O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
Ernesto Cortazar - Le Partage d'une VieO หม่นมัวสลัวสล้างอยู่กลางหมอก-คือช่อดอกมาลีอวดสีสันลมแรกเช้าแผ่วเบา .. ผ่านเถาวัลย์-วูบเดียว .. สั่น-ก้านใบก็ไหวตัวO ปีกผีเสื้อลวดลายค่อยบ่ายบินเมื่อทั่วถิ่นเคลื่อนพ้นความหม่นหลัวโบกกระพือปีกนั้น .. จนสั่นรัวกับเพียงชั่วแสงสาง .. เริ่มวางรอยO งดงามในรุ่งเช้าอันเหงาเงียบหยาดเย็นเยียบทั้งปวง .. ก็ร่วงผล็อย-ตามลมลูบแดดต้อง, ปีกล่องลอย-เลื่อนลายอ้อยอิ่งอยู่ในหมู่พรรณO เม็ดน้ำค้างหยาดพราว .. หมอกขาวขุ่นแดดอบอุ่นโอบผ่าน .. บนลานฝันพลิกพลิ้วปีกบางเบาใต้เงาวัน-เกาะกลีบคั้นหวานอยู่ .. ไม่รู้ลาO ลมแผ่วผ่านโลมลูบ .. หมอกวูบไหว-ท่ามกลางไอแดดเรื้องที่เบื้องหน้าปีกลวดลายแผ่กางโบกคว้างมา-เมื่อยอดหญ้าน้ำค้างเริ่มจางรอยO เรียวเรณูหอมหวานเชิดก้านรอให้ภู่ออแอบอ้อนเกสร-สร้อยเห็นปีกบางกลาดเกลื่อนค่อยเลื่อนลอย-ตฤปหวานอ้อยอิ่งอยู่อย่างรู้รสO หวานหอมเยี่ยงใดเล่าจะเท่าที่-เรณูชี้เชิดคอย นั้น .. ค่อยหยดหรุบปีกบางเกาะเกี่ยว .. คลานเลี้ยวลด-เข้าจ่อจดหวานหอม .. อย่างยอมตัวO อุ่นไอละอองแดดค่อยแวดล้อมเมื่อลมพร้อมพาระลอก .. เข้าหยอกยั่วมาลีพรรณส่ายดอก .. พร้อมหมอกมัว-ก็คลายตัวล่มลาญแต่กาลนั้นO ปลายปีกนกโบกคว้างที่กลางฟ้าเมื่อแววตาของใคร .. คล้ายไหวสั่น ?รูปปีกเหยียดแผ่ช่วง .. บังดวงวัน-เมื่อดวงตาคู่นั้น .. คล้ายสั่นสะทกO ปีกนกยังคลี่กางที่กลางฟ้าเมื่อแววตาเร้ารุม-ความ .. สุมอกเหลือบแววปรอยปรอยปริบ .. เหมือนหยิบยก-ความสาธกแทนถ้อย .. ให้คอยประเมินO ปีกผีเสื้อเกาะพุ่มโกสุมหอมพักตร์ละม่อมก็อุทธัจด้วยขัดเขิน-จากแววตาล่วงล้ำ .. คอยก้ำเกินครบครันการหยอกเอิน-สะเทิ้นใจO สายหยุดหยุดหอมสิ้น .. แต่สิ้นสายหลังแดดฉายโชนแต้มความแจ่มใสรูปเอย .. แต้มแววตา-รูปหน้าใคร-ฤๅ-รู้ตัวบ้างไหม .. รูปใครกัน ?O สิ้นคาบสาย ผ่านสาย แล้วสายสวาดิลดามาศก็อวลกลิ่นล้อมถิ่นฝันเมื่อวางภพวางชาติมาพาดพัน-ฤๅ-อาจเบี่ยงเลี่ยงขวัญคลาดกันพ้น .. ?O พร้อมแววตาอ่อนโยนที่โชนช่วงความเงียบเหงาทั้งปวงก็ร่วงป่นปีกนกเหยียดเต็มช่วงที่สรวงบนเมื่ออกคนละห้อยเห็นไม่เว้นวางO ฤดูนี้ลมร่ำ .. อยู่ค่ำเช้าปีกบางเบา .. ก็ร่อนอยู่แต่ตรู่สางลมเอย .. แว่วลมหวนเสียงครวญครางเหมือนใจบางเสี้ยวส่วน .. คร่ำครวญคอยO โหยหาคอยบีบเค้นไม่เว้นว่างในที่ทางเย็นเยียบ .. แสนเงียบหงอยในเที่ยวทางเหยียบย่ำ .. ซ้ำซ้ำรอยเพียงละห้อยห่วงเห็น .. ที่-เป็น .. มีO สายหยุด .. กลีบดอกบาน .. ย่อมลาญร่วงดั่งสูงสรวง .. กาลเวียน .. ย่อมเปลี่ยนสีเหลืองแสดมาลย์หมดกลิ่น .. ก็สิ้นดีเพียงไมตรีพี่นั้น .. ยังมั่นคอยO ปีกบางยังลอยล่องเต็มท้องฟ้าเมื่อเหว่ว้าแตกดับจนยับย่อยหัวใจเคยมืดมน .. ก็หล่นลอยกับร่องรอยนัยชู้ .. รอ-รู้ .. ชมO ที่-เสพรับความคำ .. ตอกย้ำอยู่พึงรับรู้ .. ร่วมหวัง .. ร่วมสั่งสม-ความรู้สึกเสน่หาในอารมณ์เบิกบทบ่มหวานหอม .. รัดล้อมทรวงO เสพรับความสื่อสู่ .. จงรู้ว่า-มีคุณค่าหนักแน่น .. ทั้งแหนหวงเพียงร่ำรอ .. ความคำเคยบำบวง-ให้เริ่มช่วงกำลัง .. เข้าสั่งการO เสพรับความนัยชู้ .. จงรู้ว่า-เสน่หาฝากลมที่พรมผ่านแล่นเลื่อนมาโอบองค์ .. รูปนงพาลให้-สุดต้านอาวรณ์ .. แฝงซ่อนมาO เมื่อต้องลมอบอุ่นละมุนละม่อมอุ่นจะเพรียกหวานหอมขึ้นพร้อมท่าเพื่อเปล่งความผ่องแผ้ว .. ให้แววตา-ตอบรับรองเสน่หา .. อย่างอาวรณ์ !
เร้ว..สาวสาว..
"O ที่-เสพรับความคำ .. ตอกย้ำอยู่"
"พึงรับรู้ .. ร่วมหวัง .. ร่วมสั่งสม-
ความรู้สึกเสน่หาในอารมณ์
เบิกบทบ่มหวานหอม .. รัดล้อมทรวง"
สดายุ เบื่อ "เพื่อน-แพง"แล้วล่ะ...555