กรรม เกิดจาก เจตนา เจตนา คือ ตัวกรรม
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 
7 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 
ความเป็นผู้ชำนาญในอินทรีย์ ๓ โดยอาการ ๖๔ เป็น อาสวักขยญาณอย่างไร ?

( ๒๕๘ ) ปัญญาในความเป็นผู้มีความชำนาญในอินทรีย์ ๓ ประการ โดยอาการ ๖๔ เป็น อาสวักขยญาณ อย่างไร ฯ

อินทรีย์ ๓ ประการเป็นไฉน
คือ อนัญญัสสามีตินทรีย์ ๑
อัญญินทรีย์ ๑
อัญญาตาวินทรีย์ ๑ ฯ
อนัญญัสสามีตินทรีย์ ย่อมถึงฐานะเท่าไร อัญญินทรีย์ ย่อมถึงฐานะเท่าไร อัญญาตาวินทรีย์ ย่ิอมถึงฐานะเท่าไร ฯ
อนัญญัสสามีตินทรีย์ ย่อมถึงฐานะ ๑ คือ โสดาปัตติมรรค
อัญญินทรีย์ ย่อมถึงฐานะ ๖ คือ โสดาปัตติผล สกทาคามีมรรค สกทาคามีผล อนาคามีมรรค อนาคามีผล อรหัตตมรรค
อัญญาตาวินทรีย์ ย่อมถึงฐานะ ๑ คือ อรหัตตผล ฯ

( ๒๕๙ ) ในขณะโสดาปัตติมรรค อนัญญัสสามีตินทรีย์ มี
สัทธินทรีย์ ซึ่งมีความน้อมใจเชื่อเป็นบริวาร
วิริยินทรีย์ มีการประคองไว้เป็นบริวาร
สตินทรีย์ มีความตั้งมั่นเป็นบริวาร
สมาธินทรีย์ มีความไม่ฟุ้งซ่านเป็นบริวาร
ปัญญินทรีย์ มีความเห็นเป็นบริวาร
มนินทรีย์ มีความรู้แจ้งเป็นบริวาร
โสมนัสสินทรีย์ มีความยินดีเป็นบริวาร
ชีวิตินทรีย์ มีความเป็นอธิบดีในความสืบต่อที่กำลังเป็นไปเป็นบริวาร
ธรรมทั้งหลายที่เกิดในขณะโสดาปัตติมรรค นอกจากรูปซึ่งมีจิตเป็นสมุฏฐาน เป็นกุศลทั้งหมดนั้นแล ล้วนไม่มีอาสวะ เป็นธรรมเครื่องนำออก เป็นธรรมเครื่องให้ถึงความไม่สั่งสม เป็นโลกุตตระ มีนิพพานเป็นอารมณ์
ในขณะโสดาปัตติมรรค อนัญญัสสามีตินทรีย์ มีอินทรีย์ ๘ ประการนี้ ซึ่งมีสหชาติธรรมเป็นบริวาร มีธรรมอื่นๆเป็นบริวาร มีธรรมที่อาศัยกันเป็นบริวาร มีธรรมที่ประกอบกันเป็นบริวาร เป็นสหรคต เกิดร่วมกัน เกี่ยวข้องกัน ประกอบด้วยกัน ธรรมเหล่านั้นแล เป็นอาการและ เป็นบริวาร ของ อนัญญัสสามีตินทรีย์นั้นแล ฯ

( ๒๖๐ ) ในขณะโสดาปัตติผล อัญญินทรีย์ มี สัทธินทรีย์ ซึ่งมีความน้อมใจเป็นบริวาร.............ฯลฯ.........ธรรมทั้งหลายที่เกิดในขณะโสดาปัตติผล ทั้งหมดนั้นแล เป็น อัพยากฤต นอกจากรูปที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ล้วนไม่มีอาสวะ เป็นโลกุตตระ มีนิพพานเป็นอารมณ์ในขณะโสดาปัตติผล อัญญินทรีย์ ซึ่งมีอินทรีย์ ๘ ประการนี้ซึ่งมีื สหชาตธรรมเป็นบริวาร...............ฯลฯ ธรรมเหล่านั้นแล เป็นอาการและเป็นบริวารของ อัญญินทรีย์นั้น ฯ

( ๒๖๑ ) ในขณะสกทาคามีมรรค ฯลฯ ในขณะสกทาคามีผล ฯลฯ ในขณะอนาคามีมรรค ฯลฯ ในขณะอนาคามีผล ฯลฯ
ในขณะอรหัตตมรรค อัญญินทรีย์ มี สัทธินทรีย์ซึ่งมีความน้อมใจเชื่อเป็นบริวาร ฯลฯ ชีวิตินทรีย์มีความเป็นอธิบดีในความสืบต่อที่กำลังเป็นไปเป็นบริวาร ธรรมทั้งหลายที่เกิดในขณะ อรหัตตมรรค นอกจากรูปที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ทั้งหมดนั้นแลเป็นกุศลล้วน ไม่มีอาสวะ เป็นธรรมเครื่องนำออก เป็นธรรมเครื่องให้ถึงความไม่สั่งสม เป็นโลกุตตระ มีนิพพานเป็นอารมณ์ ในขณะอรัตตมรรค อัญญินทรีย์มีอินทรีย์ ๘ ประการนี้ซึ่งมีสหชาตธรรมเป็นบริวาร.. ธรรมเหล่านั้นแลเป็นอาการและเป็นบริวารของอัญญินทรีย์นั้น

( ๒๖๒ ) ในขณะอรหัตตผล อัญญาตาวินทรีย์ มี
สัทธินทรีย์ ซึ่งมีความน้อมใจเชื่อเป็นบริวาร
วิริยินทรีย์ มีความประคองไว้เป็นบริวาร
สตินทรีย์ มีความตั้งมั่นเป็นบริวาร
สมาธินทรีย์ มีความไม่ฟุ้งซ่านเป็นบริวาร
ปัญญินทรีย์ มีความเห็นเป็นบริวาร
มนินทรีย์ มีความรู้แจ้งเป็นบริวาร
โสมนัสสินทรีย์ มีความยินดีเป็นบริวาร
ชีวิตินทรีย์ มีความเป็นอธิบดีในความสืบต่อที่กำลังเป็นไปเป็นบริวาร
ธรรมทั้งหลายที่เกิดในขณะ อรหัตตผล ทั้งหมดนั้นแลเป็น อัพยากฤต นอกจากรูปที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ล้วนไม่มีอาสวะ เป็นโลกุตตระ มีนิพพานเป็นอารมณ์ ในขณะอรหัตตผล อัญญาตาวินทรีย์ มีอินทรีย์ ๘ ประการนี้ซึ่งมีสหชาตธรรมเป็นบริวาร เป็นสรหคต เกิดร่วมกัน เกี่ยวข้องกัน ประกอบด้วยกัน ธรรมเหล่านั้นแล เป็นอาการและเป็นบริวารของ อัญญาตาวินทรีย์ อินทรีย์ ๘ หมวดเหล่านี้ รวมเป็นอาการ ๖๔ ด้วยประการฉะนี้ ฯ

( ๒๖๓ ) คำว่า อาสวะ ความว่า อาสวะเหล่านั้นเป็นไฉน
อาสวะเหล่านั้นคือ กามาสวะ ภวาสวะ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ ฯ
อาสวะหล่านั้นย่อมสิ้นไป ณ ที่ไหน ทิฏฐาสวะทั้งสิ้น กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ อันเป็นเหตุให้ไปสู่อบาย ย่อมสิ้นไปเพราะโสดาปัตติมรรค
อาสวะเหล่านี้ย่อมสิ้นไปในขณะโสดาปัตติมรรคนี้ กามาสวะส่วนหยาบๆ ภวาสวะ อวิชชาสวะ ซึ่งตั้งอยู่ร่วมกันกับกามาสวะนั้น ย่อมสิ้นไปเพราะ สกทาคามีมรรค อาสวะเหล่านี้ย่อมสิ้นไปในขณะ สกทาคามีมรรคนี้ กามาสวะทั้งสิ้น ภวาสวะ อวิชชาสวะ ซึ่งตั้งอยู่ร่วมกันกับกามาสวะนั้น ย่อมสิ้นไปเพราะ อนาคามีมรรค อาสวะเหล่านี้ย่อมสิ้นไปในขณะ อนาคามีมรรคนี้ ภวาสวะ อวิชชาสวะทั้งสิ้น ย่อมสิ้นไปในขณะ อรหัตตมรรค อาสวะเหล่านี้ย่อมสิ้นไปในขณะ อรหัตตมรรคนี้ ฯ

ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่า รู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่า รู้ชัด
เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในความเป็นผู้ชำนาญ ในอินทรีย์ ๓ ประการโดยอาการ ๖๔ เป็น อาสวักขยญาณ ฯ

( ๓๑ / ๒๙๐๗ - ๒๙๖๙ / ๑๑๙ - ๑๒๑ )

ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองนั้น
อนุโมทนาสาธุ






Create Date : 07 ธันวาคม 2554
Last Update : 8 ธันวาคม 2554 15:54:14 น. 1 comments
Counter : 878 Pageviews.

 
ทิโส ทิสํ ยนฺตํ กยิรา เวรี วา ปน เวรินํ
มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตํ ปาปิโย นํ ตโต กเร

โจรกับโจร คนคู่เวรกัน พบกันเข้า
พึงทำความพินาศ และความทุกข์ใดแก่กัน
จิตที่ตั้งไว้ผิด ทำแก่คน เลวร้ายยิ่งกว่านั้น

มีความสุขกับจิตที่สมบูรณ์ด้วยวิชชา ตลอดไป...นะคะ



สาธุ...ค่ะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 8 ธันวาคม 2554 เวลา:9:36:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

shadee829
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add shadee829's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.