สโลแกน แทนใจ ไว้ให้คิด แม้มิ่งมิตร ผู้อยู่ห่าง กลางความฝัน ไม่เห็นหน้า แต่วาจา พาทีนั้น คละเคล้ากัน ปันสุขทุกข์ ทุกวี่วัน
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
4 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
what is happiness?

เริ่มเรื่องว่า เมื่อน้องเออายุได้ 14 ปี ต้องเตรียมสอบขึ้น ม. ปลาย พ่อแม่และคุณครู ต่างแนะนำให้น้องเอ หยุดเล่นฟุตบอลในตอนเย็น และวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อจะได้อยู่บ้านและใช้เวลา กับการทำการบ้าน เค้าอธิบายว่าถ้า
"น้องเอสอบได้คะแนนดี น้องเอก็จะมีความสุข"

น้องเอ เชื่อคำแนะนำ น้องเอสอบได้ดี แต่มันก็ไม่ได้ทำให้น้องเอมีความสุข แต่ความสำเร็จนั้นกลับทำให้น้องเอต้องเรียนหนักขึ้นไปอีก 3 ปี

เมื่อถึงการสอบเข้ามหาลัย พ่อแม่และคุณครู แนะนำไม่ให้ออกไปเที่ยว ยามค่ำคืน และวันเสาร์อาทิตย์ และไม่ให้ไล่จีบผู้หญิง แต่ให้อยู่บ้าน เพื่อท่องหนังสือและบอกกลับน้องเอว่า
"ถ้าน้องเอสอบได้คะแนนดีดี น้องเอจะมีความสุข"

อีกครั้งที่น้องเอ เชื่อคำแนะนำ และสอบได้คะแนนดี และอีกครั้งเช่นกันที่ มันไม่ได้ทำให้น้องเอมีความสุขเท่าไหร่ เพราะน้องเอพบว่า ตัวเองต้องเรียนหนักที่สุดอีกตลอด 4 ปีที่แสนจะยาวนาน เพื่อให้ได้ปริญญาจากมหาวิทยาลัย คราวนี้ พ่อแม่และอาจารย์ ต่างก็แนะนำน้องเอให้มีเวลาเต็มที่กับการเรียน เค้าบอกกับน้องเอว่า
"ปริญญาจากมหาวิทยาลัยสำคัญมาก ถ้าน้องเอได้มา น้องเอจะมีความสุข"

มาถึงตรงนี้ น้องเอเริ่มสงสัยแล้วว่า น้องเอเห็นรุ่นพี่บางคนเรียนหนัก และได้ปริญญา เดี๋ยวนี้เค้าต้องทำงานแลกอย่างหนัก เพื่อให้เงินมากพอซื้อของที่จำเป็น เช่นรถ เค้าบอกกับน้องเอว่า
" เมื่อพี่มีรถยนต์ พี่จะมีความสุข "

แต่เมื่อพี่คนนั้นหาเงินได้มากพอที่จะซื้อรถยนต์คันแรกได้เขาก็ยังไม่มีความสุขอยู่ดี พี่เค้าเริ่มทำงานหนักขึ้นเพื่อซื้อของอื่นๆ ที่จะทำให้เค้ามีความสุขหรือเค้าก็กำลังสับสนวุ่นวายกลับความรัก พยามยามตามหาคนที่ใช่ และบอกกับน้องเอว่า
" ถ้าพี่ได้แต่งงาน กับคนที่ใช่พี่จะมีความสุข "


เมื่อแต่งงานแล้ว เค้าก็ยังไม่มีความสุข เค้าต้องทำงานหนักกว่าเดิม รับงานพิเศษมากขึ้น เพื่อเก็บเงินไว้สำหรับบ้านสักหลัง และบอกกับน้องเอว่า
" ถ้าพี่มีบ้านของตัวเองเมื่อไหร่ พี่จะมีความสุข "


และแล้ว เรื่องน่าเสียใจก็เกิดตามมา ค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้านสักหลัง มันหนักหนามาก ทำให้พวกเค้าไม่ถึงความสุขสักที และยิ่งไปกว่านั้น เค้ามีครอบครัว มีลูกต้องดูแล ที่จะตื่นมากลางดึก เงินเก็บที่มีมาก็หมดไปเพิ่มความกังวลมากมายให้กับเค้า คราวนี้คงจะเป็นอีก 20 ปีที่เค้าจะทำ อะไรได้อย่างที่เค้าต้องการ เค้าจึงบอกน้องเอว่า
" เมื่อไหร่ที่ลูกๆโตพอที่จะออกไปตั้งตัวได้ เมื่อนั้นแหละเค้าจะมีความสุข "


กว่าลูกๆ จะโต เค้าก็คงปลดเกษียณ ต้องเลื่อนเวลาของความสุข ออกไป เขาต้องทำงานหนักเพื่ออดออมไว้ยามแก่ เค้าบอกกับน้องเอ ว่า
" เกษียณเมื่อไหร่ จะได้มีความสุขสักที "

และหลังจากนั้น เมื่อเค้าเกษียณ เค้าเริ่มเข้าวัด ฟังธรรม ทำให้น้องเอสงสัย ว่าทำไมคนแก่ๆ ถึงชอบมาที่วัดกัน และคำตอบที่น้องเอ ได้ฟังก็คือ
" เพราะว่าตายไปแล้วจะได้มีความสุข "

"ความสุข" ของคนทั่ว ๆ ไป เป็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ต้องลงทุน และต้องไขว่คว้าหาโดยอยู่ตลอดเวลา

คนทั่วไป ๆ คงคิดแค่ว่า "ตายไปแล้วจะมีความสุข" แต่สำหรับสมาชิกหลาย ๆ ท่านในที่นี้ คำตอบนี้คงไม่ใช่ "คำตอบสุดท้าย" ใช่ป่าวคะ?



Create Date : 04 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2550 18:14:01 น. 2 comments
Counter : 364 Pageviews.

 
ความสุขอยู่ทีความรู้สึก ถ้าพอเพียงเท่าไหร่ ก็มีความสุขมากเท่านั้น เพียงแต่เส้นของความพอเพียงของแต่ละคนไม่เท่ากัน ไม่รู้ว่าจะเอามาตรฐานใดมาวัด เพิ่งอ่านเจอชีวิตของอดีตรัฐมนตรีของไทยคนนึง อายุมากแล้ว ไม่มีทรัพย์นอะไรเลย แต่ท่านบอกว่า ท่านสามารถอยู่ได้สบายๆเพียงมีเงินวันละ 100 บาท(จากผู้ท่ยังศรัทธาในผลงานในอดีต) ถ้าเสียชีวิต ในฐานะอดีต สส. รัฐบาลจะมีเงินช่วยประมาณ 50000 บาท ท่านจึงไม่มีอะไรต้องห่วงใยอีก ปัจจุบันก็มีชีวิตสบายๆตามที่ท่านต้องการ อ่านแล้ว นึกถึงปัจจุบัน ที่ยังไม่คนไม่พออีกเยอะ ถ้าจะอยู่อีก 40 ปี ก็ 14600 วันๆละ 100 บาท ก็ใช้เงินแค่ 1460000 บาท มีมากกว่านั้นก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรเนาะ แค่แสดงความคิดเห็นจาก คนอยากพอเพียงมั่งน่ะ ข้อคิดของคุณดีจัง


โดย: อนาคินสาว วันที่: 4 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:44:56 น.  

 
คนเราไม่ค่อยศึกษาว่าความทุกข์คืออะไร เลยวิ่งตามแต่สิ่งหลอกล่อที่ใครๆเรียกกันว่าความสุข ตามคนที่เค้าแนะนำเรา คนที่แนะนำเราก็ตามคนอื่นอีกที คนอื่นๆนั้นก็ไม่เข้าใจว่าความสุขทีแท้จริงคืออะไรก็เพราะตามคนอื่นอีกทีนึง ความสุขที่แท้จริงเลยผิดเพี้ยนไปหมด


สิ่งที่เราคิดว่าเป็น "ความสุข" นั้นเกิดขึ้นเพียงแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ดับไปแต่ "ความทุกข์" กลับอยู่ยืดยาวตลอดทั้งวัน "ความสุข" เลยเป็นเพียงคำสมมุติใช้เรียก "อาการดับทุกข์ชั่วครั้งชั่วคราว" พอมันหมดฤทธิ์เราก็กลับมาทุกข์ใหม่


K.อนาคินสาวอาจต้องเผื่อเงินไว้อีกซักหน่อยนะครับ เผื่อว่าหากเงินเฟ้อมากกว่านี้ข้าวของราคาขึ้น 1460000 อาจจะไม่พอก็ได้ ^^' สมัยก่อนข้าวแกงจานละยี่สิบเดี๋ยวนี้ 30-40 เข้าไปแล้ว อีกสี่สิบปีข้างหน้าอาจจะจานละร้อยเลยก็ได้มั้ง ^^'

ขอโทษที่เม้นท์ยาวครับ ขออภัยด้วยหากทำให้บล๊อกเลอะครับ T.T


โดย: Karz วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:16:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวิกา
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]























Friends' blogs
[Add สาวิกา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.