฉบับแปลไม่มี)






3.) กล่องไปรษณีย์สีแดง / อภิชาติ เพชรลีลา

คงเป็นหนังสือที่พูดถึงกันมากที่สุดของปีนี้เชียว...
จริง ๆ หนังสือเล่มนี้ เคยมีคนแนะนำให้ผมอ่านแต่สองปีที่แล้ว แต่ผมก็ยังไม่ได้จับมันขึ้นมาอ่านจริง ๆ จัง ๆ สักที เคยอ่าน(เล่มที่ยังไม่พิมพ์ใหม่) ผ่าน ๆ ไปเป็นโปสการ์ดฉบับหนึ่ง แล้วผมก็จำชื่อตัวละครตัวหนึ่งได้ดีเลยที ตัวละครที่ชื่อ "ดากานดา" และในตอนนั้น ไข่ย้อยของเรื่อง ใช้นามปากกาว่า นกขาหัก

ผมหลบไปอ่าน นู่น..."อยากให้ลมหนาวหวนมาอีกครั้ง" (ใครเรียน มช. , อยากเรียน, กำลังจะเรียน , หรือจบไปแล้วก็ตาม ผมอยากให้ลองอ่านเรื่องนี้ดูสักครั้ง เพราะ เป็นเรื่องที่เขียนถึง มช. ได้งดงาม-ประทับใจมาก) แล้วก็คลั่งเป็นบ้าเป้นหลัง คนอะไร ไม่ใช่คนเชียงใหม่แท้ ๆ แต่เขียนเรื่องราวใน มช. หับฉากหลาย ๆ ฉากในเชียงใหม่ได้สวยจับใจ จนตอนนี้ผมไม่กล้าหยิบเล่มนี้มาอ่าน เพราะกลัวคิดถึง มช. จนไม่กล้าเรียนจบ (เป็นเอาขนาดนั้น)

แต่พอหนังเรื่อง "เพื่อนสนิท" เข้ามาปีนี้ ทำให้ผมคิดเอาเรื่อง "กล่องไปรษณีย์สีแดง" กลับมาอ่านดูอีกครั้ง ลำพังหนัง (ที่บกพร่องไปหลายที่อยู่) ก็กินใจผมพอแล้ว พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้จนจบ ขอครับ...ขออีกครั้งเดียว "ผม-ตาย-ไป-เลย" (คงคิดว่าตัวเองเป็นนกฟินิกซ์ ตายแล้ว-ตายอีก)

จะว่าน่ารัก ก็น่ารัก (บรรยากาศของเรื่องน่ารักกว่า ลมหนาวฯ ที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าครับ) จะว่าชวนคำนึงหาก็ใช่ จะว่าเศร้าก็เศร้าจับจิต

ขอฉันทาคติกับเรื่องนี้สักครั้งครับ

(หมายเหตุ - วันนี้ผมเพิ่งเจอดากานดา สมัยมัธยมมาใน Space and Time ที่ไม่ควรจะเจอกันเลย คำแรกที่มันทักผมคือ "มาหาสาวคณะ***" เหรอ ทั้ง ๆ ที่ผมมางานแบบจริงจัง น่าตบจริง ๆ ยัยคนนี้ ไม่เปลี่ยนไปเลย...)






2.) ลิ้นชักที่เลิกใช้ / วัน ณ จันทรธาร

จริง ๆ ถ้าผมเป็นกรรมการซีไรท์ ผมคงให้ เล่มนี้เข้าวิน
ฉันทาคติ แน่นอน ร้อยเปอร์เซนต์ ถูกต้องนะค้าบบบบบบ
จริง ๆ คือ ผมชอบเรื่องสั้นในเรื่องนี้มาก ๆ เลย สองเรื่องคือ "โรแมนติคยุคสดท้าย" กับ "มีแต่พวกมัน" ซึ่งสองเรื่องนี้ดีมากเกินพอ ที่จะกลบเรื่องอื่น ๆ อีกหลาย ๆ เรื่องที่ยัง ธรรมดา หรือไม่มีพลังมากพอ ทั้งสองเรื่องที่กล่าวมา เรื่องแรกนั้น แอบพูดถึงแง่มุมด้านมืดของนักกิจกรรมเพื่อสังคม ประเด็นสตรีนิยม ประเด็นของเด็กกิจกรรมยุคต่อไป และยังพูดถึงได้ในอีกหลาย ๆ แง่ ทั้งที่หากอ่านเผิน ๆ มันก็จะเป็นเพียงเรื่องความรักไม่สมหวังอีเรื่องเท่านั้น แต่ภายใต้การเล่าเรื่องที่ชวนติดตาม เรื่องราวความสัมพันธ์ธรรมดา ๆ มันแฝงแนวความคิดหลาย ๆ อย่างเอาไว้ โดยที่ผู้อ่านอาจเผลอเอาไปคิดโดยไม่รู้ตัวเลยก็ได้

ส่วนอีกเรื่องพูดถึงปัญหาของค่ายอาสาฯ ปัจจุบันที่ไม่อาจทำให้เกิดสิ่งที่มากไปกว่า ความสัมพันธ์กับคนในท้องถิ่นนั้นแบบชั่วคราว เมื่อกลับออกมาสู่เมือง ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับกลายมาเป็นกำแพงกั้นระหว่าง พวกเรากับพวกมัน มี Us and Them กันเหมือนเดิม
ทั้งหมดนี้ถูกเล่าออกมาในรูปแบบของเรื่องรักไม่สมหวัง (กึ่งเขย่าขวัญ-กับความหวาดระแวงของนางเอก) อีกหนึ่งเรื่อง!!!

เป็นหนังสือที่ดูธรรมดา แต่มหัศจรรย์ดีจริง ๆ ครับ


โดย: ShadowServant (ShadowServant ) วันที่: 8 มกราคม 2549 เวลา:3:53:12 น.  

 
และ อันดับหนึ่งในดวงใจผมประจำปีนี้คือเล่มนี้ครับ...



1.) ยุให้รำตำให้รั่ว / ฮิมิโตะ ณ เกียวโต

รวมบทความของ นักเขียนหญิงที่แรงแต่จริงใจ ผมแอบติดตามหลงานมาตั้งแต่ จดหมายจากเกียวโต จดหมายจากสันคะยอม หรือที่ใช้อีกนามปากกา กับ กระทู้ดอกทอง แต่มาจนถึงเล่มนี้ เป็นเล่มที่ผมอ่านจบในแต่ละบทแล้ว กระบวนความคิดของผมก็ทำงานแล้วบอกกับตัวเองว่า "เอ้อ ! มันก็ควรเป็นแบบนี้แหละ!!" ฟังดูเหมือนผมโดนล้างสมองเลยจริงไหม แต่ไม่จริงครับ...บทความในเล่มนี้ถึงจะมีอาการเชื้อชวนให้เชื่ออยู่บ้าง แต่ก็มีการอ้างอิงเหตุผล+ประสบการณ์ โดยไม่จำเป็นต้องขุดคำหรือทฤษฏียาก ๆ อะไรมาให้หยั่งกะจะเอาไปทำวิทยานิพนธ์กัน

นึกถึง อ.นิธิ ก็ได้ งานเขียนเล่มนี้ เป็นบทความที่อ่านเข้าใจง่าย และมันถึงแก่น ไม่แพ้ของ อ.นิธิ เลยเชียว

นี้ยังไม่รวมประเด็นเรื่อง ที่ใหม่และใกล้ตัวกว่า ชี้ชวนให้เราคิดท้าทายกับอะไรหลายอย่างที่ไม่ชอบมาพากล ในปัจจุบัน ซึ่งมีตั้งแต่เรื่อง บุหรี่ หัวนม ไปจนถึง เรื่องชาติ เรื่องชนชั้น

ผมแนะนำ...ใครที่ชอบอยู่กับความคิดแคบ ๆ ของตัวเอง อย่าซื้อเล่มนี้มาอ่านเด็ดขาด เพราะท่านจะหงุดหงิดและเสียดายตัง
แต่ถ้าใครที่คิดว่าใจกว้างพอ ลองอ่านดูเถิดครับ แล้วจะรู้สึกว่า โลกนี้มันช่างกว้างใหญ่หลากหลาย และเราก็ควรเปิดกระโหลกเรา เพื่อรับรู้โลกหลากสีสันใบนี้จริง ๆ




สรุป
1.ยุให้รำตำให้รั่ว / ฮิมิโตะ ณ เกียวโต
2.ลิ้นชักที่เลิกใช้ / วัน ณ จันทรธาร
3.กล่องไปรษณีย์สีแดง / อภิชาต เพชรลีลา
4.นาร์ซิลซัสกับโกลด์มุนด์ / เฮอร์มาน เฮสเส / "สดใส " แปล
5.H2O / อนุสรณ์ ติปยานนท์
6.หอมกลิ่นภูเขา / สร้อยแก้ว คำมาลา
7.ทัชมาฮาลบนดาวอังคาร / ทินกร หุตางกูร
8.เจ้าหงิญ / บินหลา สันกาลาคีรี
9.ชูมาน / พิบูลศักดิ์ ละครพล
10.เจ้าการะเกด / แดนอรัญ แสงทอง



รางวัลดองแห่งชาติ:
เกมลูกแก้ว / เฮอร์มาน เฮสเส
(จนบัดนี้ยังไม่ได้อ่านต่อ)

รางวัลชมเชย(เพื่ออะไร):
After The Quake / ฮารูกิ มุราคามิ
(ชอบอยู่เรื่องเดียวอ่ะครับ จากเรื่องสั้น 6เรื่อง แต่ก็แนะนำนะ ชมเชยละกัน)



โดย: ShadowServant (ShadowServant ) วันที่: 8 มกราคม 2549 เวลา:4:16:19 น.  

 
อ่านหนังสือเยอะนะครับ

ผมไม่มีเวลาอ่านเลย ตอนอยู่ มช. ว่างมาก ถึงขนาดเคยอ่านเพชรพระอุมาวันละสามเล่ม (ติดขนาด)

เดี๋ยวไม่มีทางเป็นนั้นล่ะ

ป.ล. หนังสือเรื่องยาวแบบมาก ๆ ที่อ่านจบคือ One Hundred years of Solitude ผมต้องใช้เวลาอ่านถึงสามครั้งถึงจะอ่านจบ

กว่าจะอ่านจบใช้พลังเยอะฉิบเป๋งเลย


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 8 มกราคม 2549 เวลา:13:33:08 น.  

 
100 ปี นี้
ผมอ่านค้างไว้ตรง ออเรลิยาโน่ (รุ่นแรก)
กำลังรวมกำลังปฏิวัติ
แล้วค้างไว้
ดองเป็น 2 ปี
กลับมาอ่านต่อจนจบ
ชอบเรื่องตอนรุ่นเรเมอิออส(ผู้เลอโฉม)เป็นต้นไปครับ
มีสีสันดี


โดย: ShadowServant (ShadowServant ) วันที่: 8 มกราคม 2549 เวลา:17:41:29 น.  

 
สวัสดีค่ะ

ขอสารภาพว่าเราชอบแดนอรัญ แสงทองและเงาสีขาวมาก ขนาดว่าเป็นคนเดียวในกลุ่ม (ที่ชอบการอ่านเหมือนกัน) ที่อ่านหนังสือเล่มนี้จบ แต่ขอโทษด้วย..ที่ไม่เคยรู้เลยว่าผู้เขียนคนนี้มีงานต่อเนื่องมาอีก สงสัยต้องลองไปหาเจ้าการะเกดมาอ่านดูค่ะ


สำหรับพิบูลศักดิ์ เราชอบ "ขอความรักบ้างได้ไหม" มากเลยนะคะ ชูมานทำให้คุณประทับใจกว่าอีกเหรอ น่าสนใจหามาอ่านมากๆ ค่ะ


สำหรับทัชมาฮาลบนดาวอังคารอยู่ในลิสต์ที่ต้องซื้อค่ะ อาจซื้อก่อนงานหนังสือหรือหลังงานหนังสือ ว่ากันอีกที เมื่ออ่านหนังสือที่ขนซื้อมาเมื่อเดือนตุลาคมหมดค่ะ



ว่าแต่..ทำไมบล็อกคุณอันนี้ถึงไม่ปรากฏในหมวดหนังสือของบล็อกแกงค์ล่ะคะ?



อ้อ..นาร์เนีย คาดว่าวันอังคารเราจะเขียนเปรียบเทียบหนังกับหนังสือค่ะ เพราะเพิ่งมาอ่านนาร์เนียถึงเล่ม ๓ อีกรอบ (กะจะอ่านให้ครบจบ ๗ เล่มภายในสัปดาห์นี้) แต่พออ่านเล่มแรก (ที่เอามาทำหนัง) ก็เห็นข้อดี-ข้อเสีย ข้อเปรียบเทียบระหว่างหนังสือได้ค่อนข้างชัดดี เลยว่าจะเขียนถึงซะหน่อย

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 8 มกราคม 2549 เวลา:20:45:59 น.  

 
ชอบอาปอนด์ค่า

แล้วก็เหมือนคุณสาวไกด์อ่ะ ชอบขอความรักฯ ส่วนชูมานก็ชอบนะคะ แต่ชอบขอความรักฯมากกว่า


โดย: เจ้าหญิงวีนัส (ohvenus ) วันที่: 9 มกราคม 2549 เวลา:0:42:00 น.  

 
ตอบพี่สาวไกด์

อ้าว!!!
ไม่ปรากฏใน Blog หมวดหนังสือจริงเหรอครับ
ผมว่าผม Add แล้วนะ
สงสัย Admin คงย้ายไปหมวดอื่นเพราะเข้าใจชื่อผิดก็ได้


โดย: ShadowServant (ShadowServant ) วันที่: 9 มกราคม 2549 เวลา:14:26:39 น.  

 
เจ้าหญิงคร้าบบ

ขอความรักบ้างได้ไหม นี้ส่วนใหญ่คนรอบตัวผมก็ชอบเรื่องนี้มากกว่าแหละ จริง ๆ เรื่องก็ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าด้วย


โดย: ShadowServant (ShadowServant ) วันที่: 9 มกราคม 2549 เวลา:14:41:03 น.  

 
5 อันดับของปี 2547

1.) หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว / กาเบรียล การ์เซีย
มาร์เกซ / ปฏิธาน ร. จันเสน แปล
2.) โลกของจอม / ทินกร หุตางกูร
3.) ความอ่อนไหวของชีวิต / สร้อยแก้ว คำมาลา
4.) เงาสีขาว / แดนอรัญ แสงทอง
5.) มนุษย์คนแรก / อัลแบร์ กามูส์ / (จำผู้แปลไม่ได้ ยืมห้องสมุดมาอ่าน)

5 อันดับของปี 2546
1.) คนไต่ลวดบนดาวสีฟ้า / ทินกร หุตางกูร
2.) ยามพราก / แดนอรัญ แสงทอง
3.) ครูสีดา / 'รงค์ วงษ์สวรรค์
4.) ความฝันของคนวิกลจริต / ฟิโอดอร์ ดอสโตเยฟกี้
5.) คนุลป์ / เฮอร์มาน เฮสเส / "สดใส" แปล

ดูไปดูมาแล้ว ชื่อผู้แต่งซ้ำ ๆ กันทั้งนั้นเลย


โดย: ShadowServant (ShadowServant ) วันที่: 9 มกราคม 2549 เวลา:14:53:34 น.  

 
ชอบอ่านหนังสือเหมือนกันเลยค่ะ แต่ของหนูจะไปทาง วรรณกรรมเยาชน กับ ฮาวด์ทู
พรุ่งนี้ว่าจะไปสอย สรยุทธ์ กะ กนก บนแพรว


โดย: HTK IP: 203.113.39.7 วันที่: 9 มกราคม 2549 เวลา:23:12:30 น.  

 
อ่านคนละแนวกันเลย

ดี ๆ จะได้แอบมาดูแล้วเลือกเฉพาะเล่มที่เข้าตา


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 10 มกราคม 2549 เวลา:1:18:15 น.  

 
อย่าลืมหาเมนูปราถนามาอ่านนะคะ ของฮิมิโตะ
อ่อ ๆ อ่านจดมมายจากสันคะยอมหรือยังคะ ฮิมิโตะ เข่นเดียวกัน


โดย: grappa วันที่: 10 มกราคม 2549 เวลา:22:40:49 น.  

 
กำลังรอคอย แพรว ปกสรยุทธ์อยู่ค่ะ


โดย: HTK IP: 203.113.39.13 วันที่: 11 มกราคม 2549 เวลา:0:11:49 น.  

 

ชอบ Murakami มาก

จะลองหา H2O มาอ่านดูค่ะ


โดย: ladydunce วันที่: 11 มกราคม 2549 เวลา:14:10:36 น.  

 
ตอบเป็นนามธรรมจริงๆ แหละค่ะ แต่ชอบ


ยากค่ะ..ทุกวันนี้สังคมยอมรับไปแล้วว่า การพิพากษาคนอื่นได้นั้น เป็นการแสดงถึงฐานะทางสังคม ความมีอำนาจและความฉลาดอย่างหนึ่ง ก็เลยมีคนพิพากษาผู้อื่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (เรายังเป็นเลย บ่อยแล้วด้วย)



จะพยายามจำไว้ค่ะ "จงอย่าเป็นนรกของผู้อื่น"


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 11 มกราคม 2549 เวลา:15:01:39 น.  

 
เร็วๆนี้ ผมจะพาคุณไปพบอะไรที่มากกว่าเกี่ยวกับ คุณแดนอรัญ แสงทอง ไม่ต้องตั้งตารอ แต่ขอให้ตั้งใจรอ


โดย: อนารยชนโรแมนติค IP: 61.91.100.140 วันที่: 11 มกราคม 2549 เวลา:19:24:11 น.  

 

ผลงานของ Hesse ที่ข้าวโอ๊ตชอบมากที่สุด เป็นเรื่องเพลงขลุ่ยในฝันค่ะ

อาจารย์สดใสเป็นคนแปล เหมือนกัน
เป็นหนังสือที่ชอบมาก ๆ จนไม่บอกใครเลยว่าชอบ ( - - ") หวงมั้งคะ


ตอนนี้กำลังเริ่มอ่าน เกมลูกแก้วอยู่ ค่ะ


ข้าวโอ๊ตกับพี่ชายอ่านหนังสือทุกประเภททุกแนวอ่ะค่ะ แต่ที่เขียนใน Blog ของคุณข้าวโอ๊ตยังไม่ได้อ่านเลย

ยังไม่มีในครอบครองด้วย

ข้าวโอ๊ตชอบผลงานของ MuraKami โดยเฉพาะเรื่อง Norwegian Wood.

ชอบ Hesse ก็อย่างที่บอกไปแล้วข้างบนนะคะ ^^~

ชอบ ฐากูร ทั้งเรื่องคนสวน แล้วก็จันทร์เสี้ยว

ชื่นชมการใช้คำบรรยายของ Tolkien

หลงใหลในการเล่าเรื่องของ Kundera

และรักตัวละคอนของ Camus

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำหนังสือค่ะ ^^


โดย: ladydunce วันที่: 11 มกราคม 2549 เวลา:19:35:10 น.  

 
อ่าหนังสือเยอะจัง
ปีนี้เราอ่านหนังสืออื่นที่ไม่ใช่ตำราได้น้อยมากๆ
เวลาแทบไม่มี แย่เลย





โดย: keyzer วันที่: 11 มกราคม 2549 เวลา:23:09:45 น.  

 
อ่านเยอะจัง
ที่มีอยู่ยังอ่านไม่จบเลย
..สวัสดีค่ะ


โดย: d:r:e:a:m:e:r วันที่: 11 มกราคม 2549 เวลา:23:34:01 น.  

 


โดย: เจ้าหญิงวีนัส (ohvenus ) วันที่: 12 มกราคม 2549 เวลา:3:16:41 น.  

 
ที่ว่ามาของปี2548
ยังไม่ได้อ่านสักเล่มเลยค่ะ


โดย: rebel วันที่: 12 มกราคม 2549 เวลา:5:23:03 น.  

 
มะเคยอ่านหนังสือจบเป็นเล่มเลยอะ


โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 12 มกราคม 2549 เวลา:16:00:11 น.  

 
ซื้อแพรวแล้วค่ะ
ส่วนหนังสือที่บ้านหนูก็มีเยอะเหมือนกันค่ะ แต่ส่วนใหญ่ยังอ่านไม่จบเลยค่ะ
ปล.สรยุทธ์หล่อมากค่ะ


โดย: HTK IP: 203.113.38.11 วันที่: 12 มกราคม 2549 เวลา:20:25:17 น.  

 
คุณ อนารยชนโรแมนติก (ชื่อคุ้น ๆ - สำนวนคล้าย ๆ)
จะตั้งใจรอครับ

คุณ Ladydunce
อะไรหลายอย่างที่คุณชอบ เป็นสิ่งเดียวกับที่ผมสนใจ แต่บางอย่างยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสเลย

คุณ keyzer กับ Dreamer
ปีนี้ผมอ่านมากขึ้น แต่กลายเป็นว่าดูหนังน้อยลง
(...แต่มากที่สุดคือฟังเพลงครับ)

เจ้าหญิง
หวัดดีคร้าบบบ

พี่ Rebel
ธรรมดาครับ หนังสือสมัยนี้มันเยอะ มันหลากหลาย หลากรสนิยม จนผู้อ่านกระจายตัวห่าง(เหิน) กันมากขึ้นเรื่อย ๆ โครงการนักอ่านโต๊ะกลมของผมจึงยังไม่ได้ดำเนินการเสียที

คุณ อินทรีทองคำ
อ่า...อันนี้ผมก็เคยเป็น
จริง ๆ ตอนนี้ยังคงครองตำแหน่งนักดองหนังสือ บางเล่มเคยดองแม้กระทั่ง The Alchemist ดองนานกว่า 100 ปีแห่งความโดดเดี่ยวอีกนะ (2 ปีครึ่ง)

HTK
Spec. สรยุทธเนี่ยนะ


โดย: ShadowServant IP: 203.188.11.17 วันที่: 13 มกราคม 2549 เวลา:2:12:00 น.  

 
เฮ้ยต้น กูเอง
มิน่าล่ะไม่เห็นใช้บลอกของสเปซเลย

อ่ะนี้บลอกกู

//spaces.msn.com/members/bigballb

อ้อ ไอ้อนารยชนโรแมนติก น่ะ เพื่อนกูเอง โลกมันกลมจริง ๆ

มันบอกว่าขอคุยกะมึงด้วยภาษาสบาย ๆ นะ(แปลว่าขอคุยกะมึงแบบหยาบคาย)

แล้วเจอกันต้น


โดย: พี่บอล IP: 61.91.97.63 วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:1:03:52 น.  

 
พี่ shadowservantคะ น้อก็เป็นคนหนึ่ที่ชอบอ่านหนัสือมากๆเช่นกัน ตอนนี้น้ออยู่ม.5 โรงเรียนในชม.แหละค่ะ เคยอ่านหนังสืออยู่เรื่อหนึ่คือ อยากให้ลมหนาวหวนมาอีกครั้งจำได้ว่าพอออ่านเสร็จก็บอกตัวเองทันทีว่าจะเข้า
มช.ให้ได้คณะอะไรก็ว่ากัน แต่น้องอ่านเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วได้มั้คะ ยืมขอเพื่อนมาอ่าน พอตอนนี้หาซื้อมาอ่านเท่าไหร่ก้หาไม่ได้ โทรไปเกือบทุกสำนักพิมพ์และร้านหนัสือขอทั้งกรุงเทพและชม.แต่ก็ยังหาเรื่อง
นไม่ได้ น้องไม่แน่ใจว่าพี่จะยังมีหนัสือเรื่องนี้อยู่รึเปล่าคะ อย่านน้อยก็ถือว่าเป็นแรงใจ เป็นความฝันให้กับเด็กมัธยมคนหนึ่นะคะ พี่ถ่ายเอกสารมาให้ได้มั๊ยคะ ถ่ายเอกสารแล้วค่อยส่งมาอีกทีได้มั๊ยคะ
ถ้าพี่ยังมีจริงๆ ช่วยหน่อยนะคะแล้วน้อก็ขอบคุณพี่มากๆเลยนะคะ
ขอบคุณจริงๆค่ะ
ปล. หนังสือที่พี่จัดอันดับไว้หลายเรื่องเป็นเรื่องที่น้องเคยอยากอ่าน แต่ก็ไม่ค่อยมีเวลาสักที แต่ยังไงจะลองหาอ่านให้ได้นะคะ


โดย: ไออุ่นของขุนเขา IP: 203.188.49.231 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:11:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ShadowServant
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add ShadowServant's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.