Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 
27 กันยายน 2555
 
All Blogs
 

พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ทรงมีศิษย์ทั้งที่ดื้อ และไม่ดื้อ

.




อุทายิ !
ในธรรมวินัยนี้ เหล่าโมฆบุรุษบางพวก เมื่อเรากล่าวอยู่ว่า ..

"พวกท่านจงละความชั่วอันนี้เสีย", ก็กล่าวอย่างนี้ว่า "ทำไมกะความชั่วชนิดนี้
ซึ่งเป็นของเล็กน้อยต่ำ ต้อย, พระสมณะนี้ ขูดเกลาเกินไปแล้วละ" ดังนี้.

โมฆบุรุษเหล่านั้น ไม่ละความชั่วนั้นด้วย และทั้งตั้งไว้ซึ่งความเคียดแค้นในเราด้วยในภิกษุทั้งหลายผู้รักการศึกษาด้วย.

อุทายิ !
ความชั่วอันนั้น ของโมฆบุรุษเหล่านั้น ย่อมเป็นเครื่องผูกรัดที่มีกำลัง มั่นคง เหนียวแน่น ไม่รู้จักผุเปื่อยเป็นเหมือนท่อนไม้แก่นแข็ง, ฉะนั้น.

อุทายิ !
ส่วนว่ากุลบุตรบางพวก ในธรรมวินัยนี้, เมื่อเรากล่าวอยู่ว่า ..

"พวกท่านจงละความชั่วอันนี้เสีย", ก็กล่าวอย่างนี้ว่า "ทำไมจะต้องให้ว่ากล่าวด้วยความชั่วชนิดนี้ ซึ่งเป็นของเล็กน้อยต่ำต้อยซึ่งพระผู้มีพระภาคของพวกเรากล่าวการละ กล่าวการสลัดคืนไว้แล้ว ด้วยเล่า" ดังนี้.

กุลบุตรเหล่านั้นก็ละความชั่วนั้นเสีย และทั้งไม่ตั้งไว้ซึ่งความเคียดแค้นในเราด้วย ในภิกษุทั้งหลายผู้ใคร่ต่อสิกขาด้วย. กุลบุตรเหล่านั้น ละความชั่วนั้นแล้ว เป็นผู้ขวนขวายน้อยมีขนตกราบ (คือไม่ต้องขนพองเพราะความกลัว) มีชีวิตอยู่ด้วยของที่ผู้อื่นให้ มีจิตเหมือนเนื้อ (คือถูกตีครั้งหนึ่งแล้วย่อมไม่เปิดโอกาสให้ถูกตีอีก) อยู่.

อุทายิ !
ความชั่วอันนั้นของกุลบุตรเหล่านั้น ย่อมเป็นเครื่องผูกรัดที่ไม่มีกำลัง หย่อนกำลัง ผุเปื่อยไม่มีแก่นแข็ง, ฉะนั้น.
.
.
.
บาลี ลฑุกิโกปมสูตร ม.ม. ๑๓/๑๘๑/๑๗๗.
ตรัสแก่พระอุทายี ที่อาปณนิคม แคว้นอังคุตตราปะ


(หมายเหตุ .. จขบ.

จะเห็นได้ว่า นักบวชพวก "โมฆบุรุษ" นั้นมีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล .. คำคำนี้แปลว่า ผู้เสียเวลาเปล่า .. ย่อมไม่ได้อะไรจากการบวชด้วยเพราะมีการตั้งทิฏฐิไว้ผิดทาง

ท่านจึงเอา สัมมาทิฏฐิ เป็นอันดับแรกใน มรรคมีองค์แปด ..

และไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นั้น ต้องบอกว่าแยกกันไม่ได้ ! .. เพราะ

ศีล .. คือการควบคุมกาย วาจา
สมาธิ .. คือการควบคุมใจ
ปัญญา .. คือการควบคุมทิฏฐิ สติ สัมปชัญญะ

ดังนั้นการปฏิบัติ ฝึกจิต ต้องไปพร้อมกันทั้ง 3 องค์ ไม่มีทางแยกกันได้ .. แต่ต่างก็เป็นเหตุปัจจัยส่งผลแก่กันและกัน เป็นวงรอบๆแห่งพัฒนาการในจิต จนไต่ถึงระดับหลุดพ้น หรือ ควบคุมความรู้สึก ว่า ตัวกูของกูได้

คือจิตมีความรวดเร็วจน สามารถรับมือกับ สัมผัสทั้ง 6 ทางได้อย่างเข้มแข็งนั่นเอง .. สัมผัสโง่เกิดขึ้นเมื่อไร สติที่ฝึกดีแล้วก็แล่นมาสกัดกั้นทันเวลาไม่ให้ "สังขารโง่ๆ" ทำงาน
)




 

Create Date : 27 กันยายน 2555
0 comments
Last Update : 27 กันยายน 2555 6:00:48 น.
Counter : 1226 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.