Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
17 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 

O ความเปลี่ยนแปลง .. O









-1-
O ลับเลือนดวงศศิน .. นกบินว่อน
ลมเหนื่อยอ่อนโรยตัวหยอกยั่วสมัย
หมอกหม่นคลุมแผ่นน้ำ อยู่รำไร
เมื่อแผ่นผืนกว้างไกล .. เริ่มไหวตัว
O ลมแรกวันโชยเอื่อยอย่างเหนื่อยอ่อน
พร้อมหมอกอ้อนออดบน .. ความหม่นหลัว
แสงรุ่งสางทอดตน .. ลบหม่นมัว
โลมแผ่นน้ำหยอกยั่วอยู่ในที
O ย่อมเป็นริ้วลมรื่นฝ่าคืนค่ำ
พาเย็นฉ่ำล้อมแหล่ง .. รับแสงสี
ยอปีกนกเหยียดรับ .. กระหยับ-วี-
วาดขึ้นฟ้าจรลี .. สืบชีวิน
O แว่วเสียงให้รับรู้ .. เพียงครู่เดียว-
เสียงกรูเกรียวถ้วนสรรพก็ลับสิ้น
หมอกขาวขุ่นชื้นชุ่ม ที่คลุมดิน-
ก็ล่มลาญจากถิ่นจนสิ้นรอย
O เริ่มดอกมาลย์เชิดช่อ ร่ำรออ้อน-
ให้ภู่ผึ้งแทรกซอน .. เกสร-สร้อย
อบร่ำหอมเคล้าคลอเพื่อรอคอย-
หวานจักย้อยกลิ่นรส .. ให้ทดลอง
O พอแผ่นพื้นเรียบกว้างที่ข้างหน้า-
ต้องลมถาโถมใส่จนไหลล่อง
เลื่อนระลอกโลดเต้นจนเป็นฟอง
แดดเรื่อส่องก็ปรากฎเมฆบดบัง !


-2-
O จาก-แรกเช้า .. นกร้องฟ้าผ่องใส
จน-เมฆไหลเกลื่อนกลุ้ม .. ลมคลุ้มคลั่ง
เสียงอึงอื้อเกรียวกรู .. หวิว - วู่ .. ดัง-
แข่งคลื่นน้ำฟาดฝั่ง อยู่โครมครืน
O พอแรงลมโถมถาเข้ามาเพิ่ม
แผ่นน้ำก็กระเหิมกระหึ่มคลื่น
กระเพื่อมผิวม้วนตระหลบลงกลบกลืน-
แตกฟองฟื้นตื่นฝนอยู่ .. อลเวง
O ลมกวนคลื่นน้ำขุ่นเคล้าฝุ่นฝน
เมื่อไฟบนฟ้าปลาบแสงวาบเปล่ง-
ก่อนเฟื้อยเส้นฟาดพื้น อยู่ครื้นเครง
แสงรุดเร่งแห่งวิชชุ .. ก็คุโชน
O โลกทั้งโลกก็ตื่นรับคลื่นเสียง-
ไม้ลู่เอียงด้วยลมก่อนล้ม .. โค่น
สายน้ำเคยออดอ้อนอย่างอ่อนโยน-
บัดนี้โตนตบฝั่ง .. เสียงดังนัก
O ปลดปล่อยความเกรียมกร้าน .. ชะลานดิน
อวลไอกลิ่นเถื่อนหอม .. เข้า-ล้อมกัก
ลมคร่ำครวญตระหลบตอนไม่ผ่อนพัก
เมื่อไร้รุ้งทอถักบนโค้งฟ้า
O ร้อนแดดแม้นแผดผ่านมานานคาบ
โลกที่ซาบซับร้อน .. กลับร้อนกว่า
เฝ้ารอฝนโซมทรามให้งามตา
จวบเบื้องหน้าเมฆฝน .. เห็น – หม่นครึ้ม
O เมื่อสองเท้าเหยียบย่ำบนน้ำเจิ่ง
ไฟโลดเหลิงก็เริ่มเริ่มกระเหิมหึ่ม
เฟื้อยเส้นเข้าฟาดตีเมฆสีทึม
ขับความอึมครึมปวงจนล่วงลับ
O อีกไม่นาน .. คลื่นน้ำจะลามจบ
ร่วมสายลมสมทบตระหลบกลับ
เลื่อนเมฆหม่นบังแสง .. จวบแรงระยับ-
ยอมล่มลาญดวงดับ .. ไม่กลับย้อน !
O จบสิ้นความเรื่อเรื้องที่เบื้องหน้า
ที่แสงฟ้าแผดเผามาเก่าก่อน
บัดนี้เมฆทึมทาเหมือนอาทร-
บัง-แผดร้อนเผาผลาญ .. ที่ลานดิน
O คลื่นน้ำก็ล้อมเทเข้าเห่กล่อม
ทุกย่านหย่อมเรียวหญ้าทั่วหน้า - สิ้น
ฝุ่นฝนก็ปร่าโปรย .. ลมโรยริน
ชุ่มโลกกรรโชกถิ่นให้ยินดี
O ร้อนแดดนั้นเผาผลาญมานานนัก
ทั้งล้อมกักเร้ารุกไปทุกที่
ตราบลม, น้ำ - เลื่อนลำเข้าย่ำยี
แผ่นดินที่แผดร้อนก็ผ่อนแรง
O แทน-ร้อนรุ่มเผาผลาญมานานวัน
ด้วยครืนครั่นเลื้อยเต้นของเส้นแสง
วาบ-วกฉวัดเฉวียน เพื่อเปลี่ยนแปลง-
ร้อนที่แฝงฝากดินให้สิ้นรอย !


-3-
O เริ่มคาบยาม-รำร่ายของสายน้ำ
ที่จะพลิกพื้นคว่ำความต่ำต้อย
ผิวจะโตนตอบลมที่พรมคอย
เป็นฝุ่นฝอยลอยคว้างอยู่กลางลม
O รอ-ลมลูบโลมชะ .. จังหวะคลื่น-
เพื่อโตนตื่น-ขึ้นตะล่อมเข้าล้อมห่ม-
ทั้งพรรณหญ้าพื้นถิ่น ทั้งดินตม
รอ-คลื่นถมแรงโถมเข้าโซมร้อน
O บทเพลงปะเลงร่ำผ่านค่ำคืน-
ย่อมไร้เสียงโอดอื้นเช่นคืนก่อน
แฝงสายลมเย็นฉ่ำ-จากอัมพร-
ว่าช่วงตอนร้อนร้ายเริ่มคลายตัว
O ชุ่มดินด้วยชื่นฉ่ำแห่งน้ำหลาก-
จวบสองฟากฝั่งน้ำ รื่นล้ำทั่ว
ทุกอณูฉ่ำเย็น .. นั้น-เต้นรัว
รอเกลือกกลั้วโซมสิ้นจิตวิญญาณ
O โลกจะพลิกฟื้นด้านสู่ด้านใหม่
ที่ดวงไฟดวงเก่าหยุดเผาผลาญ
ลมจะร่ำโรยระลอกโลมดอกมาลย์
ผึ้งภู่จะเบิกบานกับหวานรส
O ยอดหญ้าจะริกระรี้อ้อน-
ให้ลมซอนแทรกเรียวอันเขียวสด
ทั้งรูปก้านกิ่งกระโดงจะโค้งคด-
ด้วยคลื่นลดเลี้ยวแล่นบนแผ่นน้ำ
O หงิกงอเลื่อนลามไปตามคลื่น
ด้วยสุดขืนขัดลมที่พรมต่ำ
ริ้วคลื่นและริ้วลมแห่งคมคำ-
ล้วนต่างร่ำร้องรับสภาพการณ์ !


-4-
O มองเห็นไหม – หมอกควันแห่งวันเก่า
ที่แสบร้อนรุมเร้าคอยเผาผลาญ
อวลกลิ่นให้เสพรับอยู่นับนาน
กดวิญญาณยินยอมให้จ่อมจม
O ตราบ-เมฆครึ้มทึมทาที่ฟ้าบน
พร้อมไฟวนวาบรับร่วมขับข่ม
ลมตระหลบสรรพโลก .. ผู้โศกซม
และน้ำถมโถมล้อมมาพร้อมกัน
O ร้อนก็ย่อมลาญแรงจากแหล่งโลก
เปลี่ยนสร้อยโศกเข็ญขุกเป็นสุขสันต์
จน-เมฆหม่นแผ่ช่วงบังดวงวัน
ก็เมื่อนั้นโลกต่ำ..ล้วนฉ่ำเย็น
O เมื่อปีกนกว่อนฟ้าเพ-ลาค่ำ
สุขจะคร่ำครวญสู่ให้รู้เห็น
แผ่นผืนอุทกธารจะซ่านกระเซ็น
ร่ำ-ลาความลำเค็ญ .. ที่เร้นรอย !


-5-
O เห็นปีกนกคล่ำคลา เพ-ลาค่ำ
พร้อมลมร่ำสายโบกลบโศกสร้อย
ในแววตาพราวกระพริบ .. ก็ปริบปรอย-
คล้ายเฝ้าคอยสางรุ่ง .. ของพรุ่งนี้ !





 

Create Date : 17 กรกฎาคม 2555
8 comments
Last Update : 21 กรกฎาคม 2561 18:49:25 น.
Counter : 2923 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะ คุณสดายุ
แวะมาติดตามความเปลี่ยนแปลงค่ะ

 

โดย: วลีลักษณา 18 กรกฎาคม 2555 15:38:53 น.  

 

สวัสดีครับคุณวลี ฯ

เปลี่ยนบรรยากาศจากบทนารีปราโมชเสียสักหน่อย
กันเลี่ยน .. อิๆ

ยินดีที่แวะมานะครับ

 

โดย: สดายุ... 18 กรกฎาคม 2555 20:17:52 น.  

 

...
กระทบโหมโถมทับกับเกลียวคลื่น
กระหึ่มครืนผืนน้ำยามบ้าคลั่ง
ตีกระแทกแหลกราญผ่านจีรัง
กระทบฝั่งอยู่อย่างนั้นอนันตกาล

ชั่วขณะปะทะจะปรากฎ
คล้ายงามงดบดละออฟองประสาน
คือความงามท่ามกลัวชั่วยืนนาน
เสียงขับขานอันกราดเกรี้ยวขับเคี่ยวมา
...

คือความเปลี่ยนแปลงที่แฝงความงาม
ขอคาระวะ
ก้าวแรกฯ...

 

โดย: ก้าวแรกของหมื่นลี้ 20 กรกฎาคม 2555 9:49:47 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณสดายุ

มาดูบทสุดท้ายของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเขียนแบบค้างไว้ เพราะการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลาและไม่รู้จบ

ทุกชีวิตรอวันพรุ่งนี้จนลืมวันนี้ไป

ขอบคุณนะคะ ที่แวะไปเยือน และปลื้มกับคำชมของนักกวีมากมายค่ะ แม้รู้ว่ายังไม่คู่ควรกับคำชมนัก

 

โดย: วลีลักษณา 20 กรกฎาคม 2555 14:38:36 น.  

 

ก้าวแรกฯ ..
สวัสดีครับ..
อนิจจัง คือ ความเปลี่ยนแปลง .. เป็น 1 ในไตรลักษณ์

หลัง-ลำแสงห้อมเห่ .. กาลเวลา
สรรพบรรดาทั้งปวงย่อมล่วงสิ้น
และชั่วปลายปีกนก .. คลี่ .. ผกบิน
กี่หมื่นแสนชีวิน .. ที่สิ้นลง ?






คุณวลีฯ
สวัสดีครับ .. ตอนนี้จบแล้วครับ

การเปลี่ยนแปลงจำนวนมากในโลกนี้ .. เป็นไปตามธรรมดาที่เป็นธรรมชาติของสรรพสิ่ง

และจำนวนไม่น้อย .. เกิดจากการจัดการของมนุษย์ .. ซึ่งเราก็ได้แต่หวังว่าการจัดการเหล่านั้นจะดำเนินการได้ทันการณ์ .. ทันเวลา

คุณวลีฯ ใช้คำได้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ที่"ช่างขยันเขียน"มากมายครับ ..

 

โดย: สดายุ... 20 กรกฎาคม 2555 22:24:56 น.  

 

ล้วนเกิดดับเปลี่ยนแปลงทั่วแหล่งหล้า
ตามกระแสกาลเวลาที่ถาโถม
โลกนอกในมิมีหยุดล้วนทรุดโทรม
สังขารปรุงไล้โลมรอโน้มดิน

สวัสดีค่ะ ภาพและคำงามค่ะ

 

โดย: มาย IP: 124.120.250.154 21 กรกฎาคม 2555 23:16:16 น.  

 

มาย..

ล้วนเกิดดับเปลี่ยนแปลงทั่วแหล่งหล้า - ดี
ตามกระแสกาลเวลาที่ถาโถม - ดีมาก
โลกนอกในมิมีหยุดล้วนทรุดโทรม - พอใช้

สังขารปรุงไล้โลมรอโน้มดิน - ไม่ดี
พออ่านรู้ว่า โน้มดิน คือ ฝังดิน .. แต่การใช้ตรงนี้ทำให้เนื้อความไม่ชัด

การโน้มลง ของสิ่งใด เป็นปรากฎการณ์ของสิ่งที่อยู่สูงโน้มลงมาสู่ที่ต่ำ เช่น กิ่งไม้ ช่อดอกไม้ หรือ ร่างกายส่วนบนของคน ซึ่งไม่ได้มีความหมายของการฝังกลบลงในดินแต่อย่างใด

การใช้สระที่มีคำให้เลือกน้อยเป็นสิ่งท้าทายฝีมืออย่างหนึ่ง สระโอ-ม เป็นคำหนึ่งที่ใช้น้อย .. โฉม ..โคม..โทรม..โลม..โน้ม..โหม..โทม-นัส..โสม-นัส..โครม-คีกโครม .. โครมครืน..โพยม..โถม..โซมซาบ .. จู่โจม

ล้วนเกิดดับเปลี่ยนแปลงทั่วแหล่งหล้า
ตามช่วงกาลเวลาที่ถาโถม
โลกนอกในล้วนฉุด .. ให้ทรุดโทรม-
เข้าซาบโซมเหนี่ยวรั้งลงฝังดิน !

 

โดย: สดายุ... 23 กรกฎาคม 2555 10:40:54 น.  

 

ขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำ
และคะแนนทรงระฆังคว่ำ

 

โดย: มาย IP: 124.120.70.168 28 กรกฎาคม 2555 0:19:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.