|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
O ปลายทางที่เลอะเลือน .. O
๒๕๑๙ คืนมืดฟ้าหม่นจันทร์หล่นร่วง ดาวช่วงเกลื่อนฟ้าลับลาหาย ลมแผ่วพลิ้วตอบอยู่รอบราย เมื่อสายตา, พลบ-บรรสบกัน สงัดงันเงียบกลางเยียบเย็น แฝงเร้นซ่อนไว้-ความไหวหวั่น หัวใจอื้ออึงเสียงดึงดัน มุ่งมั่นสู่หมายที่ปลายทาง ครั่นครืนฟ้าฝนน้ำหล่นเม็ด ราวเพชรโรยฝ่าขอบฟ้าสาง เมื่ออกใจล้วนเสียงครวญคราง ทุกย่างจึงขมเกินข่มลง กลางก้าวย่างเหยียบที่เงียบงัน แรงฝันฮึกเหิมก็เสริมส่ง โชนออกเชื่อมเส้นจนเป็นวง จำนงแน่นหนักร่วมผลักดัน ยกก้าวย่างเล็ดลอดเม็ดฝน หยดควงร่วงหล่น..อยู่บนฝัน ไหวเหวี่ยงลมเร้าผ่านเถาวัลย์ แล้วกลิ้งหยดสั่น..ไหลหลั่นลง เรี่ยวแรงหดหายที่ปลายทาง ป่ากว้างยางยูง..ยอดสูงส่ง หัวใจผ่อนวางที่กลางดง ปลดปลงคับแค้น..ฝากแผ่นดิน ความคิดสุมสั่งในครั้งนั้น มุ่งมั่นหนักแน่นดุจแผ่นหิน หมายพลิกแผ่นฟ้า..ครอบธานินทร์ ทั้งสิ้นมีบทกำหนดตอน . . ๒๕๒๓ ดวงไฟเมืองกรุงงามรุ่งเรื้อง ติดเบื้องบนเสามาเก่าก่อน จากวันลำบากต้องจากจร ยังสะท้อนให้เห็นอยู่เช่นเดิม ถนนหนทางเคยย่างเหยียบ คงเงียบงามแปลกเช่นแรกเริ่ม ตึกใหญ่เรื้องแสง..มีแต่งเติม ช่วยเพิ่มความวิจิตรให้ติดตา อะไรเล่าที่เปลี่ยนแปลง สี..แสง..ผู้คน..เสียงบ่นบ้า ? ยังเหมือนครั้งตอนเมื่อก่อนลา สู่ฟ้าฝั่งใหม่กลางไพรวัลย์ ที่ที่ฟ้าบนไร้หม่นเมฆ ไร้ทิพเอกเขนกคอยเสกฝัน มีทางขีดขึงให้ดึงดัน ล่มโลกเทวัญให้อันตรธาน เส้นทางมีบทกำหนดไว้ ก้าวให้ตรงจุดเร่งรุดผ่าน ซ้ายขวาขึ้นลงกลางดงดาน สืบสานความคิดด้วยคิดเดียว บ้าง .. เมฆหม่นทึมลอยครึ้มต่ำ ลมร่ำฟ้าฟาดสียงกราดเกรี้ยว ฝุ่นฝนวนเต้นจนเป็นเกลียว เปล่าเปลี่ยวรายรอบให้กอบกิน บ้าง .. แดดแผดเผาจนเมาแดด อยู่แวดล้อมแซมล้วนแหลมหิน เหงื่อย้อยร่วงหยดลงรดดิน อวลกลิ่นดินต่ำให้จำรส บ้าง .. ปืนกระสุนลอยหนุนเนื่อง ปลดเปลื้องบทเรียน .. ต้องเปลี่ยนบท เลือดเนื้อแลกกันให้รันทด ซื่อคดร่วงรินถมดินแดน ยามผ่านความคิดก็ผิดแผก ความแปลกตอกปักจนหนักแน่น ทางเที่ยวเลี้ยวบทเข้าทดแทน วกกลับแห่แหน .. จนแน่นเมือง ! . . ๒๕๔๔ .. รอยหยักในสมองล้วนร่องลึก สำนึกแห่งขบถยอมปลดเปลื้อง แตกขั้วเปลี่ยนข้องกันนองเนือง ฟุ้งเฟื้องยศถาปัญญาชน เห็นฝูงนกพิราบกำซาบศักดิ์ ร่อนพักเปลี่ยนที่ปรับสีขน อีกาบินคละเคล้าปะปน อึกทึกสาละวนอยู่บนแดน ทั้งแกล้วทั้งทุนเข้าหนุนเนื่อง ครบเครื่องร่วมสร้างร่วมวางแผน สุดทางภพชาติผู้ขาดแคลน เนื่องแน่นภาพพจน์ทุกบทตอน เผยชาติพร้องชื่อกันลือลั่น ภาพวันถูกประทุษเริ่มหลุดร่อน ชุดขาวเผยหน้ากลางนาคร สืบสอนความคำ .. ร่วมบำบวง แขวนคอฟาดศพมันจบแล้ว ผ่องแผ้วงดงาม-สนามหลวง 19, 35 ฤๅว่า-ลวง ? มันทวงถามย้ำอยู่ทำไม ? ไม้พลองเคยชูขึ้นสู้ปืน หยัดยืนอ้างสิทธิ์ ยังผิดได้ วันนั้นบทกรรมจึงอำไพ ตรึงภาพอยู่ในหัวใจชน วันนี้แตกข้องเป็นสองด้าน ดักดาน, ก้าวหน้า-โกลาหล รองตีนรองตูดพร่ำพูดปรน- เปรอสอพลอ-คน .. กันอลเวง ดักดาน, ก้าวหน้า แย่งปราศรัย เลศนัยเคลือบคำกันคร่ำเคร่ง บอกบทกดกรามจนคร้ามเกรง เสียงเปล่งคำสวยร่วมอวย .. พร้อม ! . . ๒๕๕๗ .. ดวงวันค่อยเรื้องที่เบื้องหน้า นกกาขานรับเสียงขับกล่อม ยามหน้าก้มต่ำด้วยจำยอม หัวค้อม-คำความเฝ้าตามรับ ลมโชยผ่านริ้ว..ไม้พลิ้วแผ่ว ผ่านแล้วผ่านซ้ำเป็นลำดับ รื่นลมโรยร่ำคอยสำทับ การขยับขับข่มสังคมไทย ดวงวันยอแสง..แต้มแต่งโลก โบยโบกไม้พรรณ..พาสั่นไหว ย่ำเหยียบปวดร้าว..ทุกก้าวไป ดวงใจอับจน..สิ้นหนทาง ดวงวันเรื่อเรื้องที่เบื้องหน้า เหมือนว่ามืดอยู่ไม่รู้สร่าง ที่มองเห็นอยู่ไม่รู้วาง คือตุ้มถ่วงขวาง..ที่ทางเดิน เห่เอย..เห่ห่ม..แทนลมรื่น- ลมปากตามตื่น..บอกตื้นเขิน ความคิดบรรเจิด..ฟังเพลิดเพลิน จำเริญท่วงท่า..ปัญญาชน เห่เอย..เห่กล่อม..พรั่งพร้อมบท ภาพพจน์แลกกัน..นับพันหน ทุกครั้งเร้ารัว..ก็ตัวตน- วกวนเวียนอยู่..ไม่รู้วาง หลุมลึกมืดมิด..ความคิดอ่าน เดินผ่านแห้งกรัง .. คอยตั้งขวาง แสงใดเรื่อรองทอดส่องทาง มืดสว่างมองดูย่อมรู้เอง ดวงวันคล้อยลงที่ตรงหน้า เหมือนฟ้าช่วยฉุดให้รุดเร่ง หลีกหนีมืดหม่น..กันอลเวง กุมเหงจิตใจที่ไม่กลัว . ดักดาน, ก้าวหน้า อวดปราศรัย แถไปอย่างเคย-กลางเย้ย-ยั่ว อำนาจ-แย่งยื้อกันมือรัว เงินมา-ค้อมหัว .. ทุกตัวตน !
Create Date : 07 กันยายน 2559 |
|
3 comments |
Last Update : 9 ธันวาคม 2559 13:35:50 น. |
Counter : 1118 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.201.164 8 กันยายน 2559 13:41:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: สดายุ... 8 กันยายน 2559 19:36:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: สดายุ... 8 กันยายน 2559 19:48:51 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]
|
|
|
|
|
|
|
|
ดร.ปิยะบุตร สนทนากับ ดร.สมศักดิ์เจียม เรื่อง ทางออกของความแตกแยกในสังคม คือ
เราต้องสร้าง consensus(ฉันทามติ)ในสังคม
เพื่อลดความแตกต่างมากหลายที่มีอยู่ให้ ตกลงกันได้อย่างไร
ท่านยกประเทศ ทูนิเซีย ออกมาเป็นต้นแบบ ว่าทำอย่างไร
เท่าที่มินตราทราบนี่ เยอรมัน "อยู่เบื้องหลังการถ่ายทำ"
(ผู้เดินทางไปเจรจาเสียชีวิตไปแล้ว ก่อนที่ทีมงานนี้ได้รับ รางวัลโนเบลเพื่อสันติ)
เพราะเป็นประเทศเดียวที่พูดจาแล้ว ชนชาติอาหรับ รับได้
ดายุ คิดว่าน่าสนใจไหม
ไปลองหาคลิปสนทนานี้ได้ที่เฟสบุ๊ค ดร.สมศักดิ์ เจียมนะ
มินตรา สงสัยว่า สดายุจะต้องเรียนภาษาเยอรมันแล้วล่ะ
คงมีใครบริหารจัดการให้ได้ ในเรื่องศึกษาภาษา และ ศึกษาวิธี ในการทำงาน
รัฐบาลเยอรมัน สนใจในเรื่องสร้างชาติ มากกว่าทำสงคราม
จึงไม่ร่วมรบ แต่จะ ทำหน้าที่ ช่วยเหลือในการสร้างชาติ
ผู้ลี้ภัยจากซีเรียที่อยู่ในเยอรมันขณะนี้ รัฐบาลเยอรมันคัดเลือกกลุ่มแรกออกมาแล้ว 150 คน เพื่อฝึกวิธีสร้างชาติ จัดตั้งระบบการบริหารประเทศใหม่ ให้เป็นรัฐทันสมัยทางประชาธิปไตย และ เศรษฐกิจ โดยกระทรวงกลาโหมเยอรมัน