หนังสือแนะนำ
ไล่ตงจิ้น
“ไล่ตงจิ้น ลูกขอทาน ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต” เล่มนี้ เป็นอัตชีวประวัติของอดีตขอทานที่ทุกคนเคยเย้ยหยัน มีพ่อตาบอด แม่กับน้องชายคนโตปัญญาอ่อน ทั้งหมด 14 ชีวิตที่เขาต้องเลี้ยงดู เขาต่อสู้กับชีวิตจนได้เป็น “บุคคลดีเด่นของไต้หวัน” เพราะใจที่ไม่ยอมแพ้เพียงคำเดียว ผู้ที่หมดกำลังใจ ท้อแท้กับชีวิต มีปัญหาในการเรียนหรือการงาน นั้นเป็นเศษเสี้ยวหนึ่งของความลำบากที่เจ้าของผลงานเขียนเล่มนี้ต้องเผชิญ เขามีชีวิตอย่างไร เขาสู้เช่นไร และประสบความสำเร็จได้ในลักษณะใด เนื้อหาในเล่มจะช่วยไขปัญหานั้นได้เป็นอย่างดี แล้วคุณจะได้คำตอบมากมายในการดำเนินชีวิตจากหนังสือเล่มนี้ …หากคุณถามถึงรสชาติของการเป็นขอทาน ผมบอกได้เพียงว่ามันคือน้ำตาที่ขมปร่าที่สุดในชีวิตมนุษย์ หากคุณถามผมถึงรสชาติของความสุข ผมก็จะบอกว่ามันคือการไม่ต้องทนหิว ไม่ต้องทนหนาว คนในครอบครัวได้อยู่ร่วมกันพร้อมหน้าอย่างร่มเย็นเป็นสุข...(จากปก) . . . เนื้อหาในเรื่องนี้จำอะไรไม่ได้มากแล้วเพราะอ่านจบนานมากแล้ว ขอเล่ารายละเอียดเท่าที่ยังพอจำได้ เริ่มด้วยแม่ของไล่ตงจิ้นเป็นคนตาบอด อายุ 13 ปี ปัญญาอ่อน เป็นลมบ้าหมู พ่อของไล่ตงจิ้น อายุ 32 ปี เป็นขอทานและตาบอดระหว่างที่พักอยู่สะพานข้ามแม่น้ำพ่อของไล่ตงจิ้นได้ยินเสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนอนร้องโอดอวนอยู่ พ่อของไล่ตงจิ้นสงสารจึงเก็บมาเลี้ยง ทั้งสองคนอยู่กินฉันสามีภรรยากัน พอพ่อของไล่ตงจิ้นอายุ 42 ปี ได้ให้กำเนิดไล่ตงจิ้นซึ่งเป็นลูกคนรอง คนโตเป็นพี่สาวสนิทกันมาก ครอบครัวนี้มีลูกด้วยกัน 12 คน ทั้งครอบครัวต้องแร่ร่อนพเนจรไปเรื่อย ค่ำไหนนอนนั่น ส่วนใหญ่จะอาศัยกระท่อมร้างหรือสุสานหรือที่ร้างอยู่ พ่อและไล่ตงจิ้นจะออกไปขอทานด้วยกัน ถ้าวันไหนพ่อไม่ไปไล่ตงจิ้นกับพี่สาวคนโตจะไปด้วยกัน สาเหตุนี้ถึงทำให้สองคนพี่น้องสนิทและรักกันมากๆ ไล่ตงจิ้นไม่ชอบเลยด้วยซ้ำที่ต้องมาเจอสภาพแบบนี้ แต่เค้าก็ต้องทน วันหนึ่งทุกคนในบ้านนอนหลับกันหมดแล้ว ไล่ตงจิ้นแอบไปซื้อยาฆ่าแมลงหวังว่าจะผสมในข้าวให้ทุกคนกินแล้วตัวเองก็หนีไปอยู่คนเดียว คืนนั้นเกือบทำสำเร็จแต่เกิดการยับยั้งชั่งใจไม่ทำ เพราะไล่ตงจิ้นคิดว่าจะทำแบบนี้ได้ไง จะหนีรอดไปอยู่คนเดียวเห็นแก่ตัวไปหน่อยแล้ว และถ้าไม่มีท่านก็ไม่มีเรา ไล่ตงจิ้นจึงทิ้งข้าวผสมยาฆ่าแมลงไป และคิดว่าจะคอยกตัญญูปฏิบัติท่านให้ดีกว่านี้ และมีอยู่วันหนึ่งฝนตกหนักไล่ตงจิ้น ขอทานไม่ได้เลยเพราะ บ้านคนปิดหมด ไปเคาะอยู่บ้านหนึ่งมีผู้ใจดีเห็นแล้วสงสารจึงให้ข้าวแก่ไล่ตงจิ้นมา ไล่ตงจิ้นขอบคุณและอวยพรแก่ผู้ใจดีนั้น ซึ่งไล่ตงจิ้นบอกว่า อาหารแต่ละมื้อที่ขอได้จะช่วยต่อชีวิตคนในบ้านไปแต่ละวัน และมีเหตุการณ์คล้ายๆกัน ไปเคาะประตูบ้านเจอคนเหยียดหยามต่อว่าอย่างรุนแรง ไล่ตงจิ้นไม่เสียใจเลยสักนิดแต่เขากลับเอาคำพูดดูถูกเหล่านั้นมาเป็นแรงผลักดัน ให้เค้าสู้และหลุดพ้นจากวงจรชีวิตแบบนี้ ในระหว่างที่กำลังเดินขอทานอยู่นั้นเห็นเด็กกำลังนั่งเรียนหนังสือ (ถ้าจำไม่ผิด) ไล่ตงจิ้นอยากเรียนบ้างเพราะจะทำให้ชีวิตเค้าหลุดพ้นจาก "ขอทาน" เสียที ไล่ตงจิ้นจึงบอกพ่อ ตอนแรกพ่อไม่ให้เรียนเพราะไม่มีเงินเก็บแต่สุดท้ายก็ยอมให้เรียน ตอนแรกๆลำบากอยู่มาก ไหนทั้งค่าใช้จ่ายหนังสือเสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียนต่างๆ พ่อของไล่ตงจิ้นตัดสินใจขายพี่สาวคนโตให้กับโสเภณีอย่างเงียบๆไม่ให้ไล่ตงจิ้นรู้ เมื่อไล่ตงจิ้นตื่นมาอีกวันไม่เห็นพี่สาวแล้วจึงถามผู้เป็นพ่อเมื่อทราบความจริง ไล่ตงจิ้นร้องไห้เสียใจอย่างมาก เพราะคิดว่าตนเองเป็นต้นเหตุให้พี่สาวเป็นแบบนี้ สุดท้ายเมื่อตอนคิดได้จึงตั้งใจร่ำเรียนหนังสือได้เกียรติบัตรมากมายเพื่อแสดงให้คนรู้ว่า เค้าเป็นลูกขอทานก็ทำได้ เมื่อเรียนจบหางานทำในโรงพิมพ์แห่งหนึ่ง ได้พบลี่เสี่ย ตอนคบหาดูใจกันก็ลำบากอยู่ไม่น้อย เพราะทางบ้านของลี่เสี่ยไม่ยอม เห็นว่าเป็นครอบครัวของไล่ตงจิ้นประวัติไม่ดีนัก แต่สุดท้ายไล่ตงจิ้นพิสูจน์ความรักต่อลี่เสี่ยอย่างจริงใจ โดยการขยันทำมาหากินและจะไม่ให้ลี่เสี่ยลำบาก เมื่อแต่งงานกันลี่เสี่ยก็พบอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงซึ่งก็คือ แม่ไล่ตงจิ้นผู้ปัญญาอ่อน และเป็นลมบ้าหมู ตอนแรกลี่เสี่ยทำใจไม่ได้เพราะไม่เคยเจอแบบนี้แต่เธอก็ปรับตัวที่จะอยู่ให้ได้ สุดท้ายลี่เสี่ยและไล่ตงจิ้นค่อยๆ ประคับประคองชีวิตคู่กันไป . . . ขณะอ่านร้องไห้มาก เพราะเป็นคนอ่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องชีวิตอยู่แล้ว หนังสือเล่มนี้ให้ข้อคิดอย่างดีเยี่ยมอีกทั้งให้กำลังใจ ที่จะต่อสู้อุปสรรคต่อไป และสุดท้ายความกตัญญูกตเวทีเป็นสิ่งที่ทำให้คนเราแระสบความสำเร็จได้จนถึงทุกวันนี้
Create Date : 28 กันยายน 2551 |
|
16 comments |
Last Update : 28 กันยายน 2551 3:05:03 น. |
Counter : 680 Pageviews. |
|
|
|