หอบไปได้อย่างไร
เด็กๆหลายคนเคยถามด้วยความสงสัยว่าเหตุใดเวลาอ่านข่าวหรือ ดูข่าวเกี่ยวกับพายุทอร์นาโดมักจะปรากฎว่า บ้าน รถยนต์ ฯลฯ ถูกหอบไปด้วย กิจกรรมต่อไปนี้จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจได้ ต้องใช้อะไรบ้าง 1.ลูกปิงปอง 2 ลูก 2.เชือกขนาดเล็ก 2 เส้น 3.ไม้บรรทัดหนา 4.หนังสือหลายๆ เล่ม 5.เทปใส ทำอย่างไร 1.ใช้เทปใสติดปลายเชือกกับลูกปิงปองเส้นละลูก แล้วผูกอีกปลายหนึ่ง เข้ากับไม้บรรทัด ให้ลูกปิงปองห่างกันประมาณ 2 เซนติเมตร 2.วางไม้บรรทัดในข้อ 1 ไว้บนขอบโต๊ะโดยให้ส่วนที่มีลูกปิงปองห้อยนั้น อยู่ห่างจากขอบโต๊ะประมาณ 10 เซนติเมตร ใช้หนังสือหลายๆเล่มทับ ไม้บรรทัดด้านที่อยู่บนโต๊ะ 3. เป่าลมผ่านช่องระหว่างลูกปิงปอง ทั้งสองลูกก่อนเป่าให้คาดเดาไว้ว่า จะเกิดอะไรขึ้น สังเกต บันทึกผล 4.ทำเช่นเดียวกับข้อ 3 โดยเป่าด้วย แรงมากน้อยต่างกัน สังเกต บันทึกผล - ก่อนเป่า นักเรียนคิดว่าเมื่อเป่าแล้ว ลูกปิงปอง ทั้งสองจะเป็นอย่างไร และหลังเป่าเป็นอย่างที่คิดหรือไม่ อย่างไร - การเป่าด้วยแรงลมขนาดต่างๆกัน ให้ผลที่เกิดขึ้นเหมือนหรือต่างกัน อย่างไร เพราะเหตุใด - ถ้าแขวนแถบกระดาษไว้ที่ด้านข้างของลูกปิงปองลูกหนึ่ง เมื่อเป่าลมแรงๆ ระหว่างลูกปิงปองทั้งสองลูก นักเรียนคิดว่าจะมีผลอย่างไรกับแถบ กระดาษ เพราะเหตุใด - ถ้าลมที่เป่าไประหว่างลูกปิงปองแทนทอร์นาโด เมื่อทอร์นาโดผ่านไป ที่ใดมีผลอย่างไรกับสิ่งรอบข้าง (ลูกปิงปอง) เพราะเหตุใด สำหรับครู เมื่อเป่าลมผ่านระหว่างลูกปิงปอง ลูกปิงปองทั้งสองจะเบนเข้าหากัน และยิ่งเป่าแรงมาก ลูกปิงปองก็จะเบนเข้าหากันมากขึ้นและอาจชนกัน การที่ลูกปิงปองเบนเข้าหากันนั้น เนื่องจากเมื่อเป่าลมจะทำให้อากาศ ระหว่างลูกปิงปองเคลื่อนที่ ทำให้บริเวณนั้นมีความดันอากาศต่ำลง อากาศบริเวณที่อยู่ด้านนอกลูกปิงปองทั้งสอง ซึ่งมีความดันอากาศปกติ แต่สูงกว่าอากาศระหว่างลูกปิงปองจะดันลูกปิงปองไปในทิศทางที่อากาศ มีความดันต่ำกว่า การที่อากาศเคลื่อนที่เร็วทำให้บริเวณนั้นมีความดันอากาศลดลง ยิ่ง เคลื่อนที่เร็วมากแค่ไหน ความดันอากาศก็จะยิ่งลดลงมากเท่านั้น และนี่ เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทอร์นาโด ซึ่งมีความเร็วลมมากอาจถึง 480 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง สามารถทำลายสิ่งต่างๆได้ และหอบเอา บ้าน รถยนต์ และอื่นๆ ไปด้วย