ส่วนอีกเรื่องพูดถึงปัญหาของค่ายอาสาฯ ปัจจุบันที่ไม่อาจทำให้เกิดสิ่งที่มากไปกว่า ความสัมพันธ์กับคนในท้องถิ่นนั้นแบบชั่วคราว เมื่อกลับออกมาสู่เมือง ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับกลายมาเป็นกำแพงกั้นระหว่าง พวกเรากับพวกมัน มี Us and Them กันเหมือนเดิม ทั้งหมดนี้ถูกเล่าออกมาในรูปแบบของเรื่องรักไม่สมหวัง (กึ่งเขย่าขวัญ-กับความหวาดระแวงของนางเอก) อีกหนึ่งเรื่อง!!!
4.) นาร์ซิสซัส กับ โกลดมุนด์ / เฮอร์มาน เฮสเส / แปลโดย สดใส
ผมได้ยินเรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพิ่งจะมีโอกาสหยิบออกมาจากห้องสมุดคณะวิจิตรศิลป์ ก็ช่วงกลางปีนี้เอง แล้วก็ลงมืออ่าน ในทีแรกผมประทับใจบรรยากาศของโรงเรียนพระที่นาร์ซิสซัส กับโกลด์มุนด์ ได้เจอกันในเรื่อง จนกระทั่ง ความรู้สึกของผมก็จับจดอยู่กับการเล่นกับความคิดของตัวละครสองตัว กับการผจญภัยค้นหาตัวตนภายในอันเต็มไปด้วยบทเรียนของโกลด์มุนด์
ครับ เรื่องนี้ว่าด้วยการเดินทางเข้าถึงตัวตนภายในของคนสองคนผู้มีธรรมชาติของชีวิตอยู่คนละขั้ว นาร์ซิสซัสเต็มไปด้วยระบบคิด มีระเบียบ อยู่กับการใช้ความนึกคิดภายใน ใต้หลังคาวัดที่เขาเรียนอยู่และเป็นอาจารย์ในปัจจุบัน ขณะที่ โกลด์มุนด์ นั้นมีวิญญาณของนักผจญภัย ผู้ต้องหนีออกไปนอกหลังคาวัด เริงเล่นและเจ็บปวดอยู่กับโลกภายนอกอันเต็มไปด้วยเหตุการณ์ความผันผวนมากมาย กลายเป็นศิลปินบ้าง กลายเป็นคนจรบ้าง และในบ้างครั้งก็กลายเป็นอาชญากร!!
นาร์ซิสซัส ชื่อเขาฃวนให้นึกถึง นาร์ซิส ตามตำนานกรีก ผู้หลงเงาในบ่อน้ำของตน (ซึ่งนาร์ซิสซัสเองก็ดูเหมือนชายผู้หลงในปัญญาตน) ขณะที่ ชื่อของโกลด์มุนด์ นั้นแปลว่า ปากทองคำ ซึ่งลิ้มรสอันหอมหวานของความหนุ่มสาวในฤดูร้อน จวบไปจนถึงความเจ็บปวด ทารุณ ของฤดูหนาว
ชายผู้สวมรองเท้าคนละใบ แต่มุ่งไปยังทางเดียวกัน
ที่สุดแล้ว...ผมไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไหร่ว่าใครจะบรรลุอะไรหรือไม่
เพราะลำพังเรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมาระหว่างการเดินทาง ของโกลด์มุนด์ และจิตวิญญาณของนาร์ซิสซัส ที่ซึมซับได้จากหน้ากระดาษนั้น ก็งดงามพออยู่แล้ว
(หมายเหตุ - เล่มนี้ผมหาปกเป็นฉบับแปลไม่มี)
3.) กล่องไปรษณีย์สีแดง / อภิชาติ เพชรลีลา
คงเป็นหนังสือที่พูดถึงกันมากที่สุดของปีนี้เชียว...
จริง ๆ หนังสือเล่มนี้ เคยมีคนแนะนำให้ผมอ่านแต่สองปีที่แล้ว แต่ผมก็ยังไม่ได้จับมันขึ้นมาอ่านจริง ๆ จัง ๆ สักที เคยอ่าน(เล่มที่ยังไม่พิมพ์ใหม่) ผ่าน ๆ ไปเป็นโปสการ์ดฉบับหนึ่ง แล้วผมก็จำชื่อตัวละครตัวหนึ่งได้ดีเลยที ตัวละครที่ชื่อ "ดากานดา" และในตอนนั้น ไข่ย้อยของเรื่อง ใช้นามปากกาว่า นกขาหัก
ผมหลบไปอ่าน นู่น..."อยากให้ลมหนาวหวนมาอีกครั้ง" (ใครเรียน มช. , อยากเรียน, กำลังจะเรียน , หรือจบไปแล้วก็ตาม ผมอยากให้ลองอ่านเรื่องนี้ดูสักครั้ง เพราะ เป็นเรื่องที่เขียนถึง มช. ได้งดงาม-ประทับใจมาก) แล้วก็คลั่งเป็นบ้าเป้นหลัง คนอะไร ไม่ใช่คนเชียงใหม่แท้ ๆ แต่เขียนเรื่องราวใน มช. หับฉากหลาย ๆ ฉากในเชียงใหม่ได้สวยจับใจ จนตอนนี้ผมไม่กล้าหยิบเล่มนี้มาอ่าน เพราะกลัวคิดถึง มช. จนไม่กล้าเรียนจบ (เป็นเอาขนาดนั้น)
แต่พอหนังเรื่อง "เพื่อนสนิท" เข้ามาปีนี้ ทำให้ผมคิดเอาเรื่อง "กล่องไปรษณีย์สีแดง" กลับมาอ่านดูอีกครั้ง ลำพังหนัง (ที่บกพร่องไปหลายที่อยู่) ก็กินใจผมพอแล้ว พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้จนจบ ขอครับ...ขออีกครั้งเดียว "ผม-ตาย-ไป-เลย" (คงคิดว่าตัวเองเป็นนกฟินิกซ์ ตายแล้ว-ตายอีก)
จะว่าน่ารัก ก็น่ารัก (บรรยากาศของเรื่องน่ารักกว่า ลมหนาวฯ ที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าครับ) จะว่าชวนคำนึงหาก็ใช่ จะว่าเศร้าก็เศร้าจับจิต
ขอฉันทาคติกับเรื่องนี้สักครั้งครับ
(หมายเหตุ - วันนี้ผมเพิ่งเจอดากานดา สมัยมัธยมมาใน Space and Time ที่ไม่ควรจะเจอกันเลย คำแรกที่มันทักผมคือ "มาหาสาวคณะ***" เหรอ ทั้ง ๆ ที่ผมมางานแบบจริงจัง น่าตบจริง ๆ ยัยคนนี้ ไม่เปลี่ยนไปเลย...)
2.) ลิ้นชักที่เลิกใช้ / วัน ณ จันทรธาร
จริง ๆ ถ้าผมเป็นกรรมการซีไรท์ ผมคงให้ เล่มนี้เข้าวิน
ฉันทาคติ แน่นอน ร้อยเปอร์เซนต์ ถูกต้องนะค้าบบบบบบ
จริง ๆ คือ ผมชอบเรื่องสั้นในเรื่องนี้มาก ๆ เลย สองเรื่องคือ "โรแมนติคยุคสดท้าย" กับ "มีแต่พวกมัน" ซึ่งสองเรื่องนี้ดีมากเกินพอ ที่จะกลบเรื่องอื่น ๆ อีกหลาย ๆ เรื่องที่ยัง ธรรมดา หรือไม่มีพลังมากพอ ทั้งสองเรื่องที่กล่าวมา เรื่องแรกนั้น แอบพูดถึงแง่มุมด้านมืดของนักกิจกรรมเพื่อสังคม ประเด็นสตรีนิยม ประเด็นของเด็กกิจกรรมยุคต่อไป และยังพูดถึงได้ในอีกหลาย ๆ แง่ ทั้งที่หากอ่านเผิน ๆ มันก็จะเป็นเพียงเรื่องความรักไม่สมหวังอีเรื่องเท่านั้น แต่ภายใต้การเล่าเรื่องที่ชวนติดตาม เรื่องราวความสัมพันธ์ธรรมดา ๆ มันแฝงแนวความคิดหลาย ๆ อย่างเอาไว้ โดยที่ผู้อ่านอาจเผลอเอาไปคิดโดยไม่รู้ตัวเลยก็ได้
ส่วนอีกเรื่องพูดถึงปัญหาของค่ายอาสาฯ ปัจจุบันที่ไม่อาจทำให้เกิดสิ่งที่มากไปกว่า ความสัมพันธ์กับคนในท้องถิ่นนั้นแบบชั่วคราว เมื่อกลับออกมาสู่เมือง ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับกลายมาเป็นกำแพงกั้นระหว่าง พวกเรากับพวกมัน มี Us and Them กันเหมือนเดิม
ทั้งหมดนี้ถูกเล่าออกมาในรูปแบบของเรื่องรักไม่สมหวัง (กึ่งเขย่าขวัญ-กับความหวาดระแวงของนางเอก) อีกหนึ่งเรื่อง!!!
เป็นหนังสือที่ดูธรรมดา แต่มหัศจรรย์ดีจริง ๆ ครับ