Group Blog
 
 
เมษายน 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
4 เมษายน 2557
 
All Blogs
 
นอร์เวย์ ในฝัน : วิบากกรรมแห่งการเดินทาง (มหากาพย์โคตรๆ)

อย่างที่เคยว่าไว้ ว่าเรามี โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เป็นไอดอล เป็นผู้ชายคนแรกที่ปลาบปลื้ม หลงใหล คลั่งไคล้ และเมื่อรู้ว่าเขาเป็นคนนอร์เวย์ เราก็บอกตัวเองตั้งแต่วันนั้นว่า 'ฉันจะไปนอร์เวย์ให้ได้' ไม่ได้กำหนดล่ะ ว่าจะต้องไปเมื่อไร รู้แค่ว่า ขอชาตินี้ล่ะ จะอายุ 60 เดินไม่ไหวแล้วก็โอเค แต่ขอสักครั้ง ให้ได้ไป

เวลาผ่านเลยมาจน 15 ปี ความฝันไปเยือนนอร์เวย์ก็เป็นจริง 


พ.ย. 55 - มีคนมาตั้งกระทู้ในพันทิป เกี่ยวกับสายการบินเปิดใหม่ Norwegian Long Haul ซึ่งก็คือ นอร์วีเจี้ยนแอร์นี่แหละ แต่จากที่บินฝั่งยุโรป มันจะเปิดรูทกรุงเทพ กับ นิวยอร์กในแบบ Long Haul คือไม่หยุดพัก ไม่ทรานซิท และราคาในช่วงเปิดตัวนั้นก็เรียกได้ว่า มหัศจรรย์มากกกกกกกกก ไปกลับแบบไม่เอาอะไรเพิ่มเลย ตกอยู่ที่ประมาณ 18000 

เฮ้ยยยยยย การบินไทย บินตรงค่าตั๋วอยู่ประมาณ 40000 นี่หมื่นแปด ต่อให้ซื้อน้ำหนักกระเป๋า ซื้ออาหาร จองที่นั่ง ก็ยังถูกกว่า และเวลาสวยงามสุดๆ คือออกจากบ้านเราเช้า (ณ วันที่ทำการจอง) 07.00 น. ถึงออสโลประมาณบ่ายสอง ยังมีเวลาเที่ยวเล่นอีกนิดหน่อย ซึ่งเราคิดว่า ค่าใช้จ่ายที่นอร์เวย์มันต้องแพงมาก เพราะมันติดอันดับประเทศที่ค่าครองชีพสูงลำดับต้นๆ ของโลก ยังไม่นับค่าตั๋วเครื่องบินอีก ซึ่งเราประหยัดค่าตั๋วเครื่องบินไปได้ มันน่าจะโอเคนะ ที่สำคัญอีกอย่างคือ มันบิน B787 หรือ Dreamliner ซึ่งเราอยากนั่ง ก็เลยยิ่งบิ้วท์เข้าไปใหญ่ 

ก็คิดอยู่ 2 วัน ว่าจะเอายังไง ไอ้คนตั้งกระทู้ก็บิ้วท์มาก คนตอบกระทู้ก็บิ้วท์สู้ ฮ่าๆ คนอ่านอย่างเราก็ เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย เราก็คำนวน คือมันเริ่มบินตอนเริ่มหน้าร้อนพอดี ซึ่งทุกอย่างจะยิ่งแพง (ป่ะวะ) เพราะมันหน้าท่องเที่ยว เราเลยขอเลี่ยงดีกว่า ก็เหลือกันยากับตุลา เราก็คำนวนล่ะ กันยาน่าจะสอบเสร็จแล้ว ถ้าเราไปเที่ยว ใช้เงินยังไง กลับมาเรายังมีโบนัสตุลารอคอยอยู่นะ แต่ถ้าไปตุลา กลับมา เราก็จนเช่นเดิม ก็เลย โอเค กันยา จิ้มวันเลือก สุดท้ายก็จองไป 

ขาไปเราลงออสโล ขากลับมาจาก สตอล์กโฮม เพราะว่า มันถูกกกว่าเลือกออสโลล้วนๆ เราซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มทั้งสองขา 20 กิโล บวกอาหารอีกหนึ่งมื้อขาไป และประกันการเดินทางอีก 9 ยูโรต่อเที่ยว เพราะความเข้าใจผิด แต่ตอนนั้นไม่รู้ไง วินาทีที่การจองเสร็จสิ้น มีแมสเสจมาบอกว่าเงินสองหมื่นลอยออกจากกระเป๋า เรายิ้มอย่างปลื้มใจ ตูจะได้ไปแล้ววววววววววว แม้จะอีกตั้งเกือบปีก็เหอะ ฮ่าๆ 

ก็เริ่มมาชวนเพื่อน (คือซื้อก่อนค่อยชวน) เพื่อนคนแรกบอกไม่ไป ไปทำไมกันยา เค้าจะไปหน้าหนาว จะไปดูแสงเหนือ ชวนคนที่สอง มันบอก ไป แต่ไปทำไมแค่นอร์เวย์กับสวีเดน ไหนๆ ก็ไปแล้ว ไปฟินแลนด์ ด้วยสิ (คือมันเป็นความเข้าใจผิดของคนไทยนะคะ แสกนดิเนเวียจริงๆ ไม่ได้มีแค่นี้ หรือบางคนเค้าไม่นับฟินแลนด์ด้วยนะเออ ฮ่าๆ) เราก็เลย เออ เดี๋ยวทำแผนใหม่ก็ได้ ฟินแลนด์ด้วยใช่มะ ก็ตกลงกันเรียบร้อยว่าจะไปยังไง เราต้องหาตั๋วให้เพื่อนจากฝรั่งเศสมานอร์เวย์ด้วย ก็คุยกันเรียบร้อย เพื่อนก็ยุส่งให้ไปขอวีซ่าตลอด ซึ่งเงินเราจะพร้อมตอน ก.ค. 56 เข้าใจมั้ย ชิชิ 

ธ.ค. 55 ม.ค. 56 เราก็ใช้ชีวิตไป ไปเที่ยวเมืองจีน ไปเผชิญอากาศติดลบ 27 องศา บรื๋ออออออ วันสุดท้ายของการเที่ยว เราอยากกลับบ้านมาก คือมันป่วยมาก เบื่อคนจีน เที่ยวสนุกนะ เจอคนจีนดีๆ หลายคนเลย แม้แต่คนขับแท็กซี่ยังดี แต่มันป่วยมาก อยากกลับบ้านสุดๆ นั่งแท็กซี่ไปสนามบิน ทั้งๆ ที่มันไม่ได้ช่วยอะไรเล้ยยยยย (แล้วชั้นก็คุยกับคนขับแทกซี่รู้เรื่องด้วย เอากะกรูสิ) 

ก.พ. 56 มี.ค. 56 ยังคงลันล้าอยู่  มีไปเที่ยวเกาะลันตา ไปดูฝรั่ง จนต่อมความอยากเป็นคุณแม่พลุ่งพล่าน ลันล้า ร่าเริงมาก เพื่อนที่ไปด้วยก็บอก เฮ้ยยย ขอวีซ่า เราก็ ยังงงงงง ไปถามข้อมูล เขาก็บอกว่า ขอได้ล่วงหน้า 90 วัน นี่อารายยยยย แต่เขาก็เตือนมานะว่า ให้เตรียมเอกสารให้ครบ อย่าคิดว่าเราทำงานรัฐวิสาหกิจแล้วจะผ่านง่ายๆ เคยมีผู้หญิงทำงานรัฐวิสาหกิจมาสิบกว่าปี ขอเชงเก้น (แต่คนละที่ที่เราไป) ไม่ผ่านก็มีนะ เราก็ จ้ะๆ แต่ยังเริงร่าอยู่ 

เม.ย. 56 เริงร่าไม่ออกล่ะ เริ่มลุ้น เฮ้ย จะติดสอบป่าววะ แล้วอิเพื่อนที่จะไปด้วยบอกว่า ไปเมื่อไรนะ เราก็บอก 3-14 กันยาไง มันก็บอกว่า ไปไม่ได้ล่ะอ่ะ ต้องไปฝึกงานที่แอฟริกา กลับมากลางเดือน เลื่อนตั๋วเลยยยยย เราก็เลื่อนยังไง ไม่เลื่อน แงงงงง ก็เลย เออ ชั้นไปคนเดียวก็ได้ ประมาณปลายๆ เดือนก็เริ่มทำแผนคร่าวๆ ว่าจะไปไหนบ้าง ต้องใช้เงินเท่าไร จะพักที่ไหน จะเที่ยวที่ไหน นั่งทำหลายวันมาก ฮ่าๆ

อ้อ เดือนนี้มีเมลแจ้งมาจากนอร์วีเจี้ยนด้วยว่า จะต้องเลื่อนการเดินทางเราในวันที่ 14 จากที่ต้องออกบ่ายสอง เป็นบ่ายสามสี่สิบห้า เค้ามีสามวิธีคือ 1) ยอมรับการดีเลย์ ก็กดตกลงในเวบได้เลย 2) เลื่อนการเดินทางได้ +- 7 วัน และ 3) ขอเงินคืน ซึ่งสองทางเลือกหลังจะต้องโทรไปที่นอร์เวย์เท่านั้น ถึงจะทำได้ ตอนนั้นเพื่อนยังไม่บอกว่าไปไม่ได้ไง เราก็เลย เออ ไม่เป็นไร ไงก็ได้ เพราะว่า มันมีเมลมาแค่ขาเดียว ถ้าเราขอคืนขานี้ แล้วอีกขาล่ะ คือตอนนั้นคิดว่ายังไงก็จะไป ก็ชั้นจะไปอ่ะ ฮ่าๆ ก็เลยกดตกลงยอมรับ แล้วก็มีเหตุการณ์ที่เพื่อนบอกว่าไปด้วยไม่ได้แล้วนี่ล่ะ 


พ.ค. 56 มีคนมาตั้งกระทู้ ถามเกี่ยวกับเรื่องนอร์วีเจี้ยนที่เลื่อนการเดินทางนี่แหละ เราเลยได้รู้ว่า สาเหตุของการเลื่อนคืออะไร อ่าว แล้วทำไมฉันได้เมลแค่ขาเดียว คือตอนนั้นเริ่มโกรธล่ะ ประมาณว่า ถ้าแกบอกมาตั้งแต่ต้นว่าเลื่อนทั้งสองขา เราก็อาจจะขอเงินคืนไง ซึ่งก็ต้องโทษตัวเองด้วยที่เราใจร้อน กดตกลงเลย เราเลยเข้าไปเชคบุคกิ้งในเวบ ก็พบว่า ขาไปเราก็เลื่อน จากเจ็ดโมงเป็นเก้าโมงกว่า ซึ่งเราลองวางแผนเนี่ย เราก็อยากเลื่อนวันอยู่แล้ว เราก็เลยเลื่อนขาไป จากวันที่ 3 เป็นวันที่ 1 (ซึ่งตอนแรกราคามันแพงกว่า ฮ่าๆ) ก็โทรไปนอร์เวย์ ให้เขาจัดการเลื่อนให้ ก็ได้มาเรียบร้อย วางแผนต่อได้

ช่วงนั้นก็ยุ่งๆ เครียดเรื่องจะสอบ มีหลายเหตุการณ์ที่วุ่นวายมาก ซึ่งแน่นอนนะคะ เราก็ยังคงคิดว่า เราจะไป ชั้นจะไป !!! แต่ความอยากไม่ค่อยเยอะเหมือนตอนซื้อตั๋วล่ะ 

มิ.ย. 56 ลองเชคค่าที่พักเล่นๆ ปรากฎว่า มันพุ่งพรวดจากเดิมมาก เฮ้ยยยย ไม่ได้ล่ะ คือตามแผนเราตอนแรก เราจะยังไม่ขอวีซ่า จนกว่าจะรู้กำหนดการสอบ เพราะว่า ถ้าขอไปแล้วไปไม่ได้ ติดสอบ มันจะวุ่นวาย แล้วเราเข้าใจมาตลอดว่า เงิน 9 ยูโรที่เราเสียค่าประกันไปน่ะ ถ้าเราติดธุระจำเป็น หรือขอวีซ่าไม่ผ่าน เราก็จะได้ตั๋วคืน ซึ่งในความเป็นจริง มันไม่ใช่ เขาให้แค่การเจ็บป่วยของตนเอง หรือคนในครอบครัว จนทำให้เราไม่สามารถเดินทางได้ต่างหาก ก็เฟลไปแล้วหนึ่ง เพราะตอนนั้นเราคิดทางเลือกเราอีกอย่างคือ การขอคืนตั๋ว แล้วไปใหม่ช่วงมีนาเพื่อดูแสงเหนือ แต่พอมันคืนตั๋วไม่ได้ เราก็เฟลไง แล้วมันอาจจะติดสอบอีก ยิ่งดับเบิลเฟลเข้าไปใหญ่ ก็เลย เออ จองที่พักเลยล่ะกัน ขนาดจองที่พัก เรายังเลือกจองแบบคืนเงินได้ คือเสียเพิ่มประมาณ 2$ ต่อบุคกิ้ง แต่เราจะได้เงินมัดจำคืน (เราตัดสินใจจองที่พักจริงเลย เพราะว่า ตอนนั้นเรายังไม่มีบัตรเครดิต จองในบุคกิ้งไม่ได้ และสอง เราไม่อยากให้มันแพงไปกว่านี้ ถ้าเราได้ไปจริงๆ) ก็จองไปครบทุกที่ มีที่นึงที่ไม่ได้เงินคืนเพราะจองผ่าน HI 

ก.ค. 56 ตอนแรกเราคิดว่าจะไปขอวีซ่าเดือนนี้ แต่เราติดงาน แต่คำนวนแล้วว่าน่าจะทัน คือเราก็พยายามดึงเวลายื้อไว้ที่สุดเพราะตอนนั้นเรายังไม่รู้ตารางสอบ แล้วพอเรารู้ตารางสอบ เราก็ยังคิดว่า เออ ทัน กลับจาทำงานก็มาขอวีซ่าเลย แล้วก็กลับไปสอบ พอตารางสอบเปลี่ยน จากจะสอบปลายสัปดาห์ เป็นมาสอบต้นสัปดาห์ ก็เลย เอ่อ ไม่ทันล่ะ อยู่กรุงเทพ ยังเตรียมเอกสารไม่เสร็จ ขาดนู่นขาดนี่ ที่สำคัญคือขาดใบรับรองต่างๆ ก็เลย ปล่อยมันไป

เดือนนี้มีการจองตั๋วรถไฟในสวีเดน เจอปัญหาตอนจองจนเราสามารถพูดได้เลยว่า ใครจะไปเที่ยวแล้วจองไม่ได้ เดี๋ยวเราจองให้ เราจองจนเป็น Expert สามารถจองในเวบภาษาสวีเดนได้เลยนะ ขอบอก ฮ่าๆ งมจนเข้าใจหมดว่า ขบวนไหนเป็นยังไง นั่งตรงไหนดี ตู้ไหนเริ่ด 

ส.ค. 56 ในที่สุดก็สอบเสร็จ สอบเสร็จรีบลงมากทม. เพื่อขอวีซ่า แต่ วิบากกรรมยังไม่จบ คือการขอวีซ่านอร์เวย์เนี่ย เขาจะให้กรอกลง Online Application ซึ่งเราต้องสมัครผ่านเวบ UDI เป็นเวบที่เกี่ยวกับการขอวีซ่าของนอร์เวย์โดยเฉพาะ ตัวเวบเนี่ย คิดว่า server อยู่นอร์เวย์ เราก็กรอกๆ ลบๆ ลบๆ กรอกๆ อยู่หลายรอบ จนกรอกเสร็จ เราก็เชค เฮ้ย ข้อมูลเราไม่ขึ้น คือเค้าจะให้เราดูเป็น PDF ได้ เราพบเลยว่า ข้อมูลหลายช่องของเรามันมั่วมาก...ก...ก มันไม่มี บางอันขึ้นแค่ลูกน้ำ เหมือนเรากรอกไม่ครบอ่ะ เราก็กรอกใหม่ทาง IE ก็เป็น Firefox ก็เป็น เราก็ เฮ้ย แล้วงี้ข้อมูลเราจะไปถึงสถานทูตมั้ย แต่มาคิดดีๆ คือถ้าเราไม่กรอกข้อที่เขากำหนด หน้าเวบจะไม่ให้เราทำรายการอื่นไง เพราะงั้น เราคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เรียบร้อย ก็เออ จ่ายเงิน แต่ เราจ่ายเงินไม่ได้ T T กดยังไงมันก็ไม่โหลดให้ จนเราตัดสินใจ ให้เพื่อนลองเข้าให้ เพื่อนบอกเข้าได้ ใส่เลขบัตรเลยมั้ย อ่าว ห่านนนนน ตูเข้าไม่ได้ เพื่อนเข้าได้ หมายความว่าไงวะ ก็เลยใส่เลข ให้เพื่อนจ่ายเงินให้ นัดวันให้เรียบร้อย


8 ส.ค. เราเข้าไปขอวีซ่าที่ VFS ไปช้ากว่าเวลานัด 6 นาที คิดว่าจะขอไม่ได้ซะแล้ว กระบวนการขอก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย แถมสนุกสนานด้วยซ้ำ มีเอกสารเพิ่มเราก็กรอกไป (เขาให้เลือกกรอกไทยหรืออังกฤษก็ได้ เราก็กรอกภาษาไทยเพราะถนัดกว่า) เราเลือกให้เขาจัดส่งทางไปรษณีย์มาบ้านที่กรุงเทพ คือคิดว่า ยังไงเราก็ต้องกลับกรุงเทพ ก็มารอเอาพาสปอร์ตที่นี่เลย เดี๋ยวเราลืม 555 มีการทอนเงินให้เราผิด เราต้องนั่งรถไฟฟ้ากลับไปคืนให้อีกรอบ คือมันดีมาก ดีจนคิดว่า วีซ่าผ่านแน่ๆ สบายๆ ยิ่งไปอ่านพวกกระทู้ไง เค้าบอกว่า เค้าได้วีซ่าเร็วกัน 3-4 วันก็ได้ เรามีอาชีพมั่นคง การเงินโอเค มันก็ไม่น่าจะยากสินะ

15 ส.ค. มีโทรศัพท์เบอร์แปลกเข้ามา (ระหว่างนั้นเหมือนคนโรคจิต ดู sms ทุกวัน) ปลายสายเป็นผู้หญิง แจ้งว่าโทรมาจากสถานทูตนอร์เวย์ เราก็ เอาแล้วไง แต่ก็ตอบไป

เขา : เดินทางกับใครคะ 

เรา : เดินทางคนเดียวค่ะ (ในใจคิด ก็จองที่พักห้องรวมตลอด จะให้เดินทางกับใครฟ่ะ) 

เขา (เสียงตกใจมาก) : คนเดียวเหรอคะ รู้จักใครในเชงเก้นมั้ย

เรา : คนเดียวค่ะ ไม่รู้จักใครในเชงเก้นเลยค่ะ คือตอนแรกจะไปกับเพื่อน แต่เพื่อนติดฝึกงาน แล้วซื้อตั๋วไปแล้ว ก็เลยต้องเลยตามเลยค่ะ

เขา (ยังตกใจอยู่) : ซื้อตั๋วแล้วด้วย

 เรา : ใช่ค่ะ พอดีตอนนั้นมันมีโปรอ่ะค่ะ ก็เลยซื้อเลย

เขา : ของสายการบินอะไรคะ อันนี้ขอถามส่วนตัวนะคะ ราคาประมาณเท่าไร

เรา : นอร์วีเจี้ยนแอร์ไลน์ค่ะ ราคาประมาณสองหมื่น

เขา : ไม่เหงาเหรอคะ เดินทางคนเดียว หลายวันด้วย

เรา : ก็ไม่นะคะ สนุกดี เมื่อต้นปีก็ไปจีนมาคนเดียว สิบกว่าวัน สนุกดีค่ะ

เขา : แล้วแผนการเดินทางนี้ เขียนเองใช่มั้ยคะ

เรา : ใช่ค่ะ (คือเริ่มคิด เราเขียนเยอะไปเหรอวะ ก็วางแล้วมันน่าจะเที่ยวได้นะ) 

เขา : ขอบคุณมากนะคะ พอดีเจ้าหน้าที่อีกคนสงสัย (ฟังถึงตรงนี้น้ำตาจะไหล แงงงง) ก็เลยโทรมาถาม ถ้ามีข้อสงสัยอะไรอีกจะโทรมาถามใหม่นะคะ

วางหูปุ๊บ เครียดค่ะ เครียด นี่ตูไม่ติดสอบล่ะ แต่มาติดปัญหาจากเรื่องที่คิดว่าน่าจะผ่านง่ายสบายบรื๋อที่สุดเนี่ยนะ !!!

รีบหาข้อมูลในอากู๋เลย ว่าเนี่ยเจอจนท.โทรศัพท์มา โอกาสการผ่านวีซ่าจะเป็นเช่นไร เจอกระทู้ที่ทำให้จิตตก ตัวจขกท. จะไปเที่ยวนอร์เวย์กับครอบครัว ขอครั้งแรกเมื่อเดือนก.พ. ไม่ผ่าน เลยยื่นอุทธรณ์ ขอใหม่ กลายเป็นว่า ตัวภรรยาผ่านคนเดียว ตัวเขากับลูกไม่ผ่าน ทาง UDI ให้เหตุผลมาว่า ไปทั้งครอบครัว กลัวว่าจะหนีไปหางานทำ ตั้งรกรากที่นู่น เลยให้ตัวผู้หญิงผ่านคนเดียว เพราะเป็นผู้หญิง หางานทำลำบาก (อ่านแล้ว WTF มาก) ก็มีคนเข้ามาตอบซึ่งอ่านแล้วยิ่งร้อง WTF เข้าไปใหญ่ คือคนหนึ่งเป็นผู้หญิง มีแฟนเป็นคนนอร์เวย์ เขายื่นขอเพื่อจะเดินทางไปเยี่ยมแฟนเนี่ย 90 วัน เต็มแมกซ์เลย เขาบอกของเขาสามวันผ่าน ในขณะที่คนต่อมา เป็นทันตแพทย์ ทำงานรับราชการ เงินเดือนเจ็ดหมื่น เงินเก็บเจ็ดแสน ขอไปใช้เวลาเกือบสามอาทิตย์ ถ้าไม่โทรไปทวง ก็ไม่ให้มา

สรุป กฎเกณฑ์การให้วีซ่าอยู่ตรงหนายยยยย ฮ่าๆ เพื่อนถามว่า สรุปต้องเป็นเมียฝรั่งใช่ป่ะ ถึงจะได้ง่ายๆ


เราก็ อ่าว เวรล่ะตู คือเราก็มีอารมณ์ที่คิดว่า วีซ่าไม่น่าจะผ่าน (เราบอกไม่ถูกว่ามันเป็นเซนส์หรือเป็นความกังวลส่วนตัว) ซึ่งพี่ๆ ที่ทำงานทุกคนก็บอกว่า ผ่านอยู่แล้ว อาชีพอย่างเรา คือ ทุกคนพูดคล้ายๆ กันว่า ด้วยตัวบริษัทเรา มันค่อนข้างจะเป็นหลักประกันได้อยู่ แต่ทำไมเราได้โทรศัพท์ล่ะ เง้ออออออ

23 ส.ค. ครบสิบห้าวัน เริ่มกังวล จะลางานทันม้ายยยย ช่วงนั้นโอทีมาเต็มเลย เพื่อนบอก รับเลยๆ ถ้าเธอได้ไปก็ถอนโอที ถ้าไม่ได้ไปก็ยังมีอะไรทำ คือเราขออยู่ทำงานยาวด้วยไง เริ่มรู้สึกผิดหวัง แค้นเคือง นี่ตูจะขออยู่ทำไม ถ้าไม่ได้ไปเที่ยว T T เพื่อนบอกให้โทรไปถามสถานทูตเลย เราก็คิดว่าจะโทรวันจันทร์ เพราะว่า ตอนเราไปขอมันติดวันแม่ 1 วันไง เราเลยเพิ่มให้อีกวัน ฮ่าๆ คือตรรกะบ้าบออะไรของเราไม่รู้ สมองไปหมดล่ะตอนนั้น

26 ส.ค. โทรไปประมาณบ่ายโมงครึ่ง "แผนกวีซ่าเปิดรับโทรศัพท์เวลา 14.00 - 15.00 น." น่านนนน จะโทรยังมีเวลาให้เลือก ไม่เป็นไร โทรใหม่ตอนบ่ายสองกว่าๆ

เรา : จะสอบถามเรื่องวีซ่าค่ะ ขอไปครบสิบห้าวันแล้ว ยังไม่ได้คืนเลยค่ะ

เขา : ขอทราบวันเดือนปีเกิดค่ะ (บอกไป) ชื่ออะไรคะ (บอกไป) อ๋อ ที่เดินทางคนเดียวใช่มั้ยคะ

เรา : เอ่อ (พูดไม่ออก เคสนี้มีไม่เยอะเหรอคะ ปกติเดินทางเป็นหมู่คณะ หรือไปหาแฟนเท่านั้นเหรอคะ T T)

เขา : เรื่องยังไม่เรียบร้อยเลยค่ะ

เรา : ช่วยเร่งให้ได้มั้ยคะ คือใกล้วันเดินทางแล้ว แล้วก็ครบสิบห้าวันด้วย

เขา : เดินทางเมื่อไรคะ

เรา : วันอาทิตย์นี้แล้วค่ะ (เสียงจะร้องไห้ล่ะ ฮ่าๆ)

เขา : คือเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเคสของคุณ เขาลาป่วยวันนี้ค่ะ เดี๋ยวจะโน้ตเร่งให้เขารีบพิจารณานะคะ เพราะว่ามันก็ใกล้วันเดินทางแล้วด้วย เดี๋ยวจะช่วยเร่งให้ค่ะ

 เรา : ขอบคุณมากนะคะ  

กรูเฟลลลลลลลลลลลลลล คือตอนนั้นใจเรานี่ เออ ไม่ไปล่ะ หมดอารมณ์ ฮ่าๆ แต่แบบ ประวัติเสียเลยป่ะ ขอวีซ่าเชงเก้นแล้วไม่ผ่าน คิดไปเรื่อยเปื่อย 

ออกเวรดึก กลับถึงห้อง โทรหาที่บ้าน คือพ่อเราก็กังวล พ่อบอกเลยว่า โทรไปถาม ถ้าไปรับเองได้เดี๋ยวพ่อไปรับให้เลย ก็โทรไปบอก เนี่ย วันนี้โทรไปถามสถานทูต เค้าบอกยังไม่เรียบร้อยเลย หนูจะลางานไม่ทันแล้ว หนูจะได้ไปมั้ยไม่รู้ หนูต้องทำไงดี แล้วเราก็ร้องไห้ T T

คือมันผิดหวังอ่ะ เราเตรียมตัวมาเป็นเดือนๆ เราต้องออกทำงานจังหวัดอื่นเราก็ไม่ออก เพราะคิดว่าจะได้ไปเที่ยว แล้วทุกอย่างมันชะงักไปหมดเพราะคำว่า เป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียว คือ เราชอบเดินทางคนเดียว เราอยากเดินทางคนเดียว เราผิดเหรอวะ เราไปมันสองอาทิตย์เนี่ย ใครมันจะไปกับเราได้ แล้วถ้าเรามัวแต่รอใคร ชาตินี้เราจะได้ไปมั้ย แล้วมันเป็นประเทศที่ค่าใช้จ่ายสูง ถ้าเราต้องรอเพื่อนๆ พร้อม เราจะได้ไปเมื่อไร ทุกคนก็มีเรื่องที่ต้องเป็นภาระ เป็นคนรับผิดชอบกันทั้งนั้น ทั้งเสียใจ ทั้งผิดหวัง เพราะไม่ว่าเจอปัญหาอะไรเราก็ผ่านมาหมด มาติดอยู่ตรงวีซ่าซึ่งเราคิดว่ามันไม่น่ายาก อาชีพเราเป็นอาชีพเฉพาะทาง เรามีงานมั่นคง มีครอบครัวที่นี่ เราต้องหนีทำไม เราไม่ชอบฝรั่ง ไม่คิดจะมีแฟนฝรั่งอยู่แล้ว โอ๊ย คิดไปสารพัด พูดๆๆๆ พูดไปร้องไห้ไป พ่อกับแม่ก็ปลอบ ถามว่ายังอยากไปไหม คือเราอยากไปนอร์เวย์ เราพูดเลยว่านี่คือประเทศที่เราอยากไปที่สุด เรามีโอกาสจะได้ไป เตรียมทุกอย่างพร้อม แล้วไปไม่ได้ เราก็เสียใจ เราอยากนั่ง 787 เราเลยเลือกซื้อตั๋ว ตอนนี้อารมณ์อยากไปมันหมดล่ะ แต่มันเจ็บใจ มันเสียใจ มันผิดหวัง 

พ่อกับแม่ก็บอกว่า ไม่เป็นไร พ่อกับแม่ก็ไม่อยากให้ไปล่ะ เพราะว่ามันดูเสียฤกษ์ไปหมด มันอาจจะเป็นความคิดที่ดูโบราณ แต่ว่า มันไม่น่าจะไปแล้วล่ะลูก เหมือนตอนรถคันแรกไง ทุกอย่างติดขัด ผิดพลาดไปหมด เสียดายตังค์มั้ย ก็เสียดายตังค์ แต่ถ้ามันจำเป็นต้องเสีย ก็เสียไปเถอะลูก เงินหาใหม่ได้ นอร์เวย์ไปเที่ยวใหม่ได้ ฟยอร์ดมันก็ยังอยู่ที่เดิม ไว้รอไปดูแสงเหนือแบบที่อยากไปจริงๆ ดีกว่า เราก็ โอเค ยังร้องไห้อยู่ แต่พยายามทำใจ เพราะโอกาสมันน้อยมากจริงๆ มันไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าเราจะได้วีซ่าเลย 

27 ส.ค. รอโทรศัพท์ทั้งวัน รอแมสเสจ ก็ไม่มี 

28 ส.ค. เพื่อนก็ถามว่าตกลงเอาไง เราบอกยังไม่มีความคืบหน้า เพื่อนบอกโทรไปเลย บ่ายสองกว่าๆ ก็โทรไปใหม่ บอกวันเดือนปีเกิด ชื่อไปเหมือนเดิม

เขา : ได้วีซ่าแล้วนี่คะ คุณมารับได้เลย 

โหยยยยย เหมือนประโยคสวรรค์ ได้วีซ่าแล้ว แล้ว แล้ว 

เขา : แต่เอ๊ะ ส่งไปรษณีย์นี่หน่า รอรับทางไปรษณีย์แล้วกันนะคะ คุณได้วีซ่าแบบมีคอนดิชั่นด้วยนะคะ ต้องกลับมารายงานตัว รายละเอียดอยู่ในซองล่ะค่ะ ทำตามนั้นเลย เราก็ ค่ะ ค่ะ ขอบคุณค่ะ 

วางหู ดีใจ เย้ๆๆๆๆๆ โทรไปหาพ่อ พ่อออออออ ได้วีซ่าแล้ววววววว หนูไปนะะะะะะะะะะ พ่อถามกลับมาคำเดียว 'แล้วงานล่ะ' เออ แป่วเลย ลืมว่าต้องลางาน ฮ่าๆ รับโอทีไว้อีก ก็เริ่มลังเล เอาไงเนี่ย แม่ก็โทรมา บอก แม่ไม่อยากให้ไปเลย พ่อก็ไม่อยากให้ไป คุยกันแล้วว่าจะไม่ไปไม่ใช่เหรอลูก ... โอ้ววววว หนักกว่าลางานไม่ได้อีก 

Dilemma สุดๆ เลือกไม่ได้ เลือกไม่ถูก แต่ก็ตัดสินใจ เชื่อที่บ้าน ไม่ไปก็ไม่ไป ทำงานเก็บเงินมาชดเชยกันไป แต่คิดไม่ออก ว่าจะบอกสถานทูตว่ายังไงดี 

คืนนั้นเพื่อนที่ตอนแรกจะไปด้วยกัน ก็มาถาม เฮ้่ย ตกลงเป็นไง ก็บอกไป มันบอกว่า ไปนอร์เวย์ไม่ได้ ก็ไปเที่ยวกับเราดีกว่า แล้วเราก็คุยเรื่องเที่ยวกันอย่างรวดเร็ว จนสรุปออกมาได้ว่าจะไปเที่ยวไหนกัน ไปเดือนไหน และจะไปขอวีซ่าวันไหน ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก มากจริงๆ งงเลย เราเลยบอกว่า เดี๋ยวเราโทรไปถามพ่อก่อนนะ ว่าพ่อจะให้ไปมั้ย

29 ส.ค. พ่อโทรมาบอกว่าได้พาสปอร์ตแล้วนะ (เร็วเลยงานนี้) เลยถามว่าได้ครบสองเล่มมั้ย (เรายื่นเล่มเก่าไปด้วย วีซ่าญี่ปุ่นสองอันไม่ช่วยอะไร) พ่อบอกครบๆ มีเอกสารภาษาอังกฤษมาด้วยฉบับหนึ่ง เราก็จ้ะๆ พ่อถามว่า จะให้พ่อส่งมาให้มั้ย เราเลยบอกว่า ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็กลับบ้าน เนี่ยเลื่อนตั๋วไปแล้ว (เราซื้อตั๋วลงกทม.ไว้ 30 สิงหา ก็เลื่อน) ไว้ไปเอาตอนนั้นก็ได้ แต่พอบ่ายๆ ก็นึกออกว่า เพื่อนๆ ที่ไปดูงานที่กรุงเทพจะกลับมาวันนี้นี่หน่า เลยโทรหาเพื่อน ว่าจะให้พ่อเอาของไปให้ที่สนามบิน สะดวกมั้ย เพื่อนบอกได้ๆ ก็เลยโทรติดต่อพ่อ สรุปก็ได้พาสปอร์ตกลับมาวันนั้นเลย ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อน

กลางคืน มานั่งมองพาสปอร์ตและวีซ่า อมยิ้ม ได้สักที แต่ยิ้มไม่เต็มปาก เพราะมันไปไม่ได้ มันหน่วงลึกๆ หัวก็คิด จะแก้ปัญหายังไงดีหว่า ถ้ารอบนี้ไปไม่ได้ แล้วรอบหน้าขอใหม่จะโอเคมั้ย คือขอใหม่ทันทีด้วยนะ เพราะจะไปที่อื่นเดือนต.ค. ก็นั่งมองวีซ่า แล้วก็ได้สเตตัสในเฟสแบบฮาๆ เพื่อนขำกันกระจาย 


มองไปมองมา มองมามองไป เอ๊ะ วีซ่าให้เราตั้งแต่ 1-30 กันยายน แต่ให้ระยะแค่ 15 วันนี่หน่า แปลว่าเราไปวันไหนก็ได้สิ ไม่จำเป็นต้องวันที่ 1 คือการขอเชงเก้นจะมีสองอย่าง ใจดีหน่อยก็ให้เดือนนึง แต่ระยะเวลา เป็นเวลาที่เราขอ + 1 เพื่อการผิดพลาด ตกเครื่อง เจอเหตุปิดสนามบิน หรืออะไรที่ทำให้ไม่สามารถเดินทางตามกำหนดได้ หรือถ้าเคร่งๆ หน่อย ก็คือให้ตามวันที่กำหนดเป๊ะๆ ซึ่งตอนแรก เราเข้าใจว่าเราได้อย่างนั้น แต่มานั่งมองดีๆ ไม่ใช่นี่หน่า เรายังไปได้ ไปวันไหนก็ได้ในเดือนกันยายน

เหมือนแสงสว่างวาบตรงคำว่า From กับ Till เลย ฮ่าๆ มันเป๊ะมากกกกกก

เรารีบหาตั๋วเครื่องบินไปนอร์เวย์ พยายามจะให้ได้ 14 วันเหมือนเดิม คือกะจะเที่ยวตามกำหนดเดิมเป๊ะๆ เลย คือ Oslo - Bergen ประเทศนอร์เวย์ Copenhagen ที่เดนมาร์ก Malmo - Gothenburg - Stockholm ที่สวีเดน แต่มันติดปัญหาตรงที่ ตั๋วไปออสโลกลับจากสตอล์กโฮมมันแพงมาก คือรับไม่ไหวค่ะ ราคานี้ ประมาณ 27000 แล้วตั๋วต่อในประเทศ ตั๋วรถไฟอีก ราคาพุ่งกระฉูดมาก ก็เลยยอมที่จะตัดเมืองทิ้ง แล้วนั่งเครื่องไปกลับจากออสโลเลยดีกว่า ก็ได้มา หาไปเรื่อย แล้วพบว่า ราคามันถูกกว่าตั๋วที่จะไปเที่ยวกับเพื่อนตอนตุลาอีก คิดในแง่ของการที่เราไม่ต้องเสียประกันการเดินทางใหม่ ไม่ต้องเสียค่าขอวีซ่า ค่าทำเอกสารใหม่ มันคุ้มมาก...ก...ก มันน่าไปมาก...ก...ก มันอยากไปมาก...ก...ก...ก เรารีบส่งแมสเสจหาพ่อเลย บอกว่า หาตั๋วได้ใหม่ แพงกว่าเดิมสามพันเอง ขอไปได้มั้ยพ่อจ๋า (ฮิฮิ)

พ่อไม่ตอบ แน่นอนค่ะ พ่อปิดมือถือแล้ว ฮ่าๆ แล้วก็บอกเพื่อน (คือดูเป็นคนเลวมาก ตั้ว เราขอโทษ T T) บอกว่า ตั๋วเครื่องบินไปนอร์เวย์ถูกกว่าว่ะ เนี่ยขอพ่อไปแล้ว ถ้าพ่อให้ไป เราจะไปนอร์เวย์แทนนะ ขอโทษด้วย เพื่อนส่งการ์ตูนร้องไห้มาทันที ฮ่าๆ 

30 ส.ค. ถามพ่อว่า พ่อได้แมสเสจมั้ย หนูไปได้มั้ย พ่อถามว่า วีซ่ามันเป็นอย่างที่เราเข้าใจจริงๆ หรือเปล่า ให้โทรไปถามสถานทูตให้แน่นอนก่อน แล้วพ่อจะไปคุยกับแม่ว่าจะให้ไปมั้ย ยังไง แต่เราก็โทรหาสถานทูตไม่ได้ เพราะว่าเราคุยกับพ่ออ่ะ เลยบ่ายสามไปแล้ว เราเลย โอเค เราจะรอวันจันทร์ 

เสาร์-อาทิตย์ผ่านไปอย่างตื่นเต้นสุดขีด วิ้ดวิ้ว ฮิ้วฮิ้วมาก จะไปได้มั้ยน้าาาาาา ประกายแห่งความหวังเริ่มมาอีกรอบ คือไปได้ก็จะไป แล้วแสงเหนือค่อยไปอีกรอบก็ได้ 2015 มันก็ยังพีค 

2 ก.ย. โทรไปถามสถานทูต บอกว่า เกิดเหตุขัดข้อง ทำให้ไม่สามารถเดินทางตามกำหนดการเดิมได้ แล้วในวีซ่าแจ้งว่า เดินทางได้ตั้งแต่ 1 - 30 ก.ย. ระยะเวลารวม 15 วัน แปลว่าเรายังเดินทางวันไหนก็ได้ในกันยา ถูกต้องมั้ยคะ เค้าบอก เค้าไม่เคยเจอเคสอย่างนี้ ส่วนมากเขาก็เดินทางตามกำหนดการ เดี๋ยวไปถามจนท.อีกท่านให้นะคะ แล้วก็กลับมาบอกว่า ได้ แต่ห้ามเกินสิบห้าวัน จะเดินทางวันไหน เราบอกไป เขาก็นับ ไม่เกิน เดินทางได้ค่ะ เราก็เลยถามรายละเอียดเรื่องมารายงานตัวด้วย 

พอรู้แน่นอนล่ะว่าไปได้ รีบโทรหาพ่อ เดี๋ยวจะเดินทางวันนี้ๆๆๆ แล้วเนี่ย เหมือนฟันจะผุเลย นัดหมอให้ด้วยวันนี้ๆๆๆ ฮ่าๆ พ่อก็ได้ๆ โทรไปบอกแม่ว่านัดหมอให้ด้วย แม่ก็โอเคๆ คือตอนนั้นเราเหมือนปลากระดี่ได้น้ำล่ะ ฉันจะไปนอร์เวย์ๆๆๆๆ บอกพ่อว่าเดี๋ยวคืนนี้ซื้อตั๋วเลยนะ พ่อก็ ได้ๆ งานนี้พ่อกับแม่ได้อย่างเดียว ฮ่าๆ คือเหมือนเปลี่ยนฤกษ์อ่ะ ไม่ได้เดินทางตามเดิม พ่อกับแม่ก็โอเค ลางานได้ด้วย ไม่มีปัญหา แล้วอย่างที่บอก ถ้าเปลี่ยนไปเที่ยวกับเพื่อนเดือนตุลา เราต้องเริ่มต้นใหม่หมด เสียเงินเยอะกว่าเดิม อันนี้ก็น่าจะพอไหวกว่า 

กลับจากเข้าเวร เราหากระดาษเปล่ามานั่งวาดเส้นทาง จดราคาตั๋วเครื่องบินที่หาได้ จดว่าต้องลากี่วัน จะไปไหนบ้าง คือเราไม่ทำอะไรละเอียดเหมือนตอนขอวีซ่าล่ะ อย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เราอ่ะ การเดินทางที่แท้จริงของเราต้องเป็นแบบนี้ล่ะ ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร แต่รู้ว่าจะไปที่ไหน และไปยังไง ทุกอย่างปล่อยไปตามแผนที่ ไปวงเอาหน้างาน ไปตายเอาดาบหน้า ไปสรรหาเรื่องตื่นเต้นเอาที่นู่น 

แล้วมหากาพย์ก่อนเดินทางที่พาเอาเครียด ผมร่วง น้ำหนักลด ร้องห่มร้องไห้ก็จบลงไปอย่างสวยงาม 

ส่วนเราก็เตรียมตัวไปนอร์เวย์ (แบบเงียบๆ) ตามความตั้งใจตั้งแต่อายุ 12 ของเรา

(ที่เตรียมเงียบๆ เพราะก่อนหน้านั้นเตรียมแบบเอิกเกริก อดไปตลอดดดดด จะไปเที่ยวนี่ห้ามวางแผนล่วงหน้าและห้ามบอกใครเลยนะ ฮ่าๆ)


ผลลัพธ์ที่ได้ บอกเลยว่า เป็นทริปที่ดีที่สุดในชีวิต เท่าที่เคยไปเที่ยวมา มันได้มากกว่าที่หวัง ได้ประสบการณ์แปลกใหม่ ทั้งตลก ทั้งตื่นเต้น ทั้งเศร้า ได้เจอกิจกรรมแบบที่ชอบ ที่ใช่ และบ้าคลั่งมาจนทุกวันนี้ 


อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าไม่ตัดสินใจเดินทาง คงไม่ได้เจออะไรแบบนี้แน่นอน 






Create Date : 04 เมษายน 2557
Last Update : 4 เมษายน 2557 21:40:12 น. 6 comments
Counter : 7966 Pageviews.

 
อ่านแล้วนึกภาพตามเลยในขั้นตอนการขอวีซ่า นอร์เวยืเจี้ยนสไตล์ หลายมาตรฐาน และทุกกฏมีข้อยกเว้น555 ว่างๆมาเที่ยวอีกนะคะ นอร์เวย์ยังมีที่สวยๆให้ผจญภัยอีกเยอะ อยู่นอร์เวย์ค่ะ


โดย: ณฤดี IP: 94.23.252.21 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:10:36:39 น.  

 
ซื้อตั๋วนอร์วีเจียนเหมือนกันค่ะแล้วไม่ไป เราคืนตั๋ว หรือเปลี่ยนเปนชื่อคนอื่นได้มั้ยค่ะ?


โดย: อ้อมแอ้ม IP: 49.49.250.100 วันที่: 13 เมษายน 2558 เวลา:14:44:29 น.  

 
รออ่านนะคะ เป็นอีกหนึ่งผู้วาดฝัน อยากไปดูพระอาทิตย์เที่ยงคืน ตั้งแต่ตอนเรียน ม.3 จำมาจากหนังสือเรียนในวิชา "โลกของเรา" อยากไปประเทศนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อยากเห็นพระอาทิตย์เที่ยงคืนจะเป็นยังไง จะอยู่รอดูไหวมั๊ย จะหลับก่อนหรือเปล่า 55555


โดย: Jarbiab IP: 203.144.225.199 วันที่: 16 เมษายน 2558 เวลา:11:42:29 น.  

 
มีตั๋ววีเจียนคะไปวันที่25เมษายนนี้ ใกล้ๆวันจะได้ไปแต่ไม่สามารถไปได้ใครอยากได้ติดต่อมาเลยคะ หมดปัญญาที่จะยกเลิก หรือทำอย่างอื่น คือว่าไม่แก่งภาษานะ จะขอแค่น้ำใจที่จะให้ ยังไงก็ไม่ได้ไปอยู่แล้ว ทำอะไรก็ไม่ได้ดีกว่าปล่อยทิ้ง ให้โอกาสเพื่อนๆที่อยากไปดีกว่า. แต่ว่าตัั๋วไปและกลับเป็นเวลา เกือบสามเดือน 25/04_13/06 คะ และอยากทราบว่า เมื่อเราไม่ได้ไปแล้ว เราทำยังไงเกี่ยวกับวีซาเรา จะมีปัญหาไหมเรามีวีซ่าสามเดือนแต่ไม่ได้ไป ช่วยบอกที กรุณาด้วยคะ นา หรืติดต่อemailMathana20@Hotmail.com


โดย: ชื่อนาคะ IP: 1.47.103.100 วันที่: 21 เมษายน 2558 เวลา:17:18:50 น.  

 
คุณณฤดี ... ไปอีกแน่นอนค่ะ คือตอนนี้กลายเป็นคนหลงรักแสงเหนือ บ้าเทรกกิ้ง ทำกิจกรรมอเอาท์ดอร์ เพราะนอร์เวย์ไปเลยค่ะ รู้สึกชอบมากกกกก

คุณอ้อมแอ้ม ... คืนได้ถ้าซื้อประกันการเดินทางของสายการบิน และมีปัญหาฉุกเฉิน เช่น เจ็บป่วยจนไม่สามารถเดินทางได้ ค่ะ เปลี่ยนชื่อเสียค่าใช้จ่ายค่ะ

คุณ Jarbiab ... เราหลงรักแสงเหนือไปเลยค่ะ แต่พระอาทิตย์เที่ยงคืนนี่ยังเฉยๆ อยู่ ฮ่าๆ

คุณ ชื่อนาค่ะ ... เสียดายจังค่ะ เรื่องวีซ่า ตอนที่เราได้วีซ่าและกะจะไม่ไปแล้ว ก็มีพี่เค้าเตือนมาว่าให้ระวังในการขอรอบต่อไปค่ะ


โดย: ปลาทองแก้มยุ้ย วันที่: 9 พฤษภาคม 2558 เวลา:15:37:49 น.  

 
ถึงจะมหากาฬแต่ว่าก็ตามอ่านจนจบค่ะ:) อินไปด้วยทุกช็อต
ถ้ามีโอกาสแวะมาเที่ยวอีกนะคะ เราอยู่บาร์แก้นค่ะ


โดย: บู IP: 188.165.240.145 วันที่: 12 ธันวาคม 2559 เวลา:11:26:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปลาทองแก้มยุ้ย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




เป็นผู้หญิง (แหงดิ) ที่มีความฝันมากมาย แต่ไม่เคยไขว่คว้ามันมา
จนถึงวันนี้ ชีวิตก้าวขึ้นเลข 2 รู้ตัวแล้วว่าเวลาไม่คอยท่า
เธอเลยคิดได้ว่า ถึงเวลาไล่คว้าความฝันแล้ว

คิดและกำลังลงมือทำ ...

หวังว่าวันแห่งความสำเร็จ คงจะมาในไม่ช้า
Friends' blogs
[Add ปลาทองแก้มยุ้ย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.