ทำข้าวต้มผัด
อยากทำ เพราะชอบกินขนมไทยชนิดนี้ กินเล่น ๆ ก็ได้ เอาอิ่มก็ได้ กินหลาย ๆ อันก็อิ่มไปเอง ขนมไทยหลายอย่างมีเสน่ห์น่ารักตรงนี้เอง ไม่ค่อยมีกฎเกณฑ์เรื่องเวลากินตายตัว กินตอนไหน เช้า สาย บ่าย ค่ำ ได้หมด
คงเป็นบุคคลิกประจำชาติแบบหนึ่งของไทย
เราถึงเห็นขนมครกตั้งแต่เช้าตรู่ ไปจนถึงขนมครกที่ขายเฉพาะตอนเย็นไปจนค่ำ โจ๊กกับอิ่วจาก้วย ขายตั้งแต่เช้าก็มี ขายเป็นอาหารค่ำมื้อก่อนนอนของคนนอนดึกก็มี จะมีที่ไหนแบบนี้ในโลกบ้าง
มัดได้ไม่เท่ากันสักอัน
แต่มันอร่อยนะคะ กินได้เพลินจนลืมอ้วนกันไปเลยเชียว
เราหาวิธีมัดข้าวต้มผัด และไปค้นบ้านเจ๊หลีคนเก่ง ที่ลงรายละเอียดยิบ ว่ากันตั้งแต่จูงมือพาไปตัดตอง เตรียมใบตอง กวนข้าว จนสอนห่อข้าวต้ม
ขอบคุณเจ๊หลีอย่างสุดหัวใจเลยค่ะ
ถึงแม้จะทำออกมาได้ขี้ริ้วมาก ๆ แต่ก็ภูมิใจเสนอมาก
ตามไปดูของจริงได้ที่
สูตรของเราใช้แบบนี้ค่ะ
ข้าวเหนียวเขี้ยวงู เราใช้ข้าวเหนียวกลางปี อย่างละ 500 กรัม เพราะจะทำเป็นสองไส้ สองสี คือสีเขียวใบเตยไส้กล้วย และสีม่วงดอกอัญชันไส้เผือก รวมเป็นทั้งหมด 1000 กรัม หรือ 1 กิโลกรัมนั่นเอง
สำหรับข้าวต้มผัดไส้กล้วย
หัวกะทิ 200-250 กรัม
น้ำตาลทราย 150-180 กรัม
ดอกเกลือ 1-2 ช้อนชา หรือใช้วิธีชิมเอาค่ะ
ถั่วดำต้มสุกนิ่ม ตามชอบ เราใช้ 300 กรัมแน่ะ
กล้วยน้ำวาสุก 1 หวี ล้างสะอาดปอกเปลือกผ่าครึ่ง
สำหรับข้าวต้มผัดไส้เผือก
หัวกะทิ 200-250 กรัม
น้ำตาลทราย 150 กรัม หรือมากกว่านี้ก็ได้ถ้าอยากให้หวานอีกหน่อย
ดอกเกลือ 1 ช้อนชา หรือใช้วิธีชิม
ไส้เผือกกวน
เผือกนึ่งสุก บดละเอียด 500 กรัม
หัวกะทิ 125 กรัม หรือประมาณครึ่งถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 300 กรัม
ดอกเกลือนิดหน่อย พอให้รสกลมกล่อม
วิธีการ
- ซาวข้าวเหนียวให้สะอาดสักสองสามครั้ง แช่ข้าวเหนียวในน้ำใบเตยคั้นผสมน้ำเปล่าพอให้ท่วมข้าว ใช้เวลาอย่างน้อยสามชั่วโมง (ใครใช้ข้าวใหม่กว่านี้ลดเวลาลงได้นะคะ)
- ทำอย่างเดียวกับข้าวเหนียวสีม่วง เพียงแต่เปลี่ยนจากใบเตยเป็นดอกอัญชันแทน
-เราแช่ข้าวเหนียวเอาไว้ แล้วก็ออกไปลั้ลลา หาอย่างอื่นทำไปเรื่อย เช่น ทำขนมปังสำหรับเบอร์เกอร์ นวดขนมปัง หมักโดว์เอาไว้ เตรียมทำไส้เนื้อบด ผสมเครื่องปรุง แล้วก็พักไว้ในตู้เย้น ฯลฯ
ครบเวลาแล้วค่ะ เทน้ำออกจากข้าวเหนียวแล้วพักในกระชอนให้สะเด็ดน้ำ
คิดถึงสมัยก่อน ที่เห็นแม่คั้นกะทิ เวลาจะทำแกง หรือใช้กะทิทำขนม กระชอนคั้นกะทิจะเป็นไม้ไผ่สานละเอียด ๆ สวยดี
ถามหาในตลาด ไม่มีขายแล้วแบบนั้น แม่ค้าบอกมีแต่กระชอนอลูมิเนียม หรือสเตนเลสแล้ว ..
- ใช้น้ำเดือด ๆ เทลงในกาละมังที่ใส่มะพร้าวขูดไว้ เราใส่น้ำร้อนเยอะเกินไป ทำให้คั้นไม่ได้สักทีเพราะมันร้อนจัด เลยเติมน้ำเข้าไปอีกแยะ
กลายเป็นไม่ได้หัวกะทิข้น ๆ เลย
ถ้าใครจะคั้นกะทิเอง ใช้น้ำร้อนไม่ต้องเยอะ พักสักครู่แล้วค่อย ๆ เติมน้ำธรรมดาลงไปดีกว่านะคะ
คั้นกะทิโดยขยำมะพร้าวให้ทั่ว ๆ แล้วกรองผ่านกระชอนที่รองผ้าขาวบางไว้อีกทีหนึ่ง
ตอนนี้มือเลอะเทอะมาก ไม่สามารถมีภาพได้ค่ะ
- ถั่วดำต้มสุก เราต้มไว้ล่วงหน้า โดยการแช่ถั่วดำในน้ำสักพัก ใช้เวลาต้มค่อนข้างนาน คุณแม่บ้านบอกว่า ทีหลังให้แช่ถั่วค้างคืนไปเลยแล้วค่อยต้ม จะใช้เวลาน้อยกว่านี้
เราว่าแช่ถั่วดำนาน ๆ แล้วต้ม จะได้ถั่วที่เปลือกพองลอกออกจากเนื้อถั่วนะ ไม่เหมือนแช่พักเดียวแล้วต้มเลย
ใครมีประสบการณ์เรื่องนี้ เอามาแชร์กันบ้างนะคะ
ต้มจนได้ถั่วสุกนิ่ม พักไว้ให้เย็น
- มากวนเผือกกัน เราใช้เผือกนึ่งบดละเอียด ผสมกับหัวกะทิ และน้ำตาล เกลือ คนให้เข้ากัน กวนในกะทะทองเหลือง ใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน กวนไปเรื่อย ๆ จนได้เผือกเหนียวและแห้ง ไม่ติดกะทะ
- มาเริ่มผัดข้าวเหนียวกัน ตั้งกะทะทองใส่หัวกะทิลงไป ใส่ใบเตยลงไปสองสามใบ (ตามอย่างเจ๊หลีค่ะ) รอให้กะทิเดือดก่อน แล้วตามด้วยน้ำตาล เกลือ ลองชิมรสดูก่อน เผื่อข้าวเหนียวด้วย
- ใส่ข้าวเหนียวที่แช่ได้ทีแล้วลงไปผัดกับกะทิ คนให้เข้ากัน ใช้ไฟอ่อนค่ะ
- ผัดต่อไปจนข้าวเหนียวพอแห้ง เจ๊หลีบอกว่าพอให้หยิบได้ เห็นภาพชัดเจนและเข้าใจง่ายดีค่ะ
- เราผัดจนได้ประมาณนี้
- ทำแบบเดียวกันกับข้าวเหนียวสีม่วงค่ะ ผัดข้าวเหนียวกับหัวกะทิจนเริ่มงวดและแห้งหน่อย
- ได้ข้าวเหนียวสีม่วงหม่นมาแบบนี้
- แล้วก็ถึงเวลาที่รอคอย ตอนสนุกที่สุดของการทำข้าวต้มผัดที่เราอยากทำ คือขั้นตอนนี้แหละค่า
เตรียมข้าวของให้พร้อมนะคะ
- กล้วยน้ำวาปอกเปลือกหั่นตามยาว มีเส้น ๆ เหลือเพียบเลย
- ภาพสนามรบของเราค่ะ
- การเตรียมใบตองสำหรับห่อ และขั้นตอนการวางใบตอง กรุณาอ่านจากบล็อกเจ๊หลีนะคะ เขียนไว้ละเอียดมาก ๆ แล้วค่ะ
อิฉันพยายามทำตามอย่างดีที่สุด ได้แค่นี้เอง แฮ่ะ แถมอีกสองสามวันหลังจากทำข้าวต้มผัด รู้สึกจะแพ้ยาง หรืออะไรสักอย่างจากใบตองด้วยค่ะ ใครจะลองทำกรุณาใส่ถุงมือยางไว้ก่อนนะคะ ถ้าไม่แน่ใจว่าแพ้หรือไม่
- วางข้าวเหนียวลงบนใบตอง ตามด้วยถั่วดำตามต้องการ
- ตามด้วยกล้วย และปิดด้วยข้าวเหนียว ประดับตกแต่งด้วยถั่วดำต้มตามชอบ
เราชอบถั่วดำเยอะ ๆ ในข้าวต้มผัด เลยใส่เยอะมากค่ะ มิไยจะมีผู้รอกินหลายคน สั่งมาว่าถั่วน้อย ๆ ข้าวเหนียวเยอะ ๆ กล้วยเล็ก ๆ ก็อย่าหวังว่าจะทำตาม เพราะคนทำไม่ชอบแบบนั้น
- ห่อให้เรียบร้อย เท่าที่จะสามารถ เรียงไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยไปเอาตอกที่แช่น้ำเตรียมไว้มามัดอีกที
สำหรับไส้เผือก ทำแบบเดียวกันค่ะ ใครจะไม่ใส่ถั่วดำในแบบไส้เผือกก็ได้ และเราใส่หมด เพราะมีถั่วดำเยอะมาก
- ค้นพบว่า แบบไส้เผือกห่อง่ายกว่าเยอะ เพราะไส้เผือกจะอยู่เป็นรูป ไม่ดื้อมากเท่าไส้กล้วยครึ่งลูก จับเป็นทรงไหนก็ว่าง่ายค่ะ
- จับข้าวต้มมาประกบคู่ ตรงนี้ยากหน่อย สำหรับเรา เพราะข้าวต้มเราขนาดไม่ค่อยเท่ากัน ก็หา ๆ เอาค่ะ ว่าใครจะคู่กับใคร ทำหน้าที่เป็น Match Maker ให้ข้าวต้มมัด
- ในที่สุด ก็หาคู่ให้ได้หมดทุกอัน จับใส่ลังถึงเตรียมนึ่งแล้ว
- ใช้เวลานึ่งบนน้ำเดือด ไฟแรงปานกลาง ประมาณหนึ่งชั่วโมง ถึงชั่วโมงครึ่งค่ะ อันนี้แล้วแต่ขนาดมัดข้าวต้มด้วย
- ออกมาใหม่ ๆ หอมหวนยวนใจมาก ๆ หอมกลิ่นตองและกล้วยน้ำว้า เราผึ่งไว้บนกระด้งไม้ไผ่ ..อวดๆ ว่ามีกะเขาด้วยนะ กระด้งไม้ไผ่สาน ชอบมาก ๆ ค่ะ
ถ้าเจอจะซื้อมาอีก
เรามีปัญหาเล็กน้อย กับการทำข้าวต้มผัดทีละสองไส้ ว่าจะทำเครื่องหมายยังไงดี ให้รู้ว่าอันไหนเป็นไส้อะไร กะจะมัดตอกเดี่ยวกับคู่ให้แตกต่าง พอทำไป ทำไป ก็เผลอมัดมั่วไปหมด เพราะขนาดมันไม่เท่ากัน ถ้าอันไหนยาวหน่อยก็ต้องมัดตอกคู่อยู่แล้ว
- พักไว้ให้พออุ่น แล้วค่อยชิม
- เช้าวันอาทิตย์ บ้านเรามีข้าวต้มผัดกินเป็นอาหารเช้าด้วย กินแล้วอารมณ์ดีมากค่ะ
กินข้าวต้มผัด กับผลไม้เป็นอาหารมื้อสายวันอาทิตย์...
ค้นพบว่า ไม่ว่าจะใส่สีอะไรในข้าวเหนียว พอนึ่งออกมาแล้ว ก็ไม่เห็นค่ะ กลายเป็นสีใบตองหมด หรือไม่ก็ออกสีจางมาก
เราว่า ข้าวเหนียวมันคงมีสารอาหารบางอย่าง นอกจากที่โดนแซวเอาไว้หลายอย่าง เช่น มียานอนหลับผสม เพราะกินข้าวเหนียวแล้วจะง่วง หรือมีสารละลายดั้ง เพราะกินแล้วจะดั้งหาย ..อันนี้ใจร้ายเนาะ
สันนิษฐานเอง ว่าคงมีสารที่กล่อมประสาท กินแล้วสงบสุข อารมณ์ดี ชิลๆ เคลื่อนไหวไม่ปุบปับ ไม่รีบร้อนไปข้างไหน ยิ่งถ้าเป็นข้าวเหนียว+กะทิ+น้ำตาลด้วยละก้อ..จะออกฤทธิ์เร็วเป็นสองเท่า
ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองกินข้าวเหนียวมูลกะทิไปสักชามใหญ่ จะรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
เราก็ว่าไปเรื่อยเปื่อย..
แต่ที่แน่ ๆ ผลของการที่ไม่ค้นพบวิธีการทำเครื่องหมาย ให้รู้ว่าข้างในเป็นไส้อะไรกันแน่ ก็ทำให้ต้องกินเข้าไปมากชิ้นกว่าที่ควร เพราะต้องใช้วิธีเดา ผสมกับการแกะดู แล้วลุ้นเอง
พอเปิดมาแล้ว ถึงจะไม่ใช่ไส้ที่ต้องการกิน ก็ต้องรับผิดชอบ ด้วยการกินชิ้นที่แกะแล้วไปด้วย
เป็นกฎกติกามารยาทการกินข้าวต้มผัดที่บ้านค่ะ
ยิ่งเรา ซึ่งอ่อนด้อยในการเดา แต่มีความรับผิดชอบสูง
ต้องกินไปตั้งหลายคู่...
เป็นคำแก้ตัวที่ฟังขึ้นไหมคะ...
เราว่า การทำข้าวต้มผัดกินเอง ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากมากเท่าที่คิด (เราคิดเอง) ยิ่งสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกเยอะ ยิ่งคุ้มเวลาที่จะทำ และยังได้ใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวด้วย
คนสมัยก่อน คงจะใช้เวลาทำเรื่องพวกนี้ด้วยกัน มีกิจกรรมทำด้วยกันในบ้าน
ให้หนุ่ม ๆ ไปตัดตอง ขูดมะพร้าว จักตอก สาวในบ้านก็ตัดขึ้นรูปใบตองกัน เด็ก ๆ ให้หัดเช็ดตองให้สะอาด คนอื่น ๆ แยกหน้าทีทำกันคนละอย่างได้ ต้มถั่ว เตรียมไส้กล้วย แช่ข้าวเหนียว
พอทุกอย่างพร้อม ก็มาล้อมวงช่วยกันห่อข้าวต้ม ประธานของวงข้าวต้มผัดก็คงจะนั่งบัญชาการ พร้อมกับขึ้นรูปการห่อข้าวต้มมัดอย่างสวย เป็นตัวอย่างให้เด็ก ๆ ดูไปพร้อมกัน
เป็นการสร้างสัมพันธ์อันดีในบ้าน ให้คนได้ใกล้ชิดกัน และได้สำรวจความเป็นไปของสมาชิกในบ้านไปพร้อมกัน