|
|
|
- ธรรมไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน เป็นไฉน? การแยก จิต การแยก ธรรม
- ปู่..ย่า..ตา..ยาย...ไม่มีใครเคยเห็น...พระมีเมียได้ ..เอาเงินญาติโยมให้เมีย
- พระอาจารย์ตั๋นกล่าวชอบแล้ว...สิ่งที่คิดไม่ใช่จิต..แต่เป็นเหตุปัจจัย..ในมหาปัฏฐานในพระอภิธรรม
- don't worry baby..สิ่งที่คิด..ไม่ใช่จิตอยู่แล้ว ..ถ้าแยกตามเหตุปัจจัย
- การพิจารณาเห็น จิตในจิต..
- บทบาทที่สำคัญของพระสงฆ์ในสังคมไทย. พระมีเมียได้ เอาเงินญาติโยมให้เมีย
- การโกหกใส่ร้ายพระกรรมฐานว่าทำคุณไสย์ อย่าสงสัย ว่าพวกมันทำไปเพื่ออะไร
- การรักษาพระธรรมวินัย ด้วยชีวิต....พระมีเมียได้ เอาเงินญาติโยมให้เมีย
- ระวัง...ลัทธิสัตว์นรก มันมาอีกแล้ว ลัทธิ พระมีเมียได้ เอาเงินญาติโยมให้เมีย
- เติมคำในช่องว่าง....พระดีๆไม่มีเมีย ...พระ "......ๆ" มีเมียได้ เอาเงินญาติโยมให้เมีย
- ผลกรรมของการ โกหกใส่ร้าย พระกรรมฐาน ย่อมนำทุกข์ มาให้ไม่สิ้นสุด
- การ ดองกิเลส เลี้ยงตัณหา โดยการห้ามจิตกำหนดรู้ เป็นวิธีของมาร
- การมี สติสัมปชัญญะ เอาเงิน ญาติโยมให้เมีย
- การมี สติสัมปชัญญะ โกหกใส่ร้าย พระกรรมฐาน ว่าทำคุณไสย์
- ปัญหาว่าใครจะบรรลุธรรม.......พระมีเมียได้ เอาเงินญาติโยมให้เมีย
- ความรัก..ครอบครองทุกอย่าง...พระมีเมียได้ เอาเงินญาติโยมให้เมีย
- พระแท้. พระดี. ไม่มีเมีย พระเลว พระชั่ว มีเมียได้ เอาเงินญาติโยมให้เมีย
- พระชั่ว. ใส่ร้าย พระกรรมฐาน. ว่าทำคุณไสย์.
- ผลกรรมที่เกิดจากการ ขัดขวาง ห้ามเผยแผ่ ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
- ........ อวิชชาสวะ เป็นไฉน ?........
- ระวัง....พระที่ทำตัวเหมือน..สัตว์นรก... มันอยู่กับเมีย
- ปฏิสนธิจิตเป็นวิญญาณขันธ์. ........
- อะไรคือความผ่องใส อะไรเป็นกาก ของพรหมจรรย์นี้ในพระศาสดา
- .................ผลจิต............
- ใครจักรู้แจ้งแผ่นดินนี้ ใครจักรู้แจ้งยมโลกและมนุษยโลกนี้ พร้อมกับเทวโลก
- อรรถกถา.....ทิฐิกถา...
- ........วิปัสสนาสัมมาทิฏฐิ........
- .........กรรมอันสัมปยุตด้วยญาณ .....
- ......วิญญาณเป็นมาร ......วิญญาณเป็นมารธรรม....
- ๓. ภวเนตติสูตร ว่าด้วยกิเลสที่นำไปสู่ภพ
- .ใคร ? มีหน้าที่ขัดขวาง ไม่ให้ปฏิบัติตาม ตำสอนของพระพุทธเจ้า
- ลัทธิเดียรถี เห็นวิญญาณ ( เวียนว่ายตายเกิด ) เป็นของ ของตน
- สัญโญชนสัญโญชนสัมปยุตตทุกะ ปฏิจจวาร ปัญหาวาร
- วิญญาณเวียนว่ายตายเกิด เป็น สังโยชน์ ( สักกายทิฐิ
- .......[๓๕๘] ทิฐิวิบัติ ๓ ทิฐิสมบัติ ๓ ฯ........
- มิจฉาทิฐิ. ความเชื่อว่ามนุษย์ไม่มีวันออกจากวัฏฏสงสารได้
- ....สัมมาวายามะ.....การปฏิบัคิธรรมที่ใจ....ทำทีไหนก็ได้...
- ระวัง. เปรตที่เป็นสัตว์นรกมีจริง. พวกเปรตเมียพระ. ชอบหลอกลวงเงินญาติโยม
- ระวัง. เปรตเมียพระ. ออกหากินหลอกลวงเงินญาติโยมในเน็ต เพราะเมียพระร้อนเงิน
- [๓๗] คำว่า สัตว์เหล่านั้น เป็นผู้หลุดพ้นได้ยาก และไม่ยังบุคคลอื่นให้หลุดพ้น
- ว่าด้วยปัญญาที่เรียกว่าธี...
- ว่าด้วยปริญญา ๓ ประการ
- อวิชชาย่อมดับด้วยอาการเท่าไร.. ญาณด้วยสามารถแห่งวิปัสสนา ๗๒ เป็นไฉน ฯ
- ความเกิดแห่งวิญญาณ เว้นจากปัจจัยมิได้มี
- วิคตปัจจโย....อวิคตปัจจโย..
- จงจำไว้ พระโง่ โกหกใส่ร้ายพระกรรมฐานว่าทำคุณไสย์ เป็นบาป รู้สึกตัวซักที
- โปรโมชั่น. บาปตลอดชีวิต. โกหก ใส่ร้าย พระกรรมฐานว่าทำคุณไสย์
- สอนลูกหลานว่าพระมีเมียไม่ได้ จะได้ไม่เกิดลัทธิ พระมีเมียได้ เพราะ พ่อแม่พวกมันไม่สั่งสอน
- วันนี้" วันพระ " ..ระวัง. ".วันเมียพระ"จะมาถึงในไม่ช้า..เพราะ พระมีเมียได้..เอาเงินญาติโยมให้เมีย
- สนิทสฺสนสปฺปฏิฆา ธมฺมา ธรรมที่เห็นได้และกระทบได้
- ทำบุญกับพระดี ได้สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร..ทำบุญกับพระชั่ว แค่สร้างบ้านให้ผัวเมีย
- ความทรงจำที่เจ็บปวด เพราะเจตนากรรม...โกหกใส่ร้ายพระกรรมฐาน.ว่าทำคุณไสบ์
- ระวัง..พระชั่ว บิดเบือน พระธรรมวินัย..พระมีเมียได้..โกหกไม่ผิดศีลธรรม
- อนุปาทาปรินิพพาน ใน ปัจจุบัน
- สังขารที่เป็นกาย สังขารที่เป็นวาจา สังขารที่เป็นใจ....ไม่ใช่ของของ..เรา
- ต้องเชื่อก่อนจึงจะเห็น หรือ...ต้องเห็นก่อนจึงจะเชื่อ....นิพพาน
- พระธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาคเจ้า มี ๒ อย่าง คือ สมมติเทศนา (เทศนาเกี่ยวกับสมมติ) ๑ ปรมัตถเทศนา (เทศ
- วิวาทาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ปริยายวาร ที่ ๖
- ถ้าเกิดชาติหน้า ไม่มีพระพุทธศาสนา ขอให้รู้ไว้ว่า ชาตินี้นี่แหละ ที่เราปล่อยให้ถูกทำลาย
- ๓. อรรถกถาสมาธิภาวนามยญาณุทเทส ว่าด้วยสมาธิภาวนามยญาณ
- มิจฉาทิฐิ พระโกหกได้ ไม่ผิดศีล ไม่บาป ...ถ้าทำเพื่อเมีย
- อินทรีย์ ๕ มีนิมิตเหตุปัจจัยเครื่องปรุงแต่ง
- อย่ายอมให้ความรู้สึก มาโกหก บิดเบือนพระธรรมวินัย พระมีเมียได้ เอาเงินญาติโยม...ให้เมีย
- ทฤษฎี พระมีเมียได้ แล้วเมียพระจะร่ำรวยด้วยเงินของญาติโยม มีมาแต่โบราณ
- ที่สุดแห่งอดีต ( สัญญา ) ....ที่สุดแห่งอนาคต ( สังขาร )
- ธรรม และ จิต..... และ ธรรมเกิดคล้อยตาม จิต
- ใจ. ชนะ. ใจ. กรรม. ชนะ. กรรม.
- น่าสงสาร พระโง่ ที่ไม่รู้ว่าการโกหก ใส่ร้าย พระกรรมฐาน เป็น ...บาป
- ระวัง พระมีเมียเป็น อนุสัย ตามนอนเนื่อง เพราะมี อาสวะ กับเงินญาติโยม เป็น สังโยชน์ ผูกใจใว้ด้วยกัน
- สองพี่น้องจากเปอร์เซีย คนหนึ่งนับถือพุทธ คนหนึ่งนับถืออิสลาม
- พระกรรมฐาน (. สมถะวิปัสสนา ). ชนะกรรมทั้งปวง
- ใครจะยอมโง่ หลงเป็นเหยื่อให้พระชั่ว หลอกเงินให้เมีย........เป็นรายต่อไป
- ขบวนการใส่ร้ายพระดี. มีจริง. มันใส่ร้ายพระกรรมฐาน ว่าทำคุณไสย์
- ใจ ล้าง ใจ กรรม ล้าง ...กรรม
- เพราะไม่มีจึงไม่เป็น เพราะไม่เป็นจึงไม่ใช่. ตัวตน
- กลับตัว กลับใจเสีย ... กรรมก็พร้อมจะอโหสิกรรม ...เพราะผู้ที่อโหสิกรรม...ย่อมได้บุญ
- อะไรที่ปนอยู่ในเจตนา.........สิ่งนั้นคือ...กรรม
- การทำกรรมดีอะไร หนักแน่นและดีที่สุด สมาธิ ( สมถะวิปัสสนา ) กรรมทีปนี
- กรรมมีแล้ว วิบากกรรมจักมี กรรมที่ใส่ร้ายพระกรรมฐานผู้บริสุทธิ เร็วและ แรง ทันตา
- มารห้ามเพ่ง มารห้ามกำหนดรู้. พระมีเมียได้ เอาเงินญาติโยมให้เมีย มันทำลายศาสนาจริงๆ
- การใส่ร้ายพระกรรมฐาน ทั้งอดีตปัจจุบันและอนาคต ว่าไม่มี มรรคผล นิพพาน เป็นการทำลายสงฆ์
- ภัยลูกผู้หญิง. ระวังมีพระชั่วมาบอกว่าเป็นลูก. เพื่อหลอกเงินให้เมีย
- พระโง่ ใส่ร้ายพระกรรมฐานผู้บริสุทธิ. กรรมตามทัน. ไม่ตายก็เลี้ยงเมียไม่โต
- อนุศาสนีย์พระศาสดา. จงเพ่ง จงกำหนดรู้. ระวังลัทธิมาร มันห้ามเพ่ง ห้ามกำหนดรู้
- อย่า เวียนว่ายตายเกิด โดยไม่มีทิศทาง....ทิศทางของการเวียนว่ายตายเกิด
- ฝากเงินแทนใจ ฝากพระไปบำรุงพระศาสนา แต่พระชั่วช้า เอาไป บำรุงเมีย
- ต้องใช้เงินบริสุทธิของญาติโยมอีกเท่าใด จึงจะหล่อเลี้ยงความรักของเมียได้ ตลอดกาล
- ขบวนการทำลายพระพุทธศาสนา มีจริง เริ่มจากให้ พระมีเมียได้ เอาเงินญาติโยมให้เมีย
- รักษาพระธรรมวินัยเท่าชีวิต ดีกว่ามีชีวิตโดยไม่มีพระธรรมวินัย พระมีเมียได้ เอาเงินญาติโยมให้เมีย
- พระที่ปาราชิกเพราะพูดโกหกไปแล้ว. มันไม่ใช่พระ เป็นแค่ เดนคน
- น่าสงสารพระโง่ ซึ้งในความรักของเมีย. มากกว่าซึ้งในรสพระธรรม
- วจีสังหาร จาก มโนสังขาร. สมาธิไม่เกี่ยวกับ มรรคผล นิพพาน ที่พระชั่วมันกล่าว
- ทิฐิที่ไปนิพพาน. คือความระลึกรู้ว่า ตอนนี้กำลังอยู่ในวัฏฏสงสาร ( คือทุกข์)
- พวกมารยกกองทัพมาตั้งพัน. หมายทำลายโพธิบัลลัง( สมาธิ )ของพระศาสดา
- ผลกรรมที่เกิดจากก่ารใส่ร้ายพระกรรมฐาน มีจริง และวิบากนั้นก็จะให้ผลในชาตินี้นี่แหละ
- หมั่นตรวจสภาพจิต ดูแลสภาพใจ อย่าให้ อกุศลเจตนาเกิดขึ้นได้ จะพ้นภัยกรรมเวร
- ในวัฏฏสงสารที่ยาวนาน จิตที่ไม่เคยรับการตรวจสภาพเลย ...มีอยู่
- ตรวจสภาพจิต ก่อนหลับ และ ก่อนตื่น ว่ามีอะไรที่ปรุงแต่งจิตได้อยู่
- ระวังมิจฉาชีพ ที่หากินด้วยการ รับตรวจสภาพจิตผู้คน
- ตรวจดูสภาพจิตด้วยตนเอง โดยพระไตรปิฏก หลีกเลี่ยงมิจฉาชิพที่หากินกับศรัทธาของคน
- ขบวนการทำลายพระพุทธศาลนา มีจริง เริ่มจาก. ให้พระมีเมียได้. เอาเงินญาติโยมให้เมีย
- กรรมของพระขี้อิจฉา. เมื่อคนรู้ว่า พระมีเมียได้ เอาเงินญาติโยมให้เมีย
- สมาธิคือ สมถและวิป้สสนา คนไม่เคยอ่านพระไตรปิฏกไม่มีว้นรู้และเข้าใจ. พระมีเมียได้ เอาเงินญาติโยมให้ภรรยา
- 真実 は 嘘 を 嘘 から は 真実 を 夢中 で 探して きた けど
- ความใจกว้าง ที่เกินกว่าพระธรรมวินัยจะทนรับไหว พระมีเมียได้ เอาเงินญาติให้เมีย
- ความละอายใจต่อบาป....ความไม่ละอายใจต่อบาป.....พระมีเมียได้..เอาเงินญาติโยมให้เมีย
- นรกอยู่ข้างล่าง...สวรรคอยู่ข้างบน...ถ้าไม่มีความสงสาร...จิตย่อมไม่พ้นจากความไม่ละอาย
- คนที่คอยแก้ต่างให้พระชั่ว ย่อมได้รับผลกรรมเดียวกัน
- การสงสารลูกผู้หญิ่งที่โดนพระชั่ว หลอกลวงเงินไปให้เมีย เป็นบุญ
- ถึงกลุ่มคนชั่ว ที่มาโขมยใช้ blog shadee829
- ผม shadee829 โดย ขโมย blog
- ตัณหาอันเป็นเครื่องนำไปสู่ภพสิ้นแล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มี ฯ
- ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ถึงธรรมโดยไว
- การ "หลงสภาวะ" เพราะไม่เพ่ง ไม่กำหนดรู้ เป็น วิปัสสนูกิเลส
- อรหัตตมรรค ยังมีเวทนาให้กำหนดรู้.......อรหัตตผล..ไม่มีเวทนา
- .........พระพุทธองค์ยังทรง..รออยู่..
- การ กำหนดจิต รู้ใจตนเอง..และผู้อื่น..ป้องกันการหลอกลวงจากพวก..มิจฉาชีพ
- วิชชา.....สลับวิญญาณ....เพื่อความเบื่อหน่าย..คลายกำหนัดจากวิญญาณ
- โลกนี้....โลกหน้า..ไม่มีใน พระนิพพาน...ปฐมนิพพานสูตร..
- วิญญาณเวียนว่ายตายเกิด...เป็นเหตุแห่ง..ทิฏฐินิสัย..และเป็น..ทิฏฐิสังโยชน์
- วิญญาณเวียนว่ายตายเกิด....สตตวิญาณฏฐิติวณณนา...
- ความท้อแท้..และ..ความเพ่งเฉพาะ..ความเป็นกลางแห่งจิต.
- ตายแล้วจะไปไหน....ทูลถามพระพุทธเจ้า..อย่าไปเอง...เดี๋ยวหลง..
- สัมมาทิฏฐิ...ว่าด้วยความเห็นชอบ..สาธยายโดยท่านพระสารีบุตร
- ฝั่งนี้.....และ.ฝั่งโน้น...ที่น้อยคนจะไปถึง เพราะติดอยู่ในบ่วงมาร.
- เนื่องในวันมาฆบูชา....การส่งเสริมผู้อื่นทำสมาธิ....เป็นบุญมหาศาล..ประมาณไม่ได้
- เนื่องในวันมาฆบูชา....การห้ามผู้อื่นทำสมาธิ..เป็นบาปอย่างยิ่ง
- กราบท่านเซ็น ท่านจิต ท่านปล่อย ท่านดาญาณ และท่านฐานาฐานะ เนื่องในวันมาฆบูชาครับ
- ปุคคลบัญญัติ......การบัญญัติ..แจกแจง...จำแนก...บุคคล
- วิญญาณเวียนว่ายตายเกิด.....สักกายทิฐิ.....ปฏิสนธิวิญญาณ..
- วิญญาณเวียนว่ายตายเกิด คือสักกายทิฐิ ( ความยึดมั่น ถือมั่น ว่าวิญญาณเป็นตัวตน )
- การถอดองค์ประกอบของปัจจัยแห่งวิญญาณ เพื่อทำลายสักกายทิฐิ
- กราบขอบพระคุณท่าน ฐานาฐานะ ที่เอื้อเฟื้อ พระสูตรนี้
- สัมมาทิฏฐิ ของผู้มีความเห็นซื่อตรง ต่อ พระนิพพาน
- เมื่อพวกมาร ไม่สามารถใส่ร้าย ผู้ปฏิบัติ สมถะและวิปัสสนาได้
- ตัวของเราในชาติหน้า ย้อนกลับมาบอกเราในชาตินี้ ว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง
- ทำไมต้องกลับบ้าน,,,,,เพราะวิญญาณย่อมเวียนกลับนามรูป,, ไม่เลยไปอื่นเลย
- ทิฏฐิที่กำหนด เพื่อเกิดในภพน้อย และภพใหญ่
- เพราะ อวิชชา เป็นปัจจัย,,,,,,,,,โพธิกถา,,,,,,,,,,,,,
- อะไร คือ เหตุปัจจัย
- อะไรที่ มีจริง,,,,,,ไม่มีจริง,,,,,,,,มีจริงๆ,,,,,,,,ไม่มีจริงๆ
- สมาธิ เป็น มรรค เพราะอรรถว่าเป็น ประธาน
- กราบขอบพระคุณท่านโชติ ท่านเซ็นเถรวาทปฐมสังคายนาครับ ( f = 9b )
- โลกนี้..มีแต่นิทาน....มหานิทานสูคร
- จิตว่างๆ ที่ยังว่างได้อีก เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต ที่ค่อยๆสิ้นอาสวะ
- จิตตสหภูธรรม
- การเพิกถอน การถือว่าเรานี้มีอยู่ นิสสารณียธาตุ ๖
- ชาติหน้าของคนอื่น ( สัสสตทิฏฐิ ) ชาติหน้าของตัวเรา ( อัสสาททิฏฐิ )
- ความทะเลาะ ความวิวาท มีมาแต่อะไร กลหวิวาทสุตตนิเทสที่ ๑๑
- กตัญญูกตเวทีบุคคล ทำบุญอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ อิโตทินนกถา
- สมาธิสูตร .... ว่าด้วยสมาธิเป็นเหตุเกิดปัญญา
- ธรรมเทศนา กับธรรมเทศนา หรือ อนุศาสนี กับอนุศาสนี
- กุศลธรรม เป็นปัจจัยแก่กุศลธรรม โดยอารัมมณปัจจัย
- อิจฉาวจรอกุศล อนังคณสูตร
- การสมมุติตามความเป็นจริง " เราทั้งหลายกำลังจะตาย เพราะเราทั้งหลายได้ตายมาแล้ว " มรณานุสติ
- อภิภายตนะ ( คือเหตุเครื่องครอบงำธรรมอันเป็นข้าศึกและอารมณ์ ) และ กสิณายตนะ (เพื่อ อภิญญา )
- ความเป็นผู้ชำนาญในการเข้าสมาธิ โดยท่านพระสารีบุตร
- พรหมจรรย์นี้ในพระศาสดา
- อวิคตปัจจโย
- ความรู้สึกไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ที่เข้มแข็ง ตั้งมั่น เป็นสมาธิ
- ธรรมเป็นอุปาทาน และสัมปยุตด้วยอุปาทาน เป็นไฉน ?
- ความตรัสรู้ด้วย สมถะ และ วิปัสสนา ด้วยความว่ามีกิจเป็นอันเดียวกัน
- มโนธาตุ เจตนา จิต วิตก วิจาร อุเบกขา เอกัคคตา
- สมาธิภาวนามยญาณ สภาพในความเป็นสมาธิแห่งสมาธิ
- ธรรม เพื่อความไม่เกิด ( อีก ) ต่อไป ... ปังคิยมาณวกปัญหา
- ธรรมจักร ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมจักรกถา
- เครื่องสลัดออกแห่งอุปทานขันธ์ ๕ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้
- คำอธิษฐานเวลาทำบุญ ขอมีส่วนรู้ เห็น ในธรรมที่พระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้
- จิตตุปบาท ธรรมอันโสดาปัตติมรรคประหาณ เป็นไฉน ?
- ธรรมอันเจตนากรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฏฐิ เข้ายึดครอง และไม่เข้ายึดครอง
- ทุกขนิโรธคามินีปฏปทา และ พระนิพพาน
- อายตนะ ๑๑ เป็น โนจิตตะ อายตนะ ๑๑ เป็น อเจตสิกะ
- โยนิโสมนสิการ เป็น นิมิต แห่งอริยมรรค โยนิโสมนสิการสัมปทาสูตร
- สติปัฏฐาน ๔ สติปัฏฐานกถา
- มโนสัญเจตนา ความได้อัตภาพที่สัญเจตนาของตนเป็นไป เพราะ อวิชชา
- โคตรภูญาณ ด้วยอำนาจ สมถะ ๘ วิปัสสนา ๑๐
- กุศลเหตุ ๓ อกุศลเหตุ ๓ อัพยากตเหตุ ๓ เหตุโคจฉกะ
- กฏ แห่ง กรรม
- จูฬสงคราม ข้อปฏิบัติของภิกษุผู้เข้าสงคราม และประโยชน์ของพระวินัย
- อนุปาทาปรินิพพานสูตร ข้อปฏิบัติเพื่ออนุปาทาปรินิพพาน
- เหตุเกิดวิบาก วิปากติกะ ปฏิจจวาร
- คำถามที่พระพุทธองค์ไม่ทรงพยากรณ์ และ อนุปาทาปรินิพพาน
- วิมุตติ ความหลุดพ้น
- ดับ อวิชชา ด้วย สมาธิ ที่ ปฏิสังยุต ด้วย อานาปานสติ
- วิปัสสนาญาน และ นิพพาน
- มโนมยิทธิ กับวิชาธรรมกาย
- ชวนปัญญา ในมหาปัญญา ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
- การบัญญัติ อนุปาทาปรินิพพาน ในปัจจุบัน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
- อินทรีย์เพื่อความ ตรัสรู้ ตามพระศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
- ความเป็นผู้ชำนาญในอินทรีย์ ๓ โดยอาการ ๖๔ เป็น อาสวักขยญาณอย่างไร ?
- อภิภายตนะ ( ๑๗๘ ) ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน ?
- กรรมมีแล้ว วิบากกรรมมีอยู่ การใส่ร้ายพระกรรมฐาน ของพวกมาร
- ความวิบัติ ที่เกิดจากวิบากอกุศลกรรม ใส่ร้ายพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ว่าทำคุณไสย์
- พระอริยะสงฆ์ อยู่กับ ศีลขันธ์ สมาธิขันธ์ และปัญญาขันธ์ พระชั่ว อยู่กับเมีย
- มโนสัญเจตนา อกุศลสังขาร ที่ไม่กำเริบ เพราะดับสนิทเด็ดขาด
- อวิชชาอาสวะ การยึดมั่น ถือมั่นอย่างแรงกล้าว่า ขันธ์ห้า เป็นของๆตน
- การสำนักได้ด้วยปัญญาว่าขันธ์ทั้งหลายเป็นเพียงที่ อาศัยระลึก อนาสวสัมมาทิฐิ
- ชวนจิต ชวนปัญญา อะนัญญัสสามีตินทรีย์ การเลื่อนฌาน การเลื่อนญาณ
- การกำหนดรู้ กุศล อกุศล พระมีเมียได้ เอาเงินญาติโยมให้เมีย
- การถือศีล แต่ไม่ทำสมาธิ และ ความไม่มั่นใจ ในธรรมะของพระพุทธองค์ เพราะมารห้ามเพ่ง
- อนุศาสนีย์พระศาสดา จงเพ่ง กำหนดรู้ นิกันติของมาร ไม่เพ่ง ไม่กำหนดรู้
- ทิฐิวิสุทธิ์ ของพระโสดาบัน
- การลบหลู่ไม่เคารพยำเกรง และ เนรคุณพระศาสดา พระศาสดาตรัส จงเพ่ง
- การมีอุปทานไปเองว่า สมาธิเป็นสิ่งไม่ดี ของสำนักเพื่อเมีย เพราะเมียร้อนเงิน
- การนับปัจจัยวิญญาณ ( มหาตัณหาสังขยสูตร ) ระวังมารห้ามเพ่ง มารห้ามรู้
- พระพุทธองค์ ตรัส จงเพ่ง แต่มารห้ามเพ่ง ดูเอาเองว่าใครเป็น มาร
- การไม่กำหนดรู้ เป็น อวิชชาสวะ อย่างไร ?
- โชคดีที่ไม่ได้เป็น โสดา เพราะโสดารับแจก จาก อรหันปลอมๆ เยอะแล้ว
- การทะนุถนอมเลี้ยงดู อนุสัยในจิตใจ ด้วยวิธีของมาร อย่าเพ่ง อย่ากำหนดรู้
- ท่านพุทธทาส กับ มหาตัณหาสังขยสูตร และภิกษุผู้กล่าวตู่พระศาสดา
- ถึงคุณ azazelzk เรื่องท่านพุทธทาส ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณ
- สติปํฏฐานสี่ พระมีเมียไม่ได้ แต่ มิจฉาสติของมาร พระมีเมียได้
- พระแท้ พระดี ไม่มีเมีย พระเลว พระชั่ว มีเมียได้
- อวิชชา ความไม่รู้ว่าความเกิดเป็นทุกข์ เพราะมารห้ามเพ่ง
- ความตระหนกเมื่อสังขารแปรเปลี่ยน และ ความตระหนักว่าสังขารย่อมแปรปรวน เป็น ญาณ
- ท่านพุทธทาส กับ ทิฐิกถา ผู้มีดวงตาเห็นธรรม
- ภวตัณหา ภวทิฐิ โลกนี้-โลกหน้า เป็น ทุกขสมุทัย
- เมื่อ อุปทานดับ ภพ ( โลกนี้-โลกหน้า ) จึงดับ เมื่อ วิญญาณดับ นามรูป ( กาย-ใจ ) จึงดับ
- ขอกราบอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย บันดาลให้พ่อของท่านจิต อาการปลอดภัยโดยไว
- นับถอยหลังวัฏฏสงสาร มหาตัณหาสังขยสูตร และ อัสสุตวตาสูตร
- ตัณหาทิฐิ สิทธิส่วนบุคคล ชอบพระมีเมีย ไม่ชอบพระมีเมีย เชื่อพระมีเมีย ไม่เชื่อพระมีเมีย
- พระธรรมวินัยทรงตรัสไว้แทนองค์พระศาสดา บัดนี้ไม่รักษา ภายหน้าจักไม่มี
- มิจฉาสติ เมื่อระลึกเสมอว่า " พระมีเมียได้ " "อย่าเพ่งเดี่ยวเห็นเมีย"
- ลัทธิมาร มิจฉาทิฐิ "พระมีเมียได้ " ทำลายธรรมวินัย
- หยุดทำร้ายพระพุทธศาสนา มิจฉาทิฐิ "พระมีเมียได้ "
- อาสวโคจฉกะ
- สังขารุเปกขาญาณ
- โลกุตตรกุศลจิต มรรคจิตดวงที่ ๑
- ยุคนัทธวรรค โลกุตรกถา
- ยุคนัทธวรรค วิราคกถา วิราคะเป็นมรรค
- มหาวรรค กรรมกถา
- ( ๓๐๖ ) ทิฏฐิ ๑๖
- สติ กับ มหาปัฏฐาน
- จงละรูปเสีย เพื่อความไม่เกิดต่อไป จงละตัณหาเสียเพื่อความไม่เกิดต่อไป
- ๙. นิพพิทาสูตร
- ขอ....สัตว์ที่เนื่องด้วย อัตตาสภาพทั้งปวง.
- ปริหานสูตร ... อภิภายตนะ ๖.
- ( ๑๐ ) อาสวักขยสูตร
- ธรรมเพื่อดับราคะ
- กราบอนุโมทนา กะทู้ที่งดงามที่สุด ในห้องศาสนา ของคุณอิ่ม
- ( อภิสังขาร ) สาสวาสัมมาทิฏฐิ และ ( วิสังขาร ) อนาสวาสัมมาทิฏฐิ
- ๕. อนุคคหสูตร
- ญาณ ๕ ( ญาณ ไม่ใช่ ฌาณ ) ของท่านเซ็น คือผลจิต
- ความรู้สึก (วิญญาณ) เป็นรูปเป็นร่าง(นามรูป) เป็นตัวเป็นตน(อัตตา)
- อภิภายตนะ วิโมกข์ วิมุตติยายตนะ
- ๑๐. เจตนาสูตรที่ ๓
- ....... โสดา.........
- ความเชื่อ ( ทิฏฐิ ) ชักจูงความคิด ( สังขาร ปรุงแต่ง )
- อาสวะที่ละได้ เพราะการสังวร
- อาสวะที่พึงละได้ เพราะการเว้นรอบ
- ๑๓. สมาธิสังยุต ผู้ได้ฌาณที่เป็นเลิศ
- อาสวะที่ละได้เพราะการบรรเทา
- สุญญตาวรรค ๑. จูฬสุญญตสูตร ( ๑๒๑ )
- ว่าด้วยผลแห่งสัญญาในพระพุทธเจ้า
- จิตประภัสสร แต่เศร้าหมองแล้วด้วยอุปกิเลสที่จรมา
- เอกกมาติกา
- อวิชชาสูตร
- อิทธิบาท 4 และ องค์ฌาณ (ความเห็นส่วนตัว)
- อัสสาทสูตร
- อริยะสาวกนั้น ย่อมมนสิการโดยแยบคาย
- การกำหนด จิตสัมผัสรูปปรมัตถุ์
- เทวดาสังยุต นิโมกขสูตรที่๒
- โลกุตตระธรรม สัมมัปธาน4 คือสัมมาวายามะ
- ธรรมมะง่ายๆ
- วิปัสสนาญาณ
- ฉวิโสธนสูตร
- บทสวดมนต์ที่ควรสวดเมื่อมีโอกาส
- เศษสังขาร เศษกรรม
- ท่านพุทธทาส
- วิญญาณ
- ขอแสดงกตัญญุตา
- สติ
|
|
|
|
|
สัมมาทิฏฐิ ของผู้มีความเห็นซื่อตรง ต่อ พระนิพพาน
ถ้าภิกษุใด เห็นความเป็นสัตว์ตามความเป็นจริง และก้าวล่วง ความเป็นสัตว์แล้ว ย่อมน้อมใจไปในธรรมตามที่เป็นจริง เพื่อความหมดสิ้นแห่งภวตัณหา ภิกษุนั้น กำหนดรู้ ความ เป็นสัตว์แล้ว ผู้ปราศจากตัณหาในภพน้อยภพใหญ่ ย่อม ไม่มาสู่ภพใหม่ เพราะความไม่มีแห่งความเป็นสัตว์ ดังนี้
[๒๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ความเห็นชอบ องค์แห่งมรรค ของภิกษุผู้มี จิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้ พรั่งพร้อมด้วยอริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่ นี้แล สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค ฯ
[๗๗๙] ธรรมอันเจตนากรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฏฐิเข้ายึดครอง เป็นไฉน? วิบากแห่งกุศลธรรมและอกุศลธรรม ประเภทที่ยังมีอาสวะ ซึ่งเป็นกามาวจร รูปาวจร อรูปาวจร คือ เวทนาขันธ์ ฯลฯ วิญญาณขันธ์ และรูปที่กรรมแต่งขึ้น สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อ ว่า ธรรมอันเจตนากรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฏฐิเข้ายึดครอง. ธรรมอันเจตนากรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฏฐิไม่เข้ายึดครอง เป็นไฉน? กุศลธรรมและอกุศลธรรม ประเภทที่ยังมีอาสวะ ซึ่งเป็นกามาวจร รูปาวจร อรูปาวจร คือ เวทนาขันธ์ ฯลฯ วิญญาณขันธ์, ธรรมที่เป็นกิริยา ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่กรรม วิบาก, รูปที่กรรมมิได้แต่งขึ้น, มรรคและผลของมรรคที่เป็นโลกุตตระ และอสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมอันเจตนากรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฏฐิไม่เข้ายึดครอง. ๒๗] ควรรู้ยิ่งว่า ความเกิดขึ้นเป็นสังขาร ความเป็นไปเป็นสังขาร เครื่องหมายเป็นสังขาร ความประมวลมาเป็นสังขาร ความสืบต่อเป็นสังขาร ความ ไปเป็นสังขาร ความบังเกิดเป็นสังขาร ความอุบัติเป็นสังขาร ความเกิดเป็น สังขาร ความแก่เป็นสังขาร ความป่วยไข้เป็นสังขาร ความตายเป็นสังขาร ความเศร้าโศกเป็นสังขาร ความรำพันเป็นสังขาร ความคับแค้นใจเป็นสังขาร ฯ [๒๘] ควรรู้ยิ่งว่า ความไม่เกิดขึ้นเป็นนิพพาน ความไม่เป็นไปเป็น นิพพาน ความไม่มีเครื่องหมายเป็นนิพพาน ความไม่ประมวลมาเป็นนิพพาน ความไม่สืบต่อเป็นนิพพาน ความไม่ไปเป็นนิพพาน ความไม่บังเกิดเป็นนิพพาน ความไม่อุบัติเป็นนิพพาน ความไม่เกิดเป็นนิพพาน ความไม่แก่เป็นนิพพาน ความไม่ป่วยไข้เป็นนิพพาน ความไม่ตายเป็นนิพพาน ความไม่เศร้าโศกเป็น นิพพาน ความไม่รำพันเป็นนิพพาน ความไม่คับแค้นใจเป็นนิพพาน ฯ [๒๙] ควรรู้ยิ่งว่า ความเกิดขึ้นเป็นสังขาร ความไม่เกิดขึ้นเป็นนิพพาน ความเป็นไปเป็นสังขาร ความไม่เป็นไปเป็นนิพพาน เครื่องหมายเป็นสังขาร ความไม่มีเครื่องหมายเป็นนิพพาน ความประมวลมาเป็นสังขาร ความไม่ประมวล มาเป็นนิพพาน ความสืบต่อเป็นสังขาร ความไม่สืบต่อเป็นนิพพาน ความไป เป็นสังขาร ความไม่ไปเป็นนิพพาน ความบังเกิดเป็นสังขาร ความไม่บังเกิดเป็น นิพพาน ความอุบัติเป็นสังขาร ความไม่อุบัติเป็นนิพพาน ความเกิดเป็นสังขาร ความไม่เกิดเป็นนิพพาน ความแก่เป็นสังขาร ความไม่แก่เป็นนิพพาน ความ ป่วยไข้เป็นสังขาร ความไม่ป่วยไข้เป็นนิพพาน ความตายเป็นสังขาร ความไม่ ตายเป็นนิพพาน ความเศร้าโศกเป็นสังขาร ความไม่เศร้าโศกเป็นนิพพาน ความรำพันเป็นสังขาร ความไม่รำพันเป็นนิพพาน ความคับแค้นใจเป็นสังขาร ความไม่คับแค้นใจเป็นนิพพาน ฯ จบปฐมภาณวาร มหันตรทุกะ จบ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนอนุปาทาปรินิพพานเป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ปฏิบัติอย่างนี้ คือ ย่อมได้ความวางเฉยว่า ถ้ากรรม ในอดีตไม่ได้มีแล้วไซร้ อัตตภาพในปัจจุบันก็ไม่พึงมีแก่เรา ถ้ากรรมในปัจจุบัน ย่อมไม่มีไซร้ อัตตภาพในอนาคตก็จักไม่มีแก่เรา เบญจขันธ์ที่กำลังเป็นอยู่ ที่เป็นมาแล้วเราย่อมละได้ เธอย่อมไม่กำหนัดในเบญจขันธ์อันเป็นอดีต ไม่ข้อง อยู่ในเบญจขันธ์อันเป็นอนาคต ย่อมพิจารณาเห็นบทอันสงบระงับอย่างยิ่งด้วย ปัญญาอันชอบ ก็บทนั้นแล อันภิกษุนั้นทำให้แจ้งแล้ว โดยอาการทั้งปวง อนุสัย คือมานะ ... อนุสัยคืออวิชชา เธอยังละ ไม่ได้โดยอาการทั้งปวง เธอย่อมกระทำ ให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า อนุปาทาปรินิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาทิฐินอกศาสนา ทิฐิว่า ถ้าเราจักไม่ได้มีแล้ว ไซร้ อัตภาพนี้ไม่พึงมีแก่เรา ถ้าเราจักไม่มีไซร้ ความห่วงในอะไรจักไม่มีแก่เรา ดังนี้ เป็นเลิศ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้มีทิฐิอย่างนี้พึงหวังข้อนี้ได้ว่า ความที่ใจไม่ ชอบในภพจักไม่มีแก่เขา และความที่ใจชอบในความดับภพจักไม่มีแก่เขา ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายผู้มีทิฐิอย่างนี้แลมีอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเป็นอย่าง อื่นมีอยู่แท้ ความแปรปรวนมีอยู่แม้แก่สัตว์ทั้งหลายผู้มีทิฐิอย่างนี้ ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมหน่ายแม้ในทิฐินั้น เมื่อหน่ายใน ทิฐินั้น ย่อมคลายกำหนัดในสิ่งที่เลิศ จะป่วยกล่าวไปไยในสิ่งที่เลวเล่า ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์พวกหนึ่งย่อมบัญญัติความหมดจด ในสัตว์ผู้สูงสุดมีอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ก้าวล่วงอากิญจัญญายตนะโดยประการ ทั้งปวงเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะอยู่นั้นเลิศกว่าบรรดาสมณพราหมณ์ผู้บัญญัติ ความหมดจดในสัตว์ผู้สูงสุด สมณพราหมณ์เหล่านั้น รู้ยิ่งแล้วซึ่งเนวสัญญานา- *สัญญายตนะนั้น ย่อมแสดงธรรมเพื่อทำให้แจ้งซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายแม้ผู้มีวาทะอย่างนี้แลมีอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย @๑. กามาวจรสัญญา ๒. รูปาวจรสัญญา ๓. โลกุตรสัญญา ๔. อากิญจัญญายตนะ ความเป็นอย่างอื่นมีอยู่แท้ ความแปรปรวนมีอยู่แม้แก่สัตว์ทั้งหลายผู้มีวาทะอย่างนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมหน่ายแม้ในเนวสัญญา- *นาสัญญายตนะนั้น เมื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัดในสิ่งที่เลิศ จะป่วยกล่าวไปไย ในสิ่งที่เลวเล่า ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัตินิพพานอันยวดยิ่งใน ปัจจุบันมีอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความหลุดพ้นเพราะไม่ถือมั่น เพราะรู้ความเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดออกแห่งผัสสายตนะ ๖ ประการ เลิศ กว่าการบัญญัตินิพพานอันยอดยิ่งในปัจจุบันแห่งสมณพราหมณ์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์พวกหนึ่งย่อมกล่าวตู่เราผู้มีวาทะอย่างนี้ ผู้กล่าวอย่างนี้ด้วยคำไม่จริง ด้วยคำเปล่า ด้วยคำเท็จ ด้วยคำไม่เป็นจริงว่า พระสมณโคดมไม่บัญญัติความ กำหนดรู้กามทั้งหลาย ไม่บัญญัติความกำหนดรู้รูปทั้งหลาย ไม่บัญญัติความ กำหนดรู้เวทนาทั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมบัญญัติความกำหนดรู้กาม ทั้งหลายด้วย ย่อมบัญญัติความกำหนดรู้รูปทั้งหลายด้วย ย่อมบัญญัติความกำหนด รู้เวทนาทั้งหลายด้วย เราเป็นผู้หายหิวแล้ว ดับแล้ว เย็นแล้ว ย่อมบัญญัติ อนุปาทาปรินิพพานในปัจจุบัน ฯ จบสูตรที่ ๙
[๓๔๑] ดูกรอานนท์ ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุไม่ใส่ใจอากิญจัญญาตน- *สัญญา ไม่ใส่ใจเนวสัญญานาสัญญายตนสัญญา ใส่ใจแต่สิ่งเดียวเฉพาะเจโตสมาธิ อันไม่มีนิมิต จิตของเธอย่อมแล่นไป เลื่อมใส ตั้งมั่น และนึกน้อมอยู่ใน เจโตสมาธิอันไม่มีนิมิต เธอจึงรู้ชัดอย่างนี้ว่า เจโตสมาธิอันไม่มีนิมิตนี้แล ยังมี ปัจจัยปรุงแต่ง จูงใจได้ ก็สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ปัจจัยปรุงแต่ง จูงใจได้นั้น ไม่เที่ยง มีความดับไปเป็นธรรมดา เมื่อเธอรู้อย่างนี้ เห็นอย่างนี้ จิตย่อมหลุดพ้นแม้จาก กามาสวะ แม้จากภวาสวะ แม้จากอวิชชาสวะ เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จ แล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี เธอจึงรู้ชัดอย่างนี้ว่าในญาณนี้ไม่มีความ กระวนกระวายชนิดที่อาศัยกามาสวะ ชนิดที่อาศัยภวาสวะและชนิดที่อาศัยอวิชชา- *สวะ มีอยู่ก็แต่เพียงความกระวนกระวาย คือ ความเกิดแห่งอายตนะ ๖ อาศัย กายนี้เองเพราะชีวิตเป็นปัจจัย เธอรู้ชัดว่า สัญญานี้ว่างจากกามาสวะ สัญญานี้ ว่างจากภวาสวะ สัญญานี้ว่างจากอวิชชาสวะ และรู้ชัดว่ามีไม่ว่างอยู่ก็คือความเกิด แห่งอายตนะ ๖ อาศัยกายนี้เองเพราะชีวิตเป็นปัจจัย ด้วยอาการนี้แหละ เธอจึง พิจารณาเห็นความว่างนั้นด้วยสิ่งที่ไม่มีอยู่ในเจโตสมาธินั้นเลย และรู้ชัดสิ่งที่เหลือ อยู่ในเจโตสมาธินั้นอันยังมีอยู่ ว่ามี ดูกรอานนท์ แม้อย่างนี้ เป็นการก้าวลงสู่ ความว่าง ตามความเป็นจริง ไม่เคลื่อนคลาด บริสุทธิ์ ของภิกษุนั้น ฯ [๓๔๒] ดูกรอานนท์ สมณะหรือพราหมณ์ในอดีตกาลไม่ว่าพวกใดๆ ที่ บรรลุสุญญตสมาบัติอันบริสุทธิ์ เยี่ยมยอดอยู่ ทั้งหมดนั้น ก็ได้บรรลุสุญญตสมา- *บัติอันบริสุทธิ์ เยี่ยมยอดนี้เองอยู่ สมณะหรือพราหมณ์ในอนาคตกาลไม่ว่าพวก ใดๆ ที่จะบรรลุสุญญตสมาบัติอันบริสุทธิ์ เยี่ยมยอดอยู่ ทั้งหมดนั้น ก็จัก บรรลุสุญญตสมาบัติอันบริสุทธิ์ เยี่ยมยอดนี้เองอยู่ สมณะหรือพราหมณ์ในบัดนี้ ไม่ว่าพวกใดๆ ที่บรรลุสุญญตสมาบัติอันบริสุทธิ์ เยี่ยมยอดอยู่ ทั้งหมดนั้น ย่อมบรรลุสุญญตสมาบัติอันบริสุทธิ์ เยี่ยมยอดนี้เองอยู่ ดูกรอานนท์ เพราะ ฉะนั้นแล พวกเธอพึงศึกษาไว้อย่างนี้เถิดว่า เราจักบรรลุสุญญตสมาบัติอัน บริสุทธิ์ เยี่ยมยอดอยู่ ฯ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระภาษิตนี้แล้ว ท่านพระอานนท์จึงชื่นชมยินดี พระภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล ฯ จบ จูฬสุญญตสูตร ที่ ๑
ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อนุโมทนาสาธุ
Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2555 |
|
1 comments |
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2555 23:51:37 น. |
Counter : 951 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
ฟ้ามาส่งความคิดถึง..พร้อมกับกลิ่นอายแห่งความรักที่ไม่เคยจางไปจากหัวใจกันด้วย นะคะ
มีความสุขกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์...ของความรักรอบๆกายด้วย นะคะ