Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
17 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 

O รูปนามแห่งความรัก .. O








Ernesto Cortazar - Autumn Rose



O กลั่นเม็ดน้ำวางรูป .. เห็นวูบวับ-
ขึ้นตอบรับแสงสรวงที่ช่วงฉาย
รูปปีกบางโบกพลิ้ว .. อวดริ้วลาย
ล่องตามสายลมอ้อน .. อย่างอ่อนโยน
O กลางม่านหมอกขาวขุ่น .. แดดอุ่นเช้า
ความเงียบเหงาล้อมกัก เริ่มหักโค่น
เมื่ออีกหนึ่งความหมายเริ่มถ่ายโอน-
อบอุ่นโชนแรงช่วงเกินหน่วงแล้ว
O ปีกลวดลายโบกบินผ่านตฤณชาติ
เมื่อลมลาดเลื่อนริ้วยังพลิ้วแผ่ว
คล้ายในตาลอบเร้น .. ตอบเต้น, แวว-
วามผ่องแผ้ว .. พรับพลิ้วฝากริ้วลม
O ดวงวันค่อยลบลาญเลื่อนม่านหมอก
เพื่อดวงดอกไม้ชูช่อสู่สม
คันธรสรอพร้อม, การจ่อมจม-
ลงเชยชมแห่งภู่ ฤๅรู้พอ ?
O ปีกพร่างพรายรายล้อมรสหอมหวาน
ที่กลีบมาลย์, เรณู-ช้อยชูล่อ
ผานิตรูปหยดน้ำ .. ราวร่ำรอ-
การจดจ่อรูปเงาแห่งเช้าวัน
O ชั่วรังสีดอกแดด .. ทอดแวดล้อม
ก็อาบย้อมธรณีด้วยสีสัน
ชั่วปีกนกเหยียดกระหยับ, ก็ฉับพลัน-
ความเงียบงันในอกก็ยกตัว
O ปีกผีเสื้อลวดลายบินบ่ายโบก
ผ่านแรงโศกแรงเศร้าเคยเย้ายั่ว
มองฟ้าแล้วยิ้มหยัน .. กับสั่นรัว-
ครั้งที่หัวใจเยาว์ .. ยังเขลานัก
O ปีกผีเสื้อลวดลายยังบ่ายโบก
ยั่วเย้ยโลกหวานหอมให้ล้อมกัก
ฝ่าพ้นฤๅ .. รูปนามแห่งความรัก-
ที่ค่อยถักทองามลงล่ามใจ ?
O กลางปีก-ลายหรุบคลี่, เท่าที่เห็น-
เพียงแววตาลอบเร้น-ที่เต้น .. ไหว
งามโลกที่เบื้องหน้า หรือตาใคร-
เผลอวับวามเลศนัย .. ออกให้รู้ ?
O แม้นไม่งามพร้อมพรั่งไปทั้งหมด
ยังปรากฏแต่งามเกินห้ามอยู่
ภุมรินดื่มด่ำรสดำรู
เมื่องามตรูกักล้อม .. ให้จ่อมจม
O หรือ-เร้นแฝงลงทรวงให้ห่วงหา
เพื่อเคี่ยวเข็ญ .. ทรมาให้สาสม
หรือ-ลอบเร้นแฝงรอย .. เพื่อคอยชม-
แรงปรารมภ์ถวิลเห็น .. ไม่เว้นยาม ?
O หรือ-อำพรางรูปอยู่ด้วยรู้ว่า-
แรงห่วงหาล้อมกักเกินหักข้าม
หรือ-รู้ทันเลศนัยว่าไหลลาม-
เข้าคุกคามอาวรณ์ให้ร้อนรน ?
O หมอกขาวที่เคยลอยอย่างอ้อยอิ่ง
บัดนี้ทิ้งรอยล่วงจากห้วงหน
ขณะแววตาสะทกกลับวกวน-
แทรกรูปบนจินตนาไม่ล้าเลือน
O ปีกนกคลี่ร่อนคว้างที่กลางหาว
แววตาวาววามอยู่ก็ดูเหมือน-
คอยแฝงฝากรูปนามเฝ้าตามเตือน-
ทุกขยับทุกเขยื้อน .. คอยเลื่อนล้อม
O กลาง-แดดสาย, มาลย์สี, ปีกคลี่โบก
งามทั้งโลกคล้ายกับเฝ้าขับกล่อม
ให้คำนึง ให้ถวิล ให้ยินยอม-
ลงแนบน้อมผ่องแผ้วแห่งแววตา
O ผีเสื้อปีกลวดลายลับหายแล้ว
เมื่อภาพแววตาปรอยชม้อยหา-
คล้ายเพรียกแรงผูกพันพร้อมฉันทา
พันธนาล้อมล่ามด้วยงามนั้น !
O สายแล้ว .. หยาดน้ำค้างย่อมจางหาย
หากความหมายในตา .. ยังพร่าสั่น-
โลมลูบอารมณ์ชายจนคล้ายกัน-
ที่ความหวั่นไหว .. ห่วง .. ท่วมดวงใจ !




 

Create Date : 17 พฤศจิกายน 2557
10 comments
Last Update : 18 เมษายน 2566 18:24:20 น.
Counter : 4657 Pageviews.

 

ดายุ...

"O หรือ-เร้นแฝงลงทรวงให้ห่วงหา
เพื่อเคี่ยวเข็ญ .. ทรมาให้สาสม
หรือ-ลอบเร้นแฝงรอย .. เพื่อคอยชม-
แรงปรารมภ์ถวิลเห็น .. ไม่เว้นยาม ?
O หรือ-อำพรางรูปอยู่ด้วยรู้ว่า-
แรงห่วงหาล้อมกักเกินหักข้าม
หรือ-รู้ทันเลศนัยว่าไหลลาม-
เข้าคุกคามอาวรณ์ให้ร้อนรน ?"

มีคำลงท้ายจดหมายว่า.."รักและห่วงใย"..
อ่านกลอนตรงนี้แล้ว..ความรู้สึกว่า" ห่วงหา"ของ ดายุ นี่ ตรงกับคำว่า"ห่วงใย"แต่ ลึกซึ้งกว่า..นะ..ว่าไหม..

มีคำเดิมเดิม ที่คนสมัยก่อนตามบทกวีใช้กันคือคำว่า" ฤๅ"
หากใช้ลงแทนตรงคำว่า"หรือ"..จะนิ่มกว่า..เช่น..
" หรือ-เร้นแฝงลงทรวงให้ห่วงหา"
" หรือ-อำพรางรูปอยู่ด้วยรู้ว่า-"

คำว่า"หรือ" สำหรับมินตรา จะมีความเข้มของคำในเชิงรูป"คำถาม.."
แต่คำว่า" ฤๅ" นี่ มีน้ำหนัก แบบ"ลังเลใจ" ว่า "เอ๊ะ ใช่ไหมเอ่ย"..น่ะค่ะ...

ดายุ ว่าไหม..

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 17 พฤศจิกายน 2557 8:54:23 น.  

 

มินตรา ..

บทนี้เขียนนานแล้ว ..เอามาลงใหม่เปลี่ยนรูปนางเอกเปลี่ยนชื่อเรื่อง .. ช่วงที่เขียนนั้นประมาณปี 2553-4 ช่วงนั้นเขียนวันละบท ..

ส่วน หรือ กับ ฤๅ นั้นมีบริบทต่างกันอยู่ .. การขึ้นต้นประโยคคำถามในลักษณ์มีตัวเลือกส่วนมากใช้ "หรือ" .. ซึ่งใช้กันทั่วไปรวมทั้งบทความร้อยแก้ว

ส่วน "ฤๅ" นั้นในภาษาธรรมดาไม่ใช้กันแล้ว มีใช้กันแต่ในร้อยกรอง โดยเฉพาะโคลงสี่สุภาพ เท่านั้น ..แม้แต่กลอน กาพย์ ฉันท์ ยังใช้กันน้อยมาก

............................

ฤๅ ๑ [รือ] เป็นรูปสระในภาษาสันสกฤต ซึ่งเป็นเสียงยาวของ ฤ เมื่อไทยนํามาใช้ ออกเสียงเป็น รือ เช่น ฤๅษี.

ฤๅ ๒ [รือ] ว. หรือ, อะไร, ไม่ใช่; โดยมากใช้ในบทร้อยกรอง เช่น กวีฤๅแล้ง แหล่งสยาม.

............................

หรือ สัน. คําบอกความให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น จะเอาเงินหรือทอง; คําประกอบกับประโยคคําถาม เช่น ไปหรือ.

............................

 

โดย: สดายุ... 17 พฤศจิกายน 2557 20:15:11 น.  

 

ดายุ..

"O ผีเสื้อปีกลวดลายลับหายแล้ว
เมื่อภาพแววตาปรอยชม้อยหา-
คล้ายเพรียกแรงผูกพันพร้อมฉันทา
พันธนาล้อมล่ามด้วยงามนั้น ! "

"ผีเสื้อปีกลวดลาย...ลับหายแล้ว..."
เลย ตามมาด้วย "butterfly effect.." 555

"ประมาณปี 2553-4"..มินตรา บินไปเขมร เพื่อจะรับทราบว่า พระจันทร์ที่เขมรไม่สวยที่สุดในโลก...
ไม่เคยเห็นเดือนเพ็ญที่ไหนจะขี้เหร่เท่าที่นั่น...เลย..

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 18 พฤศจิกายน 2557 4:04:39 น.  

 

มินตรา ..

ลองไปเขมรดูใหม่ ..
ไปให้ตรงกับขึ้น 15 ค่ำและไปลองมองดูที่ปราสาทนครวัดมองให้เห็นทางช่องหน้าต่าง .. ในโถงที่บรรทมของกษัตริย์ขอม .. อาจเปลี่ยนความคิดใหม่ได้นะ 55

ภาพที่กองทัพอยุธยายกไปล้อมนครวัดไว้ในสมัยเจ้าสามพระยา นั้นเขียนไว้ใน "ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง" แล้ว .. ภาพนั้นเห็นแจ่มชัดในจินตนาการพอๆกับภาพพระเจ้าอุทุมพรในผ้าจีวรแห่งนิกายเถรวาทกำลังนั่งไปบนเทียมเกวียนในฐานะเชลยศึกไปสู่ดินแดนพม่า นั่นก็เขียนไว้แล้วใน "สายธารกาลเวลา .. กลอน" ภาคที่ 4 ..

หญิงงามในสมัยโบราณนั้นอาจไม่งามเท่า ส่วนผสมของเลือดต่างเผ่าพันธุ์แบบรูปข้างบน แต่ก็ต้องนับว่าเป็นความงามแห่งยุคสมัยที่การเปรียบเทียบกันระหว่างดินแดนต่างๆ ที่ไกลกันนั้นกระทำไม่ได้ หรือ ไม่มีโอกาสเลย

 

โดย: สดายุ... 19 พฤศจิกายน 2557 6:23:54 น.  

 

ดายุ..

รูปสลักนูนต่ำทั้งที่ปราสาทนครวัดและนครธม นั้น
ท่านว่าเป็นการบันทึกสงครามครั้งแรกของพวกจามที่ต่อสู้กับเขมร...
กองเรือกรรเชียงของจามได้เข้าโจมตีเมืองพระนครมีชัยชนะถึงสองครั้ง
แต่ชัยชนะนั้นไม่ยืนยาวกษัตริย์ของเขมร คือ สุริยวรมันที่ 2 และ ชัยวรมันที่ 7 สามารถทำการสู้รบขับไล่จามออกจากดินแดนเขมรได้....

พวกทหารจามนี่ใกล้ชิดกับแผ่นดินไทยมาก ..
จึงยังมีเชื้อสายหลงเหลือในไทย หลังจากเสียดินแดนสุดท้ายให้เวียตนาม...

จาม กับ มอญ เป็นชนที่มีความเจริญทางวัฒนธรรมสูง..
ต่อไปหวังว่า ไทยจะไม่มีชะตากรรมที่จะไม่มีแผ่นดินอยู่...

นึกภาพรถไฟความเร็วสูงที่"หาก"จะให้ที่ดินสองข้างทางรถไฟห้าเมตร แก่จีน....นะ
........................

"O สายแล้ว .. หยาดน้ำค้างย่อมจางหาย
หากความหมายในตา .. ยังพร่าสั่น-
โลมลูบอารมณ์ชายจนคล้ายกัน-
ที่ความหวั่นไหว .. ห่วง .. ท่วมดวงใจ !"

"ที่ความหวั่นไหว .. ห่วง .. ท่วมดวงใจ !" นี่
มากมายเกินกว่า คำว่า"รัก"..ใช่ไหมเอ่ย..

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 19 พฤศจิกายน 2557 17:44:55 น.  

 

มินตรา ..

กลัวอะไรกับจีน .. อาจเป็นประโยชน์มากกว่าโทษ ในความคิดผม !
.
ผมไม่ค่อยเชื่อทฤษฎีชาติพันธุ์สักเท่าไร .. โดยมองว่า ความเป็นชาติหนึ่งนั้น ต้องมีครบ 4 เป็นของตนเองอย่างเป็นเอกลักษณ์

1.ภาษาเขียน-พูด
2.อาหาร-ขนม
3.เครื่องแต่งกาย
4.ดนตรี-เครื่องดนตรี

หากมีไม่ครบ 4 – ย่อมเป็นเพียงชนกลุ่มน้อย หรือ ชาติที่ไม่น่าภูมิใจนัก เหมือนที่ ..
ออสเตรีย .. ใช้ภาษาเยอรมัน
ออสเตรเลีย .. สหรัฐ .. แคนาดา .. ใช้ภาษาอังกฤษ

ส่วนเรื่องธงชาติ หรือ ดินแดนที่ปกครองตนเองได้นั้น - แนวโน้มของโลกอารยะจะเป็นไปในรูปแบบของ ..
.. สก๊อตแลนด์ ไอร์แลนด์เหนือ ของอังกฤษ
.. แคว้นบาสก์ของสเปน

หากในโลกป่าเถื่อน จะยังเป็นแบบ ..
.. มอญ ไทยใหญ่ ของพม่า
.. ธิเบตของจีน

การปิดกั้น มันจะทำได้ไม่ตลอด - พื้นที่รอยต่อระหว่างประเทศมันไม่สามารถแยกได้ชัดเจน เหมือนพื้นที่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ของไทยที่คนพูดภาษาเขมรได้ และมีความใกล้เคียงเขมรมากกว่าไทยอยุธยา+สุพรรณบุรี เสียอีก ..

ดังนั้นเรื่องจีนกับกรรมสิทธิ์ที่ดินสองข้างทางที่ยาวนานเพียงพอ หรือ กับการไหลทะลักลงมาของจำนวนคนมหาศาล เมื่อมีทางรถไฟเชื่อมถึงกัน - อาจเป็นมโนภาพด้านหวาดระแวงของคนจำนวนหนึ่งในด้านความมั่นคงที่เห็นภาพทับซ้อนของ กองทัพเวียดนาม 2 แสน 5 หมื่นคนขึ้นขบวนรถไฟที่เชื่อมต่อถึงกันเข้ายึดครองกรุงพนมเปญและขับไล่กองทัพเขมรแดงของพอลพตที่มีกำลังเพียง 8 หมื่นเข้าป่ารอบสองได้อย่างง่ายดาย ..

อย่าลืมว่า จีนคือผู้สนับสนุนคนสำคัญของ .. พคท.- พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในอดีต ตั้งแต่ยุค วิรัช อังคถาวร จนถึง ธง แจ่มศรี เป็นเลขาธิการพรรค .. !

แปลว่า พคจ. คือ พี่ของ พคท.
และอย่าลืมว่า .. สถานการณ์ต่อสู้ที่ปฏิวัติ .. ที่เหมือนจะลดดีกรีลงตั้งแต่ 66/23 และ 65/25 ประกาศออกมา .. กำลังถูกกลุ่มไดโนเสาร์คร่ำครึทำให้หวนกลับมาอีกครั้ง !

เพียงแต่การยึดครองแบบป่าเถื่อนนั้นไม่มีทางทำได้ในโลกยุคใหม่ .. แค่ภายในอาณาเขตที่ชอบธรรมเขายังไม่แน่ว่าจะรักษา ซินเกียง อุยกู ไว้ได้นานแค่ไหนกับการเริ่มต้นขบวนการแยกดินแดนของมุสลิมจากเอเชียกลาง

มันคงไม่เหมือนการยาตราทัพเข้ายึดครองธิเบตหลังเหมายึดครองปักกิ่งได้ไม่นาน ครั้งนั้นหรอก

มันไม่ make sense กับการที่คนที่ปักกิ่งที่ไม่เคยเกี่ยวข้องใดๆ จะมาบอกว่าคนธิเบตดินแดนที่ห่างไกลออกไปนับพันๆกิโล ควรต้องอยู่แบบไหนกินอย่างไร ร้องเพลงชาติอย่างไร

ผมมองว่าธรรมชาติคือแนวโน้มที่จะเป็นไปทั่วโลก แบบเดียวกับ รัฐอิสระใหญ่น้อยของอดีตสหภาพโซเวียตในตอนนี้ที่แตกเป็นรัฐใหญ่น้อยที่ไม่ได้อยู่ใต้อานัติคนรัสเซียอีกต่อไป .. จีนก็น่าจะเป็นอย่างนั้น อยู่ที่ช้าหรือเร็ว -

เพียงแต่จีน ปรับเปลี่ยน ระบบปกครองได้ดีกว่าที่มุ่งเน้นมาทางเศรษฐกิจ และเอาความมั่งคั่งมาพัฒนาประเทศรวมทั้งอาวุธในภายหลัง ในขณะที่โซเวียตนั้นเจ๊งไม่เป็นท่าเพราะเศรษฐกิจแย่และทุ่มเทกับอาวุธยุคสงครามเย็นมากเกินไป - คือลำดับความสำคัญกลับกัน จึงได้ผลต่างกัน


..

เมื่อมองความสำคัญก่อนหลังของเรื่องราว .. เราจะเห็นจากของจริงที่สามารถอ้างอิงได้ว่า ..

หากคนอยู่ดีกินดีโดยทั่วหน้า จะมีความภูมิใจในชาติตนเองโดยไม่ต้องกรอกหู

สิงคโปร์ - แยกเป็นอิสระจากมาเลเซียปี 2509 มีการควบคุมสังคมเข้มงวดที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบตะวันตก แต่ยังคงวางสถานะตนอยู่ในโลกเสรี

.. เกาะกลางช่องแคบที่ไม่มีทัพยากรอะไร
.. ดินแดนที่ประกอบด้วยชน 3 กลุ่มใหญ่คือ จีน มาเลย์ และอินเดีย ที่ไม่ได้มีระเบียบอะไรนัก

คือโจทย์ใหญ่ 2 ข้อว่าจะจัดการอย่างไรจึงจะเหนือกว่าแผ่นดินรอบๆได้ .. ภาพการจัดการ ควบคุมสังคมจึงออกมาได้เป็น

.. คุณภาพชีวิตดี อาชญากรรมน้อย
.. ความโปร่งใสของระบบรัฐเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ
.. คุณภาพประชากรที่เหนือกว่าเพื่อนบ้าน
.. ความยุติธรรมในสังคมมาตรฐานเดียว ปราศจากระบบอุปถัมภ์ ควบคุมสังคมด้วยโทษรุนแรง
.. ทุ่มเทกับการพัฒนาการศึกษาจนโดดเด่นระดับ top 20 ของโลก
.. การเอาคนเก่งมาทำงาน และปราศจากคอรัปชั่น เส้นสาย พรรคพวกนิยม
.. คำประจบสอพลอเชิดชูจากผู้ใต้ปกครองเป็นความสูญเปล่าทางสังคมที่ไม่มีสาระอะไรจับต้อง สิ้นเปลืองงบประมาณ ไม่สามารถทำความเจริญให้ชาติและประชาชนได้ .. คนสิงคโปร์จึงไม่ต้องซาบซึ้งอะไรต่อ ท่านผู้นำ จากเช้าจดเย็นอะไรนัก ทั้งๆที่ทำให้พวกตนมองหน้าฝรั่งได้อย่างเท่าเทียม !
.. สร้างการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในสังคมของชนชาติเดียวกัน

.
.
เหล่านี้จึงนำพาสิงคโปร์เป็น 1 ใน 4 เสือแห่งเอเชียที่มี
1.สิงคโปร์
2.เกาหลีใต้
3.ไต้หวัน
4.ฮ่องกง

เป็นประเทศพัฒนาแล้วล่าสุดได้อย่างสง่างาม - ไปพ้นจากคำว่า "ด้อยพัฒนา" (คำว่า-"กำลังพัฒนา" เป็นเพียงโวหารภาพพจน์ของพวก องุ่นเปรี้ยว ในสังคมตอแหลเท่านั้น)

ผู้ปกครองเช่นนั้น จึงคู่ควรต่อการสรรเสริญของคนในชาติและคนในโลก .. พร้อมทั้งรู้จักพอลงจากอำนาจเมื่อถึงเวลาเหมาะสม เพื่อคนรุ่นใหม่ได้ทำงานต่อ โดยไม่ต้องหวงอำนาจไว้กับตัวจนตัวตาย !

ไม่เป็นประชาธิปไตย
ก็ไม่มีใครเขาด่าว่าประณาม - มีแต่ชม

จริงไหม ?

 

โดย: สดายุ... 20 พฤศจิกายน 2557 21:10:10 น.  

 

..

บทวิเคราะห์ประเด็นการเปิดสมัชชา 5 ของพคท. ในยุคปลายทักษิณ 2547 ของ ผู้จัดการการเมือง

//www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9470000034313

สำหรับผู้สนใจ

 

โดย: สดายุ... 20 พฤศจิกายน 2557 21:25:53 น.  

 

สดายุ...

"ทฤษฎีชาติพันธุ์"นั้น นอกจากจะดูจาก "เอกลักษณ์

1.ภาษาเขียน-พูด
2.อาหาร-ขนม
3.เครื่องแต่งกาย
4.ดนตรี-เครื่องดนตรี" แล้ว...
นักโบราณคดี..นักภาษาศาสตร์ ..นักประวัติศาสตร์ ..ยังพิสูจน์ได้ทางชีววิทยาด้วย Genetic Research ...DNA
ไม่ว่าเราจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่มี"หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ "มาหักล้าง ความเชื่อหรือไม่เชื่อได้ ...
ตัวอย่างเช่น...
ความเจริญสูงสุดของวัฒนธรรมมุสลิม ( a Muslim civilization)ที่เรียกได้ว่าเป็นยุคทอง( Islamic Golden Age.)ใน ศตวรรษที่ 10 &11ทางวรรณกรรม ทางปรัชญา ทางดนตรี ทางการแพทย์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
ก็เห็นจากงานเขียนทางวิทยาศาสตร์ในภาษาเปอร์เซียของ นักปราชญ์
Nasir al-Din al-Tusi, Avicenna, Qotb al-Din Shirazi, Naser Khusraw and Biruni
หลังจากยุคนี้จึงขนานไปกับความรู้ของอาหรับ

ทั้งจามและมอญนั้น มีครบทั้งสี่ข้อ แต่เป็นชาติที่ไม่มีดินแดนเป็นของตนเอง..

"วิธีวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ ในศตวรรษที่ 20-21"
ฉบับ สหประชาชาติ (United Nations geoscheme) เพื่อตรวจหาข้อมูล
การเคลื่อนย้ายเผ่าพันธุ์ การติดต่อทางการค้า ใช้"ทฤษฎีชาติพันธุ์"

"การยึดครองแบบป่าเถื่อนนั้นไม่มีทางทำได้ในโลกยุคใหม่ .. "
ไอซิส(ISIS) กำลังทำอยู่ที่ ซีเรียและอิรัค วันนี้ จนมีผู้อพยพออกมาถึงสามล้านคน ซึ่งเยอรมันรับสตรีและเด็กไว้ให้ลี้ภัยจำนวนมาก ก่อนที่จะถูกส่งไปขายในตลาดทาส..

" ธรรมชาติคือ รัฐอิสระใหญ่น้อยแบบ อดีตสหภาพโซเวียตในตอนนี้ที่แตกเป็นรัฐใหญ่น้อยที่ไม่ใช่คนรัสเซียจะมาสั่งใช้อีกต่อไป .. "
ถูกต้องค่ะ..หากเป็นไปโดยระบอบประชาธิปไตย...

จีนต่างจากรัสเซีย ในเรื่องการเงิน..เพราะ เงินในการสร้างชาติของจีน ส่วนใหญ่มาจากความร่วมมือของ"จีนโพ้นทะเล"(Chinese Oversea) เช่น ซีพี ..เบียร์ช้าง..และในประเทศอื่นทั่วโลก ซึ่งรัสเซียไม่มีเครือข่ายนี้ รองรับเช่นจีน

ส่วนลัทธิคอมมิวนิสต์นั้น ตามทฤษฎีการเมืองใหม่ ..
โดยเฉพาะในยุโรปตะวันออก สรุปแล้วว่า
ทฤษฎี คาร์ลมาร์ค แองเงล เลนิน ...
เป็นความผิดพลาดทางความคิด..
ไม่สามารถนำมาใช้กับมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาได้..
เชยแล้วค่ะ...นักทฤษฎีท่านว่า...

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 20 พฤศจิกายน 2557 23:15:37 น.  

 

มินตรา ..

การโต้แย้งด้วยข้อมูลที่"เป็นเพียงบางส่วน" มันยากจะรับฟัง .. 55

ชาติพันธุ์ มีเป็นล้าน สิบล้าน หรือ ร้อยล้าน มันไม่มีเลือดบริสุทธิ์หรอกที่จะมาพิสูจน์ DNA กัน เหมือน ไทย-ลาว-พม่า ที่เคลื่อนย้ายกวาดต้อนกันไปมา ..

สมัยกรุงแตก ขุนหลวงหาวัดพร้อมบริวารถูกกวาดต้อนไปพม่า จนบัดนี้ชั้นลูกหลานพูดพม่า แต่งกายแบบพม่า กินอาหารพม่า ร้องเพลงฟังเพลงพม่า .. ตกลง genetic สยามเมื่อ 200 กว่าปีแล้วนี้เป็นสยามหรือพม่า ?

เช่นเดียวกับเรื่องจีนโพ้นทะเล .. มันเพียงบางส่วน มันไม่สามารถพูดได้ว่าเงินจีนโพ้นทะเลมาเป้นตัวหลักในการพัฒนาจีน .. แต่เป็นการลงทุนของ ..

อเมริกัน และแคนาดา
เยอรมันและอียู
ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้

พวกนี้ต่างหากที่เป็นนักลงทุนหลัก

ซีพี
เบียร์ช้าง
มันจะลงได้กี่หมื่นล้านเชียว

เมื่อเทียบกับ
แอบเปิล
ซูมิโตโม่
มิตซูบิชิ
โซลเวย์
ซีเมนส์
เบนซ์
บีเอ็ม
ฯลฯ

 

โดย: สดายุ... 21 พฤศจิกายน 2557 6:35:12 น.  

 

O เมื่อเสแสร้งแจ้งการมานานโข
เหมือนข้อโซ่คล้องเกี่ยวยึดเหนี่ยวหวัง
สร้างศรัทธาสืบเชื้อพันธุ์เชื่อฟัง
การปลูกฝังย่อมก้องพร้อมฆ้องแตร
O วันแล้วและวันเล่าที่เฝ้าสร้าง
เป็นดั่งเชือกถี่-ถ่างถักร่างแห
วันเดือนปีผ่านเวียนสุดเปลี่ยนแปร
เชื้อย่อมแพร่พันธุ์เชื่องเกินเปลื้องปลง
O นฤมิตภาพสร้างขึ้นกลางเมือง
พันธุ์เชื่อเชื่องย่อมเห็นกาเป็นหงส์
ความทุกข์ยากลำเค็ญก่อเป็นทรง
ของช่วงชั้นสูงส่งธำรงรอ
O อตีตาฉกฉวย .. มาช่วยชาติ
ธรรมแห่งทาสลาดปูผ่านผู้ขอ
บุญบาปร่วมเร่งเสียงจนเพียงพอ
ร่วมกันก่อ-ร่างประเคนพร้อมเวรกรรม
O ทุนสามานย์ขานรับลำดับญาติ
อดีตชาติรวบตะครุบการอุปถัมภ์
พร้อมอนาคตไกลเป็นไฟนำ
จับจูงนำขลาดเขลาจนเมามาย
O ยังเสแสร้งแรงฤทธิ์ไม่บิดพลิ้ว
ชี้ทั้งนิ้วหน้าพยักเกินหักหาย
ตาเหลือบเหลียวมองตอบอยู่รอบราย
เหมือน-เหลือบชายตาขยิบ .. กระซิบยิ้ม
O หรือ-ข้อโซ่คล้องเกี่ยวยึดเหนี่ยวไว้
จัก-สุมใส่ขมเค็มจนเต็มอิ่ม
หรือ-เชื้อเชื่องย้อมฉาบด้วยภาพพิมพ์
ตาจึงพริ้มประทับไว้ทั้งใจกาย
O วันแล้วและวันเล่าที่เฝ้ามอง
เสียงถก-ท่องแว่วอยู่ไม่รู้หาย
ภาพแสนงามคงระยับไม่กลับกลาย
หากแต่-สายแดดละมุนเริ่มอุ่นร้อน !

 

โดย: สดายุ... 6 พฤษภาคม 2566 18:13:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.