Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
กันยายน 2558
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
4 กันยายน 2558
O รูปนามเจ้าเอย .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
Giovanni Marradi - Garden of dreams and Poeme
O ลมยามเย็นโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
เมื่อความร้อนเพียบพูนค่อยสูญสลาย
ความมืดมัวหม่นดำเริ่มกล้ำกราย
เมื่อแสงปลายช่วงวัน .. ดับ-อันตรธาน
O แว่วสรรพเสียงนกค่ำ .. เริ่มร่ำร้อง
เมื่อคีตพร้องพร่ำศัพท์ขึ้นขับขาน
ลมอุสุมโลมลูบต้องรูปคราญ
เมื่อแก้วผ่านกรุ่นหอมมาล้อมรอ
O เหมือนหรีดหริ่งเรไร .. นั้น-ให้เสียง-
แทนสำเนียงพร่ำพร้องในห้องหอ
พร้อมภาพกาลโน้มแนบ .. ร่าง-แอบออ
เผยภาพขึ้นยั่วล้อ .. ให้ทรมาน
O จาก .. ไปวัดทำบุญเพื่อหนุนชาติ-
หวังป่นปราศ-โศกเศร้าคอยเผาผลาญ
ถึง .. คำข้าวคำบวง .. เมื่อช่วงวาน-
สุข-เอ่อซ่านอารมณ์ .. เกินข่มลง
O จน .. คำพระกล่อมเกล้า .. เมื่อเข้าสาย
ผ่านความหมายต่อเติมเข้าเสริมส่ง-
เรียงร้อยบทพุทธธรรมให้ธำรง-
อย่างมั่นคงแนบชิด .. กลางจิตใจ
O ตราบ .. คู้ค้อมศีรษะกราบพระเจ้า
หอมกลับเร้ารุม .. รม เกินข่มไหว
แว่วศัพท์เสียง, ความ, คำ .. พร้อมกำไล-
กรรทบให้ .. เงียบงัน .. สิ้น-อันตรธาน !
O รูปองค์พระสีทองงามผ่องใส
เมื่อหัวใจรายล้อมด้วยหอมหวาน
ธูป, เทียน, ช่อเสาวคนธ์ที่บนพาน
ก็เผยผ่านครบครัน .. ในสัญญา
O งดงามแห่งรูปเยาว์ในเช้าวัน-
เหมือนรอโอบอุ้มขวัญกลางพรรษา
แต่งรื่นรมย์โสมนัส .. ล่มศรัทธา-
ด้วยแววตาปลาบปลั่ง .. ทอ-สั่งการ
O หลัง..คำสอนความพระ .. เสียงจะแจ้ว
คือเสียงรับคำแผ่ว .. ดังแว่วหวาน
คล้าย-สะไบงามอะเคื้อ .. ห่มเนื้อคราญ-
เผยภาพผ่านทับซ้อน .. แต่ตอนนั้น
O สองมือเรียวกอบประนม .. หน้าก้มน้อม
ผมหล่นล้อมรูปหน้า .. แววตาหวั่น-
จากอุทธัจขัดเขิน .. มอง .. เมิน .. กัน
จนอกใจระทึกสั่นแต่วันเพรง
O ภาพเยื้องย่างก้าวคอย .. ชม้อยตา-
พร้อมวงหน้างามพิสุทธิ์ - ค่อยรุดเร่ง-
ขึ้นวอให้ทาสหญิง .. น้อม-กริ่งเกรง
คอนขึ้นไหล่คร่ำเคร่ง .. รุดเร่งเดิน-
O -นั้น-ยังคงติดตามจนยามนี้
ท่วงท่าที-มองสบ .. แล้วหลบ .. เขิน-
หลัง .. แววตาโหมระลอก .. เฝ้าหยอกเอิน
แรงสะเทิ้นในทรวงก็ช่วงแวว
O มาบัดนี้ .. รูปองค์ที่ตรงหน้า,
คำพูดจาอ่อนหวานที่ผ่านแว่ว-
ราวเผยรูปงามพิสุทธิ์ .. ยื้อยุดแวว-
ตา .. สบความผ่องแผ้ว .. ทุกแววตา
O ยังคงเป็นโบสถ์พระ .. วาระนั้น
จากแรกวันชาติภพ .. พานพบหน้า
ยังคงเป็นท่วงที .. เคยมีมา
งาม .. แจ่มจ้าในอกเกินยกพ้น
O ตาสบรูป .. มือเรียว-ราวเหนี่ยวหน่วง-
เอาความเงียบเหงาปวง .. พาร่วงป่น
ตาสบตา .. ในอกก็วก .. วน-
สั่นไหวอลเวงอยู่ .. ไม่รู้แล้ว
O แล้วงามก็ลุกลามขึ้นท่ามกลาง-
ความเวิ้งว้างล้อมห่มด้วยลมแผ่ว
ความหวานซึ้งอบอุ่น .. ก็หมุนแวว-
ตาผ่องแผ้วสบรู้ .. แรงชู้ชาย
.
.
O ราว .. หัตถ์ทิพจับวางลงขวางหน้า
ยั่วแววตาอ่อนโยนให้โชนฉาย-
ความอาลัยอาวรณ์เกินผ่อนคลาย
เผยรำบายสำหรับให้รับรู้
O เมื่อเผยรูปคอยล้อมไม่ยอมหลบ
ทุกตาสบตากัน .. ฤๅ-กั้นอยู่-
กับอ่อนหวานเพียบเพ็ญ .. ด้วยเอ็นดู
เฝ้าเวียนเผยความสู่ .. ถึงผู้เดียว
O เมื่อเผยรูปลักษณ์ล้ำ .. มาค้ำอก
ความหยิบยกย่อมต้อง .. ขอ-ข้องเกี่ยว
หวัง .. ถึงเนื้อเนียนผิวของนิ้วเรียว-
เอื้อมมาเหนี่ยวเด็ดใจ .. เอาไปครอง
O ด้วย-งามรูปรอยจริต .. ให้พิศเพ่ง,
แววตาเปล่งปลาบพรับให้จับจ้อง,
โลกก็เหมือนเลื่อนรับการจับจอง
หลังแววผ่องแผ้วหวาน .. วาบผ่านตา
O จีวรพระเหลืองลออ .. ปลิวล้อลม
เมื่อแววความรื่นรมย์ .. บัง .. บ่มหน้า
ทับซ้อนภาพ .. รูปคราญ .. ครั้งนานมา
ผู้คอยหาละห้อยเห็นไม่เว้นยาม
O สายลมยังโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
เมื่อดวงตาเหลือบค้อน .. ราว-อ้อนถาม-
ว่า .. เวียนสบตาอยู่ .. ฤๅรู้ความ-
ว่า .. ตาวามวับอยู่ คือ .. รู้แล้ว ?
O เมื่ออาวรณ์ในทรวง .. เริ่มช่วงฉาย
ก็เมื่อสายลมเร้า..อย่าง-เบาแผ่ว
ความอ่อนหวานในอก .. จึงยกแนว-
เผยผ่านแววตาสะทกสะเทิ้นนั้น-
O ให้รับรองหวานหอมที่ล้อมอยู่
ทั้งรับรู้ .. ว่าใจที่ไหวสั่น-
จากคำบวงสืบสร้างแต่ปางบรรพ์
ครั้งร่วมขันคำข้าว .. ร่วมกล่าวคำ
O รอคอยเถิด .. อกใจผู้ใฝ่หา
พากย์พรรณนามอบสู่ .. ให้รู้สัม-
ผัส .. อารมณ์หมายปองเพื่อจองจำ-
เจ้า .. ให้คร่ำครวญหาด้วยอาลัย
O สุดหัวใจ .. ถ้อยคำตอกย้ำอยู่
เพื่อแรงชู้รัดพันโอบขวัญให้-
รับรองการฝ่างามเอาตามใจ
ด้วยอาลัยอุ่นร้อน .. ที่ย้อนรอย
O เมื่อหัวใจใฝ่หา .. รูปราศี
เส้นทางที่ดุ่มเดินก็เกินถอย
รูปแพงเอย .. ความพิไลที่ใฝ่คอย-
คือแสงพร้อยแห่งเพชรเพียงเม็ดเดียว !
Create Date : 04 กันยายน 2558
Last Update : 10 เมษายน 2566 12:08:49 น.
9 comments
Counter : 4360 Pageviews.
Share
Tweet
ไพเราะมากค่ะ บรรยายได้เห็นภาพ
พร้อมเพลงบรรเลงกล่อมเกลาอารมณ์ให้เคลิบเคลิ้ม
จงชอบอ่านในบล็อก ด้วยแตกต่างจากในพันทิปตรงจุดนี้
โดย: นานา IP: 1.46.78.36 วันที่: 5 กันยายน 2558 เวลา:7:32:05 น.
" a diamond of the first water" !
โดย: บุษบามินตรา IP: 37.59.6.32 วันที่: 5 กันยายน 2558 เวลา:13:46:02 น.
สวัสดีครับคุณนานา
ยินดีมากครับที่แวะมาทักทายกัน ..
บทนี้เขียนย้อนอดีต จึงต้องเอาเพลงที่ให้ความรู้สึกถึงบรรยากาศสัก 2-300 ปีที่แล้วมาประกอบครับ ..
พอดีกับว่าผมชอบประวัติศาสตร์ยุคกรุงศรีอยุธยามากโดยเฉพาะอย่างยิ่งยุคเจ้าสามพระยา และยุคเจ้าฟ้ากุ้งแห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง เขียนไว้ในนิราศเรื่องยาวหลายเรื่องครับ
โชคดีที่ bloggang ออกแบบรองรับเพลงใน YouTube จึงอาศัยโค๊ดเขามาใช้ได้เลย ไม่ต้องไปที่เวปฝากเพลงอีก
มินตรา ..
อยากแปลว่า "เพชรน้ำแรก" สำหรับคำที่เขียนมา ..
ผมชอบคำผสมอยู่หลายคำในเรื่องราวของหินสีสวยพวกนี้ ..
บุษราคัม (Yellow sapphire) เป็นอัญมณีประเภทคอรันดัมที่มีสีเหลือง พบได้ในธรรมชาติเป็นแร่เดียวกับทับทิม ไพลิน เขียวส่อง พัดพารัดช่า และพวก Fancy sapphire แต่ส่วนใหญ่ที่ขายในท้องตลาดจะได้จากการเผาพลอยคอรันดัมที่มีสีเหลืองจาง มีตำหนิสีอื่นปนบ้าง(เหลือง,เขียว,นำเงินมาปนกัน) และสีเขียว(เขียวส่อง) ทำให้มีสีสวยงาม เข้มขึ้นขายได้ราคาสูง
พลอยบุษราคัมสีจะมีตั้งแต่ ..
เหลืองอ่อนเรียกบุษย์น้ำเพชร,
สีอมเขียวเรียกว่าบุษย์น้ำแตง,
สีเหลืองทองเรียกบุษย์น้ำทอง,
สีคล้ายเหล้าเรียกบุษย์น้ำแม่โขง,
สีเหลืองเข้มมากเรียกบุษย์น้ำขมิ้นเน่า,
สีเหลืองออกส้มเรียกว่าบุษย์น้ำจำปา ,
บุษย์น้ำแม่โขงและน้ำทองเป็นที่นิยมจะมีราคาแพง โดยน้ำโขงจะแพงกว่า ลักษณะที่ดีควรเลือกพลอยที่เจียระไนได้สัดส่วน ก้นไม่บางจนเกินไป ใสไม่มีตำหนิที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พลอยจึงจะมีประกายงดงาม แหล่งบุษราคัมที่สำคัญคือ จันทบุรี ศรีลังกา ทวีปแอฟริกา ออสเตรเลียและอื่นๆ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 5 กันยายน 2558 เวลา:20:22:09 น.
สดายุ...
มิได้ค่ะ...
คำว่า "First water "เป็นศัพท์ในภาษาที่พ่อค้าเพชพลอย ใช้ ...
หมายความว่า "คุณภาพเป็นเลิศ" (highest quality)
โดยตั้งลักษณะทางกายภาพ (physics) ของเพชรว่าเสมือน กายภาพของน้ำ ..
เมื่อแสงส่องผ่านน้ำแล้วสะท้อนสี ใดออกมา
ดูเหมือนภาษาไทยจะใช้ คำว่า "เพชรน้ำหนึ่ง" ( a diamond of the first water) นะคะ
ซึ่งน่าจะตรงกับ กลอนในบันทัดสุดท้ายที่ว่า
".. ความพิไลที่ใฝ่คอย-
คือแสงพร้อยแห่งเพชรเพียงเม็ดเดียว !"
สตรีของสดายุ ต้องเป็น " เพชรน้ำหนึ่ง" เท่านั้น !
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 6 กันยายน 2558 เวลา:11:26:31 น.
มินตรา ..
รับทราบด้วยความขอบคุณยิ่งในความรู้ที่เพิ่มพูนลงสมองข้าพเจ้าผู้น้อยอีกส่วน ..
เพชรน้ำหนึ่ง .. คำ ความ ไพเราะครับ
แต่ที่ผมเขียนจะหมายถึง ..
หญิงผู้เป็นหนึ่งเดียวในดวงใจ (แม้ไม่งามเป็นหนึ่งในแผ่นดินเสมือน "ซิมเปี๊ยกุน" ใน เซียวจับอิดนึ๊ง .. หรือ นาคมัลลิกาแห่งมัลละรัฐ ในปฐพีเพลิง ก็ตาม)
ความงดงามมันกอปรอยู่ใน"ปฏิพัทธ์จิต"พร้อมอยู่แล้ว ขอรับ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 6 กันยายน 2558 เวลา:15:26:59 น.
สดายุ..
แลกความรู้กันนะ...
มินตราก็ไม่มีความรู้ ด้าน พลอยเลย..
" หญิงผู้เป็นหนึ่งเดียวในดวงใจ"... อื้อ ฮือ...นะ..
โดย: บุษบามินตรา IP: 37.59.6.32 วันที่: 6 กันยายน 2558 เวลา:17:13:58 น.
มินตรา ..
พอผ่านเวลาไปช่วงหนึ่ง "ความหมายของคนคนหนึ่ง" ที่หยั่งลงในจิตใจ มันจะทรงคุณค่ามากกว่าหน้าตาที่อาจดึงดูดใจในการพบครั้งแรกเท่านั้น ..
"ความหมาย" หรือ "คุณค่า" ในจิตใจนี้เองคือตัวการที่ทำให้จิตร่าเริง รื่นรมย์ หรือ จิตตก ได้ทั้งสองอย่าง เพราะมันเหมือน"เยื่อใย"ที่ไร้รูปให้มองเห็น รัดพันเอาไว้ ทางพระจะเรียก นิวรณ์ ทางโลกเรียก อาวรณ์
เช่นนี้แลขอรับ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 6 กันยายน 2558 เวลา:17:46:23 น.
สวัสดีค่ะ
มายิ้มกว้างทักทายค่ะ ^______________________^
โดย: Medkhanun (
ตุ้มตุ้ยของเธอ
) วันที่: 10 กันยายน 2558 เวลา:2:30:16 น.
สวัสดีเม็ดขนุน ..
ที่อังกฤษอากาศน่าจะกำลังดีนะ ช่วงนี้หน้าร้อนใช่ไหม ?
โดย:
สดายุ...
วันที่: 10 กันยายน 2558 เวลา:6:50:21 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
พร้อมเพลงบรรเลงกล่อมเกลาอารมณ์ให้เคลิบเคลิ้ม
จงชอบอ่านในบล็อก ด้วยแตกต่างจากในพันทิปตรงจุดนี้