ครอบครัวอิตาเลี่ยน (แบบเลี่ยนๆ)
06/11/07 วันนี้โดดเรียน เมื่อวานโดดงาน ไม่สบายนิดหน่อย รู้สึกว่างๆ ก็เลยอยากจะเขียนบล็อก นึกไม่ออกว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี เผอิญออกไปช่วยพ่อสามีกวาดใบไม้หน้าบ้าน แต่แกบอกว่าไม่ต้องช่วยหรอก แกอยากออกกำลังกายน่ะ งั้นก็ตามสบายค่ะ เลยนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เขียนเกี่ยวกับครอบครัวแบบอิตาเลี่ยนเลย ว่าแล้วก็ขอเล่าสักกะนิดก็แล้วกันนะจ๊ะ
สถาบันครอบครัวของชาวเลี่ยนนั้น แนบแน่น อบอุ่น ใกล้ชิด เหมือนครอบครัวไทยค่ะ เดี๊ยนขอคอนเฟริม จากการได้ร่วมชายคาบ้านของพ่อสามีมาปีกว่าๆ ก่อนแต่งงานนั้น พี่เมาได้บอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า หลังแต่งเราก็จะอยู่บ้านเดียวกับพ่อ จะไม่มีการย้ายไปไหนจนกว่าพ่อจะ......อันนี้คงเข้าใจกันนะคะ พี่เมาก็พยายามอธิบายว่าครอบครัวชาวเลี่ยนนั้น ส่วนใหญ่หลังแต่งงานมักจะเอาสะใภ้หรือเขยเข้าบ้านใดบ้านหนึ่ง ถ้าบ้านนั้นกว้างขวาง มีห้องหับพอที่จะให้คู่ใหม่ปลามันสร้างเป็นรังรักหรือรังรก(แบบบ้านเดี๊ยน) ปกติคนที่นี่มักสร้างบ้านสามหรือสี่ชั้น(แถวบ้านนอก ไม่รวมถึงคนในเมืองใหญ่) พ่อแม่ก็อาจอยู่ชั้นหนึ่งหรือสอง ชั้นสามสี่ก็แบ่งๆให้ลูกๆอยู่กัน แต่ละชั้นก็จะมีห้องนอนประมาณสองห้อง ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ สร้างความเป็นส่วนตัวให้ลูกๆได้ในระดับนึง
แต่อย่าคิดว่าจะอยู่แบบตัวใครตัวมัน พ่อสามีดิฉันมักจะแอบซื้อขนมปัง นม ไข่ เนย มันฝรั่ง ส่วนใหญ่เน้นของกิน มาวางไว้หน้าประตูห้องของเราสองคนเสมอ บางวันซักผ้าคาไว้ในเครื่องซักผ้า ยังไม่ทันเอาออกตากเพราะตื่นสาย พ่อสามีตากให้เรียบร้อยแล้ว (มีกุงเกงลิงของเราด้วยแหละ) ก็เลยต้องปรามๆกันหน่อย ว่าไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ แม้แต่ผักที่พ่อสามีกับดิฉันช่วยกันปลูกหลังบ้าน แกก็ยังอุตส่าห์ เก็บล้างหั่น ส่งเข้าตู้เย็นถึงที่ เฮ้อ จะว่าไปมันก็ดีนะมีคนช่วยดูแล แต่บางครั้งมันก็มากไป ไม่อยากรบกวนมากไปกว่านี้แล้ว แต่แกก็บอกว่า ชั้นอยากทำ และก็จะทำไปเรื่อยๆ
วันเสาร์ มื้อเที่ยงมื้อเย็น เราก็หอบของกินไปกินกับแก วันอาทิตย์เป็นวันรวมญาติ น้องสาวพี่เมาที่แต่งงาน(ย้ายเข้าไปอยู่บ้านพ่อสามีของเค้าเหมือนกัน) ก็หอบลูกและสามีมากินมื้อเที่ยงมื้อเย็นที่บ้านพ่อทุกอาทิตย์ วันหยุดยาวๆ ก็หอบข้าวของมานอนบ้านพ่อสักสามสี่วัน เป็นเรื่องปกติค่ะ
ตอนแรกคิดว่าคงเป็นแค่ครอบครัวเราหรือปล่าว แต่หันไปมองข้างบ้าน ก็เหมือนเราว่ะ พี่คลาวดิโอแต่งงานก็เอาเมียเข้าบ้าน มีลูกก็ให้ย่าช่วยเลี้ยง โอละหนอ เหมือนครอบครัวไทยเด๊ะเลย
เรื่องหลานๆนั้น ถ้าปู่ย่าตายายยังไม่แก่มาก เค้ายินดีที่จะรับเลี้ยงให้ บางคนให้แม่ไปทำงานในตอนเช้า ตอนบ่ายย่ายายรับช่วงต่อ แบบยินดีปรีดานะคะ ไม่ใช่เพราะภาวะจำยอม ในเคสของน้องสาวเมาโร ย่าแก่แล้วพี่สาวของสามีซึ่งอยู่บ้านเฉยๆ ก็เลยรับเลี้ยงให้ในช่วงบ่าย แต่คิดค่าเลี้ยงเป็นของขวัญวันเกิด วันคริตมาร์สอะไรประมาณนั้น
ถ้าพูดถึงแม่กับชายชาตินี้ ขอคอนเฟริมอีกเช่นกันว่า เป็นลูกแหง่ติดแม่กันทั้งนั้น เดี๊ยนมีเพื่อนคนไทยอยู่ที่นี่ (ไม่กี่คน ไม่มีใครคบว่างั้นเถอะ) ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน สามีเค้าโทรหาแม่ทุกวันอ่ะ มันก็น่ารักดีนะ รักแม่ก็ต้องแสดงความห่วงใยเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนพี่เมา แม่เสียไปหลายปีแล้ว ก็เลยไม่รู้ว่าติดแม่มากหรือเปล่า ส่วนเพื่อนอีกคน ก็ย้ายอพาร์ทเม้นไปอยู่ชั้นล่างบ้านแม่สามี เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ๆกัน จากแค่ไม่กี่กรณีที่ได้พบเห็น ก็พอจะเดาได้ว่า ชาตินี้มีสถาบันครอบครัวที่แนบแน่นจริงๆ
ทั้งหมดที่ดิฉันเขียนมานั้น เป็นสิ่งที่ได้เห็นได้สัมผัสจากชีวิตรอบตัวที่นี่ ในเมืองเล็กๆ รายล้อมด้วยต้นไม้ใบหญ้า ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส ครอบครัวที่อบอุ่น อาหารการกินสมบูรณ์ (รวมไปถึงแฟชั่น กระเป๋าป้าดา กุ๊ดจี่ ...) คงไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ปล เมื่อเราสองคนเกษียณ เราจะกลับไปอยู่เมืองไทยค่ะ
Ciao Ciao
Create Date : 06 พฤศจิกายน 2550 |
|
12 comments |
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2550 19:54:50 น. |
Counter : 1153 Pageviews. |
|
|
บ้านที่นั่น สวยจังเลยนะคะ ชอบที่เขามีหลายชั้น และมีตกแต่งดอกไม้สวย ๆ
แถมครอบครัว ก็อบอุ่นเหมือน คนไทยอีกด้วย ดีจริ ๆ คะ จขบ โชคดีมากมากนะคะเนี่ย.......(แอบอิจฉาเล็ก ๆ )
จะตามมาอ่าน กับดูรูปสวย ๆ อีกนะคะ มาลงเยอะ ๆ น๊า.....