ระบบของเวลา, มิติที่มากกว่า3, ระบบแห่งจิตวิญญาณ-สุดยอดแห่งความรู้
---ก่อนอื่นเรามาทบทวนเรื่องมิติ ก่อนนะนักเรียน.. แหะๆลืมปาย---- ส่วน "3 มิติ"ที่เราทราบดี คือ กว้าง ยาว หนา(สูง) ถ้ามีกระดาษที่บางมากๆ วางบนโต๊ะ เราส่องจากขอบโต๊ะ ก็ไม่เห็นมัน
--เพราะว่าเราไป-หาฟังก์ชั่นทางความหนาซึ่งกระดาษนั้นเป็นศูนย์(สมมุติว่า) --เราจึงมองไม่เห็นมัน เทียบกับแกน x , y และ z ตามหลักของคณิตศาสตร์ แหละจ้ะ และจากคณิตศาสตร์เราสามารถสร้างลูกบาศก์ 4 มิติขึ้นมาได้-- แม้ว่าจะทำไม่ได้จริง แต่มันส่อเค้าว่ามันเริ่มมีมิติที่มากกว่า3 ---ส่วนเวลา หรือไทม์ คนเราให้เป็นมิติที่4--จริงๆแล้วเวลาไม่มีจุดต้นจุดปลาย และเป็นภาพลวงแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นกับการรับรู้ของเรา--ชาวต่างดาวยืนยันและฟันธงมา
---"เวลา" เป็นสิ่งกำหนดว่า มีเหตุ แล้วต้องมีผล --ซึ่งผลเกิดก่อนเหตุไม่ได้ --เวลา-จึงเป็นการกำหนดระบบของการกระทำ --แรงต่อต้าน --หรือเวลาคือตัวจัดระบบกรรม ซึ่งกฏแห่งกรรมถือว่าเป็นกฏพื้นฐานแห่งเอกภพ หรือคอสมิก ลอว์ --ซึ่้งระบบของโลกต้องมีมันไว้ --และยังเป็นสิ่งที่ให้เรารู้จักพื้นฐานของหลักแห่งอนิจจัง-ความไม่เที่ยงแท้- เกิด แก่ เจ็บ ตาย ---ซึ่งทุกวิญญาณ จากทุกระบบดาว จากทุกดวงดาวต้องมาเรียนรู้ที่โลกใบนี้ และที่ชัดๆคือจากพุทธธรรม จะบ่งบอกไว้อย่างละเอียดยิ่ง
--ถ้าเรา เอาวัตถุวางไว้ที่เวลา t1 แล้วเอาไปเคลื่อนออกไปอยู่ที่อื่น ณ เวลา t2 -- ซึ่งตอนนี้เวลา t2 วัตถุนั้นได้หายไปจากระบบแกนทั้งสามและเวลา t1ไปซะแล้ว(การระบุุตำแหน่งของต้องกำหนดสามแกน กว้างยาว สูง และเวลาด้วย) นักวิทยาศาตร์ต้องกำหนดละเอียด---- แต่ชาวต่างดาวบอกว่า วัตถุหายไปจากตำแหน่งนั้น------- เพราะ "เวลา ได้บดบัดทุกสิ่งและบดบังตัวมันเองด้วย" -- พระพุทธองค์ก็ได้กล่าวว่า "กาลเวลากลืนกินสรรพสิ่งกับทั้งตัวมันเอง"(ตรงกันเป๊ะ) อย่างเราๆจะไปหา--ไปพบคนที่ตายไปแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะกาลเวลาย้อนกลับไม่ได้--สิ่งที่ทำไปแล้ว จะแก้กลับคืนไม่ได้--และยังเป็นหลักการของระบบพลังแห่งความร้อน คือวิชาฟิสิกส์ด้าน"เทอร์โมไดนามิกส์" ที่เรานำมาใช้สร้างเครื่องยนต์ชนิดต่างๆ เช่นเครื่องจักรไอน้ำ หรือกลจักรจุดระเบิดภายใน
--แต่ยังมีสิ่งหนึ่งมีพลังอำนาจมหาศาล สามารถ ย้อนไปรู้เห็นอดีต และอนาคตได้ เคลื่อนไหวทะลุมิติเวลา รวดเร็วกว่าแสงซะอีก สิ่งนั้น คือ พลังจิต --พลังวิญญาณ -มโน- หรือจิตใจ ของเรานั่นเอง --เราจะเห็นว่า คนเราปกติจะไม่ค่อยรับรู้เรื่องเวลา-ว่านานเท่าไหร่แล้ว ต้องคอยดูแต่นาฬิกา เพราะจิตใจ ไม่เกี่ยวเนื่อง (ไม่เป็นฟังก์ชั่นของ)เวลา มันจึงไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นเกี่ยวกับระบบของกาลเวลา
--เวลาและ"ที่ว่าง" หรือตำแหน่งที่อยู่ มันแยกออกจากกันไม่ได้ เพราะเราต้องนำความรู้นี้ไปสร้างยานต่างๆ หรือสำรวจอวกาศ แม้แต่ขับรถหรือเดลื่อนไหวร่างกายก็ตาม "กาลและอวกาศ ไม่สามารถแยกจากกันได้"(คำกล่าวไอน์สไตน์) ----จึงเรียกว่า "กาลอวกาศ-สิ่งเกี่ยวเนื่องพัวพัน" --Time-Space Continuum หรือเรียก ไทม์สเปซ--timespace เฉยๆ ก็พอรู้กัน
--เรื่องของมิติและเวลา เขียนเป็นหนังสือได้หลายพันหน้า ---เหมือนข้อความ ในเอกสารเรื่อง"คนที่ตายไปแล้ว สามารถเห็นเหตุการณ์ย้อนเวลาได้หมด" และ"รู้สึกว่า"ตัวเขา"เข้าไปรับรู้"ทุกสิ่งนั้นพร้อมๆกัน -- --จริงๆแล้วถ้าคนหนึ่งคน จะบันทึกภาพทุกเสี้ยววินาที ปริมาณข้อมูลก็มหาศาล----แต่จิตใจ และระบบอากาศิกส์ของโลกนั้นรองรับข้อมูลนี้รับได้เสมอ--อย่าลิมนะ"มีถ้ำแก้วผลึกลึกลับใต้โลกในมิติที่เกิน4"(คำกล่าวจากจิตจักวาลครายออน)
--ชาวต่างดาวเรียกระบบมิติ ว่า "ความหนาแน่น-Density " ซึ่งไม่ตรงกับความเข้าใจของเรา แต่คล้ายๆ ---คือให้ก้อนหินและแร่ธาตุ ซึ่งมีจิตรู้ทุกอันนะแหละว่า "ความหนาแน่นที่1" ต้นไม้ พืช คือ "ความหนาแน่นที่2" โลกของ คน- สัตว์ เป็นระบบความหนาแน่นที่3 -ขณะนี้เขาจะย้ายระบบของเราไปสู่มิติสูงขึ้น คือ"เข้าสู่ระบบความหนาแน่น ที่4" ซึ่งอีกปีเศษๆก็จะรู้เองครับ มกรา 2014 เริ่มย้ายมิติ
---ไม่มีใครมานั่งรวบรวมความรู้เหล่านี้และอธิบายแยกแยะ เทียบกับหลักทางฟิสิกส์-- คงมีแต่ตรงนี้และคนที่โชคดีเข้ามาอ่านนะครับ ---สี่แยกมิติ-Dimesional Intersection เป็นเรื่องของชาวต่างดาวที่บางครั้งก็ไปสื่อกับหิน -ต้นไม้ ในมิติ 1 และ2 กลับมาหามนุษย์ -(มิติที่3) และยังไปหามิติของเทพ และที่สูงกว่านั้นอีกมากเป็นร้อยๆมิติ(มั้ง) โดยผ่านจุด หรือวัตถุ --ที่มีตัวตนในระบบมากกว่าสามมิติ(สี่แยกมิติ) ซึ่งไม่อาจอธิบายให้เราเข้าใจได้ เพราะเราไม่เคยมีประสพการณ์อะดิ๊ อย่างไรก็ตาม-ทางเทพ ท่านยืนยันว่าได้ติดต่อ และได้ความรู้จากชาวต่างดาวหลายพวก แม้ว่ากายเนื้อจะโดนขังอยู่ที่แอเรีย51 แต่ก็ใช้กายทิพย์ทำงานไปพร้อมกัน นับว่าเลิศสุดๆ (จากเวป-ซีต้าทอล์คดอทคอม) --คือจิตวิญญาณของพวกเขาจะแนบชิดกับพระผู้สร้าง ส่วนโคตรเหง้าวิญญาณมนุษย์ได้แตกตัวออกมาจาก จิตจักรวาล (พระพรหม-หรือวิญญาณของดวงอาทิตย์ใจกลางกาแลกซี่ทางช้างเผือก-อัลซิโอน-Alcyone) และมีเจตจำนงเป็นอิสระ เมื่อหลุดพ้น(อาจกล่าวว่านิพพาน--ซึ่งไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอนมากนัก)แล้ว จิตวิญญาณก็กลับสู่จิตจักรวาลตามเดิม
Create Date : 30 มีนาคม 2555 |
|
5 comments |
Last Update : 30 มีนาคม 2555 17:20:16 น. |
Counter : 2724 Pageviews. |
|
|
|
จะคอยติดตามข้อมูลนะครับ