ฉันเคยถามเพื่อนชาวอเมริกันหลายๆคนว่าที่ไหนในอเมริกาอยู่ใน Bucket List ของเขา ที่ที่หนึ่งซึ่งทุกคนพูดตรงกันคือ Grand Canyon ค่ะ คราวนี้ฉันเลยจะขอเอารูปเก่ามาเล่าเรื่อง Grand Canyon และที่อื่นๆใน Arizona บ้าง (แปลว่าถ้าเขียนได้รอดล่ะก็ คงจะยาวอีกหลายตอนจบเลยล่ะค่ะ)
ไปกันเลยไหมคะ
ป้ายที่เห็นข้างบนนี้ฉันถ่ายที่เขื่อนฮูเวอร์ ถ้ามาจากลาสเวกัสวิ่งมาจนสุดสันเขื่อน ก็จะเห็นป้ายอันนี้ปักต้อนรับอยู่นะคะ
ขับรถวิ่งลิ่วลิ่ว ฉิวผ่านทะเลทราย ช่างเวิ้งว้างกว้างใหญ่ ไกลสุดลูกหูลูกตา ป้ายริมถนนส่งความ ไปแล้วห้ามข้ามกลับมา ฉันอมยิ้มบอกไปว่า ไม่หันกลับมา...อยู่แล้ว
วันนี้เราขับรถกันยาวเลยค่ะ ออกจากเขื่อนราวๆสักสิบโมงเช้า ไปถึง Grand Canyon เอาเกือบสี่โมงเย็น ขับรถผ่านทะเลทรายสองข้างทาง มีต้นไม้ขึ้นเป็นกระจุกเล็กๆกระจัดกระจายสุดสายตา บางช่วงไม่มีอะไรเลยนอกจากภูเขาทรายสีน้ำตาลแห้งๆ ในภาพเป็นช่วงต้นๆ ที่ยังพอมีอะไรเขียวๆอยู่บ้าง ฉันนึกเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายภาพตามรายทางมาเลย แม้จะเป็นทะเลทรายร้อนและแล้ง หาต้นไม้ใหญ่แทบไม่ได้ แต่ก็มีบ้านคนหลังจ้อย สีขาวซอมซ่อ อยู่ห่างๆกัน นานๆจะเห็นครั้งละสองสามหลัง ในที่กันดารแบบนี้แทบไม่อยากเชื่อว่ายังมีคนอยู่ค่ะ ฉันเลยได้แต่เล่าจากความทรงจำ ไม่มีภาพฝากมาให้เห็น
ด่านเก็บเงินค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน
บ่ายบ่ายก็มาถึงปากทางเข้าอุทยานแล้วค่ะ ตอนฉันเห็นด่านเก็บเงินนี้ นึกไม่ออกเลยว่าเป็นปากทางเข้าหุบยักษ์เหวลึก เพราะมีต้นสนสูงเขียวชอุ่มออกปานนี้ จากปากทางขับเข้าไปอีกไกลพอสมควรเลย ถนนสวยดูต้นสนริมทางเพลินตาเพลินใจ
เรามาชมอุทยานทางด้าน South Rim ค่ะ ทางด้าน North Rim ช่วงนั้นปิดแล้ว South Rim เป็นที่ตั้งของทางอุทยาน คนส่วนใหญ่จะมาเที่ยวกันทางด้านนี้เพราะใกล้กับลาสเวกัสมากกว่า เดินทางสะดวก รวมทั้งมีโรงแรมและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆด้วย
ส่วนทาง North Rim เป็นเขตที่อยู่ของอินเดียนแดง ที่เที่ยวที่โด่งดังที่สุดของทาง North Rim ในช่วงนี้ก็คือ Skywalk ทางเดินกระจกรูปเกือกม้าที่ยื่นลงไปในหน้าผาค่ะ ฉันได้ดูสารคดีการสร้าง Skywalk นี้ด้วย ผู้ริเริ่มและเป็นหัวเรือใหญ่เป็นชาวจีนที่มีธุรกิจในลาสเวกัส ใช้เวลาทั้งคิดและสร้างรวมกันสิบปีได้นะคะ ดูเทคโนโลยีการสร้างแล้วก็สนุกดีค่ะ
เอ เราจะไปเที่ยว South Rim กันต่างหาก ไถลนอกเรื่องไปเสียไกล
แดดยามบ่ายแรงจัดจ้า สาดท้าทายหินหลายวัย ฟ้าสีฟ้าช่างสดใส ปลายฟ้าฟ่องลอยเมฆขาว ลึกเหวลึกไปถึงไหน ใหญ่เท่าใหญ่เหวสามหาว ไกลเท่าไกลถึงไหมดาว ร้าวราญร้าวโตรกแผ่นดิน
ภาพนี้เป็นภาพแรกของแกรนด์แคนยอนที่ฉันถ่ายโดยถ่ายจากลานจอดรถที่ Canyon View Information Plaza คงจะเป็นเพราะแดดที่แรงมาก หรือฉันเห็นแกรนด์แคนยอนจากในหนังสือนำเที่ยวต่างๆมาหลายร้อยภาพ ฉันเลยไม่รู้สึกเท่าไหร่ว่าที่นี่เป็นที่เที่ยวที่ต้องมาให้ได้อย่างที่หลายๆคนบอก เพียงแต่รู้สึกว่าห้วงเหวที่นี่มันช่างใหญ่กว้างไกลสุดสายตาจริงๆ
มานึกๆดู ฉันได้แต่เดินชมเหวและผานี้ด้วยการเดินไปตามทางเดินอันแสนสะดวกสบายในอุทยานนี่เอง ในใจฉันเลยไม่ได้ร้องโอ้โห้ อูหูสักเท่าไหร่นัก ถ้าได้ลงไปเดินในเหวในหุบหรือตามพื้นที่ราบๆน้อยนิดที่เห็นในรูปสักจุดเดียว คงมีเรื่องกลับมาเขียนบล็อกได้เป็นเดือน
ตอนนั่งเลือกรูป ถึงได้เห็นว่าฉันไม่ค่อยได้ถ่ายแกรนด์แคนยอนแบบมุมกว้างๆ ฉันไม่ถนัดถ่ายรูปแบบเห็นทุกสิ่งทุกอย่างมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ภาพแกรนด์แคนยอนในมุมของฉันแต่ละภาพเลยจะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ เอาเป็นว่าฉันชวนคนอ่านให้ไปพินิจพิจารณาแกรนด์แคนยอนในมุมของฉันด้วยกันนะคะ
ลานเรียบด้านล่างของภาพที่ปลายสุดของลานเรียกว่า Plateau Point ค่ะ ส่วนยอดเขายอดแรกที่เห็นทางด้านริมขวา ด้านหน้าของยอดเป็นเงาดำ คือ Cheops Pyramid ภูเขาและเหวหินที่นี่เห็นแล้วนึกถึงวงปีของต้นไม้นะคะ เพราะชั้นหินเรียงซ้อนกันเหมือนแต่ละบทในหนังสือ บางบทเคยจมอยู่ใต้ทะเล บางบทเป็นหินดินที่ทับถมกันเป็นล้านๆปี สีแต่ช้้นก็แตกต่างกันตามไปแล้วแต่เรื่องราว
แต่ละยอดมองๆไปบางทีเหมือนปิระมิดยอดตัดในเม็กซิโกอยู่เหมือนกัน อยากรู้ว่าถ้าได้เป็นเดินอยู่บนยอดภูเขาหินแล้วมองย้อนกลับมาเห็น South Rim และ North Rim จะรู้สึกอย่างไร น่าจะเวิ้งว้างแต่ปลอดโปร่งโล่งใจไม่ใช่เล่นนะคะ
เวลาช่างน่าฉงน ฟ้าลมฝนช่างอัศจรรย์ ธรรมชาติช่างหฤหรรษ์ ศิลปะนั้นของช่างใด กร่อนแผ่นดินเซาะเป็นผา สีทองทาเหล่าใบไม้ ตะกอนดินทับถมไป ชะง่อนใหญ่หน้าผาชัน มนุษย์นั้นกระจ้อยร่อย หาญทับรอยร้อยความฝัน ยิ่งใหญ่จากไหนกัน จะบิดผันเปลี่ยนโลกไป
ฉันไปเที่ยวที่นี่ตอนเดือนสิงหาคม ใบไม้บางต้นใบไม่สีเขียวแล้วค่ะอย่างเช่นต้นนี้ใบเหลืองสวยทั้งต้น เข้ากันดีกับภูเขาสีสัมปนน้ำเงินที่อยู่ห่างออกไปลิบลิบ
จากที่จอดรถ มีทางเดินเรียบริมผาไปได้เรื่อยๆ ไกลเชียวค่ะ ทางเดินริมผาสวยมาก เห็นวิวกว้างๆ ฟ้าก็ใสปิ๊ง ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องใช้เวลาเดินสักเท่าไหร่จึงจะสุดทาง ที่แน่ๆ วันรุ่งขึ้นเราขับรถเที่ยวกันอยู่เกินครึ่งวันกว่าจะพ้นค่ะ
ภาพถัดไป เหวลึกกลางภาพมีชื่อว่า Bright Angel Canyon ที่เห็นเขียวๆเล็กๆตอนด้านล่างของภาพ เป็นที่ราบ เรียกว่า Phantom Ranch มีทางเดินป่า หากมีเวลาหลายๆวัน ก็ลงไปเที่ยวได้ด้วยค่ะ
รอยร้าวช่างร้าวราน น้ำเซาะผ่านยิ่งราญลึก หินกร่อนเป็นโตรกตรึก อย่างไม่นึกว่าลึกได้ |
หน้าต่างบานหนึ่ง
เดินเข้าไปในศูนย์บริการนักท่องเที่ยวกันบ้าง ชื่อว่า Canyon View Information Plaza มีนิทรรศการให้ชม มีแบบจำลองของแกรนด์แคนยอนให้ดู รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่มาเล่าประวัติให้ได้รู้จักแกรนด์แคนยอนให้มากขึ้นด้วย ศูนย์บริการนี้จัดได้สวยงามเชียวค่ะ ด้านหน้าทำเป็นหน้าต่างบานโตอย่างในภาพนี้ให้มองเห็นวิวงามๆได้ด้วย สำหรับคนที่ชอบซื้อของ ก็มีของที่ระลึกหลายอย่างให้ซื้อหาค่ะ ฉันซื้อแม่เหล็กติดตู้เย็นภาพแกรนด์ แคนยอนในหิมะมาหนึ่งอัน เพราะฉันคงไม่มีโอกาสมาที่นี่ในวันที่หิมะตกแน่ๆ
สูงขึ้นไปเป็นท้องฟ้า เบื้องหน้าคือเหวใหญ่ มองเบื้องล่างต่ำลงไป ลึกเพียงไหนหารู้ไม่ สุดสายตาเป็นผาหิน สุดแผ่นดินที่ตรงไหน สุดแผ่นฟ้าที่ตรงใจ ความจริงใกล้แค่ใจเรา
ถ้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว Canyon View อยู่ตรงกลาง ฉ้นก็เดินเข้าทางขวา ผ่านหน้าต่างบานใหญ่หลายบาน (ฝากมาให้ชมหนึ่งบานในรูปข้างบน)แล้วออกทางด้านซ้าย เป็นรูปที่อยู่ข้างบนนี้ เดินต่อไปอีกนิดมีทางลงไปให้ชมวิวจากหน้าผาที่ยื่นออกไป แดดเริ่มอ่อนลงไปบ้าง เหวลึกและผาหินก็เปลี่ยนสีไปอีก เคยได้ยินมาว่าแกรนด์แคนยอนมีเสน่ห์ตรงที่ว่าหินที่นี่สีเปลี่ยนไปตามตะวันนั่นค่ะ
มองไปทางซ้ายก็โทนหนึ่ง มองไปทางขวาก็เป็นอีกโทนหนึ่ง เดี๋ยวมืด เดี๋ยวสว่าง ...
หินหลายชั้น ไล่สีกัน เป็นแนวฝัน เป็นวันจริง
ปราการหิน ปราสาททราย อวดลวดลาย อวดสีสัน
ลับเลื่อมเป็นเงาพราย ริ้วรายเป็นลายเมฆ หุบต่ำผาสูงเสก แฉกฉากรับลวดลาย |
ที่แกรนด์แคนยอนนี้ก็เหมือนกับอุทยานแห่งชาติหลายแห่งในอเมริกา คือต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถ ทางอุทยานมีบริการรถเมล์ให้เราขึ้นๆลงๆไปตามจุดต่างๆ เราเดินเที่ยวที่ Canyon View กันพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็จับรถเมล์ไปที่สถานี Train Depot นั่งรถเมล์สบายๆไปไม่ไกลเท่าไหร่ค่ะ
ศาลาเหงาเงียบ อากาศเยียบเย็น มองหาไม่เห็น อยากให้เป็นเธอ สายลมพัดพา วาจาพร่ำเพ้อ อยากให้เป็นเธอ เป็นเธอเหลือเกิน
ดอกหญ้าข้างศาลา มัวแต่ลังเล ในที่สุดก็ตัดสินใจถ่ายตอนรถเมล์มาพอดิบพอดี ดอกหญ้างามเลยออกมาสวยได้แค่เท่านี้
ต้นไม้ทรงสวย กระโดดลงจากรถ เห็นต้นไม้สวยเมฆงามต้นนี้กลางลานจอดรถ ฉันชอบภาพที่เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส ตั้งใจถ่ายมาให้ลงกรอบในใจโดยเฉพาะ
|
จุดที่เราลงรถเป็นที่ตั้งโรงแรม EL Tovar พอดี เป็นโรงแรมที่วิวสวยมากๆ ทางเดินเลียบริมผาเดินไปได้ไกล ผ่านโรงแรมอีกสองสามโรงแรม แม้ El Tovar จะอยู่ใกล้ผามากที่สุด แต่ก็แพงที่สุดเช่นกัน อีกสองโรงแรมก็วิวสวยใช้ได้เลยทีเดียว ทุกที่เต็มหมด แต่เราโชคดียังได้นอนในอุทยาน แต่ไม่ได้ใกล้ชิดวิวสวยๆหรอกนะคะ
รูปรวมมิตรข้างบนเป็นโรงแรม El Tovar มุมต่างๆกันค่ะ
ไปเดินริมผากันอีกครั้งนะคะ คราวนี้เราเดินไปทางขวาของโรงแรม El Tovar ค่ะ เดินมองตะวันไปเรื่อยๆ ฉันว่าที่ Canyon View กับที่นี่วิวเกือบจะเหมือนกันเลย แต่ยิ่งเย็นสียิ่งสวยขึ้นเรื่อยๆจริงๆค่ะ
สีแต่ละรูปเปลี่ยนไปตามแสงและความงง ปรับกล้องไม่ถูกของฉันเอง
|
Plateau Point ยามเย็น
ลานหินขาวสีหมองหม่น ยอดสนบนภูผาแดง เจดีย์แสดดูแข็งแกร่ง แสงอ่อนแรงทอทาบลง เรียงรายสลับซ้บซ้อน หลืบเขาซอนซ่อนชวนหลง ตะวันรอนลับอัสดง พิศวงตรงสีที่ระบาย
หินและทรายทับถม จมตามปีที่ผ่านไป เป็นฐานของหินใหม่ สูงขึ้นไปเยี่ยมเมฆขาว เรื่องราวแต่เก่าก่อน เรียงซ้อนทั้งสุขเศร้า ทับถมในใจเรา บทเรียนแห่งกาลเวลา ที่ดีก็เก็บไว้ ที่ร้ายไม่หายหน้า ผ่านไปแล้วก็ผ่านมา รู้ว่ามาแล้วก็ต้องไป
|
Grand Canyon ในแสงสุดท้ายของวัน
ถึงแม้ว่าวิวของ Grand Canyon ที่บริเวณ Canyon View (อยู่ในส่วนที่เรียกว่า Marget Plaza) และทางเดินเลียบริมผาจากโรงแรม El Tovar ไปจนถึง Bridge Angel Lodge (ส่วนนี้เรียกว่า Grand Canyon Village) จะคล้ายๆกัน ฉันว่าเส้นทางหลังดูจะเหมือนว่าเราเดินอยู่ในวงล้อมของหินผามากกว่านิดนึง ที่ Canyon View ฉันเห็น Grand Canyon แข็งแกร่งยิ่งใหญ่อยู่ใต้ฟ้ากว้างสีสด แดดจัดจ้า ทีทางเดินหน้าโรงแรม ฉันเห็น Grand Canyon อ่อนโยนน้อมกายอยู่ใต้แสงสุดท้ายของวัน
ฉันใช้เวลากับการถ่ายรูปพาโนรามา (แปะเอาไว้ให้ดูในบล็อกนี้สองรูปเหนือย่อหน้านี้ไงคะ) กว่าจะเดินไปถึง Lookout Studio และ Kolb Studio ตะวันก็ลับฟ้าไปแล้ว พระอาทิตย์ตกที่ Grand Canyon สวยมาก แสงสีชมพูอมม่วงยามตะวันใกล้ลาเปลี่ยนภูผาเหวหินแข็งแกร่งให้ดูอ่อนโยนลงอย่างไม่น่าเชื่อ
ค่ำนั้นเรากินข้าวฝรั่งครบชุดกันที่ El Tovar กว่าจะได้กินปาเข้าไปดึกโข เพราะโรงแรมคนแน่นมาก จำไม่ได้แล้วว่าฉันสั่งอะไร รู้แต่ว่าอร่อยดีทีเดียว (เดี๋ยวคนที่จำได้คงมาใบ้ไว้ให้ :-)) ตอนนั้นแม้แต่ขนมปังทาเนยยังอร่อย ที่พิเศษหน่อยคือพนักงานที่บริการเราเป็นคนไทยที่มาฝึกงานที่นั่นพอดี ดูแลพวกเราอย่างดี ฝากคำขอบคุณถึงความน่ารักของน้องมาไว้ด้วยนะคะ
อาทิตย์ลาฟากฟ้าไปนานเนา เหลือแต่ดาวฝากไว้ไม่ให้เหงา ถึงอย่างไรไม่ได้มีแต่เรา จักรวาลนี้เล่า...ไม่มีใครเดียวดาย
เราจับรถรอบสุดท้ายกลับไปที่ Market Plaza ไปถึงที่ Yavapai Lodge ที่พักของเรา ที่นี่มีที่พักหลายแบบ สนนราคาพอไหว แต่เต็มเร็วมาก มี Trading Post ที่ขายของทุกอย่าง ขนาดเท่าซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่เลยค่ะ ใครถนัดนอนเต็นท์ ใน Market Plaza นี้ก็มีที่ให้กางด้วยนะคะ วันนี้กว่าจะได้นอนก็ดึกโข
ฉันลาไปนอนก่อนนะคะ บล็อกหน้าต้องตื่นแต่เช้า เพราะฉันจะพาไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ Yaki Point ด้วยกันค่ะ
|