O โลกะสังวาส .. O
กลอนห่อฉันท์ .. . ๘ O จำพลิกลิ้นเล่นเลศด้วยเหตุว่า- เดชศักดากดข่มให้ก้มหัว ศักยภาพมนุษย์จึงทรุดตัว- แค่เพียงชั่วแฉกลิ้นแดะดิ้นความ O พร้อมถ้อยคำตัดสินที่รินหลั่ง ถ้วนชอบชังถุยถ่ม ฤา ข่มข้าม ชั่ววูบที่แสงวับนั้นดับตาม แค่ชั่วยามมัวเมา ก็ เข้าครอง .. ๑๔ O หยักแหลม สิ แย้มมรรคะประลัย ผิวะไม่ประเมินมอง เข่นฆาตเพราะอาชญะผยอง ก็จะต้องกะตัวตน O ตัวจ้อย ฤ คอยจะผละจะไพล่ ระยะใกล้จะเสียกล นิ่งคอย ฤ คอย .. อริวิจล จะลุพ้นกะภัยผลาญ ? O สังวาสกะอาชญะพลัง เหมาะเจาะจังหวะจดจาร- เรื่องกล่าว ณ คราว .. มธุสุวาน- ปะทุซ่าน บ ขุ่น, .. ใส O รุมลิ้มกระหยิ่ม, สุขะ ณ จิต- กระอุฤทธิรำไร โค้งฟ้าวลาหกะและไพ- จิตระใด ก็ เหนี่ยว, ดอง O สรรเสริญ ฤ เกิน .. ผัสะกระทบ ตรัยะภพะครอบครอง- พาดความปณาม, มธุระผอง- ผัสะซ้อง ก็ จางสูญ ! O สายพันธุอันตรรกะปลาต บริภาษะเพิ่มพูน แขวนขวัญกะบันดละอดูร ดละกูณฑะสุมขอน O เกรงกรรมะทำนุยุติธรรม อุปถัมภ์จะถูกทอน จึงกรรมะนำผ-ละขจร- ะสะท้อน กะ สาไถย O แว่ววาทะ, อารยะประเทศ- ก็ลุเจตะแห่งใจ ผลนำลุกรรม, นยะ ณ นัย- ะนะใครจะขบขัน? O เชิดชู บ รู้จะเคอะจะเขิน บ สะเทิ้น กะ รู้ทัน จึงวาทะพากระแหนะกระนั้น ดุจะอั้น กะ ยางอาย O สามารถเหมาะอาชวะประสาร- ะก็ลาญเพราะทำลาย ด้วยพิษะริษยะสยาย- พละผ้ายและแผดเผา O ขีดกรอบระบอบระบุระบิล มุสะลิ้น ก็ ชำเรา- สรรพโสตอุโฆษคุณะเฉลา สติเขลา ก็ ร่วมขาน O ลมเห่และเพทนะผจง ระบุบ่งจะรำบาญ- ยั่วแย้ง, ตะแบง กฏะผสาน ยุติ-ต้านและตื่นตัว O คมคำ ฤ ทำนุอุปสรรค เหมาะจะกัก .. จะให้กลัว เห็นท่ามุสา, ภวะสลัว- ฤ จะถัว ณ ทั่วไท ? O กบจ้อยชะรอยจะเยาะจะยั่ว ฤ จะกลัวกะห่างไกล ซึ่งหน้าเหมาะท่า, ผิวะจะไหว- และไถลปลาตรอย O บังนิ่งประวิงอริพิสัย ดุจะใคร่เกาะรอคอย- ฟันแหลม ผิ แย้มระยะ, จะลอย- ชิวะน้อยประคองนาม O รอว่าชลาลัยะกระแส ผิวะแปร, จะป้องปราม- คมฟันและบรรลัยะ ณ ยาม- ยุติ, คร้ามจะขบลง O ลมเห่และเล่หะอปการ ะสุวานะแวดวง โหนเสียงระเรียงนยะผจง- อุปสงคะสืบสาน O บรรดา .. มุสา, พฤติวิกล, ชุลิคน, และหมอบคลาน- พันลึกผนึกคติพิชาน วิตถาระมุ่งทำ O แทงโสตอุโฆษนิติวิกรม ะก็ขม กะ คมคำ กลบโสตะโฆษณะกลัม- พ-ระทำนุสาไถย O ตราบแถน ลุ แผ่นธุวะชลา- ลัยะภาสะอำไพ ลอบปองคระลองรณะประลัย ปะทุให้สะพรั่งหาว ! O ร่างจ้อยเกาะคอยชละและวา- ตะ, ประภาสะพร่างพราว คมฟันและบรรลัยะ, ก็ราว- ระยะท่าวจะทบลง O สาคระย้อนพฤติวิถี บุพะวีระแวดวง- ปัญญา, เดาะชานุกะและชง- ฆะละพงศะแนบพื้น ! O สายพันธุอันตรรกะปลาต ยุรยาตระเหยียบยืน จีบปากจะลากพสุธะผืน ปะทะกลืนกะพื้นฟ้า ? O เพียบภาษะอารยะระบาย คละประกาย ผิ ขนกา เหลี่ยมศัพทะขับรุจิวิภา วรรณะห่าก็เผยเห็น ! .. ๘ O จึงต้องพลิกเรียวลิ้นจนสิ้นบท คำโค้งคดแห่งโฉดก็โลดเต้น ทุบสัตย์แท้ทั้งปวง .. แหลกร่วง, เป็น- ผงธุลีหล่นเร้นในหลืบคำ O แว่ว-วาทีแห่งเธียร .. วกเวียนโสต คำว่าโฉดว่าฉลก็บ่นพร่ำ เปลี่ยนนรกให้งาม .. ด้วยนามธรรม- ที่ค่อยเล็ดลอดคำ .. จนดำรู O สายพันธุ - จัญไร .. จึงไหลพราก ร่วมฝนหลากเอ่อระลอก .. ผ่านคอกหมู คลุกเคล้ากันแวบเดียว .. เมื่อเหลียวดู ก็ถึงรู้ - 'คลุก'นั่น .. 'เคล้า'กันดี !
===================
คำศัพท์บางคำ
ชานุกะ - - น. เข่า ชันนุ หรือ ชันนุกะ ก็ใช้. (ป. ส.) ชงฆ์ - - (มค. ชงฺฆ สก. ชงฺฆา) น. แข้ง (เหมือน ชงฆา) วีระ - - ว. กล้าหาญ. (ป. ส.) ท่าว - - (กลอน) ก. ล้ม ทบ ซํ้า ยอบลง เดิน ธุว - - (มค. ธุว) ว. มั่น, แน่น, ไม่หวั่นไหว, ไม่เปลี่ยนแปลง, เที่ยง, ยั่งยืน, (จะแปลว่า แผ่นดิน, ภูเขา, หลัก, คำปฏิญญา ก็ได้). กลัมพร - - [กะ-ลำ-พอน] น. โทษใหญ่, ความฉิบหาย, เขียนเป็น กระลำพร หรือ ย่อเป็น กระลำ ก็มี.
Create Date : 16 สิงหาคม 2560 |
|
5 comments |
Last Update : 2 มีนาคม 2562 8:50:39 น. |
Counter : 1646 Pageviews. |
|
|
|