O ห้วงเหมันตะสมัย O
Ernesto Cortazar - 9 Lives Of InnocenceO ผีเสื้อปีกบอบบางลอยร่างร่อน-ล้อมเกสรมาลย์อยู่แต่ตรู่สางเมื่อหมอกเช้าแทรกตัวอยู่ทั่วทางและน้ำค้างวางหยด .. รอ-รดรินO ลวดลายปีกบอบบางในสางตรู่แทรกตัวสู่หวานหอมไม่ยอมสิ้นให้รสรื่นรมย์นี้ .. ปลุกชีวิน-เพื่อโบกบินแนบยาม .. ให้งามล้นO ดอกไม้หอม, แสงฉาย, ปีก-ลายพราง-ค่อยค่อยคลี่ปีกกว้างก่อนคว้างหล่น-ลงแทรกกลีบดอกมาลย์เอาหวานปรน-เปรอตัวตนสำราญกลางม่านใบO เห็นน้ำค้างวางหยาด .. อยู่ดาษดื่นลมเช้าชื่นโรยริ้วก็พลิ้วไหวประหนึ่งเพชร-เม็ดน้ำ .. นั้นร่ำไรรอแสงไล้โลมต้อง .. ก่อนล่องลอยO รวยรวยรสมาศไม้ที่ในสวนกลิ่นหอมอวลอบเร้าความเหงาหงอยรื่นคันธารสหนอ .. เหมือนรอคอย-บางรูปรอย .. ให้ถวิลแต่กลิ่นมาลย์O คำนึงด้วยเจตจินต์ .. ที่ยินยอม-ถูกกักกุมรุมล้อมด้วยหอมหวานที่ทั้งใจไหวสั่นแต่วันวานเมื่อใครผ่านหวานหอมเข้าล้อมลนO งามจริตรูปละม่อมพรั่งพร้อมค่ายิ่งช่อชั้นพวงผกา .. แห่งป่าฝนที่เสียดยอดพลอดยามให้ตามยลตราบดิ้นรนด้วยใจ .. คอยไขว่คว้าO นับการก้าวยกย่าง .. บนทางฝันช่างเต็มเปี่ยมมุ่งมั่น .. การฟันฝ่า-อุปสรรคทั้งปวง .. ให้ร่วงคา-อยู่ใต้ฝ่าเท้าย่ำ .. ที่ดำเนินO นับสิบร้อยพันหมื่นการตื่นหลับล้วนลำดับรอยอุทธัจ .. ความขัดเขินที่ค่อยโหมหวนระลอกเข้าหยอกเอินด้วยท่าทีสะทกสะเทิ้น.. ทั้งเมิน-เมียงO ละเมียดรส .. ผกากรองละล่องกลิ่นหอมตรึงจินตนาการนั้น-ปานเสียง-กระซิบแผ่วผ่านถ้อยมาร้อยเรียง-ความซาบซึ้งให้ประเดียงประดังใจO กลีบเรียวบางดอกดวง .. บ้างร่วงหล่นพร้อมกับห้วงใจคน .. ที่วนไหวละครั้งที่งดงามของความนัยผ่านโลมไล้ลูบอก .. พาวกย้อนO หยาดน้ำค้างเคยเห็น .. ก็เร้นหายยังแต่สายสวาดิชู้สุดรู้ผ่อนในคำนึงเงียบเหงา .. เหมือนเว้าวอน-ความออดอ้อนพร้องพร่ำ .. อยู่ค่ำเช้าO รูปชาติภพอบร่ำในคำนึงคล้ายภาพซึ่งสาบสูญแต่พู้นเก่าย้อนเผยรูปรอยยิ้ม .. อันพริ้มเพราจำหลักเงาเรียวรูป .. โลมลูบทรวงO นับแต่วันเดือนปีเท่าที่เห็นก็ยากเร้นรูปงามที่ลามล่วงราวอดีตบุญบาป .. มาทาบทวง-ผ่านฤทธิ์หน่วงเหนี่ยวเร้า .. ให้เฝ้ารอO ถ้วนปวงความอ่อนโยนและอ่อนหวานต่างฤๅเมื่อดอกมาลย์ .. เบ่งบานช่อ ?ทั้งลามล่วงรุมเร้าพะเน้าพะนอเช่นรูปเยาว์แอบออ .. ร่ำรอทรวงO ถ้วนสิ้นความอ่อนโยนและอ่อนหวานจึงค่อยซ่านซึ้งให้ .. อาลัย-หวง-เข้าโอบล้อมห้อมห่มอารมณ์ปวงด้วยความห่วงใยล้ำ .. อยู่ค่ำเช้าO น้ำค้างเร้นหยาดหยด .. ไปหมดแล้วเหลือลมแผ่วกอดเกี่ยวความเปลี่ยวเปล่าประหนึ่งเพชร-แสงปลาบ .. นั้นวาบเงาเมื่อรูปเยาว์หล่นคว้าง .. ลงกลางใจO น้ำค้างสิ้นรูปรอย .. รูปรอยเจ้า-ก็ผ่านเร้ารุมขวัญจนสั่นไหววงรอบความเสน่หา .. แรงอาลัย-ก็โอบล้อมเอาไว้ .. สุดคลายคลอนO ถ้วนสิ้นความคำนึง.. ส่งถึงอยู่กอปรแรงชู้อาลัยเกินไถ่ถอนเหมือนคำบวงพระเจ้า .. เคยเฝ้าวอน-ค่อยผ่านตอนย้อนดังอีกครั้งแล้วO จงกลกรรณิเกศแก้ว - - - กรองมาลย์ตามประทีปอธิษฐาน - - - ประเทียบถ้อยจนรอบสุริยะกาล - - - เคลื่อนผ่าน นั้นแม่อ้อมอกอุ่นจักคล้อย - - - เคลื่อนห้อมโอบขวัญ ฯO บูชาอัญชลิตเบื้อง - - - สรวงบนสวมสอดบุษบาดล - - - ดอกสร้อยหอมรูปรสเสาวคนธ์ - - - ควรอบ ร่ำแม่ควร-ศัพท์เสียงร่ำร้อย - - - ผ่านรู้ปรารมภ์ ฯO โคมทองประทีปแก้ว - - - ชัชวาลแต่งกอปรกรองอธิษฐาน - - - ทิพไท้พึงดลจิตรูปคราญ - - - ครวญแต่ ถวิลนาถวิลแต่อกเรียมให้ - - - โอบเนื้อพะนอถนอม.
สดายุ..
ครั้งนี้ เครื่องสาย ไพเราะ และซอด้วง โอดครวญ ซะ..มิมี..
"รักของข้าดั่งบัวบังใบ บังมิให้ใครเห็น
เฝ้าครวญหวนทุกเช้าเย็นตรอมตรม...
สุดหัก..สุดหาย..หัวใจมิวายระทม
สุดตรอมตรม.. ใจยิ่งคิดให้โหยหา
ต้องบังรักไว้..ไม่กล้าบอกใคร..."
แพ้ ซอด้วง แล้วล่ะท่านกวี...