เรื่องอยากเล่า - The goal is to help people
เมื่อต้นเดือนพฤษภาได้มีโอกาสไปงานรับปริญญาญาติที่ต่างรัฐค่ะ นานๆได้มีโอกาสไม่ต้องทำงานเสียที งานนี้มีสองวันนะคะ วันแรกเป็นของคณะแพทยศาสตร์ เป็นงานตอนกลางคืน และวันที่สองเป็นงานของมหาวิทยาลัยค่ะ
ประทับใจงานวันแรกเลยเก็บมาเล่าให้ฟังค่ะ
คืนแรกเราได้นั่งข้างล่าง เพราะเป็นงานของเฉพาะคณะแพทย์ รวมทั้งบัณฑิตด้วยญาติด้วยก็ยังไม่มากเท่าไหร่ งานวันแรกนี้เป็นงานที่ทางคณะเชิญครอบครัวไปสวม Hood ให้บัณฑิตค่ะ และเป็นพิธีมอบรางวัลเรียนดี และปิดท้ายด้วยพิธีปฏิญานตนของแพทย์ทหารค่ะ
นั่งมองภาพที่แต่ละครอบครัวขึ้นไปสวม Hood ให้บัณฑิตแล้วรู้สึกว่าประทับใจมากๆ บางครอบครัวเป็นคุณพ่อคุณแม่ บางครอบครัวมีทั้งคุณปู่คุณย่าซึ่งต้องนั่งรถเข็นขึ้นไป คุณพ่อคุณแม่ และพี่ป้าน้าอาเต็มเวที บางคนก็อุ้มลูกไปด้วยเมื่อภรรยาสวม Hood ให้ พิธีกรจะประกาศชื่อทุกคนที่ขึ้นไปบนเวทีเลยค่ะ เหมือนกับจะสื่อว่าความสำเร็จของบัณฑิตในวันนี้ ส่วนหนึ่งส่วนสำคัญมาจากความรัก กำลังใจ และความเอาใจใส่ของครอบครัวและคนรอบข้างที่บัณฑิตรักด้วย
ตอนที่มอบรางวัลสำหรับผู้ที่ทำคะแนนได้ดีเลิศทางสาขาต่างๆ สังเกตว่าคนที่เก่งที่สุดของรุ่น ดูเหมือนจะกวาดรางวัลไปแทบทุกสาขา ทั้งศาสตร์และศิลป์ ทั้งด้านวิชาการและอื่นๆ ที่น่าทึ่งคือคุณนักเรียนแพทย์ที่ได้รับรางวัลสูงสุดท่านนี้ อุ้มลูกขึ้นไปรับ Hood ด้วย และในตอนท้ายสุดก็เป็นหนึ่งในสองบัณฑิตซึ่งอยู่ในพิธีปฎิญานตนเป็นแพทย์ทหารด้วย
เป็นธรรมเนียมที่ในงานรับปริญญาจะต้องมีอาจารย์และผู้แทนบัณฑิตมากล่าว อาจารย์ที่ขึ้นมากล่าวในวันนั้น พูดเรื่อง The Goal is To Help People ขออนุญาตเล่าย่อๆเท่าที่จำได้เป็นภาษาอังกฤษนะคะ
When you first entered to the medical school, your goal is to help people. When the time passed by, the goal has changed. Two things that the goal changed to is the Porcheism (หมายถึงนิยมใช้ของราคาแพงเพราะเป็นเครื่องหมายถึง upscale people) and Porcheism leads to greedy. Then, you graduate and go to work and here is what will happen. Because the medical is about business, (ตรงนี้อาจารย์ที่พูดขยายความไว้ด้วยว่าจริงๆแล้ว Medical ไม่ได้เป็นธุรกิจแต่ว่าผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงพยาบาล บริษัทประกัน และ บางทีก็รวมไปถึงแพทย์ด้วย พยายามจะทำให้เป็นธุรกิจ) so you are thinking about charging your patient more of what your patient do not deserve to pay. Or sometime the hospital that you work with order some new machine and they ask you to get more patient so they can make money out of those new machines. Here comes the time that you say no and then they say to you that you are too idealistic. So, you will say "Thank you" and go for it, keep your goal, the goal is to help people.
เจ้าของบล็อกจำได้แบบกระท่อนกระแท่น พอเอามาเรียบเรียงแล้วรู้สึกว่าจะไม่ค่อยสละสลวยนัก (อยู่ที่นี่ก็นานแล้ว ภาษาไทยก็แย่ลง และภาษาอังกฤษก็ไม่ยักจะดีขึ้น อย่างนี้ต้องขยันไปเยี่ยมคุณคูทิงบ่อยๆ) แต่ตอนได้ฟังนั้นประทับใจมากที่ประโยค You're too idealistic. และ Thank you, and go for it, keep your goal, the goal is to help people.
ไม่รู้ว่าบัณฑิตทั้งหลายจะซาบซึ้งเหมือนเจ้าของบล็อกหรือเปล่า แต่ในประเทศนี้ความจริงก็คือเป็นประเทศที่ออกจะ "วัตถุนิยม" มากกว่าประเทศอื่นๆ เพราะฉะนั้น The goal is to help people อาจจะเลือนหายไปได้ไม่ยากเท่าไหร่ เพราะความหนักหนาสาหัสของการเรียนและงานที่ทำ
พองานเลิกทางคณะจัด Reception เล็กๆ มีน้ำหวานกับคุ้กกี้ให้ทุกคนด้วย จะได้พบปะพูดคุยกัน เจ้าของบล็อกโผล่เข้าไปชมบรรยากาศแว้บนึงแล้วเลยถูกดึงตัวไปกินข้าวจีนกับครอบครัวแทนค่ะ กลับถึงโรงแรมวันนั้น หลับเป็นตายไปเลย
รับปริญญาไปแล้ว แต่เหมือนชีวิตแพทย์เพิ่งจะเริ่มต้นนะคะ ยังต้องเรียนกันอีกนานเลยกว่าจะจบจริงๆ ทั้งเป็นแพทย์ฝึกหัด แล้วยังต้องเรียนแพทย์เฉพาะทางอีก เรียกว่ากว่าจะจบก็เกือบแก่ แล้วแถมยังมีหนี้ก้อนโตติดมาด้วยอีกต่างหาก (นักศึกษาที่นี่ส่วนใหญ่กู้เงินเรียนทั้งนั้นค่ะ) ชีวิตการทำงานก็เหนื่อย และเครียดอีกต่างหาก อย่างไรก็ตาม ก็ขอให้บัณฑิตใหม่วันนั้นทุกคนต่างประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างที่ใจปรารถนะคะ
ส่วนญาติของเจ้าของบล็อกตอนนี้ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลเดิมที่จบมาค่ะ ต้นปีหน้าก็จะย้ายมาเป็น Residence อยู่แถวบ้านเจ้าของบล็อกแล้ว บ่นนิดหน่อยว่าทำงานอาทิตย์ละแปดสิบชั่วโมงไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่
กว่าจะจบก็อีกหลายปี ขอให้โชคดีนะจ๊ะน้องชาย แล้วอย่าลืมเสียล่ะว่า ที่ร่ำเรียนมาน่ะ The goal is to help people.
|
|