O ฉันทาสมัย .. O
Ernesto Cortazar - Sentiments
O ดูเถิด .. หมอก, น้ำค้าง .. ตอนสางตรู่ แดดทอดสู่โลมต้อง .. ก็มองเห็น- หยดหยาดเพชรเรียงระเบียบ .. กลางเยียบเย็น ย่อมจักเร้นเลือนสลาย .. กับสายลม O เยี่ยงแววตาเขินอายชม้ายสบ ยอชาติภพตอบตื่น .. ทิ้ง-ขื่นขม รูปวัยเยาว์, ชม้อยหา, แววตาคม- จึงผูกปมซ่อนเงื่อนเกินเคลื่อนคลาย O ภาพ-บนฟ้าปีกนกเริ่มโบกบิน แวดล้อมถิ่นโลกต่ำ .. ลมร่ำสาย หยาดน้ำค้างระยับตอบอยู่รอบราย อีกแววขัดเขินอาย .. ชม้ายคอย O ดูเถิด .. แวววับวามเมื่อยามสาง เหมือนน้ำค้างพรมโลก-ลบโศกสร้อย พาหวานหอมเยือน-อกจนยกลอย รอบละห้อยถวิลเห็น ฤา-เว้นวาง ? O รูปธรรมวัยเยาว์แห่งเช้านี้- จึงช่วงชี้บีบเค้นไม่เว้นว่าง หยัดรูปนามโลมรุกไปทุกทาง โถมทับความอ้างว้างจนร้างเลือน O ชั่วตรู่สางล่มลับ, ระยับแดด- ก็ค่อยแวดล้อมรับ เข้าขับเคลื่อน หมุนโลกหมุนรูปนามคอยตามเตือน ทุกเขยื้อนทุกขยับ เฝ้าจับจอง O สิ้นสาง .. เข้าสายแดดสายสว่าง แววขนางในขนบยังสบต้อง รูปธรรมอุ้มขวัญสู่ครรลอง- แรงหมายปองกระอุฤทธิ์ในจิตคน O และชั่วเพียงพยับแดดเริ่มแผดเผา ความรุมเร้าก็เติบเต็มอย่างเข้มข้น จวบหอมหวานเบิกบทปรากฎตน จึงหวานล้นทั่วแล้วทั้งแววตา O สวยปีกผีเสื้อบินในถิ่นที่ ลวดลายคลี่โบกลอย, ละห้อยหา- ก็ส่งผ่านห้อมเห่กาลเวลา เมื่อแสงฟ้าเคยระยับ .. คล้ายลับเลือน O ด้วยแววตาแฝงเร้น .. สุดเร้นซ่อน แววออดอ้อนรอคอย .. ก็คล้อยเคลื่อน- ขึ้นแขวนรูปขวางรอย เพื่อคอยเตือน- แรงสะเทื้อนระทึกทรวงในช่วงวัน O หมอก .. น้ำค้างทุกหยาดบำราศแล้ว เหลือเพียงแววตาคอยร่วมร้อยฝัน นามธรรม, รูปภพ .. ก็ครบครัน- ความผูกพันละห้อยห่วงฝ่าช่วงยาม O ปีกนกคลี่ร่อนคว้างที่กลางหาว เมื่อวับวาวแววตาเกินฝ่าข้าม ความอ่อนโยนอ่อนไหวเริ่มไหลลาม เข้าแวดล้อมรูปนามที่งามพร้อม O ปรารมภ์ว่า .. แววระยับยามพรับพริ้ม จักซ่อนยิ้มตอบรับการขับกล่อม หรือยังคงสืบบทการอดออม- งำหวานหอม .. เผยสู่ให้รู้ชัด ? O ปรารมภ์ว่า .. ยามชม้อยชม้ายสบ การเสหลบ ควรพ้องหรือต้อง-ตัด ? กับแววตาวับวามที่ล่ามรัด การกำจัดให้สิ้น .. เกินยินยอม ! O สร้อยเกสรพวงบุหงา คันธามาศ เริ่มบทบาทรวยรินด้วยกลิ่นหอม ให้โลกผู้ห่วงรส .. สุดอดออม- หวานแวดล้อมที่ประดังใจทั้งดวง O ปาริชาติหอมรื่น .. ในคืนค่ำ คลายกลิ่นร่ำรมแถน .. ทั้งแดนสรวง โอนเถิดกลิ่นหอมล้ำ .. ขอ-บำบวง- แนบทับทรวงข้างใจของใครนั้น O อินทร์ .. พรหม .. ปวงทิพแถนถ้วนแดนฟ้า โปรดบัญชาชี้ให้ .. ความไหวหวั่น- ที่เบิกบทแสนประณีต .. เกินกีดกัน ช่วยแบ่งปันบริบท .. คืน-ทดแทน O ถ้วนทั้งสิ้นทั้งปวง .. ความห่วงหา ปรารถนา, ยินยอม .. และอ้อมแขน แรงอาวรณ์, รอบถวิล .. ทั้งดินแดน ฤๅ-อาจแม้นอาลัย .. หัวใจมี ? O ภาพ-ข่มยิ้มขัดเขิน .. ทำเมินหน้า ก็-แทรกฝ่าแก้มเนื้อ .. เนียน .. เรื่อสี คล้ายเผลอเผยเลศชู้ .. ให้รู้ที- รู้ท่า-ความใยดี .. ว่า-มีใจ O จากนั้น .. ลมแห่งโลกจึงโบกบ่าย โรยร่ำสายล้อมรับ .. การหลับใหล จังหวะเต้นทุกช่วง จากทรวงใคร- ควรสั่นไหวรอถนอม .. อย่างยอมตน O รู้ใช่ไหม .. ความกระซิบจากลิบโพ้น- แสนอ่อนโยนคอยประนัง .. เพื่อหวังผล- ให้อาวรณ์อาลัย .. ค่อยไหววน- พาใจหล่นลิ่วพัน .. บ่วงฉันทา ! O รู้บ้างไหม .. ความคำที่พร่ำสู่- เพื่อ-รับรู้ .. เฝ้าคอยละห้อยหา เพื่อ-อ่อนไหว .. ทรมานด้วยมารยา และเพื่อว่า .. ถวิลอยู่ ไม่รู้วัน ! O จงรู้เถิด .. กระซิบคำในค่ำดึก เพื่อ-ส่วนลึกห้วงใจ .. เมื่อ-ไหวสั่น จักทอดวางรูปเงา .. เยี่ยงเถาวัลย์- กอดกระหวัดรัดมั่น .. จวบวันตาย !
Create Date : 14 กรกฎาคม 2559 |
Last Update : 19 พฤษภาคม 2566 7:36:54 น. |
|
3 comments
|
Counter : 4020 Pageviews. |
|
|
|
"O รู้บ้างไหม .. ความคำที่พร่ำสู่-
เพื่อ-รับรู้ .. เฝ้าคอยละห้อยหา
เพื่อ-อ่อนไหว .. ทรมานด้วยมารยา
และเพื่อว่า .. ถวิลอยู่ ไม่รู้วัน !
O จงรู้เถิด .. กระซิบคำในค่ำดึก
เพื่อ-ส่วนลึกห้วงใจ .. เมื่อ-ไหวสั่น
จักทอดวางรูปเงา .. เยี่ยงเถาวัลย์-
กอดกระหวัดรัดมั่น .. จวบวันตาย !"
ไปอ่านฉันท์ ก็ เลือดนองฉันท์ มาอ่านนารีจะให้ปราโทช ซะหน่อยก็.." จวบวันตาย !" อีก
ทำไมจึงเลือดร้อนจริงนะ อย่างนี้ นารีก็วิ่งหนีหมด 555