สโลแกน แทนใจ ไว้ให้คิด แม้มิ่งมิตร ผู้อยู่ห่าง กลางความฝัน ไม่เห็นหน้า แต่วาจา พาทีนั้น คละเคล้ากัน ปันสุขทุกข์ ทุกวี่วัน
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
25 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
The end of the day


Photobucket>



ฝรั่งมีวลีหนึ่งที่ว่า
At the end of the day
หมายถึง ... การวัดผลในตอนจบวัน
เป็นการใช้ชีวิตโดยการมองภาพรวม



จะลงทุนมากหรือน้อย
จะทำงานใหญ่หรือเล็ก
ไม่สำคัญเท่ากับว่า
ในตอนจบวันคุณเหลือเงินในกระเป๋าสตางค์เท่าไร?



บางทีเมื่อวัดกันที่ "ในตอนจบวัน"
อาจทำให้เราตัดสินใจหลาย ๆ เรื่องได้ง่ายขึ้น




Photobucket>



ในตอนจบวัน แฟนคุณช่วยคุณสร้างเงินหรือถลุงเงิน?
ในตอนจบวัน คุณเก่งกว่าเดิมหรือเปล่า?
ในตอนจบวัน คุณมีความสุขมากกว่าความทุกข์หรือไม่?
และในตอนจบวัน คุณรู้สึกว่าชีวิตในวันนั้นสูญเปล่าหรือไม่?




//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=savika&month=06-2008&date=21&group=2&gblog=43

(เก็บเกี่ยวสิ่งที่ดีไปใช้ในชีวิต)
ขอขอบคุณ บทความ : วินทร์ เลียววาริณ



Create Date : 25 มิถุนายน 2551
Last Update : 25 มิถุนายน 2551 14:36:48 น. 37 comments
Counter : 1135 Pageviews.

 
สวัสดีครับทุกท่าน
วันนี้เข้ากระทู้ยากมากครับ
พอเข้ามาเห็นยังว่างอยู่
เลยขออนุญาต พี่อรลงความเห็นที่1ก่อนคร้าบบบบ
ยังไม่มีความเห็นอะไรในตอนจบของกลางวันนี้ครับ

ธรรมะสวัสดีครับ


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.205 วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:18:05:19 น.  

 


มาทำความรู้จักค่ะ

นาฬิกาข้างบนสวยจัง

กล่องบล็อกก็สวยค่ะ





โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:18:45:58 น.  

 
บทความน่ารู้จากสภากาชาดไทย :- //www.redcross.or.th/article/index.php4




เรื่องน้ำ กับ โค้ก


โดย ANDREA L. GIDSON
COMMUNITY HOSPITAL ANDERSON
(TEL. 765-298-5128)

ถ้าท่านรู้เรื่องนี้ ท่านจะดื่มน้ำมากขึ้น เพราะน้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย 75% ของคนอเมริกันขาดน้ำ ถ้าคิดทั้งโลกจะมีประชากรโลกขาดน้ำถึงครึ่งหนึ่ง 73% ของคนอเมริกันมีกลไกที่ทำให้ความรู้สึกหิวน้ำทำงานช้าลง จึงทำให้ไม่รู้สึกหิวน้ำทั้งที่ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งจะเป็นผลทำให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายลดลงได้ประมาณ 3% และเป็นเหตุให้รู้สึกอ่อนเพลียในช่วงกลางวัน

มีงานวิจัยพบว่า ในคน 100 คน ที่ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้คน 80 คน ลดอาการปวดหลัง ปวดข้อ ลงได้ ดื่มน้ำวันละ 5 แก้ว ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ได้ถึง 45 % มะเร็งเต้านมได้ 79% และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50%

ทีนี้มาลองรู้จักน้ำ “โค้ก” กันหน่อย แน่นอนโค้กรสชาดยอดเยี่ยม แต่ . . .

- ตำรวจทางหลวงจะบรรทุกโค้ก 2 แกลลอนในช่องท้ายรถ เพื่อเวลามีรถชนกัน สามารถเอาน้ำโค้กล้างเลือดบนถนนได้เกลี้ยงเกลา

- ถ้าเอา T-bone steak ใส่ในชามกะละมังที่มีน้ำโค้กเต็ม จะพบว่าจะถูกละลายไปหมดใน2 วัน

- ริน โค้ก 1 กระป๋องลงในโถส้วม ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วชักโครก กรดซิตริกในโค้กจะล้างคราบสกปรกในโถส้วมได้สะอาด

- ถ้าต้องการกัดสนิมที่กันชนชุมโครเมี่ยมของรถ ให้เอาที่ขัดที่ทำด้วย foil ชุบ โค้ก ขัดสนิมจะออกหมด

- ถ้าจะล้างทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ที่มีคราบกรดเกลือเกาะขาวๆ ให้เทน้ำโค้ก ฟองจะกัดคราบขาวออกได้หมด

- ถ้าจุดขวดติดแน่น งัดไม่ออก เอาผ้าชุบน้ำโค้กหุ้มไว้หลายๆ นาที จะบิดจุดขวดออกได้โดยง่าย

- ถ้าจะปิ้ง moist ham ให้เทโค้ก 1 กระป๋อง เทลงในกระทะ ห่อแฮมด้วยอะลูมิเนียมฟอล์ยแล้วปิ้ง 30 นาที ก่อนแฮมจะสุก แกะฟอล์ยออก ปล่อยให้น้ำเนื้อหยดลงไปผสมกับน้ำโค้กในกระทะ ท่านจะได้น้ำเกรวี่สีน้ำตาล

- การล้างคราบไขมันจากเสื้อผ้า ให้ใช้น้ำโค้ก 1 กระป๋อง ผสมกับผงซักฟอกในปริมาณที่จะใส่ในเครื่องซัก ปล่อยให้ซักด้วยเครื่องตามปกติ โค้กจะช่วยกำจัดคราบไขมันได้สะอาดหมดจด

- ท่านสามารถผสมโค้ก ลงในน้ำล้างกระจกรถยนต์ ฟอสฟอริคแอซิดในโค้ก จะช่วยทำความสะอาดกระจกได้ดี

- น้ำโค้กมี pH 2.8 ถ้าตัดเล็บแช่ในน้ำโค้ก 4 วัน จะละลายหมด

- เวลาขนย้ายน้ำโค้กเข้มข้นเพื่อส่งตามโรงงานทั่วโลก ที่รถ truck จะต้องติดป้ายไว้ว่า “มีวัตถุที่มีกรดกัดกร่อนได้ เป็นอันตราย”

- บริษัทขายน้ำโค้ก ใช้น้ำโค้กทำความสะอาดเครื่องยนต์ของรถ truck มานานประมาณ 20 ปีแล้ว

ท่านยังอยากดื่ม โค้ก หรือดื่มน้ำกัน เลือกเอาเอง

แปลโดย ศ.กิตติคุณ นพ.เสก อักษรานุเคราะห์ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู



วันที่ลงบทความ : 21 เม.ย 45 00:00




---------------------------------------------------






คัดลอกมาจาก :-
//www.redcross.or.th/pr/pr_news.php4?db=3&naid=366



โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.153 วันที่: 26 มิถุนายน 2551 เวลา:9:48:01 น.  

 
วันนี้วันที่26มิถุนายนครับ

*****...น้อมรำลึก สุนทรภู่ ครูกวี....*****

//www.tourthai.com/gallery/general/pic10979.shtml


สุนทรภู่..ครูกวี
น้อมเคารพนบครูผู้ประสิทธิ์
กลอนวิจิตรคิดสรรค์ปันแบบแผน
มากเรื่องราวกล่าวไว้ในดินแดน
จำกันแม่นก่อนมารักษานาน

กลอนสุภาพทราบดีมีคุณค่า
ร้อยวาจาพาสัมผัสชัดประสาน
วรรณคดีมีหลากมากนิทาน
แสนสำราญนิราศยามคลาดคลา

เอกลักษณ์อักษรกลอนเล่าแจ้ง
ไกลส่งแสงแหล่งกว้างต่างศึกษา
ประจักษ์คุณหนุนชื่อให้ลือชา
โลกซึ้งค่าตรานี้กวีทอง

ยี่สิบหกมิถุนาวันทาท่าน
วันคืนผ่านมั่นจิตคิดสนอง
ร่วมร้อยเรียงเคียงคำลำนำกรอง
ให้คล้องจองควรจำรำลึกครู.......


โดยคุณ : ดอกสารภี

ธรรมะสวัสดีครับทุกท่าน(มีบทกวีของท่านที่ระบุว่าท่านปรารถนาพระโพธิญาณครับ)


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.205 วันที่: 26 มิถุนายน 2551 เวลา:12:30:01 น.  

 

ขอบคุณนู๋อบ และคุณมุ่งฯ นะคะ ที่แวะนำสาระดี ๆ มาฝากกันค่ะ





โดย: สาวิกา วันที่: 26 มิถุนายน 2551 เวลา:21:39:20 น.  

 

ในความนิ่ง มีบางสิ่ง สะเทื้อนไหว
บอกความนัย ควรครวญใคร่ ไม่แปรผัน
ยิ่งสงัด ยิ่งสดับ จับให้ทัน
ตั้งใจมั่น ทวนย้อน ไม่นอนใจ.


โดย: times IP: 124.120.32.28 วันที่: 26 มิถุนายน 2551 เวลา:23:35:48 น.  

 

สวัสดีครับสมาชิกทุกๆท่าน




ความรัก และ การหลอกลวง ไปด้วยกันไม่ได้


"การไว้ใจ" คือรากฐานของความรัก ว่ากันว่าการเชื่อใจของกันและกันจะล่อเลี้ยงให้ความรักเติบโตได้อย่างสวยสดงดงาม

ดังนั้น... ความรักไม่สามารถจะอยู่ได้หากขาดการเชื่อใจกันและกัน เมื่อใดก็ตามที่คุณรักใครสักคนแล้ว คุณย่อมหวังว่าคนๆนั้นจะซื่อสัตย์กับคุณ... และเขาเองย่อมได้รับความซื่อสัตย์เป็นการตอบแทน คุณยอมแลกได้ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคนที่คุณรักก็ต่อเมื่อคุณมั่นใจในตัวเขาแล้วนั่นเอง

เพื่อที่จะให้ความรักของคุณทั้งคู่อยู่ยงคงกระพันนั้น "การไว้ใจ" กันและกันถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องอยู่ควบคู่ไปกับความรักด้วย เมื่อใดก็ตามที่ความไว้วางใจได้หายไปจากคนทั้งสองแล้วละก็ ความเจ็บปวดจะกลายเป็นสิ่งที่จะเข้ามาแทนที่นั่นเอง มันอาจจะฟังดูยากที่จะให้คุณหยุดรัก แต่น่าประหลาดใจที่โดยทั่วไปแล้วคุณจะหยุดไว้วางใจเขาทันทีที่เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อคุณ

เมื่อคุณได้เริ่มหลงรักใครบางคนเข้าเต็มเปาแล้วล่ะก็ คุณมักจะไม่ระวังว่าเขาคนนั้นจะทำลายความไว้วางใจที่คุณมอบให้ สัญญาณอะไรต่างๆที่บ่งบอกว่าเขาจะนอกใจ คุณเองก็ละเลยไม่ได้สนใจเท่าที่ควร แล้วเป็นไงล่ะ! เมื่อความไว้วางใจที่คุณมีต่อเขาขาดสะบั้นลง คุณก็ต้องมานั่งโศกเศร้าเสียใจ และโทษตัวเองที่ไม่ได้สังเกตระแวดระวังอะไรเลย

ยิ่งบางคนที่เข้าตำรา "รักทำให้ตาบอด" กลับคิดไปอีกว่าเขาไม่ได้ลอกลวงอาจจะเป็นเราที่ผิดเอง แต่ทันทีที่เธอหูตาสว่างแล้ว บางคนถึงขั้นช็อกไปเลยก็มี

สำหรับใครก็ตามที่ใช้ "การโกหก" มาล้อเล่นกับความรัก หยุดเสียเถอะ! มันอาจจะส่งผลเสียหายขั้นรุนแรงต่อจิตใจนะ

เคยได้ยินไหมที่บางคนกล่าวกันว่า "ความรักเป็นสิ่งบริสุทธิ์" เช่นรักที่แม่มีต่อลูกน้อย หรือความรัก ความศรัทธาที่เรามีต่อพระเจ้า ฯลฯ ความรักอย่างโรแมนติคก็ถือว่าเป็นความรักอันบริสุทธิ์เช่นกัน รักเปรียบเสมือนพรจากพระเจ้าให้เราได้พบกับคนที่เราจะฝากชีวิตไว้ด้วยได้ ได้พบกับคนที่พร้อมที่จะดูแลห่วงใยเราเสมอ และได้พบกับคนที่เราจะไว้ใจเขาได้ตลอดไป

เมื่อใดที่คุณหยิบยื่นความรักให้กับใครซักคน "ความจริงใจ" คือสิ่งที่คุณและเขาต้องมอบให้กัน ถึงแม้แค่การโกหกเล็กๆน้อยเกิดขึ้นระหว่างคุณและเขา มันจะอาจจะทำให้คุณสงสัย ระแวงในตัวเขา บางรายรุนแรงถึงขั้นเลิกกันไปเลย แล้วถ้ายิ่งการโกหกของเขามีเรื่องความสัมพันธ์กับคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นึกไม่ออกเลยว่าผลที่ออกมามันจะรุนแรงขนาดไหน

อย่างที่กล่าวมาช่วงแรกว่า "ความรักเป็นสิ่งบริสุทธิ์" ดังนั้นเราไม่ควรที่จะให้การโกหก หลอกลวงเข้าเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขา เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีการโกหกลอกหลวงเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ตอนจบของความรักมักจะไม่ได้สวยหรูอย่างที่คุณวาดฝันไว้




โดย: นางเดินทัก IP: 117.47.203.17 วันที่: 27 มิถุนายน 2551 เวลา:8:28:40 น.  

 
พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ :


016 ความเห็นอันถูกต้องของพระสาวก

ปัญหา สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะต้องมีทรรศนะเกี่ยวกับชีวิตอย่างไร จึงจะถือว่าถูกต้องตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์อย่างแท้จริง ?


พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนอัคคิเวสสะ สาวกของเราในพระธรรมวินัยนี้ย่อมเห็นเบญจขันธ์นั้นด้วยปัญญาอันชอบ ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันใดอันหนึ่ง ทั้งที่ล่วงไปแล้ว ทั้งที่ยังไม่มาถึงทั้งที่เกิดขึ้นเฉพาะในบัดนี้ ที่เป็นภายในก็ดี ที่เป็นภายนอกก็ดี หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี เลวก็ดี ประณีตก็ดี ในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี ทั้งหมดก็เป็นแต่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่ได้เป็นนั่น นั่นไม่ใช่ตนของเราดังนี้


“ดูก่อนอัคคิเวสสนะ ด้วยเหตุเท่านี้แหละ สาวกของเราจึงชื่อว่าเป็นผู้ทำตามคำสั่งสอน ทำถูกตามโอวาท ข้ามความสงสัยเสียได้ ปราศจากความแคลงใจอันเป็นเหตุให้กล่าวว่าข้อนี้เป็นอย่างไร ถึงความแกล้วกล้า ไม่ต้องเชื่อผู้อื่น อยู่ในคำสอนของศาสดาตนฯ”




จูฬสัจจกสูตร มู. ม. (๔๐๑)
ตบ. ๑๒ : ๔๓๓-๔๓๔ ตท.๑๒ : ๓๕๗-๓๕๘
ตอ. MLS. I : ๒๘๘




โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.72 วันที่: 27 มิถุนายน 2551 เวลา:10:36:43 น.  

 
สวัสดีครับทุกท่าน



เมื่อวานวันพระขออนุโมทนาบุญกุศลและการภาวนาของทุกท่านด้วยนะครับ

ขอเชิญร่วมอนุโมทนาบุญกุศลของผมด้วยนะครับ


***ในความนิ่ง มีบางสิ่ง สะเทื้อนไหว
บอกความนัย ควรครวญใคร่ ไม่แปรผัน
ยิ่งสงัด ยิ่งสดับ จับให้ทัน
ตั้งใจมั่น ทวนย้อน ไม่นอนใจ.***

สาธุครับ ขออนุญาตเป็นกำลังใจการภาวนาด้วยครับ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะครับ
(3ยิ้มครับ)

เสาร์อาทิตย์นี้ขออนุโมทนาในกิจกรรมบุญกุศลภาวนาของทุกท่านด้วยครับ

ธรรมะสวัสดีครับทุกท่าน


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.206 วันที่: 27 มิถุนายน 2551 เวลา:17:13:38 น.  

 
อ้างอิง:
พระฉัพพรรณรังสีของพระมังคละพุทธเจ้า
คุณ TupLuang

//board.palungjit.com/showthrea...52#post1310152

----------------------------------------------

ฉัพพรรณรังสีมี ๖ สี คือ สีเขียว ขาว แดง

เหลือง ม่วง และประภัสสร (เลื่อมพราย)

ท่านอุปมาว่า


สีเขียว - นิลกะ สีเขียวเข้มเหมือนดอก

อัญชัน ดอกสามหาว กลีบบัวเขียวที่

ซ่านออกไปจากพระเกสา คือ ผม และพระ

มัสสุ (หนวด) ออกมาจากสีเขียวแห่งพระ

เนตรทั้งสอง


สีขาว - โอทาตะ สีขาวเหมือนแผ่นเงิน

เหมือนน้ำนม และดอกโกมุท ดอกย่านทราย

และมลิวัลย์ ซ่านออกมาจากพระอัฐิ

(กระดูก) พระทนต์ (ฟัน) และสีขาวออกจาก

พระเนตรทั้งสอง


สีแดง - โลหิต แดงเหมือนสีตะวันทอง สีผ้า

กัมพล ดอกชัยพฤกษ์ ดอกทองกวาว ดอก

ชบา ที่ออกมาจากพระมังสะ (สีเนื้อ) พระ

โลหิต (สีเลือด) ซ่านออกมาจากพระเนตร

ทั้งสอง


สีเหลือง - ปิตะ สีเหมือนแผ่นทองคำ สี

เหลืองเหมือนผงขมิ้น ดอกกรรณิการ์ที่

ซ่านออกมาจากพระฉวีวรรณ(ผิว)


สีม่วง - มันชิถะ เหมือนสีเท้าหงส์ที่เรียกว่า

หงสบาท สีดอกหงอนไก่ สีม่วงแดง ที่

ซ่านออกมาจากพระสรีระ (ร่างกาย)


สีประภัสสร - สีเลื่อมพราย เหมือนสีแก้ว

ผลึกที่เรียกว่า สีเลื่อมประภัสสร ออกมาจาก

พระสรีระเช่นกัน

-----------------------------------------------------------------------------------

การที่รัศมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีอยู่ได้

ตลอดเวลาก็ด้วยอำนาจแห่งพุทธวิสัย คือ

พระเดช ๕ ประการ ที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ


๑. ศีลเดช ทรงมีกาย วาจา เรียบร้อย มีศีล

วินัยดียอดเยี่ยม


๒. คุณเดช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่าง

ยอดเยี่ยมแก่สัตว์โลกทั้งปวง


๓. ปัญญาเดช ทรงมีพระปัญญาท่วมท้น

ด้วยพระสัพพัญญุตญาณ


๔. บุญเดช ทรงมีบุญสั่งสมตั้งแต่เป็นพระ

โพธิสัตว์


๕. ธรรมเดช ทรงรู้ธรรมตามความเป็นจริง

แล้วนำมาสั่งสอนให้รู้ธรรมตามความเป็น

จริง


ด้วยอำนาจพระเดช ๕ ประการนี้ จึงเป็นเหตุ

ให้เกิดฉัพพรรณรังสีด้วยประการฉะนี้แล


ปิยา ธรรมารักษ์
-----------------
จาก ธรรมะเพื่อชีวิต
เล่มที่ ๓๕ ฉบับวันมาฆบูชา ๒๕๔๖
มูลนิธิพุทธศาสนศึกษา วัดบุรณศิริมาตยาราม


นำมาฝากครับ

ธรรมะสวัสดีครับ
(3ไหว้ครับ)


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.206 วันที่: 27 มิถุนายน 2551 เวลา:17:20:54 น.  

 
ดีจัง......วันนี้ได้พบคุณย่าอำฯ
แต่..... เสียดายจัง.... เจ้าย่าฯรีบกลับเพื่อไปอยู่วัด ตามที่ตั้งใจไว้
ยัง...ไม่ได้คุยกันให้เต็มอิ่มเลย.....

ขอโทษ....เจ้าย่าฯ ด้วยค่ะ ที่วันนี้กำหนดการช้ากว่าทุกครั้ง... เพราะต้องรอปลัดฯ ค่ะ......

กราบงาม ๆๆๆๆ ...... สำหรับขนมของฝากเยอะแยะเลย.....

โอกาสหน้า....มาฟังธรรมที่ "สาสุข" อีกนะคะ

รอ....โอกาสที่จะได้พบเจ้าย่าฯ อีกครั้ง....ค่ะ




โดย: โอรัช IP: 125.24.129.78 วันที่: 27 มิถุนายน 2551 เวลา:18:42:03 น.  

 
***ดีจัง......วันนี้ได้พบคุณย่าอำฯ
แต่..... เสียดายจัง.... เจ้าย่าฯรีบกลับเพื่อไปอยู่วัด ตามที่ตั้งใจไว้
ยัง...ไม่ได้คุยกันให้เต็มอิ่มเลย.....

ขอโทษ....เจ้าย่าฯ ด้วยค่ะ ที่วันนี้กำหนดการช้ากว่าทุกครั้ง... เพราะต้องรอปลัดฯ ค่ะ......

กราบงาม ๆๆๆๆ ...... สำหรับขนมของฝากเยอะแยะเลย.....

โอกาสหน้า....มาฟังธรรมที่ "สาสุข" อีกนะคะ

รอ....โอกาสที่จะได้พบเจ้าย่าฯ อีกครั้ง....ค่ะ***
สาธุครับ

ธรรมะสวัสดีครับ
(3ไหว้ครับ)


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.206 วันที่: 27 มิถุนายน 2551 เวลา:21:01:14 น.  

 

สวัสดีครับสมาชิกทุกๆท่าน



ตัวเลือกของความรัก...

"ถ้าให้เลือกระหว่างการอยู่คนเดียวแล้วต้องเหงา กับการมีความรัก...แล้วต้องอกหัก คุณว่า...ฉันจะเลือกข้อไหน?"
คำตอบของฉันเป็นอย่างนี้...
ถ้าการอยู่คนเดียว...มันทำให้ฉันสามารถหัวเราะกับโลกได้โดยไม่รู้สึกว้าเหว่...
"ฉันจะเลือกข้อแรก"

ถ้าการอยู่คนเดียว...
แล้วทำให้ฉันมีความสุขเวลาเห็นใครเดินจับมือกันโดยที่ ฉันไม่รู้สึกว่าตัวเองรู้สึกขาดหาย...
"ฉันจะเลือกข้อแรก"

ถ้าการอยู่คนเดียว ทำให้ชีวิตฉันเติมเต็มได้ทุกอย่างด้วยตัวเอง
"ฉันจะเลือกข้อแรก"
.................................
แต่ภายใต้ข้อกำหนดดังกล่าว กลับไม่มีข้อไหนเลยที่ฉันจะทำได้อย่างนั้นจริงๆ
..................................
ฉันจะหัวเราะกับโลกโดยที่ไม่รู้สึกว้าเหว่ได้อย่างไร ในเมื่อฉันอยู่ตัวคนเดียว และไม่มีใครให้รัก

ฉันมองภาพคนอื่นจับมือกัน โดยไม่รู้สึกรู้สากับภาพที่เห็นไม่ได้หรอก…เพราะฉันไม่ใช่คนใจแข็งกับภาพโรแมนติกแบบนั้น
และที่สำคัญฉันไม่สามารถเติมเต็มทุกอย่างได้ด้วยตัวของฉันเอง

ไม่ว่าจะกับเรื่องใดก็ตาม ยิ่งถ้าเป็นเรื่องความรักยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย

ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะเสกให้ตัวเองมีความสุขกับทุกวัน ด้วยการรักเฉพาะตัวเอง
.............................................
เราเคยได้ยินประโยคที่ว่า..."มนุษย์เป็นสัตว์สังคม" มานานแล้ว และสังคมที่ว่านี้ ฉันขอรวมไปถึง "สังคมทางความรู้สึก" ด้วย

คนเราคบหากันด้วยมิตรภาพ และคนส่วนใหญ่สามารถกระทำทุกอย่างได้เพื่อ "ความรัก"
...................................
แต่ถ้าหากความรักที่ครอบครองอยู่นั้น ไม่จีรังอย่างที่คาดหวัง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ในเมื่อคนทุกคน ย่อมต้องผ่านการทดสอบ แม้จะด้วยรูปแบบที่แตกต่างหรือวิถีทางที่ไม่เหมือนกัน

แต่ฉันก็เชื่อว่า ความรักมันตั้งอยู่บนแกนอันเดียวกัน การผิดหวังในความรักไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ ใครๆ ก็เคยถูกทดสอบด้วยวิธีนี้กันทั้งนั้น

บางคนอาจแลกค่าทดสอบมาด้วยน้ำตา บางคนอาจได้รับแบบทดสอบ ชนิดที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต

แต่เมื่อทุกคนก้าวผ่านช่วงนรกนี้ไปได้ เมื่อนั้น... ความเข้มแข็งจะงอกเงยขึ้น….ในใจของทุกคน

....................................
"เพราะจะมีแต่คนที่ผ่านความผิดหวังมาแล้วเท่านั้น...ที่จะรู้ซึ้งถึงคุณค่าของ การประสบความสำเร็จในความรัก"...




โดย: นางเดินทัก IP: 222.123.77.249 วันที่: 28 มิถุนายน 2551 เวลา:9:19:46 น.  

 
เข้ามาเก็บไอเดียดีๆครับ สวัสดีครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 28 มิถุนายน 2551 เวลา:16:59:36 น.  

 
หมอยัน น้ำผลไม้ ให้โทษมากกว่าให้คุณ
แฟนของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐท่านหนึ่งใช้นามแฝงว่า นายเกษตร ระยอง เขียนจดหมายเข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงของน้ำผลไม้ ผ่านคอลัมน์ สารพันปัญหา ของอ๊อด เทอร์โบ ฉบับวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2551 ข้อสงสัยหลักใหญ่ใจความก็คือ น้ำผลไม้ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายจริงหรือไม่

ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงวรรณี นิธิยานันท์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาต่อมไร้ท่อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า ในปัจจุบันสังคมไทย เน้นไปในเรื่องของอาหารเพื่อสุขภาพ อะไรก็ตามที่มีนัยแสดงว่า เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ คนก็จะนิยมบริโภค ทั้งๆ ที่บางครั้งสินค้าตัวนั้น ก็แทบจะไม่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพเลย

คุณหมอวรรณี บอกว่า ถ้านำน้ำหวานกับน้ำผลไม้มาเปรียบเทียบกัน น้ำผลไม้ก็ยังมีประโยชน์ มากกว่าน้ำหวาน เพราะยังมีสารอาหารที่ให้ประโยชน์ ต่อร่างกายอยู่บ้าง

แต่น้ำผลไม้ที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายนั้น จะต้องเป็นน้ำผลไม้คั้นสด ย้ำว่าคั้นสดๆ และต้องไม่ผ่านกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมอาหาร เพราะถ้าผ่านกระบวนการผลิตแล้ว สารอาหารทั้งหมดของน้ำผลไม้ก็จะหายไปทันที แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หากนำน้ำผลไม้ ทุกรูปแบบ มาเปรียบเทียบกับผลไม้สดทั้งผลแล้ว น้ำผลไม้ก็แทบจะไม่ให้ประโยชน์ อะไรต่อร่างกาย นี่คือความจริง...ของน้ำผลไม้ที่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้ว

คุณหมอวรรณี บอกว่า ตอนนี้เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพของคนไทยมาแรง หันไปทางไหนมีแต่คนต้องการอาหารเพื่อสุขภาพ แต่มักจะขาดความเข้าใจ พื้นฐานเกี่ยวกับอาหารเพื่อสุขภาพอย่างถูกต้อง

ผู้บริโภคจำนวนมาก ต่างสนับสนุนให้คนที่ตนรักดื่มน้ำผลไม้ เพราะเชื่อว่ามีประโยชน์ ต่อร่างกาย แต่ในมุมกลับกัน หากน้ำผลไม้ที่นำมาดื่ม ไม่ได้เป็นน้ำผลไม้คั้นสดแล้ว ร่างกายของคนที่คุณรักก็จะได้แค่น้ำตาล บวกกับกลิ่นของผลไม้ และตัวน้ำเท่านั้น ร่างกายไม่ได้ประโยชน์จากสารอาหารในน้ำผลไม้อย่างที่คาดหวังเลย เมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป โรคอ้วนก็เข้ามาทำความรู้จัก แล้วก็พาไปสู่โรคอื่นๆ อีกมากมาย ยิ่งถ้าเป็นผู้ป่วยเบาหวานแล้ว ก็จะทำให้น้ำตาลขึ้นมาก ส่งผลร้ายแทรกซ้อนตามมา

คุณหมอวรรณี ขอแนะนำว่า ถ้าอยากจะดื่มน้ำผลไม้ ให้ดื่มน้ำเปล่า แล้วทานผลไม้ทั้งลูก เพราะร่างกายจะได้สารอาหารที่แท้จริง รวมไปถึงกากใยอาหาร เพื่อไปดูดซับไขมัน และ ช่วยในระบบขับถ่าย

นายแพทย์ฆนัท ครุธกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ และโภชน- วิทยาคลินิก ศูนย์หัวใจหลอดเลือด และเมแทบอลิซึม คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ขอตั้งคำถามว่า

เราจะดื่มน้ำผลไม้ไปเพื่ออะไร?

ความเข้าใจแรกที่ว่า ดื่มน้ำผลไม้แล้ว ผิวพรรณจะสวย เรื่องนี้ก็ยังไม่มีงานวิจัย ทางการแพทย์ออกมายอมรับ ส่วนความเข้าใจที่ว่า ดื่มน้ำผลไม้แล้วร่างกายจะได้ประโยชน์ งานวิจัย ทางการแพทย์ก็ยืนยันว่า ในภาวะของคนที่มีร่างกายปกติ เน้นคำว่า ปกติ ไม่มีข้อมูลยืนยันว่า การดื่มน้ำผลไม้แล้วจะส่งผลดีต่อสุขภาพ แต่งานวิจัยทางการแพทย์ยืนยันว่า น้ำผลไม้จะส่งผลดี เฉพาะคนป่วยที่ขาดวิตามินเท่านั้น เช่น คนป่วยเป็นโรคลักปิด ลักเปิด เป็นต้น

คุณหมอฆนัท บอกว่า นอกจากน้ำผลไม้จะให้ประโยชน์กับคนป่วยที่เป็นโรคขาดวิตามินแล้ว คนสูงอายุ ที่ไม่มีฟันที่จะเคี้ยวอาหาร ก็มีความจำเป็นที่จะต้องดื่มน้ำผลไม้สด แต่หมอขอแนะ ให้เป็นผลไม้สดปั่นจนเป็นน้ำจะดีกว่า เพราะร่างกายจะได้กากใยอาหารด้วย ประการสำคัญ ต้องให้ผู้สูงอายุทานในระดับที่พอดี

ส่วนความเชื่อที่ว่า น้ำผลไม้ ยิ่งดื่มมากยิ่งได้ประโยชน์นั้น

คุณหมอฆนัท ขอทำความเข้าใจอีกครั้งว่า ในชีวิตประจำวัน หากได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาด ร่างกายก็ได้รับสารอาหาร ในจำนวนที่เพียงพอแล้วแทบไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำผลไม้เพิ่มเลย หมอขอย้ำว่า ร่างกายต้องการสารอาหารในระดับพอดี อย่าไปเชื่อว่า ยิ่งได้รับมากยิ่งดี

มีคนไข้ของหมอรายหนึ่ง ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรัง จากประวัติของคนไข้มา พบหมออย่างสม่ำเสมอ แต่วันร้ายคืนร้ายก็ถูกหามมาส่งที่โรงพยาบาล แพทย์เวรก็รับเข้าห้องไอซียูทันที สอบถามญาติก็รู้ว่า ก่อนหน้าที่จะมาโรงพยาบาล คนไข้ดื่มน้ำผลไม้ปั่นไป 2 แก้ว จากการดื่มน้ำผลไม้ 2 แก้วนี้เอง จึงส่งผลให้โปแตสเซียมในเลือดขึ้นสูง หัวใจจึงเต้นผิดจังหวะ แต่โชคดีที่คนไข้มาถึงโรงพยาบาลได้ ทันเวลา ไม่เช่นนั้นโอกาสคงรอดน้อยเต็มที

กรณีตัวอย่างของคนไข้รายนี้ ชัดเจนว่า ร่างกายต้องการสารอาหารในระดับที่พอดี ถ้าได้รับมากเกินไป ก็จะเกิดปัญหา ในภาวะคนที่ไม่ปกติ เช่น ผู้ที่ ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรัง การบริโภคน้ำผลไม้มากเกินไปก็อาจจะมีอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้ การบริโภคน้ำผลไม้มาก ก็อาจส่งผลให้คนปกติกลายเป็นโรคอ้วน มีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง

ส่วนความเข้าใจเรื่องสุดท้าย ที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่า น้ำผลไม้มีสารต้านอนุมูลอิสระ ต่อต้านเซลล์มะเร็งนั้น หมอขอบอกว่า ยังไม่มีงานวิจัยมายืนยันว่า สารต้านอนุมูลอิสระจากน้ำผลไม้ จะต่อต้านมะเร็งในคนได้ เพราะฉะนั้น หมออยากให้คนนิยมดื่มน้ำผลไม้นั้น

ลองตอบคำถามว่า คุณจะดื่มไปเพื่ออะไร?

งานวิจัยเรื่อง การวิเคราะห์คุณสมบัติการต่อต้านอนุมูลอิสระและปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่ม เพื่อสุขภาพ ของประเทศไทย ปี พ.ศ.2549 ของปาจรีย์ อับดุลลากาซิม นักศึกษาปริญญาโท สาขาโภชนศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล กรุงเทพมหานคร พบว่า เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีคุณสมบัติของสารต่อต้านอนุมูลอิสระนั้น ต้องเป็นเครื่องดื่ม ที่ยังไม่ผ่านกระบวนการในการผลิตทางอุตสาหกรรมอาหารในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ทั้งพาสเจอไรส์ และสเตอริไรส์

ปาจรีย์ นำเครื่องดื่มที่โฆษณาว่าเพื่อสุขภาพ 10 ชนิด มาเข้าห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ พบว่า เครื่องดื่มที่ได้ผ่านกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมอาหารมาแล้ว จะทำให้สารต้านอนุมูลอิสระหายไปมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์และมีเครื่องดื่ม บางชนิดที่ไม่เหลือสารต้านอนุมูลอิสระให้เห็นเลย สิ่งที่คงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงในเครื่องดื่มที่โฆษณาว่าเพื่อสุขภาพก็คือ น้ำตาล เพราะฉะนั้น การโฆษณาของน้ำผลไม้บางพวกที่บอกว่า ในน้ำผลไม้จะมีสารต้านอนุมูลอิสระ คงจะขัดแย้งกับงานวิจัยฉบับนี้

วันนี้ ปาจรีย์ เรียนจบปริญญาโทแล้ว เธอได้เข้ามาทำงานเป็นนักวิจัยทางโภชนาการ ให้กับเครือข่าย คนไทยไร้พุง ของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ปาจรีย์ บอกว่า น้ำผลไม้ที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาดนั้นจะมี 3 แบบ

แบบที่ 1 เรียกว่า น้ำผลไม้คั้นสด
แบบที่ 2 เรียกว่า น้ำผลไม้เข้มข้น และ
แบบที่ 3 เรียกว่า น้ำผลไม้แบบผสม

วิธีการทำน้ำผลไม้ที่เธอเป็นห่วงมากที่สุดก็คือ น้ำผลไม้เข้มข้น และน้ำผลไม้แบบผสม ขั้นตอนการทำน้ำผลไม้ทั้ง 2 แบบนี้ จะทำให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์ ต่อร่างกายหายไป สิ่งที่น่าเป็นห่วงต่อมา น้ำผลไม้บางยี่ห้อโฆษณาว่า มีเนื้อผลไม้อยู่ในกล่อง แต่ข้อมูลที่ปาจรีย์ได้รับกลับตรงกันข้าม เนื้อผลไม้ในกล่องของน้ำผลไม้ส่วนใหญ่ ไม่ได้เป็นเนื้อผลไม้ที่มาจากธรรมชาติที่แท้จริง แต่ มาจากการใส่สารเติมแต่ง เช่น แป้งแปลงรูป (Modified starch) ซึ่งจะทำให้เกิดเนื้อผลไม้เทียม (Pulp) ขึ้นมา

นอกจากนั้น ในกระบวนการผลิตน้ำผลไม้ ยังมีการใส่สารแขวนลอย (Stabilizer) สารเติมแต่ง (Additives) วัตถุเจือปนอาหาร (Food Additives) น้ำ, น้ำตาล,กรด รวมไปถึงการปรุง แต่งกลิ่นรสให้ถูกปากของผู้บริโภค ปาจรีย์ บอกว่า ข้อมูลการทำน้ำผลไม้แบบนี้ ไม่ใช่เธอคนเดียวที่รับรู้ นักศึกษาที่เรียนด้าน โภชนศาสตร์ และด้านเทคโนโลยีอาหารในทุกระดับต่างรับรู้กันหมด

แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่ผู้นิยมดื่มน้ำผลไม้ส่วนใหญ่ ไม่ได้มีโอกาสที่จะรับรู้ ข้อมูลเหล่านี้




โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.191 วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:10:03:12 น.  

 
กำหนดการแสดงธรรม ณ หอประชุมพุทธคยา ชั้น ๒๒ อาคารอัมรินทร์พลาซ่า (Sogo)

ประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๑
เวลา ๑๘.๐๐– ๒๑.๐๐น.

อังคารที่ 1 กรกฎาคม 2551
ศึกษาแนวสัมมาปฏิบัติจากคิริมานนทสูตร ตอนที่ 6
โดย ศ.เกียรติคุณ ดร.อภิณัฏฐ์ กิติพันธุ์


พุธที่ 2 กรกฎาคม 2551
เรือนธรรม หัวข้อ หักหอกเป็นดอกไม้
โดย พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ


อังคารที่ 8 กรกฎาคม 2551
ธรรมะกับชีวิต สาระธรรมจากพระสุตตันตปิฎก ครั้งที่ 16
เรื่อง โพธิปักขิยธรรม ครั้งที่ 9 ตอน อริยมรรคมีองค์ 8
โดย อ.สุภีร์ ทุมทอง


พุธที่ 9 กรกฎาคม 2551
เรือนธรรม หัวข้อ รู้จักใจ
โดย พระครูเกษมธรรมทัต (สุรศักดิ์ เขมรํสี)
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ ต.หันตรา จ.พระนครศรีอยุธยา


อังคารที่ 15 กรกฎาคม 2551
สปาใจ
โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก


พุธที่ 16 กรกฎาคม 2551
เรือนธรรม หัวข้อ วิปัสสนาคืออะไร ครั้งที่ 6
โดย พระอาจารย์มานพ อุปสโม


อังคารที่ 22 กรกฎาคม 2551
กุญแจใจ ไขสู่สุขภาพธรรม
โดย พระมหาประดิษฐ์ จิตตสังวโร


พุธที่ 23 กรกฎาคม 2551
เรือนธรรม หัวข้อ วิปัสสนาคืออะไร ครั้งที่ 7
โดย พระอาจารย์มานพ อุปสโม


อังคารที่ 29 กรกฎาคม 2551
คนตายกลับมาหาคนเป็น
โดย ผศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ (ภาคีสมาชิกราชบัณฑิต)


พุธที่ 30 กรกฎาคม 2551
เรือนธรรม หัวข้อ เมตตาบารมี - พระสุวรรณสาม
โดย ท่านเจ้าคุณพระศรีญาณโสภณ (ปิยโสภณ)


โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.191 วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:10:16:37 น.  

 

_/|\\_

ขอบพระคุณทุกๆ ท่านค่ะ

:-)



โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:10:35:40 น.  

 

สวัสดีค่ะ ... สมาชิกทุก ๆ ท่าน

ขอบคุณสำหรับทุก ๆ บทความดี ๆ จากทุก ๆ ท่านด้วยนะคะ

มาวันนี้มีข่าวน่ายินดี ให้ทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนาด้วยค่ะ

ลูกชายของสาวิกา ได้กำหนดวันที่จะอุปสมบทแล้วนะคะ

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้ไปพบท่านเจ้าอาวาสวัดที่จะไปบวช ท่านให้ใช้ฤกษ์สะดวก สาวิกาและลูกชายเลยเลือกวันอาทิตย์ที่ 13 ก.ค. ค่ะ เพื่อให้ญาติพี่น้อง และเพื่อน ๆ สามารถไปร่วมงานได้

จึงแจ้งมาเพื่อทราบค่ะ


โดย: สาวิกา วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:12:18:43 น.  

 
:-)

_/|\\_

ขออนุโมทนาด้วยค่ะ

:-)


โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:14:04:00 น.  

 
สาธุ สาธุ สาธุ
ขออนุโมทนา.... ค่ะ

ปลื้มใจ.....กับนู๋กาด้วยนะคะ

คงไม่มีโอกาสไปร่วมงานบวชนะคะ
ขอร่วมอนุโมทนาในบุญกุศลครั้งยิ่งใหญ่
ผ่านหน้าต่างนี้ค่ะ

********************************
เสาร์-อาทิตย์-จันทร์
สว. ได้ทำบุญหลายอย่างค่ะ
- สมาทานและถือศีล 8
- ใส่บาตร
- ถวายสังฆทาน
- สวดมนต์ทำวัตร สวดมนต์พระสูตรต่างๆ
- ฟังธรรม
- ปฏิบัติสมถ และ วิปัสสนากัมมัฏฐาน
- ดูแลเพื่อนที่ป่วย
สว.ขอแผ่ผลบุญให้เพื่อน ๆทุกท่าน เสมือนหนึ่งท่านได้กระทำบุญนี้ด้วยตนเอง
ขอเชิญอนุโมทนาบุญค่ะ

เพื่อน สว. (ป่วยมะเร็งเต้านม) ไปเข้าอบรมกัมมัฏฐานพร้อม สว.
เธอเกิดอุบัติเหตุในห้องพัก คือเดินสะดุด ข้อเท้าพลิก และ ล้มลงไปทับขาที่พลิก
ผลคือ..... กระดูกร้าว
สว. เลยได้ทำบุญเพิ่มคือ ขับรถพาเธอไปโรงพยาบาล X-ray และใส่เฝือก
เธอมีศรัทธาแก่กล้า ไม่ยอมกลับบ้าน
แต่ขอกลับไปเข้ากัมมัฏฐานจนครบกำหนด
ระหว่างนั้น เวลาพัก สว.ก็จะทำหน้าที่ ยกข้าว ยกน้ำ พาเธอไปห้องน้ำ
และ ขับรถไปส่งเธอกลับบ้าน ค่ะ

คุณย่าอำฯ...เป็นอย่างไรบ้างคะ
สบายดี....นะคะ








โดย: โอรัช IP: 125.24.159.76 วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:16:16:24 น.  

 
สาธุกะน้องกั๊ก คุณแม่ไก่ และพี่อรด้วยค่ะ

^/\\^


โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.191 วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:17:07:59 น.  

 
สวัสดีค่ะ ...พี่อร นู๋อบ นู๋ไทมส์ คุณมุ่งฯ และทุก ๆ ท่าน

ขออนุโมทนาในทุก ๆ บุญกุศลของพี่อรด้วยค่ะ ...
(กราบอนุโมทนาค่ะ)

ตอนนี้จะถามหาเจ้าย่าฯ ต้องไปตามหาแถวห้องแชทค่ะ ...หนุกหนานอยู่ที่โน่น เพราะเข้ามาเขียนไรในบ้านนี้ไม่ได้ ไม่รู้เป็นด้วยสาเหตุไรอ่ะค่ะ ...น้องคอมพ์ฯ ไม่เป็นใจให้ส่งข่าว

แต่เจ้าย่าฯ คงเข้ามาตามอ่านอยู่เรื่อย ๆ ค่ะ ...

ไว้นู๋กาจะนำภาพงานวันบวชมาฝากนะคะ อาทิตย์หน้าลูกชายก็จะไปเป็นผ้าขาวอยู่ที่วัดแล้ว ตอนนี้กำลังตื่นเต้น ๆๆๆ ทั้งแม่ ทั้งลูกค่ะ
(หน้าเขินอ่ะ)

เป็นห่วง เพราะเขายังไม่เคยฝึกฝน ไม่เคยไปอยู่แบบนี้ ...แต่ลูกผู้ชายอะเนอะ จะห่วงไปใยมี ทุกคนก็ต้องฝึกกันท้างน้านอ่ะ ...
(อมยิ้มขำตัวเองค่ะ)

แม้แต่ตัวเจ้าบ้านเอง ก็เริ่มจากไม่เป็นเหมือนกัน
(อมยิ้มขำอีกครั้ง)







โดย: สาวิกา IP: 124.121.230.186 วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:20:15:46 น.  

 
สวัสดีครับทุกท่าน


:-)

_/|\\\\_

สาธุ ขออนุโมทนาทุกบุญด้วยครับ

:-)



ธรรมะสวัสดีครับ
(3ไหว้ครับ)






โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.206 วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:22:51:14 น.  

 

ฉันเปลี่ยนตัวเองเท่าไรเธอก็เหมือนเดิม
จะเปลี่ยนเท่าไรแล้วเธอก็เป็นเหมือนเก่า
ต่อให้ทำดีกว่านี้ ทำสิ่งที่เธอต้องการ
ก็ไม่รู้ตรงไหนที่เรียกว่าความพอใจ

ต้นเหตุที่เธอพูดมาคือฉันไม่ดี
ต้นเหตุจริงๆ เพราะเธอมีใครรึเปล่า
ถ้าหากว่าเธอหมดรัก และหากว่าเป็นอย่างนั้น
สิ่งที่ฉันจะเปลี่ยนมีเพียงเรื่องเดียว

คือเปลี่ยนไปรักคนที่รักฉัน เปลี่ยนไปรักคนที่ห่วงใย
ให้ใจไม่เจ็บ ใจไม่ปวด ไม่ต้องมีน้ำตา
เปลี่ยนไปรักคนที่รักฉัน และยอมรับที่ตัวฉันเป็น
ก็คงไม่เหนื่อยไม่ไร้ค่า เปลี่ยนใจรักใครคนใหม่ยังง่ายกว่า

บางอย่างที่เคยว่าดี วันนี้ไม่ดี
อยากจะรู้ว่าเคยรักกันรึปล่าว
ถ้าหากว่าเธอได้ลืมทุกอย่างที่เรียกว่าเรา
สิ่งที่ฉันจะเปลี่ยนมีเพียงเรื่องเดียว

คือเปลี่ยนไปรักคนที่รักฉัน เปลี่ยนไปรักคนที่ห่วงใย
ให้ใจไม่เจ็บ ใจไม่ปวด ไม่ต้องมีน้ำตา
เปลี่ยนไปรักคนที่รักฉัน และยอมรับที่ตัวฉันเป็น
ก็คงไม่เหนื่อยไม่ไร้ค่า เปลี่ยนใจรักใครคนใหม่ยังง่ายกว่า

ถ้ามีอะไรก็บอกกับฉันตรงๆ ได้ไหม
อย่าให้ฉันต้องเปลี่ยนอะไรโดยไร้จุดหมาย

อยากจะรักคนที่รักฉัน อยากจะรักคนที่ห่วงใย
ให้ใจไม่เจ็บ ใจไม่ปวด ไม่ต้องมีน้ำตา
เปลี่ยนไปรักคนที่รักฉัน และยอมรับที่ตัวฉันเป็น
ก็คงไม่เหนื่อยไม่ไร้ค่า
เปลี่ยนใจรักใครคนใหม่ยังง่ายกว่า



โดย: ลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:50:31 น.  

 
Subject: ข้าวโพดสุกต้านมะเร็ง

จริง เพราะตอนที่แม่เรากำลังรักษามะเร็งช่วงใกล้ๆหาย เริ่มจะทานอาหารได้
เค้าจะกินข้าวโพดต้มทุกวัน ไปเหมาจาก Supermarket ทุก week แล้วเค้าก็
ฟื้นตัวเร็วมาก

ช่วงนั้น ลิ้นเค้าจะ Anti เนื้อสัตว์ กลืนไม่ลง ทานได้แต่ผักกะผลไม้
และจะอยากกินข้าวโพดทุกวัน

ข้าวโพดสุก ต้านมะเร็ง
การแทะข้าวโพดหวานต้านโรคมะเร็งมีสารตัวล้างพิษมากกว่าผักผลไม้

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐฯ
รายงานในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกาว่าข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้วจะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้นได้อย่างเด่นชัด
&n bsp;

เขาเผยว่าผิดกับที่เคยเชื่อกันมาก่อน
ว่าผักและผลไม้หากต้มปรุงสุกแล้วจะเสียคุณค่าทางอาหารลงไป สู้กินดิบๆ ไม่ได้
แต่ข้าวโพดหวานยังคงสามารถเก็บพลังเป็นตัวล้างพิษคงไว้ได้
แม้ว่าจะเสียวิตามินซีไป

เขาได้พบในการต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส
ในเวลานานต่างกัน 10, 25 และ 50 นาที
พบว่ายิ่งต้มนานจะทำให้มันมีสารอันเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นเป็น 22, 44 และ 53
เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารที่ออกฤทธิ์เป็นตัวล้างพิษช่วยดับพิษของพวกอนุมูลอิสระ
ซึ่งเป็นอันตรายกับเซลล์ของอวัยวะต่างๆ
ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวพันกับโรคอันเนื่องมาจากความแก่ชรา ต่างๆ
อย่างเช่นต้อกระจก และโรคสมองเสื่อมอีกด้วย

คณะนักวิจัยแจ้งว่าข้าวโพดหวานที่ต้มหรือปิ้งจะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า
กรดเฟรุลิก
อันเป็นคุณกับร่างกายยิ่งมากขึ้นเมื่อถูกความร้อนสูงขึ้นหรือเวลานานขึ้นกรดเฟรุลิกเป็นพวก

พฤกษเคมีซึ่งในผักและผลไม้มีอยู่ไม่มากนัก
แต่กลับพบมีอยู่อย่างอุดมในข้าวโพดผสมปนเปรวมอยู่กับอย่างอื่น
การทำให้มันสุกจึงช่วยทำให้มันปล่อยกรดเฟรุลิกออกมาได้มากขึ้น

ปล. จาก forward mail ค่ะ


โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.59 วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:17:45 น.  

 
สวัสดีค่ะ

ขออนุโมทนาทุกๆบุญค่ะ _/|\\_

เช้านี้ ได้บทเรียนราคาแพงอีกแล้ว..
สมน้ำหน้า.. มีคน สมน้ำหน้าเรา ในความโง่เขลาเบาปัญญาเอง
การเข้าไปแชท..ทำให้ไม่เข็ดอีกแล้ว
มีคนอยากรู้จัก หลังไมค์มา
เราก็คิดว่า เขามาดี ก็เลยโง่..เล่าเรื่องส่วนตัวไป

ก็เลยโดนทั้งสมน้ำหน้า ทั้งด่าว่า มีกรรม ทั้งเป็นคนบาป..
สมแล้ว อยู่ดีๆไม่ว่าดี
เรื่องส่วนตัว ไม่มีใครรู้ ถ้าไม่เล่า
ถึงเล่าไป ใครจะมาช่วยอะไรใครได้..
หากไม่ซ้ำเติม ก็สมเพชเวทนา

ยายลิง..สะใจจริงที่โดนด่า แต่เช้า..จากคนที่ปากจัด..
ดีใจที่ไม่ถลำไปมากกว่านี้
ขอบคุณ ที่ทำให้ ระวังตัวมากขึ้น


โดย: ลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:27:48 น.  

 
โรคด่างขาว (โรคสะเก็ดขาว)...มะเร็งผิวหนังดีๆ นี่เอง

อ่านแล้ว เลิกทานอาหารจากกล่องโฟมได้เลย อันตรายมั๊กๆ

โรคด่างขาว หลายคนคงจะรู้จัก โรคด่างขาว บางคนเรียก โรคสะเก็ดขาว มันก็โรคมะเร็งผิวหนังดีๆ นี่เอง

เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2551 เวลาประมาณ 10.00 น.วันนั้นกำลังจะเดินทางไป จ.ชลบุรี ก่อนเดินทางก็นำรถยนต์เข้าปั๊มน้ำมันเพื่อจะเช็คลมยาง บังเอิญมีรถยนต์ยี่ห้อ เมอร์ซิเดส เบนซ์ คันหนึ่งกำลังเติมลมอยู่ก่อนแล้ว ก็เลยจอดรอเพื่อจะเช็คลมยางเป็นคันต่อไป

แต่เผอิญเจ้าของรถ เมอร์ซิเดส เบนซ์ เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี (เมื่อก่อนดื่ม เที่ยวด้วยกันเป็นประจำ) เป็นนายตำรวจยศพันตำรวจโท ปัจจุบันรับราชการอยู่ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปทุมวัน กรุงเทพ ฯ ก็เลยลงไปสนทนาปราศรัยในฐานะเพื่อนรุ่นพี่ที่เคารพรักและไม่ได้พบปะกันมานาน สอบถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสา

แต่พอคุยจ้องหน้ากันมากๆ แกก็อายๆ อยู่บ้าง เพราะไม่เจอนานหลายปี แต่ตอนนี้แกเป็น โรคด่างขาว ขึ้นทั้งปาก ทั้งศีรษะ กระทั่งมือเต็มไปหมด แกเล่าให้ฟังว่า วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ แกไปทำงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่กรุงเทพ ฯ ไปอยู่คนเดียว ครอบครัวไม่ได้ตามไปอยู่ด้วย วันหยุดราชการถึงกลับไปอยู่กับครอบครัวที่ จ.ระยอง

เมื่อวันทำงานเวลารับประทานอาหารทุกมื้อ ลูกน้องจะเป็นผู้ไปซื้ออาหารมาให้ คือพี่แกเป็นคนรับประทานอะไรง่ายๆ อาหารทุกอย่างจะใส่กล่องโฟมมาตลอด แกบอกรับประทานอาหารที่ใส่กล่องโฟมแบบนี้ทุกมื้อเป็นเวลาประมาณ 2 ปี เท่านั้นแหละ โรคด่างขาวมันอาละวาด ลุกลามเต็มตัว และรวดเร็วมาก

ทุกวันนี้ต้องไปพบแพทย์ที่ โรงพยาบาลศิริราช แพทย์จะให้ยามาทาหลอดหนึ่งราคา 1,800.- บาท แกบอกรักษามา 6 เดือนแล้ว ตอนนี้ดีขึ้นมาก

ตั้งแต่นั้นมา แกบอกว่า เวลาลูกน้องไปซื้ออาหารห้ามใส่กล่องโฟมโดยเด็ดขาดให้ใส่ถุงพลาสติคเพียงอย่างเดียว ซึ่งแพทย์ บอกว่า ถุงพลาสติคยังไม่ค่อยอันตรายเท่าไร เพราะกล่องโฟมเวลาโดนอาหารร้อนๆ จะมีสารชนิดหนึ่งละลายออกมาอยู่ในอาหารในกล่อง พอเรารับประทานเข้าไปมากๆ ก็จะเป็นผลเสียต่อร่างกาย

ที่เล่าให้ฟัง เพราะห่วงเพื่อนๆ และน้องๆ มากทุกวันนี้โรคภัยไข้เจ็บมันมีมากจริงๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็งมันจะก่อเกิดมาจากอาหารการกิน และอากาศที่เป็นพิษในบรรยากาศ

อย่างที่จ.ระยอง ถ้าจะเล่าให้ฟังแล้วจะตกใจ มีหมู่บ้านอยู่หมู่บ้านหนึ่ง (ไม่ขอเปิดเผยนามหมู่บ้าน) อยู่ที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ คนหนุ่มคนสาว หรือเด็กๆ เป็นมะเร็งกันทั้งหมู่บ้าน น่ากลัวไหมล่ะ

ยังไงเกิดมาชาติหนึ่งร่างกายก็ไม่ใช่ของเรา ธรรมชาติให้เราเอามาใช้ (บางคนก็ใช้ชั่วคราว บางคนก็ใช้ถึง 70 - 80 ปีหรือมากกว่านั้น แล้วแต่อายุขัย) รักษาดูแลมันดีๆ หน่อย อย่าใช้มันให้สิ้นเปลื้องมากนัก ตามคำพระที่ว่า อโรคยา ปรมาราภา คนไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ...... !!!




ปล. จาก forward mail ค่ะ


โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.59 วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:37:23 น.  

 
_/|\\_

สวัสดีทุกท่านค่ะ

ขออนุโมทนาบุญพี่อรด้วยนะคะ

ขอบคุณพี่อบด้วยค่ะ

คุณยายลิงขา..

นู๋เวลาไม่เจอคุณยายลิง..เหมือนหลายวันอยู่

ทำใจให้สบายเถอะนะคะ

ทุกอย่าง..ดี หรือ ร้าย ..

เป็นบทเรียนให้เราทั้งนั้นค่ะ

รักษาใจให้เป็นธรรม มีธรรม ไว้..ดีที่สุดค่ะ

..ไม่หลงทาง..

มีท่านนึง..บอกนู๋เวลาไว้ว่า..

เพราะ มี ธรรม จึงไม่เป็นอันตราย

_/|\\_

ธรรมรักษาทุกท่านนะคะ


โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:05:20 น.  

 
สวัสดี...ยามใกล้เที่ยงค่ะ

คุณย่าอำฯคะ
ขนมที่ซื้อมาฝากจำนวนมาก
ได้แบ่งไปถวายสังฆทานในช่วงที่ไปอบรมกัมมัฎฐานค่ะ

ขอบคุณนู๋อบ
เด๋วพี่จะก็อบเรื่องข้าวโพดไปฝากเพื่อนค่ะ

มาชวนเพื่อน ๆ บ้านนี้ทำบุญค่ะ
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี
เพื่อปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์และก่อสร้างพื้นที่โดยรอบ
ณ กระทรวงสาธารณสุข ถนนติวานนท์
อ.เมือง จว.นนทบุรี
วันที่ 10 กรกฎาคม 2551

อยากจะชวนเพื่อน ๆ ไปร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็น และ เจริญจิตถวายเป็นพุทธบูชา
ที่บริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ์
วันพุธที่ 9 กรกฎาคม 2551
ก่อนวันพิธีการ 1 วัน ค่ะ

อ่านรายละเอียดในเว็บลานธรรมนะคะ
จะทยอยนำรูปและเรื่องราวไปลงไว้ที่นั่นค่ะ
//larndham.net/index.php?showtopic=32279&st=0


คุณมุ่งฯ...
ถ้าว่าง หลังเลิกงานก็เชิญมาสวดมนต์ทำวัตรเย็นกันนะคะ

เดือนกรกฎาคม 2551 ก่อนเข้าพรรษา
หลวงพ่อว่าจะมีการสวดมนต์อธิษฐานจิตที่วัดพระแก้ว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีกครั้ง

เมื่อวานนี้ พึ่งจะทราบจากหลวงพ่อว่า
ทุกครั้งที่มีการสวดมนต์และ เจริญพระปริตร ที่วัดพระแก้ว เสร็จพิธีแล้ว
หลวงพ่อได้น้อมถวาย น้ำพระปริตร แด่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงมีพระลิขิตตอบมาว่า ดีมาก

คุณย่าอำฯ
ถ้าว่างก็พาคุณพี่มานะคะ
ในชีวิตเรา...คงมีโอกาสปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ได้ครั้งนี้สุดท้ายแล้ว





โดย: โอรัช IP: 203.157.48.252 วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:53:07 น.  

 


โดย: สาวิกา วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:06:43 น.  

 
ขอขอบคุณทุก ๆ การมาเยี่ยมเยียนของทุก ๆ ท่านค่ะ

ขอขอบคุณทุกบทความดี ๆ ที่นำมาฝากกัน ...ขอขอบคุณเพลงไพเราะจากพี่ลิง

ขอขอบคุณข่าวสารเกี่ยวกับบุญกุศลจากพี่อร และทุกท่าน

ขออนุโมทนาทุก ๆ บุญกุศล ของทุก ๆ ท่านค่ะ





โดย: สาวิกา วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:09:51 น.  

 
สวัสดีครับทุกท่าน

คุณอบครับ ผมขออนุญาตนำรายการชมรมคนรู้ใจข้างบนไปลงที่ติดตามพระกรรมฐานเดือนก.ค.ครับ(ไปลงแล้ว) มีโอกาส
ว่างๆไปลงบ้างนะครับ

***คุณมุ่งฯ...
ถ้าว่าง หลังเลิกงานก็เชิญมาสวดมนต์ทำวัตรเย็นกันนะคะ***
ครับถ้ามีโอกาส


***What a wonderful world
***

สงสัยคุณยายลิงกำลังมีความสุขขึ้นมากแล้วครับ (3ยิ้ม)

***เดือนกรกฎาคม 2551 ก่อนเข้าพรรษา
หลวงพ่อว่าจะมีการสวดมนต์อธิษฐานจิตที่วัดพระแก้ว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีกครั้ง
***
แจ้งด้วยนะครับพี่อร



***มีท่านนึง..บอกนู๋เวลาไว้ว่า..

เพราะ มี ธรรม จึงไม่เป็นอันตราย
_/|\\\\_
ธรรมรักษาทุกท่านนะคะ

โดย: times
***
ขอบคุณครับ

เมื่อวานผมเห็นโปรแกรมภาวนาที่โฮมอิงลิช ตั้งใจว่าจะไป โทรไปสอบถามพี่ที่ประสานงาน(ไม่ทราบชื่ออะไรครับ) แจ้งว่า พระอาจารย์ท่านพึ่งออกไปมีคนมาน้อย ฝนตกหนักมาก เลยไม่ได้จัด เลยอดไปครับ

ธรรมะสวัสดีครับทุกท่านและเจ้าบ้าน สาธุบุญบวชพระอีกทีครับ


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.206 วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:31:41 น.  

 
ขอบคุณจ้ะ นู๋เวลา..
แต่ๆ ยายลิงเห็นหนูทุกคืนเลยนี่จ๊ะ เผลอ ๆยังมีบางวันอีกแหนะ อิอิ

จู่ ๆ เพลงนี้ก็ขึ้นมาเอง..จ้ะ น้องมุ่งฯ
ไม่ได้มีฟามสุขอาไรเลยจ้ะ ออกจะวิตกกังวลอีกต่างหาก

ยายลิงมีธรรมคุ้มครองอยู่จ้ะ นู๋เวลา..
เข้าใจและเห็น สัจธรรม..อยู่เสมอ ๆ

เนยบิน คือ..ที่รักของนู๋กาอ๊ะป่าวหนอ อิอิ..
เอ่อ ไม่ช่าย.. ที่รักของพวกเราทุกคนตังหาก หุหุ

กลับบ้านแล้วค่ะ ฟ้ามืดดดมาเลย

ธรรมและบุญรักษาทุก ๆท่านนะคะ


โดย: ลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:52:30 น.  

 
:-)

คุณยายลิงตาดีจิงนะคะ..

กลางวัน..วันนั้น..ลางานทำธุระพอดีค่ะ..

:-)

สาธุค่ะ คุณยายลิง..

นู๋เวลา..เกิดเซ็งกะทันหัน..

ไปก่อนดีก่า..


โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:00:57 น.  

 
เจ้าแม่จ๋า..

เซ็ง..ให้รู้ว่า..เซ็ง..

ถูกมั้ยคร้า..


โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:02:49 น.  

 

เงียบ.....เงี๊ยบ.....เงียบ.....กริบ.......



โดย: โอรัช IP: 203.157.48.252 วันที่: 2 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:54:14 น.  

 
นำเรื่องราวเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพมาฝากทุกท่านครับ อาจจะช่วยให้เปิ้ลหายเซ็งได้บ้างนะครับ
ใครนะทำเปิ้ลเซ็งกะทันหันได้ มีอะไรผิดพลาดไปบอกกล่าวไหว้วานให้ช่วยได้นะครับ เอาใจช่วยให้หายเซ็งครับ ถ้ารู้ใจได้ก็ดีสิครับ จะได้ช่วยได้ถูกต้อง

ท่านอาจารย์นายแพทย์ภาสกิจ(วิทวัส) วัณนาวิบูลแนะนำเคล็ดลับการรักษาสุขภาพตามศาสตร์แพทย์แผนจีน
ตีพิมพ์ในวารสารหมอชาวบ้าน

อาจารย์ท่านแนะนำเคล็ดลับไว้ 12 ข้อดังต่อไปนี้...
1. หวีผมบ่อยๆ:
หวีผมเบาๆ บ่อยหน่อยช่วยให้ตาสว่าง และรากผมแข็งแรง (ใช้หวีซี่ห่างหน่อย แปรงเบาหน่อย
เพื่อกันผมหลุด)

2. ถูใบหน้าบ่อยๆ:
ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ให้สะอาดก่อน หลังจากนั้นใช้ฝ่ามือ 2 ข้างถูหน้าเบาๆ บ่อย
หน่อย เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ใบหน้าเปล่งปลั่ง

3. เคลื่อนไหวดวงตาบ่อยๆ:
ให้มองไกล-มองใกล้ มองข้างนอก-ข้างใน มองบน-มองล่าง หลีกเลี่ยงการมอง หรือจ้องอะไร
นานๆ โดยเฉพาะคนที่ทำงานคอมพิวเตอร์ควรพักสายตาด้วยการมองไกลอย่างน้อยทุกชั่วโมง

4. กระตุ้นใบหูบ่อยๆ:
การดึงหู ดีดหู บีบหู ถูใบหูเบาๆ บ่อยหน่อย ช่วยบำรุงตานเถียน(จุดฝังเข็ม) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่
เก็บพลังงานของร่างกาย(ใต้สะดือ) สัมพันธ์กับไต ซึ่งเปิดทวารที่หู ทำให้แรงดี ป้องกันเสียงดัง
ในหู หูตึง และอาการเวียนหัว

5. ขบฟันบ่อยๆ:
ขบฟันเบาๆ บ่อยหน่อย(ไม่ใช่ขบแรงดังกรอดๆ) ช่วยให้ฟันแข็งแรง และกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย

6. ใช้ลิ้นดุนเพดานปากบ่อยๆ:
การใช้ปลายลิ้นกระตุ้นเพดานบนด้านหน้าเป็นการกระตุ้นจุดฝังเข็ม เพื่อเชื่อมพลังลมปราณตู๋และ
เยิ่น ซึ่งเป็นเส้นควบคุมแนวกลางลำตัวส่วนหลัง และส่วนหน้าร่างกาย ทำให้เกิดการกระตุ้นการ
หลั่งสารน้ำ และน้ำลาย

7. กลืนน้ำลายบ่อยๆ:
การกลืนน้ำลายบ่อยๆ ช่วยกระตุ้นพลังบริเวณคอหอย และกระตุ้นการย่อยอาหาร

8. หมั่นขับของเสีย:
หมั่นขับของเสีย โดยเฉพาะดื่มน้ำให้พอ กินอาหารที่มีเส้นใย ออกกำลัง เพื่อป้องกันท้องผูก เมื่อ
ปวดปัสสาวะหรืออุจจาระ... ให้ถ่ายทันที อย่ารอโดยไม่จำเป็น
การทิ้งของเสียไว้ในร่างกายนานเกินทำให้เกิดสารพิษ และการดูดซึมสารพิษ
(กลับเข้าสู่ร่างกาย)มากขึ้น ทำให้ป่วยง่าย

9. ถูหรือนวดท้องบ่อยๆ:
ให้นวดท้องตามเข็มนาฬิกาเบาๆ เพื่อช่วยให้การขับถ่ายของเสียดีขึ้น

10. ขมิบก้นบ่อยๆ:
การขมิบก้นบ่อยๆ ช่วยป้องกันริดสีดวงทวาร และท้องผูก

11. เคลื่อนไหวทุกข้อ:
การอยู่นิ่งๆ หรืออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป ทำให้เกิดโรคได้ง่าย ควรเคลื่อนไหวข้อต่างๆ
ให้ครบทุกข้อทุกวัน ฝึกฝนการใช้กล้ามเนื้อและข้อให้สมดุล เช่น การฝึกชี่กง ไท้เก้ก โยคะ ฯลฯ

12. ถูผิวหนังบ่อยๆ:
ใช้ฝ่ามือถูตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย คล้ายกับการถูตัวเวลาอาบน้ำ มีส่วนช่วยให้เลือดและพลัง
ไหลเวียนดี

ท่านอาจารย์นายแพทย์ภาสกิจ(วิทวัส) วัณนาวิบูล อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนจีน แนะนำเคล็ดลับ
การดูแลสุขภาพตามศาสตร์แพทย์แผนจีนว่า อาหาร 10 อย่างที่ไม่ควรกินมากเกิน นำแนวคิดศาสตร์
แพทย์แผนจีนมาวิเคราะห์โดยใช้หลักแพทย์แผนปัจจุบันประกอบ...

อาหารที่ไม่ควรกินมากเกิน หรือบ่อยเกิน ได้แก่...
1. ไข่เยี่ยวม้า:
ไข่เยี่ยวม้ามีตะกั่วค่อนข้างสูง ตะกั่วทำให้การดูดซึมแคลเซียมน้อยลง กินบ่อยๆ จะเสี่ยง
โรคกระดูกโปร่งบาง และอาจได้รับพิษตะกั่ว เช่น สมองเสื่อม เป็นหมัน ฯลฯ
2. ปาท่องโก๋:
กระบวนการทำปาท่องโก๋มีการใช้สารส้ม ซึ่งมีตะกั่วปนเปื้อน ตะกั่วทำให้ไตทำงานหนัก
ในการขับสารนี้ออกไป นอกจากนั้นยังทำให้คอแห้ง เจ็บคอง่าย โดยเฉพาะคนที่เป็นโรค
ร้อนในได้ง่าย
3. เนื้อย่าง:
กระบวนการรมไฟ ย่างไฟทำให้เกิดสารเบนโซไพรีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
4. ผักดอง:
ผักดอง และของหมักเกลือทำให้ร่างกายได้รับเกลือโซเดียมสูง ถ้ากินบ่อยเกิน หรือมาก
เกินจะทำให้หัวใจทำงานหนัก เกิดความดันเลือดสูง และโรคหัวใจได้ง่าย นอกจากนั้น
กระบวนการหมักดองยังทำให้เกิดสารแอมโมเนียมไนไตรด์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
5. ตับหมู:
ตับหมูมีโคเลสเตอรอลสูง การกินตับหมูบ่อยเกิน หรือมากเกินทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจ
เส้นเลือดสมอง(อัมพฤกษ์-อัมพาต) และโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น
6. ผักขม ปวยเล้ง:
ผักขมและปวยเล้งมีสารอาหารสูง ทว่า... มีกรดออกซาเลตมาก ทำให้เกิดการขับ
สังกะสี และแคลเซียมออกจากร่างกายมาก การกินบ่อยเกิน หรือมากเกินอาจทำให้เกิด
ภาวะขาดแคลเซียม หรือสังกะสีได้
7. บะหมี่สำเร็จรูป:
บะหมี่สำเร็จรูปมีสารกัดบูด สารแต่งรสค่อนข้างสูง และมีคุณค่าทางอาหารต่ำ การกิน
บะหมี่สำเร็จรูปมากเกิน หรือบ่อยเกินอาจทำให้เสี่ยงต่อโรคขาดอาหาร และการสะสม
สารพิษได้
8. เมล็ดทานตะวัน:
เมล็ดทานตะวันมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ทว่า... การกินมากเกิน หรือบ่อยเกินอาจทำให้
กระบวนการเคมี (metabolism) ในร่างกายผิดปกติ ทำให้เกิดการสะสมไขมันในตับ
ภาวะไขมันในตับสูงอาจทำให้เสี่ยงต่อโรคตับ เช่น ตับแข็ง ฯลฯ เพิ่มขึ้น
9. เต้าหู้หมัก เต้าหู้ยี้:
กระบวนการหมักเต้าหู้อาจมีการปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่าย... ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อคน
สูงอายุ หรือเด็กเล็กได้ นอกจากนี้กระบวนการผลิตยังทำให้เกิดไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่ง
เป็นอันตรายต่อร่างกาย
10. ผงชูรส:
คนเราไม่ควรกินผงชูรสเกินวันละ 6 กรัม หรือประมาณ 1 ช้อนชา... การกินผงชูรส
มากเกิน หรือบ่อยเกินทำให้เกิดภาวะกรดกลูตามิกในเลือดสูง อาจทำให้ปวดหัว ใจสั่น
คลื่นไส้ และมีผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์
ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีอาหารปลอดภัย และมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ


ธรรมะสวัสดีครับทุกท่าน


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.206 วันที่: 2 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:13:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวิกา
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]























Friends' blogs
[Add สาวิกา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.