กำจัดกล้วยหอมสุกงอม

เชื่อว่ามีหลายบ้าน ต้องลุกขึ้นทำขนมเนื่องด้วยมีผลไม้ที่กำลังจะสุกเกินกิน และงอมไปแล้ว
หนึ่งในบรรดาผลไม้ที่ชอบสร้างปัญหานี้คือกล้วยหอมนั่นเอง
เวลาซื้อ เรามักจะซื้อยกหวี แล้วพอมันสุกพร้อมกันก็ต้องหาเรื่องทำอะไร หรือมิฉะนั้นก็ต้องปอกเปลือกเอาแต่เนื้อกล้วยแช่แข็งไป
ตอนนี้ช่องฟรีซของตู้เย็นทั้งสองใบของเรา ใกล้จะท้องแตกอยู่แล้ว จึงหมดทางทีจะใช้วิธีนั้น

เชื่ออีกอย่าง ว่ามีสูตรเค้ก ขนมปังกล้วยหอมมากมาย นับร้อยสูตร แต่ละสูตรก็แตกต่างกันไปเล็กน้อย แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน

ที่เราทำวันนี้ ชื่อเป็นขนมปัง แต่เนื้อออกไปทางเค้กเนื้อแน่น เรียกขนมปังตระกูลนี้อีกอย่างว่า Quick Bread นั่นเอง

บานาน่าเบรด สูตรแบบนี้ เวลาทำนอกจากจะสนุกดีเพราะมันง่ายแล้ว คนทำยังสามารถปรับเปลี่ยนส่วนผสมได้หลายแบบ ใช้น้ำมันแทนเนยละลาย เปลี่ยนน้ำตาลทรายขาวเป็นน้ำตาลทรายแดง เพิ่มกล้วย เปลี่ยนจากส่วนของถั่วเป็นผลไม้แห้งอย่างอื่นที่ชอบก็ยังได้
หรืออยากใส่แอ๊ปเปิ้ลบดลงไปแทนในส่วนของกล้วยหอมงอม ๆ ก็น่าจะยังโอเค (อันนี้คิดว่าจะลองเพราะมีแอ๊ปเปิ้ลสุก ๆ เยอะด้วยอ่า)




ทำง่าย ๆ ใช้ชามผสมสองสามใบเท่านั้นเอง ไม่ต้องเครื่องผสมอื่นใดค่ะ
สูตรมาจาก Banana Bread by Joyofbaking.com  นะคะ
เราปรับส่วนผสมนิดหน่อยจากสูตรต้นฉบับ เพิ่มกล้วย เพิ่มวอลนัท ลดน้ำตาลและซินนาม่อนผง

Banana & Walnut Bread
ส่วนผสม
ส่วนผสมนี้ทำได้ 2 โลฟ ขนาด กว้าง 11 X ยาว 23 X สูง 9 ซม. นะคะ ใครอยากทำโลฟเดียวก็ลดลงไปครึ่งนึง ที่ทำเยอะเพราะมีกล้วยหอมอยู่ประมาณนี้ ..อิอิ มีข้ออ้างในการทำสูตรมโหฬารอีกแล้ว

แป้งอเนกประสงค์ 460 กรัม
ผงฟู  2 ช้อนชา
เบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
ซินนาม่อนผง 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทรายละเอียด 270-280 กรัม

กล้วยหอมสุกงอมบดหยาบ ๆ 1050 กรัม (ประมาณกล้วยหอมผลใหญ่ ๆ 7-8 ผล)
ไข่ไก่ฟองใหญ่ 4 ฟอง
เนยสดละลาย 227 กรัม
วานิลลาเอ็กซแทรค 2 ช้อนชา

วอลนัท 280 กรัม

วิธีทำ

1. วอร์มเตาอบไว้ที่ 180 องศาซี  เตรียมพิมพ์โดยทาไขมัน โรยแป้งบาง ๆ แล้วเคาะแป้งส่วนที่เกินออก

2. อบวอลนัทพอให้สุกหอม ใช้ไฟในเตาอบตอนที่เพิ่งเริ่มวอร์มเตานั่นแหละค่ะ ตั้งเวลาไว้ 10 นาที พอครบเวลา อุณหภูมิจะยังไม่ถึง 180 ดี วอลนัทจะกำลังสีสวย แต่อันนี้ต้องรู้จักเตาอบบ้านตัวเองดีนะคะ  ปรกติควรจะใช้อุณหภูมิซัก 160 องศาซีสำหรับนัทประเภทนี้ค่ะ วอลนัทน้ำมันเยอะจะไหม้ง่ายหน่อย  สับวอลนัทหยาบ ๆ รอไว้

3.  ละลายเนย พักไว้ให้เย็นก่อนใช้

4.  ผสมแป้ง ผงฟู เบคกิ้งโซดา เกลือป่น น้ำตาลทรายละเอียด และซินนาม่อนผงเข้าด้วยกันในชามผสม ใช้ตะกร้อมือคน ๆ ให้เข้ากันดี

5.  ในชามผสมใบใหญ่ ตอกไข่ทั้งหมดลงไป ใช้ตะกร้อมือตีให้เป็นฟอง ใส่กล้วยหอมบดลงไป ตามด้วยเนยละลาย และวานิลลาเอ็กซแทรค คนทั้งหมดนี้ให้เข้ากัน

6.  ใส่ส่วนผสมข้อ 4. ลงในชามผสมข้อ 5. ใช้พายยางตะล่อมจนไม่เห็นผงแป้ง ไม่ควรคนนานหรือแรงเกินไป 

7.  ใส่วอลนัทสับลงไป ตะล่อมให้วอลนัทกระจายตัวทั่วแบทเทอร์

8.  ตักส่วนผสมใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ ประมาณ 3/4 ของพิมพ์
 เนื้อแบทเทอร์ที่ได้ จะดูไม่ค่อยข้นเท่าของต้นฉบับนะคะ เพราะเราเพิ่มกล้วยหอมเยอะ  ถ้าใช้กล้วยเท่าสุตร ควรจะต้องปาดแบทเทอร์ให้เรียบเพราะมันค่อนข้างข้นหนึด

9.  ส่งเข้าอบในเตาที่อุณหภูมิคงที่แล้ว พิมพ์ขนาดที่เราใช้ อบนาน 70 นาที หลังจากอบไปสัก 40 นาที ถ้าหน้าขนมสีเข้มเกินไปให้ใช้กระดาษฟอยล์คลุมด้านบนแล้วอบต่อจนสุก  เช็คสุกโดยการใช้ไม้แหลม ๆ จิ้มลงไปจนสุดแล้วไม่มีอะไรเหลว ๆ ติดขึ้นมาก็ใช้ได้ค่ะ

พักขนมในพิมพ์ประมาณ 15 นาที แล้วคว่ำออกพักบนตะแกรงให้เย็น ถ้ายังไม่กินทันที ใช้กระดาษฟอยล์ห่อให้สนิท เก็บไว้นอกตู้เย็นหนึ่งคืนค่ะ หลังจากนั้นค่อยเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา หรือใครจะเก็บนานก็ควรสไลซ์เป็นชิ้นๆ ห่อกระดาษฟอยล์แล้วแช่แข็งได้ เวลาเสิร์ฟค่อยนำออกมาพักให้คลายตัวแล้วอุ่นด้วยไมโครเวฟสัก  10-15 วินาที





ง่ายเนอะ เป็นอาหารเช้าที่ดีสำหรับทุก ๆ คนค่ะ
ถ้าใครไม่ชอบถั่วในเนื้อขนม ไม่ต้องใส่ก็ได้นะคะ
เด็กที่บ้านบ่นใหญ่ ว่าทำไมต้องใส่วอลนัทด้วย เขาไม่ชอบ ฯลฯ..

..ก็รู้เหมือนกันแหละ ว่าไม่ค่อยชอบ แต่ก็อยากให้ฝึกกินอะไรที่มีเท็กซเจอร์หลากหลายบ้าง 
ตอนทำเราถึงใส่วอลนัทในโลฟนึงน้อย ๆ กะให้เป็นทางเลือก(อันจำกัด)ของเด็กบางคน
พูดง่าย ๆ คือ ต้องเลือกระหว่างมีถั่วน้อย ๆ กับถั่วเยอะ ๆ นั่นแหละ





เช้าของอีกวันหลังจากทำเสร็จ มีนัดกับเดอะแกงค์ ด้วยความรีบ เลยคว้าหนึ่งสไลซ์ที่ตัดแล้วใส่กล่อง กะเอาไปให้สาว ๆ ชิม
ปรากฎว่าเพื่อน ๆ ชอบกันมาก
ตอนแรกไม่ได้คิดจะลงบล็อกเลยค่ะ ไม่มีรูปถ่ายขั้นตอนอะไรทั้งนั้น ทำแบบเร็ว ๆ

พอมีคนอยากได้สูตร เลยรีบจัดให้ค่ะ ด้วยความบ้ายอเป็นล้นพ้น อิอิ





แต่มันก็อร่อยจริง ๆ นะคะ
ถ้าใครชอบหวานกว่านี้ก็เพิ่มน้ำตาลได้เลยค่ะ
บางที เราก็เสิร์ฟเจ้าขนมปังกล้วยหอมนี้กับครีมชีสสเปรด  อร่อยลืมอ้วนกันเลยเชียว




ขอให้มีความสุขกับการได้ลองทำขนมจากของในบ้านนะคะ
จากที่เห็นกล้วยสุก ๆ กองอยู่แล้วรำคาญตา แรกๆ ก็พยายามจะบังคับให้คนในบ้านช่วยกันกิน 

ไม่ค่อยได้ผล เปลี่ยนเป็นหาสูตรทำขนมจากกล้วยงอมดีกว่า

เรื่องในบ้านหลายเรื่องที่รบกวนจิตใจ ถ้าเราลุกขึ้นมาจัดการกับมันในวิธีที่เราถนัด แทนที่จะคาดหวังว่าคนอื่นจะทำอะไรบ้าง ผลลัพธ์ที่ออกมาจะดีกับทุกคนมากกว่านะคะ

..เรียกว่าพลิกกล้วยงอมให้เป็นของอร่อย..

ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่แวะมาใช้เวลาด้วยกัน ณ ที่นี้เสมอ ๆ ค่ะ