O ห้วงแห่งคำนึง .. O
Giovanni Marradi - My Love
O ถิ่นดินแดนหมอกขาว .. ลมหนาวร่ำ มี - ความ, คำ, หัวใจห่วงใยถึง พร้อมอาวรณ์ลึกล้ำ .. พร้อมคำนึง- หอม, หวานซึ้งแทรกตัว .. อยู่ทั่วความ O ถวิลหาละห้อยเห็น .. ฤๅ-เว้นคาบ แต่ตาสบใจทราบ .. รสวาบหวาม เมื่อริ้วลมโลมลูบ, คือรูปนาม- นั้นลุกลามโลมสิ้น .. จิตวิญญาณ O ถวิลหาละห้อยเห็น .. ฤๅ-เว้นช่วง เมื่อเงื่อนบ่วงรายล้อม .. เกินอ้อมผ่าน กักกุมให้ร่ำรอ .. แล้วทรมาน- ด้วยหอมหวานซึ้งรส .. เข้าบดเบียน O สายน้ำไหลอ่อยเอื่อย .. ลมเฉื่อยโชย เมื่อใจโหยหาฝัน .. เริ่มผันเปลี่ยน รูปรอยความหอมหวานเมื่อผ่านเวียน ก็เช่นเทียนแสงพร่างที่กลางพลบ O ไหวสายลมวาดวี .. ในที่นั้น เช่นไหวสั่นใจนี้ .. สุดลี้-หลบ หมอกอ้อยอิ่ง .. ลมลาด, อีกชาติภพ- ก็ครันครบอาลัย .. ที่ไหววน O ร่วม - ยอแสงโชนช่วงของดวงวัน เพรียกสายน้ำจำนรรจ์ .. นับพันหน ล้วน - แทนความสาธก .. ในอกคน- ผู้ดิ้นรนถวิลชู้ไม่รู้วาย O สูรย์พร่างแสงวับวาม .. ล้อมสามโลก พร้อมลมเช้าพลิ้วโบกกรรโชกสาย หมอกขาวขุ่นกรุ่นไอ .. เมื่อใจชาย- แต่มุ่งหมายเรียวร่าง .. แนบกลางทรวง O กำลังแรงอาวรณ์ .. ฤๅ-ซ่อนอยู่ เมื่อนัยชู้ลามรุก .. ไปทุกช่วง- การรอคอยมุ่งหวัง, ใจทั้งดวง- คล้ายจมบ่วงสวาดิน้อย .. ผู้กลอยใจ O รื่นลมเช้าโรยระลอก .. โอบหมอกขาว ทั้งเหน็บหนาว - เรียวรูป .. ก็วูบไหว- ล้อ-หมอกหม่นขุ่นมัว .. ล้อมตัวใคร- ด้วยอาลัยแทรกขวัญ .. จนสั่นรัว O ทุกคำนึงไหววูบ .. เพียงรูปหน้า- พร้อมแววตาป่ายแต้ม .. รอยแย้มยั่ว ริ้วลมร่ำโรยระลอก .. ม่านหมอกมัว- นั่น-แทนหัวใจคน .. ที่อลเวง O ที่ฟ้าใสเมฆขาว .. น้ำพราวหยาด, หอมดอกมาศ, อ่อนน้อยจักคอยเพ่ง- ด้วยแววตาวับวาม .. จากยามเพรง- จวบแสงเปล่งปลาบวัน .. ครองชั้นฟ้า O หวังถึงความละห้อยเห็น .. เมื่อเย็นย่ำ- จักผ่านรสหวานล้ำ .. ดุจน้ำบ่า กระเพื่อมแววไหวช่วงในดวงตา บ่งบอกความเสน่หา .. ผ่านท่าที O สนธยาฟ้าแดง .. ด้วยแสงสูรย์ หวัง-อาวรณ์เพิ่มพูนในพู้นที่ ปรารถนาแห่งใจ .. ผู้ใยดี- ฝากวารีแทรกความ .. เข้าลามทรวง O หวังถึงการรอคอย .. ทุกรอยคำ ค่อยตอกย้ำอกใจ .. อาลัยหวง หวังถึงความอ่อนไหว .. ที่ในดวง- ตา .. ที่หวงแหนชู้ .. แม้ครู่ยาม O ครั้นคืนค่ำดาวพร่าง .. น้ำค้างหยาด หมาย-ภพชาติเสพทราบรสวาบหวาม- โดยเดียงสาแห่งวัย .. ก่อนไหลลาม- แทรกใจทรามสวาดิชู้ .. ให้รู้รอ O แว่วยินไหมความถวิล .. ในจินตนา พร่ำฝากฟ้าผ่านช่วง .. บำบวงขอ- เพื่อให้ความรุมเร้า .. คอยเคล้าคลอ- อยู่แอบออ .. ออดอ้อนเจ้าอ่อนน้อย O หวัง ถึงความอาวรณ์ .. คำอ้อนชู้- ผ่านรับรู้เสียงแว่ว .. จากแผ่วค่อย- หวัง สบแวววุ่นว้า .. นัยน์ตาปรอย สองแขนร้อยวงเรียว .. ขึ้นเหนี่ยวคอ O สู่ - ดินแดนหมอกขาว .. ลมหนาวคร่ำ- หอบ ความ คำ ทุกบท .. ให้จดจ่อ พร้อมอาวรณ์ดื่มด่ำ .. ที่ร่ำรอ- การสืบต่อ .. รติรสเป็นบทเดียว O กลางดินแดนหมอกขาว .. ลมหนาวร่ำ หวัง-ใจคร่ำครวญสวาดิ .. ค่อย-กราดเกรี้ยว- ขึ้นโหมแรงวนว่าย .. เป็นสายเกลียว- รัดพันเหนี่ยวหัวใจ .. ด้วยใยดี O รัตติกาลฟ้าค่ำร้างจำรูญ หวัง-อาวรณ์เพิ่มพูนในพู้นที่ รออกแขนเอื้อมคว้า .. ผ่านราตรี เลื่อนราศีแนบน้อมในอ้อมทรวง ! O เมิน .. ขุนเขา, สายธาร .. ดอกมาลย์หอม รอ .. เพียงอ้อมอกแขน .. รูปแหนหวง- จักโผเข้าโอบกาย .. อุ่นอายปวง- ผ่านสู่ทรวง .. มอบอุ่นแนบหนุนอิง O จึง .. ขุนเขา, สายธาร .. ดอกมาลย์หอม บำราศพร้อม .. ร่างละมุนนอนหนุน-นิ่ง ด้วยแววตาอาวรณ์ .. กายผ่อนพิง- ค่อยวนวิ่งวาบแวว .. ไม่แล้วเลือน O รอเถิดเจ้า .. ด้วยขวัญที่มั่นคง ร่วมผลักวงกรรมเวร .. ให้เบนเคลื่อน อุปสรรค, ทรมาน .. แม้ผ่านเยือน- จักคอยเฉือนให้ขาด .. บำราศร้าง O แล้ว .. ขุนเขา, หมอกขาวที่หนาวพร้อม จักรายล้อมรอเทียบให้เหยียบย่าง พร้อมสองก้อยสอดเกี่ยว .. ผ่านเที่ยวทาง จนตราบวางชีพวาย - อาจคลายมือ !
Create Date : 03 สิงหาคม 2557 |
|
8 comments |
Last Update : 20 เมษายน 2566 5:10:03 น. |
Counter : 3072 Pageviews. |
|
|
|
"O ถิ่นดินแดนหมอกขาว .. ลมหนาวร่ำ
มี - ความ, คำ, หัวใจห่วงใยถึง
พร้อมอาวรณ์ลึกล้ำ .. พร้อมคำนึง-
หอม, หวานซึ้งแทรกตัว .. อยู่ทั่วความ
O ถวิลหาละห้อยเห็น .. ฤๅ-เว้นคาบ
แต่ตาสบใจทราบ .. รสวาบหวาม
เมื่อริ้วลมโลมลูบ, คือรูปนาม-
นั้นลุกลามโลมสิ้น .. จิตวิญญาณ "
"มี - ความ, คำ, หัวใจห่วงใยถึง" นั้น ส่งไปไม่ถึง
" ถิ่นดินแดนหมอกขาว .. ลมหนาวร่ำ" แล้ว กระมัง
เพราะ ไม่เห็นมี น้องเล็กน้องใหญ่ หรือใครใคร ในร้อย
มา feedback เลยนะ...