Modena, Italia 25/04/13
หลังจากที่แวะถ่ายรูปนิดหน่อยและกินข้าวเที่ยงที่เมือง Mantova แล้ว เราก็ขับรถไปต่อกันที่เมือง Modena เมืองแห่งรถ Ferrari เค้ามีพิพิธภัณฑ์ของรถเฟอรารี่ด้วยนะคะ แต่เราไม่ได้แวะเข้าไปดู ไม่ได้โปรดเรื่องนี้ คิดว่ารอให้หลานๆโตอีกสักหน่อย อาจพาหลานชายทั้งสองมาดูรถกัน
เราจองที่พักแบบโฮทเทลไว้ เพราะอยากมาดูกิจการลักษณะเดียวกันด้วยว่า มันแตกต่าง มีข้อดีข้อเสีย เรียนรู้จากการเข้าพักกันจริงๆ ที่บีบีของเรามีห้องนอนรวมเตียงสองชั้นอยู่สองห้องค่ะ แอบมาดูงานจากที่อื่นกันสักหน่อย ที่พักชื่อ Ostello San Filippo Neri, Modena (ostello ก็คือ hostel ในภาษาอังกฤษค่ะ) ค่าห้องแบบพักสองคน เตียงเดี่ยว แยกกันนอนคนละเตียง ตกหัวละ 20 ยูโร ไม่รวมอาหารเช้า ห้องน้ำส่วนตัวแต่ไม่ได้อยู่ในห้อง ต้องเดินออกมาใช้ห้องน้ำข้างนอก มีกุญแจล็อกห้องน้ำต่างหาก ห้องพักขนาดกะทัดรัด ตามสใตล์โฮทเทลละค่ะ ไม่สะอาดเป๊ะๆ ไม่สะดวกสบายเหมือนโรงแรมทั่วไป เอาไว้นอนแค่นั้นจริงๆ มีผ้าปูที่นอนและผ้าห่มให้ ตอนเช็คอินเค้าจะให้ผ้าปูที่นอนไปปูเตียงกันเอง ไม่เหมือนของเรานะคะ ของเราเนี่ย ปูให้เลย แถมรวมอาหารเช้า ต่อหัวเราคิด 23 ยูโรช่วงโลว์ รวมอาหารเช้าอีกต่างหาก
เตียงของพี่เมา ฮีปูเตียงเองค่ะ
อันนี้ฝีมือการปูเตียงของอิชั้นเอง ไม่ชอบผ้าห่มแบบนี้ เก็บฝุ่นดีนักแล
หลังจากเช็คอิน ตอนเย็นก็ออกไปเดินชมเมือง วันที่ 25 เมษา ของทุกปีเป็นวันประกาศอิสรภาพจากสงครามโลกครั้งที่สองและนาซี แต่เด็กแถวบ้านเราบนดอยเนี่ย ไม่ค่อยอินกะวันนี้ซักเท่าไหร่ ต่างจากแคว้น Emilia นี่เหลือเกิน เค้ามีพาเหรด เดินขบวนระลึกถึง แถบบ้านเราอย่างมากก็เอาพวงมาลัยดอกไม้มาวางไว้ตามรูปปั้นอนุสรณ์วีรบุรุษจากสงครามก็แค่นั้นเอง แต่ที่นี่มีวงดนตรีออเครสต้ามาบรรเลงกันกลางลานจตุรัส เพลงที่เล่นก็คุ้นๆหูกันทั้งนั้น อย่าง Silenzio ของ Giuseppe Verdi ฟังเสียงทรัมเป็ต(หรือเปล่า)ตอนเริ่มต้นเพลงด้วย คึกจริงๆ จบด้วยยืนร้องเพลงชาติอิตาลีด้วยกัน อืม เป็นการเริ่มต้นเดินเที่ยวเมืองนี้ด้วยความฮึกเหิมและคึกคักยิ่งนัก
ปล เมืองนี้มีโรงเรียนเตรีมทหารด้วยแหละค่ะ เลยคึกคัก มีหนุ่มๆในเครื่องแบบเดินกันให้ควั่ก อืม
พอเดินเที่ยววนไปวนมาก็กลับมาพักผ่อน อาบน้ำ ออกไปกินข้าวเย็นกันค่ะ เราได้สอบถามรีเซฟชั่นว่าควรจะไปกินร้านไหนดี ชีแนะนำมาสองร้าน เลือกร้านนี้ ไม่ผิดหวังเลย อร่อยทุกอย่าง
จานนี้เป็นไข่ผสมแป้งมานวดรวมกันแล้วบดออกมาเหมือนลอดช่อง กินไปก็อิมเมจิ้นถึงก้อนอุนจิเด็ก ฮ่าๆๆ แต่น้ำซุปอร่อยเลยกินจนหมดชาม
ชามนี้อาหารจานเบสิก แต่น้ำซุปที่เคี่ยวจากแม่ไก่แก่ๆนี่แหละค่ะ ตัวชูโรง เราสองคนซดน้ำหมดชาม น้ำซุปกลมกล่อมไม่เข้มมาก ไม่บาดคอเหมือนใช้ก้อนซุป dado (ก้อนซุปคนอร์บ้านเรา)
ส่วนจานนี้เป็นขาหมูราดซอสบาลซามิโค่ เรื่องซอสอันนี้เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังในบล็อกหน้าค่ะ ว่าเป็นซอสอะไร แต่จานนี้เราสั่งมากินกันสองคนต่อหนึ่งขา เนื้อนิ่มเปื่อย อร่อยดี
พี่เมายังกินขนมเค้กอีกชิ้นนึงตบท้าย แต่อิชั้นไม่ไหวแล้ว หลังจากนั้นก็เดินเล่นย่อยอาหารแล้วกลับไปนอน เก็บแรงไว้เดินต่อพรุ่งนี้ค่ะ
สรุปแล้วเมือง Modena นี้ ถ้าใครว่างๆอยากแวะมาเที่ยว ขอแนะนำเลยค่ะ เดินชมบ้านชมเมืองได้เรื่อยๆในหนึ่งวัน แวะชมมิวเซียมเฟอรารี่ ถ้าชอบแนวนี้ ของกินอร่อยๆทั้งนั้น เจอกันบล็อกหน้าค่ะ Ciao Ciao.
Create Date : 08 มิถุนายน 2556 |
Last Update : 8 มิถุนายน 2556 17:44:30 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1681 Pageviews. |
|
|
|
คนข้างๆลากปนหลอกไปดูมิวเซียมเฟอรารี่นั่นแหละ
แต่หลอกสำเร็จเพราะเอาเรื่องกินมาล่อ
ก่อนไปรู้จักเมืองนี้จากบัลซามิก เอิ้กๆ
เข้าร้านอาหารแบบสุ่มๆเอา อร่อยทุกร้านเลยเนอะ
ไปอิตาลี ไม่สั่งอาหารพิสดาร อร่อยชัวร์
Have a nice weekend ka !