1
2 3 4 5 6 7 8
9 10 11 12 13 14 15
16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26 27 28 29
30 31
Birth :: เหตุผลที่เรารักกัน
นั่งคิดอยู่สักพัก ว่าจะปล่อย blog ใหม่นี้ให้ร้างไปเนื่องจากมีอันอื่นที่เขียนเป็นประจำอยู่แล้วดี หรือว่าหาเรื่องใส่ตัวด้วยการเขียนมันลงไปอีกซะดี สุดท้าย อำนาจด้านมืดก็ชนะไปตามระเบียบ(รัตน์) ฮ่า =================== ฉันเดินออกมาจากลิโด 3 ด้วยความรู้สึกที่ปะปนกันหลายอย่าง อาจจะเป็นเพราะมันยังไม่ตกตะกอนดีว่าฉันจะชอบหรือจะเกลียดหนังเรื่องนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะฉันไม่อยากจะยอมรับว่าฉันชอบ หรือเกลียดมันก็ได้ล่ะมั้ง มันเลยเหมือนจะกั๊ก ๆ ยังไงบอกไม่ถูก แม้เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว ฉันก็ยังตัดสินใจไม่ได้อยู่ดีว่าฉันชอบหนังเรื่องนี้มั้ยน่ะ มันไม่เหมือนตอนที่ฉันดู Dogville ที่ฉันบอกได้เต็มปากเต็มคำว่ามันเป็นหนังที่ disturbing (ภาษาไทยคิดไม่ออก) แต่เท่ชิบเลยสิคะ พระเดชพระคุณ กับ Birth ฉันเข้าโรงไปด้วยความคาดหวังอย่างหนึ่ง แต่กลับออกมาด้วยความประทับใจในอีกแบบหนึ่งที่อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับการคาดหวังครั้งแรกจากที่เห็นหน้าหนังเลยก็ได้ ก่อนเข้าโรง ฉันตัดสินใจเผ่นออกจากบ้านไปดูหนังเรื่องนี้ด้วยคาดหวังว่าจะได้เห็นหนังที่มีพล๊อตเรื่องเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิดที่น่าสนใจ และที่สำคัญ .. แม้จะไม่ค่อยอยากยอมรับตัวเองเท่าไหร่... ฉันเป็นแฟนการแสดงของแม่นางนิโคล คิดแมนนั่นเอง แต่เมื่อกลับออกมาสู่แสงสว่างนอกโรง.. ฉันพบว่าพล๊อตเรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิด (ใครเดาได้รึเปล่าไม่รู้ แต่ฉันเดาได้ตั้งแต่ต้นเรื่องง่ะ งึม) แต่สิ่งที่ตรึงให้ฉันอยู่กับที่ได้ตลอดเวลาเกือบสองชั่วโมงกลายเป็นการแสดงที่โคตรจะกินขาดของนิโคลและเจ้าหนูคนนั้น Cameron Bright เจ้าหนูที่ทำฉันหลอนเสียสติจากเรื่อง Godsend มาแล้ว ฉันเดินออกจากโรงด้วยอารมณ์ "ตูว่าแล้ว" แต่อีกสองสามชั่วโมงต่อมาฉันกลับยังมานั่งถามตัวเองว่าไอ้ที่ว่า "ตูว่าแล้ว" เนี่ย มันเป็นอย่างที่ฉันว่าจริงหรือเปล่าต่อไปนี้เป็น spoiler .... ถ้าจะให้สรุปเรื่องทั้งหมดของ Birth .. อาจจะสรุปได้ในไม่กี่คำ ** เขาตาย - สิบปี - เธอเฉา - เธอดีขึ้น - เธอหมั้น - เด็กมา - เด็ก=เขา(?) - เธอเคว้ง - เธอคว้า(เขา=เด็ก)กลับมา - แต่ - เด็ก=ไม่ใช่เขา(?) - เธอปล่อย - เธอแต่งงาน - เด็กไป ** แต่ก็อย่างที่บอก จะว่าเรื่องมันเดาได้ มันก็เดาได้เอาเพราะว่าเล่นเอา "ของ" ไปฝังกันให้เห็นตอนต้นเรื่อง (มุขเมียน้อยนี่มันแบบ .. ตื้นไปนิดนึงอ่ะ) แต่จะว่าเดาไม่ได้ มันก็มีคำถามในใจเกิดขึ้นตามมาได้เยอะเหมือนกัน เด็กคือเขากลับชาติมาเกิดหรือมิใช่? การที่เด็กตามมารักเธอขนาดนั้นมันปกติดีอยู่หรือ? หรือจะเป็นเพราะการที่เธอเริ่มจะจริงจังกับความสัมพันธ์ของทั้งสองทำให้เด็ก (ซึ่งสมมติว่าเป็นเขากลับมาจริง) เห็นความจริงว่าอนาคตของทั้งสองคนเป็นเรื่องที่จบลงไปแล้วและไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้อีก? ถ้าถามฉัน ... ฉันว่าหนังไม่ได้ลึกไปกว่าที่เราเห็น การกระทำของเด็กเมื่อแรกปรากฏตัวและบอกกับนางเอก (และคนดู) ว่าเป็น "เขา" กลับชาติมาเกิดนั้นเป็นการแสดงความรักแบบเด็ก ๆ เกินไป แม้เด็กคนนั้นจะนิ่งได้เกินเด็กปกติ แต่การเขียนโน๊ตมาบอกว่า "อย่าแต่งงานใหม่" นั่นจะใช่เรื่องที่คนที่รู้ตัวอยู่แล้วว่าตายไปแล้วจะทำหรือ? (แถมเรื่องลายมือ ที่ยังเป็นลายมือเด็กเหลือเกิน) แต่จดหมายของนางเอก ... จะมีเขียนรายละเอียดไว้ด้วยหรือว่าสามีของเธอล้มลงตายที่จุดไหนในสวนแห่งนั้น? ไป ๆ มา ๆ สิ่งที่ติดใจฉันออกมาจนถึงตอนนี้ สิบชั่วโมงหลังจากที่เดินออกจากโรง กลับไม่ใช่ประเด็นที่ว่า เด็กชาย Sean คือ Sean กลับชาติมาเกิดหรือไม่ แต่เป็นประเด็นพฤติกรรมของตัว Anna เสียมากกว่า อะไรที่ทำให้ Anna เชื่อเหลือเกินว่าเด็กชาย Sean คือสามีของเธอกลับชาติมาเกินจริง และอะไรที่ทำให้เธอเชื่อว่า "เธอกลับไปรักเขา" อีกครั้ง? จะเป็นไปได้ไหมว่าการสูญเสียสิ่งที่เรารักในเวลาที่ไม่ได้เตรียมใจ กลับยิ่งทำให้ความหมายของสิ่งนั้นในใจของเราเพิ่มพูนยิ่งขึ้น เมื่อยังมีชีวิตอยู่นางเอกก็รักสามีของเธอจริง แต่อาจจะไม่ได้รักมากขนาดนั้น แต่เมื่อสามีตายอย่างกระทันหัน ความตกใจกับเสียใจ และความคิดที่ว่าเมื่อยังมีกันและกันอยู่ต่างอาจจะไม่ได้มีเวลาให้กันอย่างเพียงพอ ทำให้ความรักใน "ภาพ" ของเขาที่เหลืออยู่ยิ่งเพิ่มพูน ประกอบกับการครองตัวเป็นม่ายที่ทำให้ "ค่า" ของเธอยิ่งสูงขึ้นในสายตาของผู้อื่น ชายคนนั้นอาจจะไม่ได้รักเธอมากขนาดนี้หากเขาไม่ต้องเพียรพยายามขอความรักจากเธออย่างไม่มีที่สิ้นสุด (แม้แต่เมื่อเธอตกลงแต่งงานใหม่กับเขาแล้ว เขาก็ยังรู้อยู่แก่ใจว่าภาพของสามีเก่าในใจของเธอไม่ได้จางลงได้สักเท่าใดเลย) เมื่อเธอบอกกับเพื่อนสนิทของสามีซึ่งเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้เธอว่าเธอกำลัง "กลับไปตกหลุมรักเขาอีกครั้ง" ภาพของเด็กชายฌอนที่เธอเห็นนั้นเป็นเด็กชายฌอน หรือเป็นฌอน สามีของเธอกันแน่ ถ้าจะมองว่าเพราะเธอเป็นผู้หญิง และผู้หญิงมักจะรักคนที่มารักเธอ ทุ่มเทให้เธออย่างหัวปักหัวปำ ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะคู่หมั้นของเธอก็รักเธอไม่ใช่น้อย และเธอเองก็รู้ดี ฉันพยายามจะทำความเข้าใจกับแอนนา กับฉากท้าย ๆ เมื่อแอนนารับฟังสิ่งที่เด็กชายฌอนบอกว่าเขาไม่ใช่สามีของเธอ เขารักเธอ ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่สามีของเธอ ฉันไม่รู้ว่า ณ ขณะนั้นความคิดแบบไหนวิ่งอยู่ในสมองของเธอ ฉันไม่รู้ว่าเมื่อเธอตัดสินใจกลับไปหาคู่หมั้นและขอโทษเขานั้น เธอคิดอยากจะอยู่กับเขาจริง ๆ อย่างที่เธอบอกเขา หรือเธอทำไปเพียงเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ "ควรจะทำ" กันแน่ เหมือนกันกับเมื่อเธอบอกว่าเธอกลับไปรักเด็กที่บอกว่าเป็นสามีของเธอกลับชาติมาเกิด เธอรักเขาอีกครั้งจริง ๆ หรือเธอไม่เคยเลิกรักเขา หรือเธอ "คิดว่า" เธอกลับไปรักเขาเพราะมันเป็นความรู้สึกที่ภรรยาควรจะมีต่อสามีกันแน่?? วุ้ย มันเป็นหนังที่ทำให้ตั้งคำถามได้มากมิใช่น้อยเลย หรือคุณว่าไงคะ?
Create Date : 16 มกราคม 2548
0 comments
Last Update : 3 มิถุนายน 2550 22:16:09 น.
Counter : 405 Pageviews.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
seven of nine tertiary adjunct of unimatrix zero-one เป็นสาวบอร์ก ครึ่งคนครึ่งจักรกล หุ่นสะบึมสุดสวิงริงโก้ ฉลาดเป็นกรดเพราะมี nano เทคโนโลยีติดตัวเป็นของขวัญจากราชินีแห่งบอร์ก ... ปกติจะอยู่กับยาน Voyager แต่ช่วงนี้หลบร้อนมาพักอยู่เมืองไทยชั่วคราวค่ะ (เอิ๊ก)