ตำนานรักเเห่งล้านนา --เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ
-------ขอนุญาต ก๊อปมา เพื่อผู้อ่านอื่นๆ เพราะผมทราบความนี้แล้ว--------- ---แต่แฟนบล็อกผมยังไม่ทราบครับ----------เริ่มเขียนโดย คุณ ไฟร์เดย์-ไนท์ บอร์ด เชียงรายโฟกัส---เพิ่มเติมโดย คุณ เชียงรายแฟนพันธุ์แท้ บรรณาธิการวารสาร ล้อล้านนา
ขอเวลานิดนึงครับ พอดีทำตำราสอน โปรแกรมคอมพ์ให้เด็กโค่งครับ
ร้อยตรีเจ้าอุตรการโกศล (เจ้าน้อยศุขเกษม)
เรื่องราวความรักที่ต่างเชื้อชาติ ระหว่างเจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ อันกลายมาเป็นตำนานรักที่จบลงอย่างโศกสลด และได้รับการกล่าวขานมาถึงปัจจุบัน ถูกถ่ายทอดโดยเจ้าหญิงบัวชุม ณ เชียงใหม อดีตคู่หมั้นของเจ้าน้อยศุขเกษม) แม้ว่ามะเมียะจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ล้านนาโดยตรง แต่สำหรับเจ้า (น้อย) ศุขเกษม ราชบุตรองค์ใหญ่ของเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงเชียงใหม่ (พ.ศ.๒๔๕๒-๒๔๘๒) กับแม่เจ้าจามรีแล้ว มะเมียะเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเจ้าน้อยฯ ก็ว่าได้ มะเมียะเป็นแม่ค้าสาวชาวพม่า หน้าตาพริ้มเพรา (หน้าตาดีว่างัยเถอะ ) ได้พบกับเจ้าน้อยศุขเกษมครั้งแรก เมื่ออายุเพียง ๑๖ ปี ขณะนั้นมะเมียะเป็นเพียงแม่ค้าขายบุหรี่ซะเล็กอยู่ที่ตลาดใกล้บ้านในเมืองมะละแหม่ง มะเมียะหารายได้ด้วยความหวังเพื่อจะได้เงินมาจุนเจือครอบครัว ซึ่งอยู่ในฐานะปานกลาง วันหนึ่งเมื่อเจ้าน้อยศุขเกษมได้ออกเดินเที่ยวตามห้างร้านในตลาด จึงได้พบกับมะเมียะ ซึ่งเพิ่งกลับมาจากเมืองตองอู หลังจากไปอาศัยอยู่กับป้าของเธอเป็นเวลาหลายปี ทั้งคู่เกิดถูกใจในกันและกัน จึงได้คบหากันเรื่อยมา หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองจึงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา ด้วยความสนับสนุนของทางบ้านของมะเมียะ และในวันพระทั้งสอง จะพากันไปทำบุญตักบาตรและนมัสการพระบรมสารีริกธาตุตามสถานที่ต่างๆ ในเมืองมะละแหม่งอยู่เสมอ วันหนึ่ง ณ ลานกว้างหน้าพระธาตุใจ้ตะหลั่น ทั้งสองได้กล่าวคำสาบานต่อกันว่าจะรักกันตลอดไป และจะไม่ทอดทิ้งกัน หากผู้ใดทรยศต่อความรักที่มีให้กัน ก็ขอให้ผู้นั้นอายุสั้น
จากนั้นไม่นานก็ถึงกำหนดการเดินทางกลับเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเจ้าน้อยฯ เพิ่งจะมีอายุครบ ๒๐ ปี จึงได้ตัดสินใจให้มะเมียะปลอมตัวเป็นชายติดตามขบวนเพื่อกลับไปยังเมืองเชียงใหม่ ในฐานะเพื่อนหนุ่มชาวพม่า โดยหารู้ไม่ว่าเจ้าพ่อและเจ้าแม่ของตนได้หมั้นหมายเจ้าหญิงบัวนวล ธิดาของเจ้า สุริยวงษ์ (คำตัน สิโรรส) ให้เป็นคู่หมั้นของเจ้าน้อยฯ เป็นการภายในตั้งแต่ปีที่เจ้าน้อยฯ เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนในเมืองพม่าหลังจากที่ต้องแอบซ่อนมะเมียะไว้ในบ้านหลังเล็ก ที่เจ้าพ่อและเจ้าแม่จัดเตรียมไว้ให้เป็นที่พักมาแล้วหลายวัน เจ้าน้อยศุขเกษมได้ใช้เวลาคิดใคร่ครวญและตัดสินใจเล่าความจริงให้ทั้งสองฟัง แม้ว่าจะไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ยออกมาในขณะนั้น แต่เจ้าน้อยฯ ก็พอจะทราบได้ว่าทั้งสองไม่ยอมรับมะเมียะเป็นศรีสะใภ้อย่างแน่นอนเนื่องจากปัญหาใหญ่ในขณะนั้น คือเจ้าน้อยเป็นผู้ที่ได้รับการคาดหวังว่าจะได้รับตำแหน่งเจ้าหลวงองค์ถัดไปจากเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ ซึ่งเป็นพระเจ้าลุง หากเจ้าน้อยฯ เลือกมะเมียะมาเป็นศรีภรรยา ประชาชนย่อมต้องเกิดความอึดอัดใจในการยอมรับมะเมียะผู้เป็นหญิงต่างชาติมาดำรงฐานะศรีภรรยาของเจ้าเมืองอย่างแน่นอน ในสถานการณบ้านเมืองขณะนั้นน่าวิตกมาก เนื่องจากมหาอำนาจอังกฤษกำลังแผ่อิทธิพลไปทั่วดินแดนในคาบสมุทรเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มะเมียะซึ่งเป็นคนในบังคับของอังกฤษและกำลังอาศัยอยู่ในคุ้มของอุปราช (ขณะนั้นเจ้าแก้วนวรัฐดำรงตำแหน่งอุปราชเมืองเชียงใหม่) อาจเป็นชนวนของปัญหาทางการเมืองที่ใหญ่โตได้ในภายหลัง เหมือน ดัง กรณีคดีของพระยอดเมืองขวาง ซึ่งมีปัญหากับคนในบังคับอังกฤษ ในที่สุดเจ้าพ่อและเจ้าแม่จึงเรียกตัวเจ้าน้อยฯไปพบ และยื่นคำขาดให้เจ้าน้อยส่งตัวมะเมียะกลับเมืองมะละแหม่ง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง
ในยามเย็นวันนั้นเอง เจ้าน้อยได้เข้าพิธีเรียกขวัญและรดน้ำมนตที่เจ้าพ่อกับเจ้าแม่จัดขึ้น เพื่อขจัดสิ่งชั่วร้ายที่ท่านทั้งสองเชื่อว่ามะเมียะได้กระทำแก่เจ้าน้อยฯ อันเป็นเหตุให้เจ้าน้อยฯ หลงไหลในตัวนาง หลังจากพิธีรดน้ำมนต์ผ่านพ้นไป ช้างพาหนะและไพร่พลที่จะใช้ในการส่งตัวมะเมียะกลับเมืองมะละแหม่งก็ถูกจัดเตรียมทันทีตามคำสั่งของเจ้าแก้วนวรัฐ เมื่อเจ้าน้อยฯ กลับไปถึงที่พักในคืนนั้น มะเมียะได้รับการเกลี้ยกล่อมโดยหญิง-ชาย ชาวพม่าฝ่ายละคน ให้นางกลับไปรอเจ้าน้อยฯ ที่เมืองมะละแหม่ง มิฉะนั้นบ้านเมืองอาจเดือดร้อน นางได้เอ่ยขึ้นด้วยความเสียใจและยินยอมจากไปเพื่อมิให้ผู้ใดได้รับความเดือดร้อน แม้ตัวนางจะจากไกล แต่ความรักอันมั่นคง ยังคงอยู่ดังคำสาบานที่เคยให้ไว้แก่กันและกัน ฝ่ายเจ้าน้อยฯ ยังคงยืนยันในความรักที่มีต่อมะเมียะ และขอให้นางกลับไปรอที่บ้านก่อน หากมีวาสนาจะกลับไปรับนางมาอยู่ด้วยกันที่เชียงใหม่ให้ได้ ในเช้าวันหนึ่งของเดือนเมษายน นับเป็นวันเดินทางกลับเมืองมะละ แหม่งของมะเมียะที่ดูเหมือนจะเป็นการจากลาชั่วนิรันดร์ ณ ประตูหายยาที่เนืองแน่นไปด้วยประชาชนที่ใคร่เห็นโฉมหน้าของมะเมียะ ที่ลือกันว่างามนักงามหนา บรรยากาศเต็มไปด้วยความหดหู่และเศร้าหมอง เมื่อเจ้าน้อยฯ พูดภาษาพม่ากับมะเมียะได้เพียงไม่กี่คำ นางผู้มีใจรักมั่นได้ร่ำไห้ด้วยความอัดอั้นตันใจ ในอ้อมแขนที่ยากจะแยกจากกันได้ เวลานั้นก็ล่วงเลยไปมากแล้ว เจ้าน้อยฯ ได้รับปากกับมะเมียะว่าตนจะยึดมั่นในคำปฏิญาณที่ให้ไว้ต่อหน้าพระพุทธรูปวัดใจ้ตะหลั่นจนกว่าชีวิตจะหาไม่ หากท่านนอกใจมะเมียะโดยสมรสกับหญิงอื่น ขอให้ชีวิตของตนประสบแต่ความทุกข์ทรมานใจ แม้แต่อายุก็จะไม่ยืนยาว เจ้าน้อยฯ ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าภายใน เดือนจะกลับไปหามะเมียะให้จงได้ นางจึงคุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้า สยายผมออกเช็ดเท้าเจ้าน้อยฯ ด้วยความอาลัยหา ก่อนที่เธอจะขึ้นไปบนกูบช้าง เมื่อกลับไปถึงเมืองมะละแหม่งแล้ว มะเมียะได้มอบเงินทองจำนวนหนึ่งซึ่งเจ้าแก้วนวรัฐและเจ้าแม่จามรีมอบให้นางก่อนเดินทางกลับเป็นการปลอบขวัญแก่พ่อแม่และน้อง จากนั้นนางได้แต่เฝ้ารอคอยเจ้าน้อยฯ จนครบกำหนด เดือนที่ท่านได้รับปากไว้ แต่นี่กระไรกลับไร้วี่แววใดๆ มะเมียะจึงตัดสินใจเข้าพึ่งใต้ร่มพุทธจักร ครองตนเป็นแม่ชีเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่านางยังซื่อสัตย์ ต่อความรักที่มีต่อเจ้าน้อยศุขเกษม หลังจากที่มะเมียะทราบข่าวการเข้าพิธีมงคลสมรส ระหว่างร้อยตรีเจ้าอุตรการโกศล (ยศของเจ้าน้อยฯ ในขณะนั้น) กับเจ้าหญิงบัวนวล ณ เชียงใหม่ แม่ชีมะเมียะจึงเดินทางมายังเมืองเชียงใหม่และขอเข้าพบเจ้าน้อยฯ เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อแสดงความยินดีกับชีวิตที่กำลังรุ่งโรจน์ องค์อดีตสวามีผู้เป็นที่รัก ก่อนที่ตนจะตัดสินใจครองตนเป็นแม่ชีไปตลอดชีวิต แต่เจ้าน้อยศุขเกษมผู้ยึดสุราเป็นที่พึ่งดับความกลัดกลุ้มอันเกิดจากความรักอาลัยในตัวมะเมียะ ชีวิตที่ไม่เคยมีความสุขในชีวิตสมรส ท่านไม่สามารถหักห้ามความสงสารที่มีต่อมะเมียะได้ จึงไม่ยอมลงไปพบแม่ชีมะเมียะตามคำขอร้อง เพียงแต่มอบหมายให้เจ้าบุญสูง พี่เลี้ยงคนสนิท นำเงินจำนวน ๘๐บาท ไปมอบให้กับแม่ชีมะเมียะเพื่อใช้ในการทำบุญ พร้อมกับมอบแหวนทับทิมประจำกายอีกวงหนึ่งเป็นตัวแทนของเจ้าน้อยฯ ให้กับแม่ชีมะเมียะ เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นทำให้มะเมียะและเจ้าน้อยต่างสะเทือนใจเป็นที่สุด หลังจากเดินทางถึงเมืองมะละแหม่ง มะเมียะได้ครองชีวิตเป็นแม่ชีตามความตั้งใจ จนกระทั่งถึงแก่กรรมในปี พ.ศ.๒๕๐๕ รวมอายุได้ ๗๕ ปี
ส่วนจ้าน้อยศุขเกษม สิ้นชีพิตักษัยด้วยวัยเพียง 37 ปี เพราะดื่มหนักหลังจากตรอมใจที่ต้องพลัดพรากจากมะเมียะ เจ้าหญิงบัวชุม ผู้เป็นชายา ก็คงไม่ได้มีความสุขอะไรนัก เพราะสามีไม่มีใจให้ ต่อมาเมื่อเจ้าน้อยฯ สิ้น เจ้าหญิงบัวชุม (ท่านเติบโตที่กรุงเทพในวังของเจ้าดาราฯ) ก็แต่งงานใหม่
แชทซาโนย่า กอยุ่ง~*-. ผู้ดูแลบอร์ด แฟนพันธ์แท้
Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2010, 00:38:54 »
-----------------------------------------------------------------------------
หลายต่อหลายครั้งที่มีการโพสเรื่องราวเกี่ยวกับมะเมี๊ยะกับเจ้าชายสุขเกษม
และไม่ว่าจะกี่ครั้งที่อ่าน ก็ยังทราบซึ้งตรึงใจในความรักของบุคคลทั้งสอง
เป็นตัวอย่างที่แสดงถึงความศรัทธาในความรักได้เป็นอย่างดี
...ขอรักดีดี มีไว้ตราบชั่วนิรันดร์กาลเทอญ... ----------------------------------------------------------------------------- AIT แฟนพันธ์แท้
Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2010, 00:54:33 »
----------------------------------------------------------------------------
ตามตำนานเล่าว่า เจ้าน้อยศุขเกษม หล่อมากครับ ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ เคน ธีรเดช เลยครับ นี่คือความจริงตามตำนานครับ แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล IP : 114.128.44.194 ล้อล้านนา Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2010, 08:52:28 »
----------------------------------------------------------------------------
เจ้าน้อยศุขเกษมน่าจะสิ้นชีพิตักษัยเมื่ออายุ 31 หรือบวกลบไม่เกิน 1 ปีนะครับ เพราะท่านอายุ 20 ปี ขณะที่มะเมี๊ยะอายุ 16 ปี และแม่ชีมะเมี๊ยะสิ้นชีวิต พ.ศ. 2505 อายุ 75 ปี บวกกับอายุถ้าเจ้าน้อยมีชีวิตอยู่แก่กว่ามะเมี๊ยะ 4 ปี จะเท่ากับ 79 ปี ณ พ.ศ. 2505 ลบด้วย 79 จะได้ปีเกิดของเจ้าน้อยฯ เท่ากับ พ.ศ. 2426 เจ้าน้อยฯ สิ้นชีพิตักษัย พ.ศ. 2457 เท่ากับ 31 ปี ถือว่ากำลังเข้าวัยหนุ่ม แต่คงจะไม่ใช่ 37 ปีครับ
-----------------------------------------------------------------------------
Q18792-1249525298.jpg (197.41 KB, 425x570 - ดู 1158 ครั้ง.) ลูกหล้าแม่อุ้ย
Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 02 เมษายน 2011, 09:54:00 »
----------------------------------------------------------------------------
อ่านแล้วเศร้า มากๆๆครับ ขอยกย่องกับคำมั่นสัญญาของเจ้าน้อยและมะเมียะ ขอให้เป็นอนุสรณ์ความรักแก่คนรุ่นหลังตลอดไป ขอบคุณครับ
โจนาธาน
Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 07 เมษายน 2011, 15:24:32 »
-----------------------------------------------------------------------------
ผมว่าหน้าตาเจ้าน้อยฯ หล่อเหมือนคนสมัยใหม่ หน้าไม่เหมือนคนสมัยโบราณ แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล IP : 223.206.44.163
-----------------------------------------------------------------------------
โจนาธาน นัน สิทธิประเสริฐ *****ผมรักเชียงราย***** >: l!ne-p๐!nt :<
~>: แขกดอย :<~
Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 12 เมษายน 2011, 18:49:05 »
-----------------------------------------------------------------------------
แป๋งเป๋นหนังได้เลยนะนี่
---------------------------------------------------------------------------
กองคนเตวหยั๋งบ๋อฮ้อง ไปฮ้องถนนคนเดิน |||~ Ck401
งานหนัก ไม่เคยฆ่าคน อดทน ไม่เคยอดตาย
Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 14 เมษายน 2011, 08:20:44 »
----------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล IP : 223.204.210.91
--------------------------------------------------------------------
"...ชีวิตคนเราอาจจะไม่เหมือนกันในรายละเอียด... ...แต่โครงสร้างหลักแล้วไม่ได้แตกต่างกัน.. ...คนคำนวนมิสู้ฟ้าลิขิต... ...ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน.." ผู้หมวดหญิง ระดับ : ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 149
Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 27 เมษายน 2011, 12:13:25 »
---------------------------------------------------------------------------
รูปผู้หญิงสุดท้ายคือมะเมียะรึเปล่าคะ nansom ระดับ : ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 196
Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2011, 20:26:58 »
----------------------------------------------------------------------------
จะไปลืมเอาลงในหนังสือจิ่มเน้อ จะได้อ่านเหมาะๆ Jeekuk ระดับ:มัธยมศึกษา
ออฟไลน์
กระทู้: 83
Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 30 พฤษภาคม 2011, 14:15:00 »
------------------------------------------------------------------------
อันนี้บ่มีหลักฐานอันใดว่ากันว่า มีบางคนเปิ้นก็ว่ากระดูกของมะเมียะอยู่วัดสวนดอกเพราะกระดูกของเจ้าน้อยศุขเกษมก็อยู่ที่วัดสวนดอก แหมกระแสนึ่งก็ว่า บั้นปลายชีวิตของแม่ชี มะเมียะ ได้มาอยู่วัดเมืองมาง และเสียชีวิตอย่างสงบ กระดูกของนางก็อยู่ในวัดเมืองมาง(อยู่ในกู่นิรนาม) ไผมีหลักฐานอ้างอิงที่น่าจะเป็นได้เอามาเล่าสู่กันตวยเน่อ khao e to
ออฟไลน์
Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 30 พฤษภาคม 2011, 17:35:45 »
----------------------------------------------------------------------------
เจ้าวงศ์สักก์ ณ เชียงใหม่ กล่าวในฐานะคนในว่า เรื่องมันไม่ได้เป็นนิยายอย่างนั้น มันไม่ได้ใหญ่โตจนกลายเป็นประเด็นทางการเมือง เพียงแต่มันไม่เหมาะสม เพราะตามตำแหน่ง เจ้าน้อยฯ ต้องเป็นเจ้าหลวงในอนาคต หลายคนคงลำบากใจที่ได้เมียเป็นชาวพม่า และที่สำคัญ อุตส่าห์ส่งไปเรียนหนังสือ กลับได้เมียมา เป็นเรื่องปกติที่พ่อแม่ต้องไม่พอใจ คงเหมือนสมัยนี้แหละ บางคนก็ต่อว่าเจ้าปู่เรา (เจ้าหลวงแก้วนวรัฐ) ว่าแบ่งขีดแบ่งชั้นกีดกันความรัก ความจริงอีกอย่างคือเจ้าอาว์ (เจ้าน้อยศุขเกษม) ก็รูปหล่อ เป็นลูกเจ้าอุปราชฯ ท่านก็เป็นคนสำราญตามประสาเจ้าชายหนุ่ม และตามที่ผู้ใหญ่เล่าให้ฟัง ท่านมิได้หมกมุ่นตรอมใจจนตายอย่างนิยายว่า เรื่องเพิ่งจะมาเศร้าโศกปวดร้าวเมื่อคุณปราณี ขยายให้เป็นนิยายนี่เอง และถ้าเรื่องนี้เป็นไปตามนั้น ไม่มีทางจะปิดชาวเชียงใหม่ได้มิดหรอก
ลองอ่านนะครับ //www.compasscm.com/issue/Feb10/module_back.asp?content=Feb10/scoop&lang=TH
---------------------------------------------------------------------------
เจ้าน้อยศุขเกษม เจ้าหญิงบัวชุม.jpg (109.24 KB, 500x614 - ดู 104 ครั้ง.) makorlan
Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 30 พฤษภาคม 2011, 19:55:18 »
----------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก: khao e to ที่ วันที่ 30 พฤษภาคม 2011, 17:35:45
เจ้าวงศ์สักก์ ณ เชียงใหม่ กล่าวในฐานะคนในว่า เรื่องมันไม่ได้เป็นนิยายอย่างนั้น มันไม่ได้ใหญ่โตจนกลายเป็นประเด็นทางการเมือง เพียงแต่มันไม่เหมาะสม เพราะตามตำแหน่ง เจ้าน้อยฯ ต้องเป็นเจ้าหลวงในอนาคต หลายคนคงลำบากใจที่ได้เมียเป็นชาวพม่า และที่สำคัญ อุตส่าห์ส่งไปเรียนหนังสือ กลับได้เมียมา เป็นเรื่องปกติที่พ่อแม่ต้องไม่พอใจ คงเหมือนสมัยนี้แหละ บางคนก็ต่อว่าเจ้าปู่เรา (เจ้าหลวงแก้วนวรัฐ) ว่าแบ่งขีดแบ่งชั้นกีดกันความรัก ความจริงอีกอย่างคือเจ้าอาว์ (เจ้าน้อยศุขเกษม) ก็รูปหล่อ เป็นลูกเจ้าอุปราชฯ ท่านก็เป็นคนสำราญตามประสาเจ้าชายหนุ่ม และตามที่ผู้ใหญ่เล่าให้ฟัง ท่านมิได้หมกมุ่นตรอมใจจนตายอย่างนิยายว่า เรื่องเพิ่งจะมาเศร้าโศกปวดร้าวเมื่อคุณปราณี ขยายให้เป็นนิยายนี่เอง และถ้าเรื่องนี้เป็นไปตามนั้น ไม่มีทางจะปิดชาวเชียงใหม่ได้มิดหรอก
ลองอ่านนะครับ //www.compasscm.com/issue/Feb10/module_back.asp?content=Feb10/scoop&lang=TH
ใช่คุณปราณี ศิริธร หรือไม่ Aikaew
กระทู้: 70
Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 01 มิถุนายน 2011, 16:44:42 »
---------------------------------------------------------------------------
หันโตย คุณkhao e to น่ะครับ เกยฟัง+ถกกับเจ้าหน้อยสัมฤทธิ์ต๋อนไปแอ่วเจียงตุ๋งโตยกั๋นเมื่อสักปี๋มาละก้า อิอิ (ส่วนตั๋วตี้เป๋นคนเมือง) สังคมคนเมืองแต่ก่อน คนตี้ปอมีฐานะส่งลูกหลานไปเฮียน แล้วไปเอาเมียกาว่าเอาผัวเหียระหว่างเฮียน จะเป๋นตี้ขายหน้าครอบครัว ยิ่งมีฐานะตางสังคม ก็จะถูกเอามาทำดรามา หื้อชัดขึ้นแหมด้วยหลายเหตุผลน่ะครับ แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล IP : 61.19.32.30 makorlan ระัดับ:ป.โท
ออฟไลน์
กระทู้: 364
Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 01 มิถุนายน 2011, 19:47:33 »
---------------------------------------------------------------------------
ไปอ่านมาแล้ว ขอบคุณครับ khao e to ระดับ:มัธยมศึกษา
ออฟไลน์
กระทู้: 81
Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 02 มิถุนายน 2011, 02:09:24 »
--------------------------------------------------------------------------------
คุณอ้ายแก้วครับ ( Aikaew ) รบกวนเล่าเรื่องเชียงตุงให้ฟังบ้างสิครับ
เมื่อเดือนมิถุนายน พศ.2485 พลโท ผิน ชุณหะวัณ ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนพี่น้องไทใน เชียงตุง และได้รวม สหรัฐไทยใหญ่ให้อยู่ในพระราชอาณาจักรไทยเป็นความสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายระหว่างกัน นับจากวันนั้นก็ 69 ปีผ่านมาแล้วครับ เราไม่ค่อยได้ยินหรือได้รับรู้เรื่องราวของพี่น้องไท ที่นั่นซักเท่าไหร่ ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
--------------------------------------------------------------------------------
เชียงตุง 2485.jpg (27.51 KB, 283x200 - ดู 64 ครั้ง.) แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล IP : 101.108.120.239 n.md แฟนพันธ์แท้
ออฟไลน์
กระทู้: 501
อดทนเพื่อสองสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก ~~~~~~~~~
Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 02 มิถุนายน 2011, 13:22:41 »
--------------------------------------------------------------------------------
ชอบเพลง แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล IP : 118.172.66.0
--------------------------------------------------------------------------------
>>หนึ่งก้าวแรกที่พลาดพลั้ง คือก้าวหลังที่มั่นใจ<< >>สองก้าวหนึ่งที่พลาดไป คือก้าวใหม่ที่มั่นคง<< khao e to ระดับ:มัธยมศึกษา
ออฟไลน์
กระทู้: 81
Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 04 มิถุนายน 2011, 01:37:11 »
--------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเติมครับ
ในขณะนั้นเมื่อได้ยินเนื้อเพลงว่า มะเมี๊ยะเป็นสาวแม่ก้า คนพม่า เมืองมะละแหม่ง... ก็ไม่เคยติดใจสงสัยอะไร ต่อเมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้วและได้ศึกษาประวัติศาสตร์มอญ สอบถามผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่าน ต่างก็บอกตรงกันว่า เมืองมะละแหม่งมีแต่มอญ ไม่มีพม่า
มะเมี๊ยะเป็นสาวมอญ ?
ติดตามอ่านได้ที่นี่ครับ : //www.thaipoet.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=538727377&Ntype=2
มะเมี๊ยะเป็นสาวมอญ มะเมี๊ยะเป็นสาวมอญ
องค์ บรรจุน
มะเมี๊ยะ ในความรับรู้ของผู้เขียนครั้งแรก เกิดจากเพลงโฟล์คซองคำเมืองของ จรัล มโนเพชร ขับร้องโดย สุนทรี เวชานนท์ เนื้อหาบอกเล่าชีวิตรักที่ขมขื่นของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง เพลงชุดนี้ออกวางแผงและโด่งดังอย่างยิ่งเมื่อช่วง พ.ศ. ๒๕๒๐ ตั้งแต่สมัยที่ผู้เขียนเรียนอยู่ชั้นประถมต้น
หมะเมี๊ยะเป๋นสาวแม่ก้า คนพม่า เมืองมะละแหม่ง
งามล้ำดั่งเดือนส่องแสง คนมาแย่ง หลงฮักสาว
หม่าเมี๊ยะบ่อยอมฮักไผ๋ มอบใจ๋ หื้อหนุ่มเจื้อเจ้า...[๑]
ในขณะนั้นเมื่อได้ยินเนื้อเพลงว่า มะเมี๊ยะเป็นสาวแม่ก๊า คนพม่า เมืองมะละแหม่ง... ก็ไม่เคยติดใจสงสัยอะไร ต่อเมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้วและได้ศึกษาประวัติศาสตร์มอญ สอบถามผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่าน ต่างก็บอกตรงกันว่า เมืองมะละแหม่งมีแต่มอญ ไม่มีพม่า
-------------------------------------------------------------- jesdath ระัดับ:ป.โท
Re: เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ตำนานรักเเห่งล้านนา « ตอบ #18 เมื่อ: วันนี้ เวลา 16:34:26 »
-----------------------------------------------------------------------------
เป็นอำนาจทางการเมืองส่วนกลางบีบมา--- ก็ที่ว่าเป็นลูกเจ้าเมืองแต่งงานกับสาวพม่ามันไม่งาม ทางผู้ใหญ่ในกรุงเทพ จะคืดว่า เจ้าหลวง ไปฝักใฝ่ทางพม่า --อ่านหนังสือเรื่องเจ้าดารารัศมี พบว่า-- --มีเพื่อนเจ้าน้อยไปเที่ยวหา ก็มีคนรับใช้มาบอกว่า มีแม่ชีมาหา เจ้าน้อยก็บอกว่า ให้ไปบอกว่า เจ้าน้อยไม่อยู่ แม่ชีองค์นั้นก็คือมะเมียะนั่นเอง--เหตุที่ต้องทำเช่นนี้เพราะเจ้าพ่อบีบมา--ชีวิตจริงไม่ได้งดงามเหมือนดั่งนิยาย ----จนต่อมาท่านพ่อของเจ้าน้อยก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมือง ตามที่คาดไว้ เพราะเหตุที่ไม่ยอมให้ทั้งคู่แต่งงานกันดังกล่าว --------------------------------------------------------- ขออนุญาตนำข้อความไปให้แฟนบล็อกผมอ่านด้วยครับ เพราะตัวผมเคยทราบตรงนี้แล้ว แต่แฟนบล็อกเรื่องลี้ลับผมยังไม่ทราบเลยครับ ---รู้สึกว่า เมื่อเจ้าดารารัศมีได้ลงไป ถวายตัวเป็นพระชายาของ ร.5 ก็มีคนสนิทคือเจ้าหญิงบัวชุม ลงตามเสด็จไปด้วย และเป็นที่ฮือฮาในสังคมยุคนั้น เพราะมีศิริโฉมงดงาม เชี่ยวชาญการเล่นดนตรีคือ เปียนโน จนทำให้เชื้อพระวงศ์ทางโน้นมาเที่ยวตำหนังเจ้า ดารา..จนหัวกระไดไม่แห้ง..อ่านไว้นานแล้ว ส่วนนี้จริงหรือเปล่าครับ ในหนังสือก็บอกว่า เจ้าหญิงเป็นหม้ายด้วย --นี่ก็ตำนานรักซ้อนเข้ามาอีกทอดนึง--สุดโรแมนติกเลยครับท่าน--เพลงเปียนโน กุหลาบสีแดง และไวน์สีแดง --ชุดฟูฟ่องลูกไม้สวยๆ ---------------------------------
Create Date : 15 มิถุนายน 2554 |
|
7 comments |
Last Update : 18 มิถุนายน 2554 23:06:57 น. |
Counter : 9216 Pageviews. |
|
|
|