|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
The Departed - Infernal Affairs ภาคอเมริกันที่ดิบจนกลืนไม่ลง !!
อย่างแรกเลยสำหรับผู้ที่คิดว่า "เราจะเปรียบเทียบไปทำไม?" ผมก็ขอบอกเลยว่า ในฐานะที่ The Departed เป็นภาพยนตร์ซึ่งดัดแปลง มาจากต้นฉบับอย่าง Infernal Affairs และผมก็ดูมาแล้วทั้งสองเรื่อง จึงอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบโดยอัตโนมัติ อีกอย่างคือ การหยิบยืมกันทางศิลปะอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ หากไม่เปรียบเทียบเลย จะเป็นการปล่อยให้ผู้ดัดแปลงได้อำนาจเบ็ดเสร็จสำหรับการให้คุณค่า การแปรผันองค์ประกอบต่าง ๆ ตามใจชอบ แล้วเผลอ ๆ จะสถาปนา Originality ให้ตัวเองในที่สุด
The Departed ที่เพิ่งได้รับ Oscar ไปเรื่องนี้เป็นผลงานของ มาร์ติน สก็อต-วิสกี้ (บิดเบือนนามสกุลกันเห็น ๆ) ดัดแปลงมาจาก Infernal Affairs ซึ่งแต่เดิมเป็นหนังฮ่องกงแนวอาชญากรรมผสม Psychological Thriller โดยเรื่องนี้ได้พูดถึงบทบาทคู่ขนานของคนสองคน คนแรกเป็นคนของแก๊งค์ค้ายาเสพติดที่แกล้งปลอมเป็นตำรวจเข้าไปคอยช่วยเหลือให้แก็งค์ทำงานสะดวกราบรื่น อีกคนตรงกันข้ามคือเป็นตำรวจที่รับหน้าที่เข้าไปเป็นสายสอดแนมภายในแก็งค์เพื่อช่วยจับกุมให้ได้คาหนังคาเขา
ในเรื่อง The Departed นอกจากจะลอก ได้แรงบันดาลใจ+ขอยิมเนื้อเรื่องมาใช้แล้ว ยังมีหลายฉากซึ่งหากคุณเคยดู Infernal Affairs มาก่อนจะรู้สึกคุ้นเคยและจำได้เป็นอย่างดี เช่น ฉากทุบเฝือกแตก ฉากตกตึก , ฉากเขียนตัวหนังสือบนซอง ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นการยืมกันมา แต่น่าเสียดายว่า เอามาแต่ซอมบี้ของฉาก ลืมเอาวิญญาณของฉากมาด้วย จึงทำให้ฉากทั้งหลายเหล่านี้ดูจืดชืดสิ้นดี
เสน่ห์ที่สำคัญของเรื่องนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือแรงสะท้อนจากหน้าที่อันหนักอึ้งของตัวเอกทั้งสองคน ความรู้สึกระแวง ความกดดัน รวมถึงความรู้สึกเห็นอกเห็นใจในสิ่งที่ตัวเองร่วมอยู่ คนที่ไปเป้นตำรวจเริ่มรู้สึกเข้าถึงความรักเกียร์ติ์และความรู้สึกอยากกลายเป็นตำรวจผู้ซื่อสัตย์มากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่คนที่เข้าไปอยู่ในแก็งค์เริ่มเข้าอกเข้าใจบรรยากาศความกลัวที่กลมกลืนไปกับความเป็นพวกพ้องในแบบของชาวแก็งสเตอร์ ประเด็นเหล่านี้ทำให้เรื่องสามารถเรียกว่าเป็น Psychological Drama แถมไปอีกก็ยังได้ โดยใน Infernal Affairs เสน่ห์ที่ว่านี้มีอยู่อย่างเต็มอิ่ม แต่ใน The Departed มันพร่องลงไปอย่างรู้สึกได้
ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกสงสารเหลียงเฉาเหว่ย มากกว่า ดิคาปริโอ (มันชื่ออะไรกันผมลืมไปหมดแล้ว) และรู้สึกถึงความสับสนในจิตใจของ หลิวเต๋อหัว มากกว่า แม็ต เดม่อน
อีกอย่างหนึ่งที่หายไปคือเครื่องประดับชิ้นสำคัญ อย่างการขับเน้นอารมณ์ของภาพอย่างมีสไตล์ ที่มีความเป็น John Woo ผสมความเป็นหนังฮ่องกง ถึงแม้ลุงสก็อตวิสกี้จะเลือกเล่าหนังเรื่องนี้ด้วยความดิบแทนเครื่องประดับปรุงแต่งก็ตาม แต่มันไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าหนังมันดู "จริง" มากขึ้นเลย นึกถึงวรรณกรรม Magical Realism บางเรื่องชวนให้รู้สึกว่าจริงกว่า Social Realism ดาด ๆ เสียอีก ความดิบและความเปลือย ไม่ได้คู่กับ ความ "จริง" เสมอไป โดยเฉพาะถ้ามันเป็นความ "จริง" ในมือสัตว์โลกจอมปรุงแต่งอย่างมนุษย์โลกเดินดินอย่างเรา ๆ ด้วยแล้วล่ะก็
แต่ลุงสก็อตวิสกี้ อย่าได้น้อยใจไปเลย ผมยังจำงานที่ดิบ แต่เข้าข้นและดู "จริง" ของลุงได้ ไอ่เรื่อง Taxi Driver (1975) นั่นไง ที่ทำให้คนดูอย่างผมรู้สึกร่วมไปกับอีตา Travis นี่เหลือเกิน แม้จะไม่ถึงขั้นเข้าใจมัน 100% แต่ Ambiguity กับ Obscurity (ความกำกวมกับความลึกลับยอกย้อน) ของมัน ถ้าไม่ได้จงใจใช้มากเกินไป มันจะทำให้รู้สึกว่า "จริง" กว่าพวกชีเปลือยที่คิดว่าตัวเองจะเปิดโปงทุกสิ่งทุกอย่างในโลกได้เสียอีก (ชีเปลือยคนล่าสุดก็พยายามขอให้คนอื่นแก้ผ้าเพื่อหาดูว่ามี Weapon of Mass Destruction หรือเปล่า)
จริง ๆ หนังเรื่องนี้ดีพอสมควรเลยล่ะครับ ผมให้ตั้ง 7.5 แน่ะ มากกว่า Nacho Libre ตั้ง 0.5 นะ แต่ผมมายำหนังเรื่องนี้ ในคราวนี้ ก็เพราะมันดันเอาหนังที่ผมชอบมา Adapt/Remake เป็น Hollywood น่ะเซ่ ผมจึงอยู่เฉยไม่ได้ เพราะ ผมไม่ไว้ใจจอมผูกขาดทางรสนิยมอย่าง Hollywood อย่างเด็ดขาด ที่ต้องโทษอีกอย่างหนึ่งคือชาวมะกันผู้ตื่นเห่อกับหนังเรื่องนี้เหลือเกิน ทั้งยังไม่เคยรู้เลยด้วยว่า Original ของมันเป็นยังไง เผลอ ๆ ยังแอบมาด่า Infernal Affairs ในเว็บบอร์ดเสียอีก ผมก็รู้สึกอยากโต้ตอบน่ะเซ่
พูดถึงเอาของที่ผมชอบมาทำอะไร ๆ นี้ก็มีอีกเรื่องนะลุงนะ เพลงประกอบพวก Rock หรือ ละติน ที่ลุงเอามาใช้ล่ะ มันก็เข้ากับเรื่องดี แต่ ! ผมจำเพลงหนึ่งได้ชัดเจน มันคือ Comfortably Numb ของ Pink Floyd โอ้ ! มันเกือบทำให้ผมเพิ่มคะแนนพิสวาสแก่หลังเรื่องนี้แล้ว แต่ !! อีกครั้งนะลุง แต่ !! ลุงเอาเพลงนี้มาใช้ผิดที่ผิดเวลามาก !!! ทำลาย Image ของเพลงนี้หมด เอาเถอะ ! ถือว่าเป็นสไตล์ของลุง แต่ยังไงตัวผมเองก็ขอให้มันเป็นศูนย์ไปแล้วกัน
มาถึงตรงนี้แล้วผมก็อยากบอกว่า ใครที่วฃซาบซึ้งกับ The Departed ... ไปหา Infernal Affairs มาดูเสีย แล้วก็ตามแต่รสนิยมท่านจะอิงแอบทางใด
เห็นผมด่า ๆ ว่า ๆ กล่าว ๆ แบบนี้ The Departed เป้นหนังที่ดี แต่ไม่ได้จัดว่าดีมากเท่านั้นเองครับ ผมไม่ได้เกลียดอะไร ตัวหนังเองไม่ได้มีความผิดบาปอะไร
ที่ผิดก็คือ . . . . . . . . . . . . . . . OSCAR !!!
อันนี้เป็นเพลง Comfortably Numb ฉบับที่ใช้ใน The Departed จาก Roger Waters
https://www.youtube.com/watch?v=rcdGXDmyRFI (พอดังแล้วมันไม่ให้ Embbed เฉย...)
ส่วนเพลง Comfortably Numb ฉบับดั้งเดิม จะเข้ากับฉากอื่นใดไปไม่ได้เลย นอกจากฉากในภาพยนตร์ที่สร้างจากอัลบั้มนี้เองอย่าง Pink Floyd "The Wall" เท่านั้น !!
Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2550 |
|
15 comments |
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2550 4:27:00 น. |
Counter : 3956 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: grappa 27 กุมภาพันธ์ 2550 7:10:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: Johann sebastian Bach IP: 203.150.139.249 15 มีนาคม 2550 17:42:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: รลฝ๛ IP: 222.46.18.34 28 เมษายน 2550 22:16:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: เอ็มม่า IP: 125.25.170.163 16 กันยายน 2550 11:14:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: xx IP: 112.142.26.69 23 พฤศจิกายน 2552 22:10:55 น. |
|
|
|
|
|
|
|
แต่ชอบ Infernal Affairs มากกว่าอยู่เห็นๆ
ออสการ์ก็เชื่ออะไรไม่ได้มาพักใหญ่แล้ว
Comfortably Numb นี่ฟังเมื่อไหร่ก็เพราะเนอะ