งานแต่งแถบบ้านเรานั้น ก่อนวันงานพ่อแม่เจ้าสาวก็จะเดินสายบอกแขกตามหมู่บ้านใกล้เคียง แล้วคำนวณกันคร่าวๆว่าแขกจะมาร่วมงานกันเท่าไหร่ ก่อนวันงานจะมีญาติๆพวกผู้ชายก็จะมาช่วยขนโต๊ะเก้าอี้ กางเต้นท์ พวกผู้หญิงก็ไปรื้อถ้วยชาม ช้อน กะลามัง หม้อ สารพัดของที่จะเอามาใช้ที่งาน โดยไปยืมวัดมาใช้ ช่วยกันล้าง ช่วยกันปอกเปลือกหอมกระเทียม หั่นตะไคร้ ทำน้ำพริกแกงไว้ พอถึงวันงานก็ยุ่งหัวฟูช่วยกันเสริฟน้ำเสริฟอาหารต้อนรับแขก สนุกแต่เหนื่อย วันงานอิชั้นถึงกับน้ำตกเพราะมีญาติที่เคยช่วยเลี้ยงดูอิชั้นและพี่สาวมาร่วมงานด้วย เราไม่ได้เจอกันนานมากหลายปีแล้ว ป้าเค้าย้ายไปอยู่แถวยะหริ่ง พอเจอกันน้ำตามันไหลโดยไม่รู้ตัวทั้งสองคน
พอแขกกินอิ่มใกล้จะกลับ พ่อแม่เจ้าสาวหรือเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ต้องเอาของชำร่วยและที่ขาดไม่ได้คือข้าวเหนียวมูนที่กินกับมะพร้าวกวนใส่น้ำตาลปี๊ป ที่บ้านเราเรียก หัวไอ้ตี๋ ทำไมเรียกแบบนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน บางงานก็ทำไส้สังขยา เอามาให้แขกพกกลับไปกินที่บ้าน และพร้อมรับซองไปในตัว ฮิๆๆๆ ส่วนตัวแล้วอิชั้นชอบไปงานแต่งแบบนี้ กินอิ่ม สนุกได้เจอญาติเยอะ แต่ถ้าเป็นงานตัวเองจะไม่จัดแบบนี้ ยกพวกไปแต่ที่โรงแรมดีกว่า ไม่เหนื่อย ฮ่าๆๆ เห็นแก่ตัวเนอะ
หลังวันงานก็ต้องไปช่วยกันเก็บล้างส่งของคืนให้วัดอีกนะ เห็นมั้ยว่ามันเหนื่อยวุ่นวายแค่ไหน แถมเด็กรุ่นใหม่ๆเนี่ยเค้าไม่ค่อยจะแต่งกันที่บ้านแล้ว ยิ่งเจ้าบ่าวเป็นคนภาคอื่นๆ หรือจังหวัดไกลๆ ก็ไปแต่งที่บ้านเจ้าบ่าวแทนเพราะสะดวกไม่ต้องกลัวเรื่องระเบิด เรื่องลูกปืนกัน
จบเรื่องของกินแบบบ้านเรา บล็อกหน้ารีวิวหนังสือซะหน่อยดีกว่า Ciao Ciao.
ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งหรืองานบวช
จะเป็นภาคไหนก็ตาม ถ้าจัดงาน
ที่บ้านก็ครึกครื้นดี แต่ก็วุ่นวายด้วย
ที่สำคัญเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีเพื่อนบ้าน
ที่จะมาช่วยแรง เพราะวิถีชีวิตเปลี่นย
แปลงไปแล้ว
อ้อ...กับข้าวน่ากินหลายอย่างเลย
แต่เฉพาะที่ไม่เผ็ดมากนะครับ
ม่ายกินเผ็ดจ้า ม่ายกินเผ็ด....