สโลแกน แทนใจ ไว้ให้คิด แม้มิ่งมิตร ผู้อยู่ห่าง กลางความฝัน ไม่เห็นหน้า แต่วาจา พาทีนั้น คละเคล้ากัน ปันสุขทุกข์ ทุกวี่วัน
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
23 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
รวมพล...คนสุขสันต์




สุขสันต์ ...วันสุข (อีกแล้ว) ค่ะ


Photobucket>



ขอขอบคุณ...ทุกทุกท่าน...ที่มาทัก
ถ้าไม่รัก...คงไม่มา...กันใช่ไหม
ณ ที่นี้...ล้วนมีมิตร...มากน้ำใจ
อยู่ใกล้ไกล...มาเยี่ยมเยือน...ไม่เชือนแช




Photobucket>



ถึงวันสุข...ร่วมสนุก...กันอีกหน
บ้านรวมพลฯ ...คนหรรษา...ล้วนฮาเฮ
สารพัด...สรรสาระ...ไม่เสเพล
มีดีเจ...คัดเพลงเพราะ...ไพเราะจัง


Photobucket>


ขอทุกท่าน...มีความสุข...ทุกแห่งหน
ทั่วทุกคน...ไร้ความทุกข์...มีสุขสันต์
บ้านแห่งนี้...ไว้เป็นที่...พักผ่อนกัน
เธอมีฉัน...เรามีกัน...ตลอดไป





Create Date : 23 พฤษภาคม 2551
Last Update : 23 พฤษภาคม 2551 12:56:36 น. 88 comments
Counter : 2191 Pageviews.

 
Photobucket>


โดย: สาวิกา วันที่: 23 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:05:33 น.  

 
..สวัสดีวันสุข(ทุกๆวัน)เช่นกันค่ะ
ขอบคุณค่ะ..คุณสาวิฯ ที่มีที่เหมาะๆให้ได้
คุยกันบ่อยๆ..ขอบคุณที่เตือนเรื่องสติ..

..เดี๋ยวเผลอ เดี๋ยวตื่นค่ะ..บางทีเดี๋ยวเผลอกว่าจะตื่น..เกือบอีกวัน ตามๆๆดูไป
งั้นๆหละค่ะ..แต่ได้เห็นว่าตัวใจเนี่ย น้องๆลิงเลยค่ะ..



โดย: เย็น..(ใจ) IP: 202.139.223.18 วันที่: 23 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:44:18 น.  

 
สวัสดีครับทุกท่าน
ขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชน สาธยายพระไตรปิฎกเป็นพุทธบูชา และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ตลอด24 ชั่วโมง ณ วัดใหม่ยายแป้น สี่แยกบางขุนนท์ ติดคลองบางกอกน้อย และติดถนนจรัญสนิทวงศ์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
19-27พฤษภาคม 2551 (สัปดาห์วิสาขบูชา) มีประกาศนียบัตรออกให้โดยอธิบดีกรมการศาสนาด้วยครับ นอกจากนี้ขอเชิญชมพระไตรปิฎก ฉบับ พม่า ลังกา ล้านนา รัฐฉาน เขมร คัมภีร์โบราณ และจีน (ไม่รับเงินบริจาค)
ผมไปสวดมาแล้วครับ ตอนกลางคืน มีคนน้อยมาก ใครยังมีเรี่ยวแรงมีกำลังเยอะ อยู่ใกล้บ้าน ไปช่วยกันสาธยายกันด้วยนะครับ มีหนังสือธรรมะแจกด้วยครับ


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.205 วันที่: 23 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:40:42 น.  

 
โอ๊ะโอ๋ ...วันนี้ทำไมคุณเย็นถึงได้ว่องไวมาได้ก่อนใครน้อ...

และมีความสุขได้ทุกวันอีกต่างหาก คงเป็นเพราะดื่มน้ำสมุนไพรทุกวันอ่ะป่าวนะ ...ยินดีด้วยที่มีความสุขทุกวันค่ะ งั้นต้องนำมาแบ่งปันกันบ่อย ๆ หน่อยแล้ว

ช่วงเช้าชะแว๊บไปกราบลพ. ขาไปอาศัยเกาะรถหมอเกด ณ ลานธรรมไป ขากลับก็ไปหารถข้างหน้า ...

ธรรมะจัดสรร มีญาติธรรมที่คุ้นเคยกันขับรถไปคนเดียว ขากลับเลยหลับเป็นเพื่อนตลอดเส้นทางเลย (หุหุ...ยังมีหน้ามาบอกอีกเนอะ)

นำบุญกุศลมาฝากทุกท่านเช่นเคยค่ะ

ขอบคุณคุณมุ่งฯ ที่แวะเวียนมาเยี่ยมกัน ไม่มีใครมาคุยด้วย เหงาเลยอะจิ

พี่ลิงจ๋า...ยิ้มออกอ๊ะยัง ...คงยิ้มออกแล้วละ ก็มีพี่อรมาปลอบใจนี่นา ทั่นสว.มักมีอะไรดี ๆ เป็นเครื่องปลอบใจซาเหมอ นู๋กายกนิ้วให้ 10 นิ้วเลยค่ะ ขอบคุณแง่คิดดี ๆ จากพี่อรด้วยนะคะ


โดย: สาวิกา IP: 124.120.102.45 วันที่: 23 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:01:01 น.  

 
สวัสดีครับสมาชิกทุกๆท่าน


9 วิธี ทำดี ได้บุญโดยไม่ต้องใช้เงิน

คนไทยเรานั้น ได้ชื่อว่าเป็นพวกที่ชอบทำบุญสุนทานอยู่เสมอ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความเชื่อที่ว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ซึ่งแม้ปัจจุบัน หลายคนจะรู้สึกกังขาว่า ทำไม คนที่เรารู้สึกว่าชั่ว ยังคงได้ดิบได้ดี เช่น ยังมีเงินทองและใช้ชีวิตที่สุขสบายกว่าเรา แต่นั่นก็ยังอธิบายได้ว่า เขาทำกรรมเก่าดี หรือยังกินบุญเก่าอยู่ ซึ่งที่เราเห็นด้วยตาว่า เขาสุขสบายก็อาจไม่จริง บางทีเขาอาจกำลังทุกข์ใจ เพราะต้องคอยระแวง ปกปิดความผิดของตน กลัวคนไปล่วงรู้อยู่ก็ได้ อย่างไรก็ดี โดยพื้นฐานแล้ว คนส่วนใหญ่ก็มักจะชอบทำบุญ เพราะเชื่อว่าเป็นการทำความดี และเป็นการสะสมผลบุญ ที่จะสนองให้เราได้รับสิ่งที่ดีในอนาคต หรือในชาติหน้า ซึ่งโดยแท้จริงการทำบุญนั้น ทันทีที่ทำก็เป็นความสุขแล้ว เพราะ บุญ คือ การทำความดีด้วยวิธีการต่างๆ ที่ทำให้อิ่มเอิบเบิกบานใจ โดยทั่วไปคนมักทำบุญกุศลด้วยการบริจาคทรัพย์ สิ่งของ หรือให้ทานเป็นโอกาสๆ เช่น บริจาคช่วยผู้ประสบภัยธรรมชาติ ร่วมสร้างศาสนสถาน ทอดกฐินผ้าป่า ช่วยเด็กกำพร้า หรือช่วยซื้อโลงศพ เป็นต้น ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ดี

แต่เชื่อไหมว่า ในชีวิตประจำวันของคนเรานั้น เรามีโอกาสทำความดี หรือทำบุญได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องใช้เงินทองหรือสิ่งของ ถึงแม้เราจะไม่ได้มีอาชีพเป็นแพทย์ พยาบาลที่ต้องช่วยเหลือคนเป็นประจำอยู่แล้วก็ตาม จะทำได้อย่างไรนั้น กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ขอเสนอแนะ 9 วิธีทำดี ได้บุญ แบบไม่ต้องใช้เงิน เพื่อเป็นแนวทางให้ท่านได้สะสมกุศลให้เพิ่มพูนขึ้น ดังต่อไปนี้


1.ตื่นเช้าขึ้นมาก็คิดแต่สิ่งดีๆ

ทันทีที่ตื่นนอน หากเราคิดถึงแต่สิ่งที่ดีที่งาม ก็จะทำให้จิตใจเราสดชื่น กระตือรือร้น พร้อมที่จะรับมือ กับชีวิตประจำวันด้วยความรื่นเริง ไม่หงุดหงิด โมโห แค่นี้ นอกจากเราจะมีความสุขแล้ว คนรอบข้างเราก็มีความสุขไปด้วย ถือว่าเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง


2.ยิ้มแย้มแจ่มใส ในแต่ละวัน

หากเราจะรู้จักยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ว่าจะยิ้มกับคนรู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม หน้าตาของเราก็จะดูเป็นมิตร ทำให้คนอยากเข้าใกล้ ถ้าเราเป็นพ่อแม่ ยิ้มกับลูกก่อนไปทำงาน ลูกก็ดีใจ ลูกยิ้มกับพ่อแม่ๆ ก็สบายใจว่าต่างคนต่างไม่มีเรื่องเดือนร้อนใจแน่ หรือหากมีก็กล้าจะมาปรึกษาหารือ หรือหากเป็นเจ้านาย ยิ้มกับลูกน้องๆ ก็รู้ว่าวันนี้นายอารมณ์ดี ทำให้ทำงานด้วยความมั่นใจ ไม่ต้องระแวงว่าจะถูกเรียกไปต่อว่า และถ้าเรียกก็ดูน่าจะมีเมตตา กว่าเวลาที่นายทำหน้ายักษ์


3.ทักทาย โอปราศรัย คนบาง

คน นอกจากจะไม่ยิ้มกับใครแล้ว ยังชอบทำหน้าบึ้งตึง ไม่คิดจะพูดจาทักทายใครด้วย ซึ่งถ้าเกิดทำงานด้านบริการ คนมาติดต่อคงรู้สึกเกร็ง และกังวลตลอดว่าจะถูกเอ็ดตะโรเมื่อไรก็ไม่รู้ ดังนั้น นอกจากยิ้มแย้มแจ่มใสแล้ว เราก็ควรจะเอื้อนเอ่ยวาจาทักทายผู้มารับบริการก่อน การทักทายปราศรัยกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นผู้มาขอรับบริการ เพื่อนฝูงคนรู้จัก ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา หรือแม้แต่คนที่มาทำงานให้เรา เช่น แม่บ้าน ยาม ฯลฯ จะทำให้เขารู้สึกเป็นมิตร และอบอุ่นใจ ทำให้บรรยากาศในที่นั้นๆ ดีขึ้น


4.แบ่งปันน้ำใจไมตรี

สามารถทำได้ทุกที่และทุกเวลา เช่น ช่วยพ่อแม่จัดโต๊ะอาหาร ล้างถ้วยชาม ลุกให้เด็ก ผู้หญิงท้อง หรือคนแก่นั่ง ช่วยถือของหนักให้คนในรถเมล์ หยุดรถให้คนข้ามถนน หรือรถอื่นไปก่อน ช่วยแบ่งเบาภาระงาน ให้เพื่อนในที่ทำงาน เป็นต้น การให้ความช่วยเหลือเช่นนี้ เป็นการทำบุญด้วยการลดความเห็นแก่ตัวของเราลง และทำให้เราได้รับมิตรไมตรีสนองตอบกลับมาด้วย


5.ปลุกปลอบให้กำลังใจ

ช่วยแก้ไขปัญหา หลายๆครั้งที่เพื่อนฝูงญาติมิตรอาจประสบปัญหาชีวิต และเกิดความทุกข์ใจแสนสาหัส สิ่งที่ดีที่สุดคือ ความเป็นมิตรและถ้อยคำที่ปลุกปลอบให้กำลังใจ คำพูดดีๆ ที่มาจากใจ จะทำให้ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์ รู้สึกดีขึ้นและมีพลังที่ต่อสู้ชีวิตต่อไปได้


6.ให้คำชมด้วยความนิยมยินดี

การกล่าวคำชื่นชมต่อผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ ย่อมจะทำให้ผู้รับคำชมรู้สึกปลาบปลื้มยินดี และมีความสุขได้ โดยเฉพาะในเรื่องที่เขาทำสำเร็จ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และจริงใจด้วย ดูอย่างตัวเราเองแค่วันไหน แต่งตัวสวย แล้วมีคนชม เราก็หน้าบานไปทั้งวันแล้ว เช่นเดียวกัน คนทุกคนล้วนอยากได้การยอมรับและคำชมทั้งนั้น เพราะคำชมจะเป็นการเสริมเพิ่มกำลังใจให้อยากทำดียิ่งๆ ขึ้นไป


7.แนะนำให้คำสอนที่ดี มีคุณค่า

ไม่ว่าจะเราจะอยู่ในสถานภาพใด เช่น เป็นลูก เป็นพ่อแม่ ลูกน้อง เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมอาชีพ ฯลฯ หากเราจะมีเมตตา แนะนำในสิ่งที่ดี มีประโยชน์และคุณค่าต่อผู้อื่น หรือสอนในสิ่งที่เราชำนาญให้แก่ผู้อื่น ก็จะเป็นการช่วยเกื้อกูลสังคมให้ดียิ่งขึ้น และผลก็จะย้อนมาสู่ตัวเราผู้ทำด้วย เช่น สอนงานให้ลูกน้อง ต่อไป เมื่อเขาทำงานเป็น เราก็ไม่ต้องเหนื่อยมาก และเขาก็จะรู้สึกขอบคุณเรา แนะวิธีออกกำลังกายให้พ่อแม่ ท่านก็แข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยง่าย เราก็สบายใจ หรือแม้แต่การแนะนำให้ความรู้ที่เรามี หรือทราบมาแก่คนไม่รู้จัก อย่างแนะนำหมอ ยาดีๆ หรือธรรมะที่ดีแก่คนอื่น ทำให้เขาหายป่วยหรือรู้สึกดีขึ้น เขาก็จะอธิษฐานหรือให้พรเรา ทำให้เราพบแต่สิ่งดีๆ ในชีวิต


8.การให้อภัยในความผิดพลาดของผู้อื่น

โดยทั่วไปคนเรามักจะให้อภัยตัวเองง่าย และมีข้อแก้ตัวให้ตนต่างๆ นานา แต่ถ้าผู้อื่นผิดพลาดแล้ว เรามักเห็นเป็นเรื่องใหญ่ และตำหนิติเตียนไม่รู้จักแล้วจบ ดังนั้น เราจะต้องหัดมีเมตตา รู้จักให้อภัยต่อผู้อื่นให้ง่าย เหมือนให้อภัยแก่ตัวเราเอง เพราะการให้อภัย จะทำให้เราไม่ผูกใจเจ็บ ไม่อาฆาตมาดร้าย ไม่ก่อศัตรู แต่ทำให้จิตใจเราสงบเย็น เป็นฝึกจิตพื้นฐานอย่างหนึ่ง ที่จะนำไปสู่กุศลขั้นสูงอื่นๆ ต่อไป


9.ฝึกจิตให้สงบและสบาย ด้วยการทำสมาธิหรือสวดมนต์

การทำสมาธิ ฟังดูเหมือนยาก แต่จริงๆ เราทำได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือทำอะไรอยู่ เช่น กินข้าว อาบน้ำ ทำการบ้าน ทำงานบ้าน อ่านหนังสือ อยู่ที่ทำงาน หัวใจหลักคือให้เอาใจไปจดจ่อ ในสิ่งที่ทำเพียงอย่างเดียว จะทำให้เราทำทุกอย่างได้ดีขึ้น เพราะไม่พะวักพะวน คิดหรือทำหลายอย่างในเวลาเดียวกันอันทำให้ขาดสติ และทุกๆ คืนก่อนนอน ก็ควรสวดมนต์ไหว้พระที่เรานับถือ โดยอาจเลือกบทสวดสั้นๆ ที่เราชอบ เสร็จแล้วก็อย่าลืมแผ่เมตตาให้กับตัวเราเอง และผู้อื่นตามสมควร


ที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่าเป็นการทำความดีที่ไม่ต้องใช้เงินเลย แต่สามารถปฏิบัติในชีวิตประจำวันของเราได้ โดยไม่ยากเย็นเข็ญใจจนเกินไป อีกทั้งปฏิบัติแล้วก็เป็นบุญกุศลที่จะเกื้อหนุนให้เรา และคนรอบตัวมีความสุข เพราะ "บุญ" ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ เครื่องชำระกาย ใจให้บริสุทธิ์ เป็นการทำประโยชน์ให้แก่ตัวเราเอง และผู้อื่น และยังช่วยลดกิเลส ความเศร้าหมองต่างๆ ได้ เริ่มทำแต่วันนี้เลยนะ เพราะมีคติที่ว่า "ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง"




โดย: นางเดินทัก IP: 117.47.81.53 วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:16:48 น.  

 
หายไปไหนกันหมดน้อ ?
หายไปไหนกันหมดน้อ ?
หายไปไหนกันหมดน้อ ?
หายไปไหนกันหมดน้อ ?
หายไปไหนกันหมดน้อ ?
หายไปไหนกันหมดน้อ ?
หายไปไหนกันหมดน้อ ?
หายไปไหนกันหมดน้อ ?
หายไปไหนกันหมดน้อ ?
ฯลฯ


โดย: อำไพพร IP: 125.27.189.1 วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:30:54 น.  

 
ขันธ์ ๕ ทั้งหลายหายไปไหนหมดน้ออออออออออออออออออออ ?
ขันธ์ ๕ ทั้งหลายหายไปไหนหมดน้ออออออออออออออออออออ ?
ขันธ์ ๕ ทั้งหลายหายไปไหนหมดน้ออออออออออออออออออออ ?
ขันธ์ ๕ ทั้งหลายหายไปไหนหมดน้ออออออออออออออออออออ ?
ขันธ์ ๕ ทั้งหลายหายไปไหนหมดน้ออออออออออออออออออออ ?
ขันธ์ ๕ ทั้งหลายหายไปไหนหมดน้ออออออออออออออออออออ ?
ขันธ์ ๕ ทั้งหลายหายไปไหนหมดน้ออออออออออออออออออออ ?
ขันธ์ ๕ ทั้งหลายหายไปไหนหมดน้ออออออออออออออออออออ ?
ขันธ์ ๕ ทั้งหลายหายไปไหนหมดน้ออออออออออออออออออออ ?
ขันธ์ ๕ ทั้งหลายหายไปไหนหมดน้ออออออออออออออออออออ ?
ฯลฯ


โดย: อำไพพร-ขันธ์ ๕ ประกาศหาขันธ์ ๕ ที่หายไปจ้า... IP: 125.27.189.1 วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:35:17 น.  

 


บ๊ายบายยยยยยยยยยยย
ไปนอนก่อนนะ.


โดย: ขันธ์ ๕ ชื่ออำไพพรจ้า IP: 125.27.189.1 วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:43:49 น.  

 
หนูอรจ๋า...
ภาษาประกิตใน คห. ๘ น่ะ
แปลว่าอะไร ?
ย่าอำฯไป copy ภาพมา
แต่ไม่รู้คำแปลจ้ะ
อยากรู้มาก ๆ เลย
ใช่"ฮักให้คุณ"ไหมน้า ?


โดย: อำไพพร IP: 125.27.189.1 วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:48:11 น.  

 

ขันธ์ห้านี้...สมมติว่า..."สาวิกา"
มาเยี่ยมหน้า...ให้เจ้าย่าฯ...ท่านได้เห็น
ยังมีสุข...ไร้ความทุกข์...อย่างเคยเป็น
ทุกเช้าเย็น...มารายงาน...ขานเอ่ยนาม


Photobucket>



ขันธ์ห้าอื่น...ไปไหนบ้าง...หนูไม่รู้
ด้วยขันธ์ (โฉม)ตรู...ต้องดูแล...และรักษา
ให้อยู่ดี...สมแก่เหตุ...แห่งเวลา
ได้เกิดมา...พบไตรรัตน์...ขจัดภัย



Photobucket>


คุณพระพุทธ...บริสุทธ์...ยิ่งนักหนา
พระธรรมา...พาใจหมอง...ให้ผ่องศรี
พระสงฆ์ทรง...สืบรักษา...ทำหน้าที่
ปลุกชีวี...ผองมวลชน...พ้นทุกข์เทอญ








โดย: สาวิกา วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:56:12 น.  

 
หวัดดีคับ ผมอาร์ต คับ เห็นกระทู้น่า สนใจ เลยแวะมาทักทายครับ


โดย: art IP: 202.139.223.18 วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:58:03 น.  

 
หายไปไหนกันหมดคร๊าบ


โดย: art IP: 202.139.223.18 วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:01:11 น.  

 
ความสำรวมด้วยจักษุเป็นความดี ความสำรวมด้วยหูเป็นความดี
ความสำรวมด้วยจมูกเป็นความดี ความสำรวมด้วยลิ้นเป็นความดี
ความสำรวมด้วยกายเป็นความดี ความสำรวมด้วยวาจาเป็นความดี
ความสำรวมด้วยใจเป็นความดี
ความสำรวมในทวารทั้งปวงเป็นความดี

ภิกษุผู้สำรวมแล้วในทวารทั้งปวง ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้
ผู้ที่สำรวมมือ สำรวมเท้า สำรวมวาจา สำรวมตน ยินดีในอารมณ์ภายใน มีจิตตั้งมั่น อยู่ผู้เดียว สันโดษ
บัณฑิตทั้งหลายกล่าวผู้นั้นว่าเป็นภิกษุ ภิกษุใดสำรวมปาก มีปกติกล่าว
ด้วยปัญญา มีจิตไม่ฟุ้งซ่าน ย่อมแสดงอรรถและธรรม ภาษิตของภิกษุนั้นไพเราะ

ภิกษุผู้มีธรรมเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในธรรม ค้นคว้าธรรม ระลึกถึงธรรม ย่อมไม่
เสื่อมจากสัทธรรม

ภิกษุไม่พึงดูหมิ่นลาภของตน ไม่พึงเที่ยวปรารถนาลาภของผู้อื่น เพราะภิกษุปรารถนาลาภของผู้อื่นอยู่ ย่อมไม่บรรลุสมาธิ

ถ้าว่าภิกษุแม้มีลาภน้อย ก็ย่อมไม่ดูหมิ่นลาภของตนไซร้ เทวดาทั้งหลายย่อมสรรเสริญ ภิกษุนั้น ผู้มีอาชีพบริสุทธิ์ ไม่เกียจคร้าน
ผู้ใดไม่มีความยึดถือในนามรูปว่าของเราโดยประการทั้งปวง
และย่อมไม่เศร้าโศกเพราะนามรูปไม่มีอยู่
ผู้นั้นแลเรากล่าวว่า เป็นภิกษุ

ภิกษุใดมีปกติอยู่ด้วยเมตตา เลื่อมใสแล้วในพระพุทธศาสนา ภิกษุนั้นพึงบรรลุสันตบทอันเป็นที่ระงับสังขารเป็นสุข

ดูกรภิกษุ เธอจงวิดเรือนี้ เรือที่เธอวิดแล้วจักถึงเร็ว เธอตัดราคะและโทสะแล้ว จักถึงนิพพานในภายหลัง
ภิกษุพึงตัดโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ พึงละอุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ พึงเจริญอินทรีย์ ๕ ให้ยิ่ง ภิกษุล่วงธรรมเป็นเครื่องข้อง ๕ อย่างได้แล้ว
เรากล่าวว่า เป็นผู้ข้ามโอฆะได้

ดูกรภิกษุ เธอจงเพ่ง และอย่าประมาท จิตของเธอหมุนไปในกามคุณ เธออย่าเป็นผู้ประมาทกลืนก้อนโลหะ
อย่าถูกไฟเผาคร่ำครวญว่านี้ทุกข์
ฌานไม่มีแก่ผู้ไม่มีปัญญา ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่มีฌาน
ฌานและปัญญามีอยู่ในผู้ใด ผู้นั้นแลอยู่ในที่ใกล้นิพพาน
ความยินดีอันมิใช่ของมนุษย์ย่อมมีแก่ภิกษุผู้เข้าไปสู่เรือนว่าง
ผู้มีจิตสงบ ผู้เห็นแจ้งซึ่งธรรมโดยชอบ ในกาลใดๆ
ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นความเกิดขึ้น และความเสื่อมไปแห่งขันธ์ทั้งหลาย ในกาลนั้นๆ
ภิกษุนั้นย่อมได้ปีติและปราโมทย์ ปีติและปราโมทย์นั้นเป็นอมตะของบัณฑิตทั้งหลายผู้รู้แจ้งอยู่ บรรดาธรรมเหล่านั้น
ธรรมนี้ คือ ความคุ้มครองอินทรีย์ ความสันโดษ และ ความสำรวมในปาฏิโมกข์ เป็นเบื้องต้นของภิกษุผู้มีปัญญา

ในธรรมวินัยนี้ ท่านจงคบกัลยาณมิตร มีอาชีพหมดจด ไม่เกียจคร้าน
ภิกษุพึงเป็นผู้ประพฤติปฏิสันถาร พึงเป็นผู้ฉลาดในอาจาระ
เป็นผู้มากด้วยความปราโมทย์ เพราะความประพฤติในปฏิสันถาร และความเป็นผู้ฉลาดในอาจาระนั้น
จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จงเปลื้องราคะและโทสะเสีย
เหมือนมะลิปล่อยดอกที่เหี่ยวแห้งแล้ว ฉะนั้น
ภิกษุผู้มีกายสงบ มีวาจาสงบ มีใจสงบมีใจตั้งมั่นดี มีอามิสในโลกอันคายแล้ว เรากล่าวว่า เป็นผู้สงบระงับ
จงเตือนตนด้วยตนเอง จงสงวนตน ด้วยตนเอง
ดูกรภิกษุ เธอนั้นผู้มีตนอันคุ้มครองแล้ว มี
สติ จักอยู่เป็นสุข ตนแลเป็นที่พึ่งของตน ตนแลเป็นคติของตน เพราะเหตุนั้น ท่านจงสำรวมตน เหมือนพ่อค้าระวังม้าดีไว้ ฉะนั้น

ภิกษุผู้มากด้วยความปราโมทย์ เลื่อมใสแล้วในพุทธศาสนา พึงบรรลุสันตบทอันเป็นที่เข้าไปสงบแห่งสังขาร เป็นสุข

ภิกษุใดแล ยังเป็นหนุ่ม ย่อมเพียรพยายามในพุทธศาสนา ภิกษุนั้นย่อมยังโลกนี้ให้สว่างไสว เหมือนพระจันทร์พ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น ฯ

จบภิกขุวรรคที่ ๒๕




โดย: times IP: 124.120.207.11 วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:08:53 น.  

 
ที่เขียน comment ทึบจังค่ะ

ไปหลงอยู่ที่บ้านหลังที่แล้วมาหลายวันเรยยย



โดย: times IP: 124.120.207.11 วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:10:27 น.  

 
เจ้าย่าฯ ขา นู๋กาแว่บไปภาวนาชาร์ทแบตฯ มา และพาขันธ์ 5 กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพครบทุกขันธ์แล้วจ้า ...แล้วเจ้าย่าฯ ล่ะวันนี้หายไปหนายยยยยยยย

Photobucket>


อ้างอิง>>>ที่เขียน comment ทึบจังค่ะ
ไปหลงอยู่ที่บ้านหลังที่แล้วมาหลายวันเรยยย โดย: times <<<


คิคิ...ก็ลองดูอ่ะ ถ้าไม่นำทางมา จะหลงทางกันมั่งมั๊ย?

ได้นู๋ไทมส์เป็นนู๋ตะเภาไปซะแร้ว ขออภัยด้วยน้าโก๊ะ no.2

ปล.แก้ไขภาพให้แล้ว ยังทึบอยู่มั๊ยน้อ? รอทั่นสว.มาเม้นท์ให้จ้า


Photobucket>




โดย: สาวิกา วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:18:29 น.  

 
..สาธุ อนุโมทนากับ คุณสาวิฯค่ะ

พักผ่อนธาตุขันธ์ กันตามอัธยาศัยค่ะ..
พรุ่งนี้ก็ลุยงานทางโลก กันเต็มแรงต่อไปน้อ..

คุณนู๋อบ อยู่ใหนน้อ..แอบไปชาร์ตใจ อีกแล้วมังคะ..

แม่อรโอรัช ละคะ หมู่นี้สุขภาพแข็งแรงดีใหมน๊า..

..และสวัสดีคุณย่าอักฯ ยายลิง คุณมุ่งฯ
หนูไทม์ และคนที่ผ่านมา..มีแค่รอยยิ้มและผ่านไป..คนนั้นด้วยค่ะ (จุ๊บบๆๆๆ)



โดย: เย็น IP: 202.139.223.18 วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:13:34 น.  

 

สวัสดีครับสมาชิกทุกๆท่าน


ทายนิสัยจากของขวัญที่เขาส่งให้


ทายนิสัยผู้ที่ส่งของขวัญให้

ตุ๊กตา - สัญลักษณ์แห่งความปรารถนาดี และมิตรภาพ
ผู้ที่ชอบให้ตุ๊กตาเป็นของขวัญของฝากแก่ผู้อื่นอยู่เสมอ แสดงว่าเป็นคนที่มีความอ่อนเยาว์อยู่ในจิตใจ ค่อนข้างมองโลกในแง่ดีมักมีอารมณ์เบิกบานแจ่มใส แต่ก็ดื้อเงียบชอบเอาแต่ใจตนเองพอสมควร

หัวใจ - สัญลักษณ์ของความรัก
ผู้ที่ชอบให้ของขวัญผู้อื่นเป็นรูปหัวใจไม่ว่าจะเป็นจี้ ต่างหู หมอน กล่องดนตรีหรือข้าวของของใดๆ ก็ตามที่มีรูปทรงเป็นรูปหัวใจแสดงว่าเป็นคนที่โรแมนติกไม่น้อย ให้ความสำคัญกับเรื่องความรักความผูกพัน มักแคร์คนอื่นและช่างคิดช่างฝัน

น้ำหอม - สัญลักษณ์ของเสน่ห์และความปรารถนาดี
ผู้ที่ชอบซื้อน้ำหอมเป็นของขวัญของฝากแก่คนรอบข้าง เป็นคนที่มีรสนิยมดี มีเสน่ห์ มักชอบสร้างความประทับใจให้ผู้อื่นเข้ากับผู้คนง่าย รักสวยรักงาม ค่อนข้างสำอางมีความหยิ่งทะนงในตนเอง ไม่ใช่คนเรียบง่ายนัก และมักเป็นห่วงภาพลักษณ์ของตนเองเสมอ

สุนัข - สัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความซื่อสัตย์ภักดี
คนที่ชอบให้สุนัขเป็นของขวัญแก่ผู้อื่นเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนและค่อนข้างจะอ่อนไหวไม่น้อย ส่วนคนที่อยากได้สุนัขเป็นของขวัญก็เช่นกัน เรียกได้ว่า ยังมีความเป็นเด็กๆ อยู่ในตัวเอง ชอบที่จะเล่นสนุก ชอบให้ใครๆ มาคอยเอาใจ แต่ก็ยังเป็นคนที่แคร์คนอื่นและไม่เห็นแก่ตัว

แมว - สัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความอิสระ
คนที่ชอบให้แมวเป็นของขวัญหรือคนที่อยากได้แมวเป็นของขวัญให้คนเอง เป็นคนที่ตามใจตัวเองสูง ไม่ค่อยมีความพยายามที่จะปรับตัวหรือปรับใจแม้ในสถานการณ์ที่สำคัญๆ เป็นคนที่รักอิสระ ไม่ค่อยเปิดเผย ประมาณว่า ชอบเก็บความรู้สึก แต่ก็มีน้ำใจ ติดเพื่อน และค่อนข้างเอื่อยๆ เฉื่อยๆ ไม่ชอบความเร่งร้อน

ปลา - สัญลักษณ์ของความเยือกเย็นความมีชีวิตและความอุดมสมบูรณ์
คนที่ให้ปลาเป็นของขวัญแก่ผู้อื่น เป็นคนที่รักบ้านรักครอบครัว อารมณ์ดี ชอบเฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง แต่ก็สามารถที่จะอยู่เงียบๆ ตามลำพังได้ดี เพราะเป็นคนช่างคิดช่างฝัน แม้บ้างครั้งจะหัวดื้อไปสักนิด เอาแต่ใจตัวเองสักหน่อย แต่ก็รักเพื่อนรักพ้องและมีน้ำใจไมตรีเสมอ

ช็อกโกแลต - สัญลักษณ์แห่งความรัก และมิตรภาพ
ผู้ที่ชอบมอบช็อกโกแลตเป็นของขวัญแก่ผู้อื่น แสดงว่าเป็นคนอารมณ์ดี ค่อนข้างมองโลกในแง่ดี ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมพิษภัยกับใคร แม้ว่าจะดูเป็นคนเรียบๆ ง่ายๆ ชอบสนุกสนานแต่ก็มีความรับผิดชอบสูง มีน้ำใจเจ้าชู้แต่ไม่หลายใจ

เครื่องประดับ - สัญลักษณ์แห่งความหรูและความสำเร็จ
ผู้ที่ชอบมอบเครื่องประดับเป็ดนของขวัญแก่ผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นต่างหู แหวน กำไล สร้อยข้อมือ สร้อยข้อเท้า หรือจี้ แสดงว่าเป็นคนที่ช่างสังเกต ช่างเลือกช่างคิด มักให้ความสนใจในการวางตัวและการสร้างภาพพจน์เป็นคนที่มีรสนิยมดี รักสวยรักงาม ชอบความโดดเด่น

เทียนหอม - เทียนเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและแรงบันดาลใจ
เทียนหอมเป็นสัญลักษณ์ของความผ่อนคลาย และความรัก ผู้ที่ชอบให้เทียนหอมเป็นของขวัญแก่ผู้อื่นเป็นคนที่โรแมนติกไม่เบา ชอบเที่ยว ชอบดูหนัง-ฟังเพลง ช่างคิดช่างฝัน ดูเหมือนจะอ่อนโยน แต่จริงๆ แล้วก็ดื้อดึงและเอาแต่ใจตัวเองสุดฤทธิ์เหมือนกัน

คุกกี้ - คุกกี้เป็นสัญลักษณ์ของความสุข และความปรารถนาดี
ผู้ที่ชอบให้คุกกี้เป็นของขวัญแก่ผู้อื่นไม่ว่าจะทำเองหรือซื้อมาแจกก็ตาม เป็นคนที่ชอบพบปะพูดคุยกับผู้คน ค่อนข้างอารมณ์ดีเข้ากับคนง่าย ไม่ชอบความขัดแย้ง ไม่ก้าวร้าวใคร แต่ก็ขี้น้อยใจเก่ง และไม่ค่อยละเอียดรอบคอบนัก

พระเครื่อง - พระพุทธธูปเป็นสัญลักษณ์ของความร่มเย็นเป็นสุข
ผู้ที่ชอบให้ของขวัญผู้อื่เป็นพระเครื่องห้อยกับสร้อยคอหรือพระพุทธธูปบูชา เป็นคนที่มีความรักบ้านรักครอบครัว รักเกียรติรักศักดิ์ศรีสูง ชอบให้ผู้คนยกย่องนับถือ เป็นคนมีความเป็นผู้นำ สุขุมรอบคอบจิตใจดีมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ค่อยชอบความอึกทึกวุ่นวายใดๆ รักธรรมชาติและรักสงบ

อัลบั้มภาพ - สัญลักษณ์แห่งความทรงจำ
ผู้ที่ชอบให้อัลบั้มรูปภาพเป็นของขวัญแก่ผู้อื่นเป็นคนที่ใส่ใจความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้อื่นเสมอ มีความละเอียดอ่อนพอสมควรไม่ใช่คนเจ้าระเบียบนักแต่ก็ไม่สะเพร่า เป็นคนที่รู้จักแคร์คนอื่น มีความคิดสร้างสรรค์ มักคำนึงถึงสิ่งดีเป็นประโยชน์มากกว่าเรื่องไร้สาระ

ช่อดอกไม้ - สัญลักษณ์ของความรัก และความปรารถนาดี
ผู้ที่ชอบให้ช่อดอกไม้เป็นของขวัญแก่ผู้อื่น เป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงโรแมนติกไม่น้อยและเจ้าชู้ไม่เบาเหมือนกัน นอกจากจะเป็นคนละเอียดอ่อนและอารมณ์ละเมียดละไมไม่ธรรมดาแล้ว ยังซ่อนความดื้อเงียบและหยิ่งทะนงไว้ในตนอีกด้วย

เค้ก - สัญลักษณ์ของความสุขและความยินดี
ผู้ที่ชอบมอบเค้กเป็นของขวัญแก่ผู้อื่นเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยน และมีน้ำใจประมาณว่าหน้าใหญ่หน้าโต ไม่ใช่คนละเอียดอ่อนนักไม่ชอบคิดมาก ค่อนข้างจะชอบให้ใครๆ ชื่นชมตนเอง และเป็นคนที่นับถือตัวเองม้าก…มาก

เสื้อผ้า - เป็นสัญลักษณ์ของภาพลักษณ์
คนที่ชอบมอบของขวัญให้แก่ผู้อื่นเป็นเสื้อผ้า แสดงว่าเป็นคนที่ค่อนข้างนับถือตนเอง ชอบคิดชอบวางแผน ช่างสังเกต เป็นคนมีน้ำใจไมตรี ดูเหมือนคนเรียบๆ ง่ายๆ แต่มักห่วงในเรื่องเกียรติศักดิ์เกินเหตุ

ถ้วยกาแฟ,ถ้วยชา - สัญลักษณ์ของมิตรภาพ
คนที่ชอบมอบถ้วยกาแฟ-ถ้วยชาเป็นของขวัญแก่ผู้อื่น แสดงว่าเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย ชอบความอบอุ่นผูกพัน แม้ไม่ใช่คนละเอียดลึกซึ้งนักแต่ก็ชอบคิดชอบฝัน รักอิสระรักเพื่อน ชอบความเรียบง่ายมากกว่าพิธีรีตอง

อุปกรณ์กีฬา - สัญลักษณ์ของพลังชีวิต และความมั่นคงทางอารมณ์
ผู้ที่ชอบมอบอุปกรณ์กีฬาเป็นของขวัญให้ผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นลูกบาสเก็ตบอล รองเท้ากีฬา ไม้เทนนิส หรืออะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับเรื่องกีฬา แสดงว่าเป็นคนที่ค่อนข้างรักตัวเอง ไม่หวั่นไหวง่าย มีเป้าหมายชีวิต จริงใจ แต่ไม่ค่อยเปิดเผยความในใจให้ใครๆ รู้

หมวก - สัญลักษณ์ของความโดดเด่น และความระแวดระวัง
คนที่ชอบให้หมวกเป็นของขวัญแก่ผู้อื่น เป็นคนที่อาจจะดูเรียบๆ ง่ายๆ แสนมั่นใจในตนเอง แต่ที่แท้เป็นตนขี้อายไม่ค่อยเชื่อมั่นในตนเองนัก ค่อนข้างรักอิสระ ดื้อเงียบ และไม่ชอบทำอะไรเหมือนใคร

ปากกา - สัญลักษณ์ของความสำเร็จ
คนที่ชอบมอบปากกาเป็นของขวัญแก่ผู้อื่น เป็นคนที่ค่อนข้างจะรักษาภาพลักษณ์ของตนเองสุดฤทธิ์ เป็นคนช่างคิดช่างสังเกตและช่างเลือก ยากที่จะมองข้ามในรายละเอียดต่างๆ เป็นคนทะเยอทะยาน หยิ่งทะนง หลงตนเองเล็กน้อย แต่ซื่อตรงมาก

กรอบรูป - สัญลักษณ์ของความคิดและความทรงจำ
คนที่ชอบมอบของขวัญแก่ผู้อื่นเป็นกรอบรูป แสดงว่าเป็นคนที่ชอบจดจำเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านไป ค่อนข้างจะมีไอเดียแปลกๆ ใหม่ ชอบงานศิลปะ ชอบตกแต่ง แม้จะดื้อดึงบ้าง แต่ก็รู้จักแคร์คนอื่น เป็นคนอ่อนไหวแต่ไม่อ่อนแอ




โดย: นางเดินทัก IP: 117.47.210.10 วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:56:12 น.  

 
อิ อิ
ย่าอำฯทำตัวเป็นวัยสะรุ่น
ไป chat อยู่ที่...
www.chat.dhammakid.com ง่ะ
หลงอยู่เกือบชั่วโมงละมั๊ง...
ขันธ์-ตัวสัญญากับสังขารกำลังหมุน หมุน หมุน
กลัวตัวเองจังเลย
กลัวขันธ์ของตัวเองจะอาละวาดจ้า.


โดย: อำไพพร IP: 125.26.31.3 วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:59:22 น.  

 
คุณนางฯจ๋า...
ทั้งหมดย่าอำฯไม่ชอบให้เลยนะ
วันนี้เอาเครื่องเล่นวิทยุเทปซีดีไปให้แม่ชี
พร้อมตลับเทปธรรมะด้วย
แม่ชีท่านปฏิบัติ
เลยเอาคำสอนของท่าน ก .เขาสวนหลวงไปมอบให้ท่านค่ะ
อย่างนี้หมายความว่าอย่างไรคะ ?

อ้อ...ขอบุญนี้สำเร็จแก่ทุก ๆ ท่านด้วยนะคะ.


โดย: อำไพพร IP: 125.26.31.3 วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:04:17 น.  

 
คห # 19


+++++++++++++++

อรุณสวัสดิ์ทุกท่านค่ะ


โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:22:54 น.  

 




MERCY
Duffy

Yeah, yeah, yeah

I love you
But I gotta stay true
My moral’s got me on my knees
I’m begging please
Stop playing games

I don’t know what this is
But you got me good
Just like you knew you would
I don’t know what you do
But you do it well
I’m under your spell

You got me begging you for mercy
Why won’t you release me
You got me begging you for mercy
Why won’t you release me
I said you better release me

Now you think that I
Will be some thing on the side
But you got to understand
That I need a man
Who can take my hand, yes I do

I don’t know what this is
But you got me good
Just like you knew you would
I don’t know what you do
But you do it well
I’m under your spell

You got me begging you for mercy
Why won’t you release me
You got me begging you for mercy
Why won’t you release me
I said you better release me

I’m begging you for mercy
Just why won’t you release me
I’m begging you for mercy
You got me begging
You got me begging
You got me begging

Mercy
Why won’t you release me
I’m begging you for mercy
Why wont you release me
You got me begging you for mercy
I’m begging you for mercy
I’m begging you for mercy
I’m begging you for mercy
I’m begging you for mercy
Why won’t you release me
Bring it on

Mercy
Begging you for mercy
You got me begging
Down on my knees
I said mercy
Begging you for mercy
You got me begging






ปล.
๐ วีดีโอจะโหลดช้าเร็วตะกุกตะกักหรือไม่ขึ้นกะสมรรถนะของเครื่อง ถ้าอย่างนั้นรอให้โหลดเสร็จแล้ว ค่อย replay ดูจะดีกว่าค่ะ
๑ ยินดีต้อนรับคุณอาร์ตค่ะ
๒ สวัสดีพี่ญิงเย็น พี่ไก่ พี่อร ย่าอำฯ พี่มุ่ง พี่นางฯ น้องเปิ้ล พี่ยายลิง พี่โอ และทุกท่านค่ะ
๓ เมื่อวานไปโยคะ กะว่ายน้ำสิบรอบด้วยค่ะ เบาเลย อิอิ . . .
๔ วิสาขะไปใส่บาตรฟังธรรมพระอาจารย์คึกฤทธิ์ที่วัดนาป่าพงมาค่ะ

วัดนาป่าพง
//www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=25782&sid=99d87de47ff894d4d01c3bb171f0d464


พระอาจารย์จะเน้นการสอนพระพุทธวัจนะในเรื่องต่างๆ รวมทั้งการปฏิบัติด้วยค่ะ

ใครถามเรื่องอะไร ท่านจะนำสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านเคยกล่าวสอนในเรื่องนั้นๆ มาแสดงให้ฟังค่ะ

เนื่องจากท่านศึกษาพระไตรปิฎกที่เป็นบาลีชั้นแรกๆ ที่ไม่ใช้ชั้นที่มีการต่อเติมแก้ไขภายหลังโดยสาวกค่ะ

ใครสนใจมาคุยกะอบได้นะคะ


โดย: vj อบค่ะ IP: 58.10.80.104 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:57:18 น.  

 
สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน
เมื่อเช้าวันที่26พค.51นี้
เพิ่งไปบริจาคโลหิตมา350 ซีซี
ที่ห้องโถงอาคาร1 สนง.ใหญ่ บมจ.ทีโอที นับเป็นครั้งที่63ของขันธ์ผมแล้วครับ มีการแจกของที่ระลึกสำหรับผู้บริจาค4ครั้งขึ้นไปครับ มีอาหารว่างและน้ำหวาน แจกด้วยครับ ขอเชิญอนุโมทนาบุญกันครับ
พรุ่งนี้ยังมีอีกวันครับ ใครสนใจเชิญมาร่วมบริจาคโลหิตกับสภากาชาด ณ สถานที่ ทีโอทีแห่งนี้ได้ครับ

พุทโธ โพเธยยัง
มุตโต โมเจยยัง
ติณโณ ตาเรยยัง
เมื่อรู้พ้นทุกข์ข้ามโอฆะ ได้พุทธภูมิแล้ว
จักช่วยให้ผู้อื่นได้ด้วย

//210.246.196.13/ewt/nongkhai/images/cpd_news/บริจาคโลหิต/บริจาคโลหิต(ภาพรวม).gif

สรรพทานัง ธรรมทานัง ชินาติ
ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.205 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:58:16 น.  

 
ซาหวัดดีค่ะ ทุก ๆ ท่าน




โดย: ยายลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:27:51 น.  

 


โดย: ยัยลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:58:07 น.  

 
สวัสดีค่ะ...พลพรรคทุก ๆ ท่าน

ขออนุโมทนากับเจ้าย่าฯ นู๋ไทมส์ นู๋อบ คุณมุ่งฯ และทุก ๆ บุญกุศลของทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

ขอบคุณคุณเย็นที่แวะเวียนมาบ่อย ๆ (เหมือนสติ) ด้วยนะคะ

วันนี้เป็นวันเริ่มต้นของการทำงานที่ไม่บันเทิงใจเอาซะเรยยยย...ก็ได้แต่ "รู้" และก็ "รู้" ไปอย่างเดียว ...

พี่ลิงจ๋า...ซำบายดีแล้วเนอะ ต้องเม้าท์มันแบบเจ้าย่าฯ จิ กระชากวัยซ้า...อิอิ ขำจังอ่ะ

ต่อไปต้องเรียก "คุณย่าฯ กายสิทธิ์" ซะแว้ว วันนี้ไปเม้าท์ เม้นท์อยู่ที่ไหนก็ม่ายรุ๊ ...ได้ยินเสียงนู๋กามั๊ยน้อ?




ว่ากันว่า...
"บางทีความสมบูรณ์แบบของชีวิต ก็ไม่ได้อยู่ที่ความเร็วของการเดินทาง

แต่อยู่ที่เราสนุกกับการเก็บเกี่ยวความสุข ระหว่างการเดินทางต่างหาก..."





โดย: สาวิกา วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:04:13 น.  

 

<<<อ้างอิง คห.ที่ 9 ของคนมีความสุข
หนูอรจ๋า...
ภาษาประกิตใน คห. ๘ น่ะ
แปลว่าอะไร ?
ย่าอำฯไป copy ภาพมา
แต่ไม่รู้คำแปลจ้ะ
อยากรู้มาก ๆ เลย
ใช่"ฮักให้คุณ"ไหมน้า >>>

อิ อิ อิ อิ
ย่าอำฯ เจ้าขา
กิบ เก๋ มากเลย คำแปลของย่าอำฯ
เพราะ
" ฮัก (กอด) เพราะ ฮัก (รัก) ไงล่ะ"
ถ้า ไม่ ฮัก (รัก) ก็ไม่อยาก ฮัก (กอด)

มารายงานตัวค่ะ
ขันธ์ 5 ของ สว. ไม่ค่อยดีค่ะ
เป็นหวัดเจ็บคอ อีก แล่ะ
เช้าวันนี้ ต้องเป็นวิทยากรบรรยาย 1 ชั่วโมง สงสารคนฟังจัง เพราะวิทยากรเสียงเป็น
"เป็ด"เลยล่ะ
ต้องมาต่อประชุมบ่าย
ยิ่งแย่เพราะเสียงเป็น "เป็ดง่อย" เลยคราวนี้

สว.พยายามใช้สมุนไพรบำบัด
อัด "ฟ้าทะลายโจร" และ "หล่อฮั๊งก้วย" เพราะเบื่อไม่อยากกินยาฆ่าเชื้อ
เมื่อวาน เสาร์-อาทิตย์ สว.เลยอยู่แต่บ้าน ไม่ได้แว่บไปไหนเลย
สู้ สู้ สู้ เฮ.... สว. เชียร์ตัวเอง

ขออนุโมทนาในบุญกุศล
ของ สมาชิกฯ ทุกๆ ท่าน ค่ะ



โดย: โอรัช IP: 203.157.48.252 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:57:20 น.  

 

อยากจะร้องไห้ - ใหม่ เจริญปุระ

ลืมหมดใจเลยหรือ เธอลืมจริงๆเลยหรือไร
ว่าใครที่เคยชิดใกล้ที่เคยรักใคร่และเข้าใจเสมอ
ลืมมือบางมือลืมว่าเธอเคยจูงไป ลืมใจบางใจที่รักเธอ
ลืมคนบางคนลืมว่าใครยังคอยเจอ
เธอลืมกันลงได้อย่างไร
ร้อง อยากจะร้องไห้ ร้องจนไม่เหลือน้ำตา
ร้องให้มันรู้ว่าความจริงใจไม่มีค่าให้เธอจำ

เพลงจ้า..เพลง


โดย: ยายลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:16:38 น.  

 
วันนี้หลังจากไปงานบุญเจริญพระพุทธมนต์โดยพระวิปัสนาจารย์ที่ประชุมกันเกี่ยวกับกรรมฐานจำนวนมาก ณ วัดกระโจมทอง ที่พระอาจารย์สุทัศน์ โกสโล เป็นเจ้าอาวาส(มีข่าวว่าท่านไม่ยอมให้นายแพทย์ทำการฆ่าพยาธิที่อาศัยในสมองท่าน เพื่อรักษาศีล โดยท่านอาศัยอยู่ด้วย พระกรรมฐานแทน) โดยขอเมตตานำพระเครื่องพระพุทธศิลานาคปรกพุทธภูมิประมาณ2หมื่นกว่าองค์ และรูปภาพเข้าร่วมงานด้วย (ผมมีโครงการสร้างพระประธานสี่ศอกชำระหนี้สงฆ์ ถวายพระพุทธศาสนาที่วัดนี้อยู่ครับ) แล้วจะไปงานสาธยายพระไตรปิฎก24ชม.ต่อที่วัดใหม่ยายแป้นครับ ใครอยู่ใกล้จะไปก็ดีนะครับ มีคนน้อยมากเพราะหาทางเข้าวัดยาก

ใครจะร่วมบุญ ขอเชิญอนุโมทนาโดยทั่วกันครับ


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.205 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:51:28 น.  

 


ดอกไม้ ดอกไม้จะบาน บริสุทธิ์กล้าหาญ จะบานในใจ สีขาว หนุ่มสาวจะใฝ่ แน่วแน่แก้ไข จุดไฟศรัทธา

เรียนรู้ ต่อสู้มายา ก้าวไปข้างหน้า เข้าหามวลชน ชีวิต อุทิศยอมตน ฝ่าความสับสน พื่อผลประชา

**...ดอกไม้ บานให้คุณค่า จงบานช้าๆ แต่ว่ายั่งยืน ที่นี่ และที่อื่นๆ ดอกไม้สดชื่น ยื่นให้มวลชน

....ดนตรี..........

ดอกไม้ ดอกไม้จะบาน บริสุทธิ์กล้าหาญ จะบานในใจ สีขาว หนุ่มสาวจะใฝ่ แน่วแน่แก้ไข จุดไฟศรัทธา

เรียนรู้ ต่อสู้มายา ก้าวไปข้างหน้า เข้าหามวลชน ชีวิต อุทิศยอมตน ฝ่าความสับสน พื่อผลประชา

**...ดอกไม้ บานให้คุณค่า จงบานช้าๆ แต่ว่ายั่งยืน ที่นี่ และที่อื่นๆ ดอกไม้สดชื่น ยื่นให้มวลชน



โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.205 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:59:38 น.  

 
ร้องไห้เพราะใคร...



เชื่อว่า ทุกคนต้องร้องไห้ให้กับเรื่อง เพื่อน และ แฟน มากันนับครั้งไม่ถ้วนแล้วใช่มั้ยคะ

ไม่ผิดหรอกนะคะ ที่คุณจะระบายความทุกข์ออกมาทางสายน้ำตา
แต่ถ้าบ่อยครั้งนักมันจะทำให้จิตใจของคุณทรุดโทรมลง

อย่าให้การร้องไห้เป็นหนทางเดียวที่คุณจะกำจัดความทุกข์เลยนะคะ

คำว่า "ร้องไห้" บางทีฟังเป็นเรื่องหนักเหลือเกิน ร้องไห้ไปกับความรู้สึกว่า เหนื่อย เจ็บ ทุกข์ ไม่ไหวแล้วจริงๆ.. แต่ถ้าจะให้กล้ำกลืนฝืนไว้ในลำคอ มันคงเป็นอะไรที่ลำบากมาก..

ทุกครั้งที่ร้องไห้ ถามตัวเองว่านี่ที่เรากำลังร้องไห้อยู่เพราะอะไร ในใจก็คิดหาเหตุไปต่างๆนาๆ ...ทีแรกก็คิดโทษคนนู้นโทษคนนี้
แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยการโทษตัวเอง

ถ้าใจเราไม่คิดแบบนั้น เราก็คงไม่ทำให้ตัวเองเศร้าเสียใจได้ถึงเพียงนี้

การที่ทุ่มเททำอะไรให้ใครสักคนหนึ่ง แล้วไปหวังว่าจะได้สิ่งดีๆมอบกลับมาบางทีคุณอาจจะเชื่อมากเกินไปว่า

"หากจะได้ความรัก ต้องมอบความรักก่อน" ไม่จริงเสมอไปหรอกค่ะ

เพราะฉะนั้นการที่ทุ่มเทเพื่อใครสักคน จงอย่าได้ทุ่มเทถึงขั้นพลีกายถวายชีพให้เขาได้ อย่าไปคิดว่าการที่ทำอย่างนั้นเขาจะทำแบบนั้นให้เราบ้าง

เราควรจะเผื่อใจไว้สักหน่อย
เผื่อว่าถ้าเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เราทำให้เขา เขาก็คงไม่มีความรู้สึกดีๆ ตอบกลับมาหาเราหรอกค่ะ

อย่าให้คนอื่นมีอิทธิพลต่อจิตใจอันบอบบางของคุณมากเกินไป
ซึ่งผลเสียมันเกิดกับคุณ ไม่ใช่เขา

รักตัวเองให้มากกว่ารักคนอื่น
เพราะหากเราไม่รู้จักรักตัวเอง เราจะให้ใครมารักละคะ..

ก็เข้าใจว่า บางทีคุณอาจจะรู้สึกว่าแคร์คนอื่นมาก แคร์ความรู้สึก เป็นห่วงเป็นไย ... แต่บางทีเขามองไม่เห็นและไม่เข้าใจคุณนะคะ

เผื่อใจไว้หน่อยเถอะค่ะ อย่าไปทุ่มเทให้มาก คนที่เจ็บคือคุณคนเดียว อย่าทำให้ตัวเองต้องร้องไห้เพราะตัวคุณเองอีกเลยนะคะ

..........................................

ขอขอบคุณ 27102522








โดย: สาวิโก๊ะ IP: 124.120.106.235 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:04:35 น.  

 
ย่าอำฯยังยู้
แจ้งข่าวนะคะ
พรุ่งนี้วันอัฏฐมีบูชาค่ะ

ขอบคุณหนูอรค่า...
ฮัก ภาษาประกิตแปลว่ากอด
ฮัก ภาษาไทยภาคตะวันออกแปลว่ารัก
ประหลาดนะ...ที่ความหมายใกล้เคียงกันได้

อนุโมทนาบุญทุกท่านนะคะ


โดย: อำไพพร IP: 125.27.188.228 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:19:05 น.  

 

สวัสดีครับสมาชิกทุกๆท่าน



20 วิธีสบายมีความสุขในออฟฟิศ

แต่ละวันในออฟฟิศก็ยุ่งพออยู่แล้ว อย่าทำให้ชีวิตเรายุ่งยากไปด้วยอีกเลย นี่คือวิธีดูแลตัวเองง่ายๆ ที่ทำให้เป็นคนลัลล้าได้ ตั้งแต่ จันทร์ถึงศุกร์ ไม่เจ็บไม่ไข้ และใจเป็นสุข

1. เช็ดโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานอาทิตย์ละ 1 ครั้ง อาการสิวขึ้นเป็นแถบที่ข้างแก้ม นั้นคือสิวที่เกิดจากโทรศัพท์ที่เราพูดลงไปทุกวัน ทั้งฝุ่น ทั้งน้ำลาย แต่ไม่ต้องห่วง สำลีชุบแอลกอฮอล์ช่วยคุณได้

2. ช้อนส้อม 1 ถ้วยกาแฟ 1 ฟองน้ำล้างจาน 1 ต้องมี! ไม่ใช่ว่ารังเกียจ ไม่ได้ทำตัวเป็นคุณหนู แต่มีไว้ใช้เป็นของส่วนตัวสบายใจ สบายตัวที่สุด เพราะคุณจะรู้หรือว่าใครไม่สบายเป็นอะไรกันบ้าง แล้วคุณรู้มั้ยว่าฟองน้ำล้างจาน ตรงมุมกาแฟนั้น แม่บ้านเปลี่ยนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

3. อย่าเด็ดขาด! อย่าใส่ชุดสีดำทึม เทาในวันที่ซึมเศร้า เบื่อหน่าย ไปทำงาน เพราะจะทำให้คุณรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม

4. ดื่มน้ำให้ได้วันละ 8-10 แก้ว เชื่อหรือไม่ ? ว่าอากาศในออฟฟิศที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำนั้น แห้งได้พอๆ กับทุ่งนากลางแจ้งผิวคุณก็จะขาดความชุ่มชื้นไปได้อย่างไม่รู้ตัว

5. ยิ้มทุกครั้งเวลาที่รับโทรศัพท์ จะช่วยให้เสียงสวยจนปลายสายอยากเห็นหน้า

6. ตั้งกระจกไว้ที่โต๊ะทำงาน ช่วยแก้ฮวงจุ้ยได้บ้าง แต่งานหลักเอาไว้ให้เราได้ฝึกยิ้มอยู่เสมอ ยิ้มบ่อยๆ จะเครียดน้อยลง ใจจะสบายขึ้น

7. โหลดวอลล์เปเปอร์เป็นรูปขำๆ หรือวิวสวยๆ ไว้ที่หน้าจอ ช่วยพักสายตาได้ดี

8. วางแฮนด์ครีมกลิ่นหอมๆ ถูกใจที่สุด ไว้ไกล้ๆ มือ ทาบ่อยๆ กลิ่นหอมจะช่วยผ่อนคลายได้ แถมมือยังนุ่มตามมา

9. เลือกเพลงแจ๊สเบาๆ หรือเป็นเพลงแบบมิวสิค บ็อกซ์ ใสๆ ฟังได้สบายๆ หรือจะเป็นเพลงคลาสสิกก็ดี คลื่นสมองเราจะทำงานได้สงบดีขึ้น แล้วจะเลือกแผ่นไหนดี ให้เลือกเพลงที่ฟังได้เพลินๆ ทำงานไปได้เรื่อย โดยที่ไม่รู้สึกว่าเสียสมาธินั่นละ

10. One free Day แค่อาทิตย์ละวัน... วันไหนที่ไม่ต้องมีนัดกับใครไม่ต้องไปประชุมกับลูกค้า ยกเว้นนั้นให้ตัวเองได้ แต่งตัวสบายๆ หยุดพยายามสวยกันสักหนึ่งวัน

11. ขยับตัว ยืดหลัง 2 ครั้ง ต่อวัน... เป็นอย่างน้อย

12. วางคริสตัลหรือแท่งแก้ว หินสีไว้ที่โต๊ะทำงาน ศาสตร์ทางฮวงจุ้ยบอกว่าจะช่วยดูดพลังร้ายๆไป ศาสตร์เรื่องหินบอกว่า จะช่วยดูดซับพลังความร้อนจากคอมพิวเตอร์ได้

13. มีรองเท้าแตะไว้ที่ใต้โต๊ะ ไว้เปลี่ยนตอนเมื่อยๆจากรองเท้าส้นสูง

14. ซ่อนเก้าอี้ซักผ้าตัวเล็กๆ ไว้ใต้โต๊ะ ไว้พักขา ยืดขาตอนเมื่อยๆ

15. เคลียร์โต๊ะทุกอาทิตย์ เคลียร์เอกสาร ทุก 2 อาทิตย์ เรามักจะใช้เวลา 1 ใน 3 ของวัน ในการหาของหรือเอกสารที่ต้องการใช้ ถ้าเรามีโต๊ะที่ยุ่งเหยิง หาอะไรไม่เคยเจอ ยิ่งหายิ่งเครียด หงุดหงิด ทำงานไม่ได้ดี เมื่อหมอดูเห็น ก็จะทำนายว่าชีวิตการงานจะยุ่งเหยิง...(แม่นแน่ๆ)

16. ปัดฝุ่นบนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ก็ผลิตฝุ่นได้และมากอย่างที่เรานึกไม่ถึงด้วย วันละนิด วันละนิด

17. ลบเมล์ Delete ไฟล์ที่ไม่ใช้ใน Inbox ออกจากคอมพิวเตอร์บ้าง การทำงานจะง่ายขึ้น หาอะไรก็เจอ ความเครียดก็จะลดลง คล่องตัวขึ้น คอมพิวเตอร์ ก็เร็วขึ้นด้วย

18. Emergency Kit เพื่อความไม่ประมาท ควรมี 4 สิ่งนี้ติดลิ้นชักไว้เสมอ

* ผ้าอนามัย แค่สักชิ้นก็พอ เผื่อฉุกเฉิน

* แปรงสีฟัน+ยาสีฟัน+ควรใช้หลังอาหารเที่ยง หรือก่อนไปพบลูกค้า

* โรลออน หรือสเปรย์ระงับกลิ่นกายแบบแห้งเร็ว สำหรับวันไหนที่ร้อน และเหงื่อออกมากกว่าปกติ

* สเปรย์ระงับกลิ่นเท้า ปกติอาจจะไม่มี แต่ถ้าวันนั้นเดินมาก และเจอรองเท้าคู่อับ ก็มีสิทธิ์ได้ออกมาใช้เหมือนกัน

19. ใช้อุปกรณ์แฮนด์ฟรีหรือเฮดเซ็ท สำหรับคนที่ต้องคุยโทรศัพท์ทั้งวัน เพราะถ้าคุณเอียงคอ หนีบโทรศัพท์เรื่อยๆ มีโอกาสที่หมอนรองกระดูกอาจจะเสื่อม

20. รักงาน รักเพื่อน ร่วมงาน ทัศนคติที่ดีกับการทำงานจะช่วยให้คุณทำงานได้ดีขึ้น เหนื่อยน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ปัญหาทุกอย่างจะมีทางออกอยู่เสมอ เมื่อรู้สึกดีๆ กับงานที่ทำ กับคนที่ทำงานด้วยกัน ชีวิตก็จะเป็นสุข


ขอบคุณที่มา : นิตยสาร CLEO ฉบับเดือนพฤษภาคม 2007 No. 124




โดย: นางเดินทัก IP: 117.47.107.143 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:31:54 น.  

 
พรุ่งนี้วันอัฏฐมีบูชาค่ะ..

แปลว่า วันเงินเดือนออก..อ๊ะป่าวจ๊ะคุณย่าอำฯ

ซาหวัดดีค่ะ ทุก ๆ ท่าน..

..วันนี้ วันเงินเดือนออกค่ะ..
..ออก..(จากกระเป๋า) อยู่เรื่อยเลยยย ออกทุ๊กกวัน แต่เข้าเดือนละครั้งสองครั้งสามสี่ครั้งเองค่า


โดย: ยายลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:05:30 น.  

 
วันนี้ วันอัฏฐมีบูชา
เป็นวันพระด้วย

สว.ได้ปิดวาจา จริงๆ
เพราะว่า พูดไม่มีเสียง
แบบว่า แหบสนิท ค่ะ

เดิมตั้งใจว่าค่ำนี้ไปฟังธรรม
ที่อัมรินทร์พล่าซ่า คงไม่ไปแล้ว



โดย: โอรัช IP: 203.157.48.252 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:25:54 น.  

 

ยายลิงต้องกราบขอขมาด้วยค่ะ

ยายลิงไม่รู้จัก วันอัฎฐมีบูชาค่ะ
คือวันอะไรคะ?

ขอให้พี่อรหายไวๆนะคะ


โดย: ยายลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:03:07 น.  

 
วันอัฎฐมีบูชา

พูดภาษาชาวบ้านว่า
วันเผาศพพระพุทธเจ้าค่ะ


โดย: โอรัช IP: 203.157.48.252 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:11:50 น.  

 




WAY BACK INTO LOVE

Hugh Grant & Drew Barrymore



I've been living with a shadow overhead
I've been sleeping with a cloud above my bed
I've been lonely for so long
Trapped in the past
I just can't seem to move on

I've been hiding all my hopes and dreams away
Just in case I ever need them again someday
I've been setting aside time
To clear a little space in the corners of my mind

All I want to do is find a way back into love
I can't make it through without a way back into love
Oh oh oh

I've been watching but the stars refuse to shine
I've been searching but I just don't see the signs
I know that it's out there
There's got to be something for my soul somewhere

I've been looking for someone to shed some light
Not somebody just to get me through the night
I could use some direction
And I'm open to your suggestions

All I want to do is find a way back into love
I can't make it through without a way back into love
And if I open my heart again
I guess I'm hoping you'll be there for me in the end

Oh oh oh

There are moments when I don't know if it's real
Or if anybody feels the way I feel
I need inspiration
Not just another negotiation

All I want to do is find a way back into love
I can't make it through without a way back into love
And if I open my heart to you
I'm hoping you'll show me what to do
And If you'll help me to start again
You know that I'll be there for you in the end

Oh oh oh








ปล. เพลงที่ลงส่วนใหญ่เป็นเพราะดีเจเปิดให้ฟังตอนเช้า หรือมีเหตุปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งให้นึกถึง แต่มักไม่ได้มีความหมายต่อผู้ลงหรือใครใดๆเป็นพิเศษค่ะ


โดย: vj อบค่ะ IP: 58.10.80.187 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:14:12 น.  

 
วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ


ความหมาย
เนื่องด้วยอัฏฐมีคือวันแรม ๘ ค่ำ แห่งเดือนวิสาขะ (เดือน ๖) เป็นวันที่ถือกันว่าตรงกับวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ เมื่อถึงวันนี้แล้ว พุทธศาสนิกชนบางส่วน ผู้มีความเคารพกล้าในพระพุทธองค์ มักนิยมประกอบพิธีบูชา ณ ปูชนียสถานนั้น ๆ วันนี้จึงเรียกว่า "วันอัฏฐมีบูชา"



โดย: มุ่งเต็มใจ . IP: 203.113.0.205 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:36:39 น.  

 
วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ
"วันอัฏฐมีบูชา"

ประวัติความเป็นมา

เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว ๘ วัน มัลลกษัตริย์แห่งนครกุสินารา พร้อมด้วยประชาชน และพระสงฆ์อันมีพระมหากัสสปเถระเป็นประธาน ได้พร้อมกันกระทำการถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ณ มกุฏพันธนเจดีแห่งกรุงกุสินารา วันนั้นเป็นวันหนึ่งที่ชาวพุทธต้องมีความสังเวชสลดใจ และวิปโยคโศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะการสูญเสียแห่งพระพุทธสรีระ เมื่อวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๘ ซึ่งนิยมเรียกกันว่าวันอัฏฐมีนั้นเวียนมาบรรจบแต่ละปี พุทธศาสนิกชนบางส่วน โดยเฉพาะพระสงฆ์และอุบาสกอุบาสิกาแห่งวัดนั้น ๆ ได้พร้อมกันประกอบพิธีบูชาขึ้น เป็นการเฉพาะภายในวัด เช่นที่ปฏิบัติกันอยู่ในวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ เป็นต้น แต่จะปฏิบัติกันมาแต่เมื่อใด ไม่พบหลักฐาน ปัจจุบันนี้ก็ยังถือปฏิบัติกันอยู่

ความสำคัญ
โดยที่วันอัฏฐมีคือวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ เป็นวันที่มีเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนา ถือเป็นวันที่ตรงกับวันที่ตรงกับวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระเป็นวันที่ชาวพุทธต้องวิปโยค และสูญเสียพระบรมสรีระแห่งองค์พระบรมศาสดา ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงยิ่ง และเป็นวันควรแสดงธรรมสังเวชและระลึกถึงพระพุทธคุณให้สำเร็จเป็นพุทธานุสสติภาวนามัยกุศล

พิธีอัฏฐมีบูชา
การประกอบพิธีอัฏฐมีบูชานั้น นิยมทำกันในตอนค่ำและปฏิบัติอย่างเดียวกันกับประกอบพิธีวิสาขบูชา ต่างแต่คำบูชาเท่านั้น


//www.dhammathai.org/day/atthamibucha.php



โดย: มุ่งเต็มใจ . IP: 203.113.0.205 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:40:13 น.  

 

..ยายลิง ก็เคยเขียนเพลงต่างๆที่นู๋อบเขียนจ้ะ
..แบบว่า บางทีเห็นเพราะดี หรือ อิน..กะเนื้อเพลง
หรือ เข้ากับบรรยากาศอะค่ะ

แต่ๆๆ เพลงก็เป็น ต้นเหตุๆหนึ่งที่ทำให้ต้องมามีคู่..ใช้กรรมอะนะ
คือ เราก็เขียนๆไป แต่คนบางคนก็ทึกทักว่า เขียนให้เค้าน่ะค่ะ
บางที พี่ o ก้อเขียนเนื้อเพลง..ยายลิงก็ทึกทักว่าเขียนให้ยายลิงก็มีนะ
แบบว่า เราซื่อบื้อไง และบางทีคนเราก็มักจะเข้าข้างตัวเอง

..กว่าจะรู้ ก็..หน้าแตกหมอไม่รับแย้ววว

ก็คิดถึง พี่โอนะคะ เป็นห่วง.. หายไปไหน
ยังอยู่ดีไหม
ทุกวันนี้ ยายลิงก็อดเป็นห่วงคนรอบข้างไม่ได้
บางที ก็ ตาย..เอาดื้อๆ
เพิ่งโทรบอกกะคุณแม่ว่า ยายลิงซ่อนเงินไว้ที่ไหน
กลัวหาก..ตายไป จะห่วงสมบัติอันน้อยนิดดด
จะนอนตายตาไม่หลับ..
กลัวคนไม่รู้ จะทิ้งไปหรือเอาไปบริจาคอย่างที่วัดสวนแก้วค่ะ

แม่ก็บอกยายลิงเหมียนกาน..
แล้วเราสองคนแม่ลูก ก็อดขำๆไม่ได้ค่ะ
คือว่า รู้กันอยู่สองคน อิอิ
เพราะ นึกถึงตาลิง แล้วก็ญาติอีกคน ที่จู่ๆก็ไปซะดื้อๆไม่ร่ำไม่ลา..

สาธุค่ะ พี่อร..คุณย่าอำฯ
อนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านค่ะ


โดย: ยายลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:51:20 น.  

 
คุณ ยายลิงสอนใจ กระทู้ที่โดนใจน่ารัก
คุณสาวิกา ชอบโยนโบว์ ห้ามเห็นอ้องเป็นสแปร์นะ

อนุโมทนานะครับรูปภาพของง
หลวงพ่อประสิทธิ์

คุณรักพงศ์ทำกระทู้ของหลวงพ่อมา
อ่านแล้วชื่นใจดีครับ

พี่สาวิกาครับ รูปดอกไม้มีผีเสื้อมันมีสีดำ
ทึบนะครับ เวลาอ้องพิมพ์มันจะ
มองไม่เห็นเยย

ขอสว่างๆนะครับเที่ยวหน้ามาเยือนต่อ
วันนี้ขอทักทายนะครับ


โดย: อ้องเขาค้อ IP: 118.175.198.119 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:03:38 น.  

 




โดย: มุ่งเต็มใจ .. IP: 203.113.0.205 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:14:10 น.  

 

มาทักทาย น้องอ้องค่ะ
ตามอ่านอยู่บ่อยๆ แต่ไม่เคยทักทายเลยนะคะ

เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ขับรถไปเขาค้อทุกวันศุกร์เลยมั๊งคะ
เลิกงานก็ขับไป..วัดป่าไชยชุมพลหรือ วัดเสลียงแห้งนะค่ะ
ก่อนนี้ ไป-กลับ ค่าน้ำมันเพียงพันกว่าบาทมั๊งคะ
เด๋วนี้ เที่ยวเดียวจะไหวไหมเนี่ย

ชอบเขาค้อมากกกๆๆๆค่ะ
เฮ้อ คิดถึง..


โดย: ยายลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:17:44 น.  

 
พวงมาลัยดอกไม้คห.42 ถวายวัน
อัฏฐมีบูชา ครับ


สรรพทานัง ธรรมทานัง ชินาติ
ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง

พุทโธ โพเธยยัง
มุตโต โมเจยยัง
ติณโณ ตาเรยยัง
เมื่อรู้พ้นทุกข์ข้ามโอฆะ ได้พุทธภูมิแล้ว
จักช่วยให้ผู้อื่นได้ด้วย


โดย: มุ่งเต็มใจ.. IP: 203.113.0.205 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:22:15 น.  

 
สวัสดีค่ะ...พี่ลิง พี่อร นู๋อบ คุณมุ่งฯ และคุณอ้อง ณ เขาค้อ

มาทักทายกันในยามบ่ายสำหรับวันนี้ ...ขอบคุณคุณอ้องที่แวะมาทักทายกันนะคะ ตามไปอ่านข้อความคุณอ้องอยู่บ่อย ๆ ค่ะ ...

ขอให้พี่อร กลับมาเสียงใสโดยเร็วไวค่ะ ช่วงนี้นู๋กาสุขภาพดี กินอิ่ม นอนหลับ ขับถ่ายคล่องเช่นเคย ...

นน.เริ่มกระดิกขึ้นบ้างเล็กน้อย ที่ทำงานขำกันจะตาย นน.ขึ้นขีดนึง ดีใจซ้า

พี่ลิงจ๋า ...ป๋าคงยังอยู่ดี มีความสุขอยู่เช่นเคยเป็น เพียงแต่ไม่อยากสนทนาไรกับใครละมัง... ว่าจะไปถามปีเตอร์ แต่ก็ไม่รู้ปีเตอร์อยู่หมู่บ้านไหน ...ถ้าใครรู้วานถามให้ทีละกันเนอะ




โดย: สาวิกา วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:49:23 น.  

 




BYE BYE
Mariah Carey


This is for my peoples who just lost somebody
Your best friend, your baby, your man, or your lady
Put your hand way up high
We will never say bye (no, no, no)
Mamas, daddies, sisters, brothers, friends and cousins
This is for my peoples who lost their grandmothers
Lift your head to the sky 'cause we will never say bye

As a child there were them times
I didn't get it but you kept me in line
I didn't know why you didn't show up sometimes
It's something more than saying "I miss you"
But when we talked too
All them grown folk things
Separation brings
You never let me know it
You never let it show because
You loved me and obviously
There's so much more left to say
If you were with me today face to face


I never knew I could hurt like this
And everyday life goes on like
"I wish I could talk to you for awhile"
"I wish I could find a way try not to cry"
As time goes by
And soon as you reach a better place
Still I'll give the whole world to see your face
And I'm right here next to you
It feels like you gone too soon
The hardest thing to do is say bye bye

(Bye Bye [3x])
Bye bye

And you never got the chance to see how good I've done
And you never got to see me back at number one
I wish that you were here to celebrate together
I wish that we could spend the holidays together

I remember when you used to tuck me in at night
With the Teddy Bear you gave to me that I held so tight
I thought you were so strong
That you can make it through whatever
It's so hard to accept the fact you're gone forever


(bye bye bye bye bye bye [3x])
Bye bye

This is for my peoples who just lost somebody
Your best friend, your baby, your man, or your lady
Put your hand way up high
We will never say bye (no, no, no)
Mamas, daddies, sisters, brothers, friends and cousins
This is for my peoples who lost their grandfather
Lift your head to the sky 'cause we will never say bye





ปล. แด่คุณยายลิงค่ะ


โดย: vj อบค่ะ IP: 58.10.80.187 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:45:14 น.  

 
เมื่อวานไปงานบุญที่วัดกระโจมทอง พระวิปัสสนาจารย์จากทั่วประเทศ ประมาณ100-200รูปมีกิจกรรม กรรมฐาน เจริญพระพุทธมนต์ ได้นำรูปและพระเครื่องพระพุทธศิลานาคปรกพุทธภูมิไปร่วมในพิธีการด้วย พระอาจารย์สุทัศน์ วัดกระโจมทอง ท่านเมตตาอธิษฐานจิตเพิ่มให้อีกด้วยครับ ถวายพระกริ่งทองเหลือง พระแก้วมรกตโลหะ พระดินเผา พระผงสมเด็จอันเป็นกุศลสิริมงคลต่างๆมากมาย
แขนผมได้เลือดมีแผลนิดหน่อยขณะแหวกดงต้นไม้ไปที่ศาลาการเปรียญฯที่ประชุมสงฆ์ บังเอิญประจวบเหมาะมีพระกริ่งองค์หนึ่งพระกรขาดพอดีเลยว่าจะนำกลับไปจำเริญเป็นพระองค์ใหญ่ต่อไป ครูบาอาจารย์ต่างๆอวยชัยให้พรแก่คณะผู้ถวายเป็นจำนวนมากครับ

พระเครื่องและปลอกกระสุนปืน ส่วนหนึ่งที่เข้าร่วมพิธีจะถูกนำไปแจกจ่ายทหารชั้นผู้น้อยที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยครับ

นำพระไปร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎก24ชั่วโมง ถวายไว้ร่วมแจกจ่ายแก่ผ้มาร่วมงานด้วย วันนี้ตอน6โมงเย็นถึงทุ่มมีเวียนเทียนก็สิ้นสุดงานแล้ว จะมีจัดขึ้นใหม่ ณ ที่วัดใหม่ยายแป้น 4แยกบางขุนนท์ อีกทีช่วงอาสาฬหบูชากค.2551 ที่เดิมนี้
ใครมีโอกาสคอยติดตามข่าวกับทางวัดนะครับ

เมื่อเช้าพระอาจารย์ไมและสงฆ์ก็ให้พร ตอนไปร่วมงานบุญสงฆ์ ที่มูลนิธิลป.มั่น ได้ถวายพระแก้วมรกตโลหะ แก่คณะสงฆ์ ทั้งที่อาพาธ และไม่อาพาธด้วยครับ

ขอเชิญอนุโมทนากันนะครับ

พุทโธ โพเธยยัง
มุตโต โมเจยยัง
ติณโณ ตาเรยยัง

เมื่อรู้พ้นทุกข์ข้ามโอฆะ ได้พุทธภูมิแล้ว
จักช่วยให้ผู้อื่นได้ด้วย


โดย: มุ่งเต็มใจ . IP: 203.113.0.205 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:08:40 น.  

 

ผู้ใหญ่ซื้อผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ
ใฝ่ใจเอาใส่ห่อ มิหลงใหลใครขอดู
จะใคร่ลงเรือใบ ดูน้ำใสและปลาปู
สิ่งใดอยู่ในตู้ มิใช่อยู่ใต้ตั่งเตียง
บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง
เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดี


โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.187 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:30:36 น.  

 
ไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง

การสอนให้ท่องจำอักษรสูง-กลาง-ต่ำของไทยเรา ทำไมช่าง...มานานนม เช่น อักษรกลาง สอนให้ท่องจำกันแต่เพียงว่า...ไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง


ซึ่งไร้ความหมาย ว่าไปแล้วก็มีความหมายอยู่ แต่กลายเป็นออกไปทางรุนแรงเสียอีก ไม่ได้ช่วยเสริมสร้างจินตนาการเชิงสร้างสรรค์อะไรให้แก่เด็กๆของเราเลย (ไก่บ้าอะไรจะจิกเด็กตายได้ แถมตายบนปากโอ่งเสียอีก อะไรมันจะคิดกันได้ถึงปานนั้น)


ผมลองคิดดูแบบเร็วๆ ได้วลีเพื่อการจดจำใหม่ดังนี้ครับ

กรรมจะดีต้องไปเอาบุญ

(คนอีสานโบราณ ใช้คำว่า เอาบุญ แทนคำว่า ทำบุญ)



ซึ่งครบทุกตัวอักษร และยังได้คติสอนใจอีกด้วย การสอนธรรมะแก่เด็กๆ ต้องเอาทุกทาง รวมทั้งการสอดแทรกโดยอ้อมแบบนี้ ไม่เสียหลายครับ


ส่วนอักษรต่ำนั้น ของเก่าคือ...งูใหญ่นอนอยู่ริมวัดโมฬีโลกย์ (หรืออะไรทำนองนี้ ตอนผมเด็กๆ ไม่เคยได้ยิน แสดงว่าคงเกิดขึ้นใหม่)


ซึ่งอักษรก็ไม่ครบอีกต่างหาก ผมจึงมาเสริมให้ดีขึ้นแบบนี้ครับ....

....คนไทยเราวันนี้ชอบทำซึ้ง ฮัมเล่นเพลงธรรมะ..แม้พระยังงง


สำหรับอักษรสูง ยังไม่เคยได้ยินวลีจำที่สอนกัน จึงขอเสนอดังนี้ครับ....






...ฉันเฝ้าถนอมสังขารผุๆสุดแสนเหม็นให้หอมเสมอ


โดย ริบหรี่
วันที่ อังคาร กรกฎาคม 2550
//www.oknation.net/blog/print.php?id=71154


โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.187 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:35:01 น.  

 
ฉันตื่นแต่เช้าออกบิณฑบาต
นกออกจากรังเพื่อหาอาหาร
มันต่างกันหรือเหมือนกัน
ถ้าเธอตอบว่าต่างกัน หรือเหมือนกัน ฉันตีเธอ…
วันนี้ได้อาหารพอฉัน

หลวงพ่อโพธินันทะ




โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:08:41 น.  

 


ปีเตอร์..และลูกๆ?





โดย: ลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:44:27 น.  

 

ขอบคุณสำหรับเพลงจ้ะนู๋อบ..
กลับบ้านแล้วน๊า..

another day.. another baht..ค่ะ
ชีวิต..ไม่เห็นมีอะไร อยู่ไปวันๆ
ผ่านไปวันๆ..ค่ะ
เมื่อวันเสาร์ไปดูหนัง Indiana Jones มาค่ะ
สนุกดี เหมือนกับอยู่อีกโลกนึง
วันอาทิตย์ไปหาแม่พ่อ..รู้สึกได้ถึงความดีใจ..ที่ยายลิงไปหา

หลายครั้ง..คิดว่า คิดผิดไหมที่กลับมาอยู่เมืองไทย?
หลายครั้ง..คิดถึงชีวิตที่ผ่านมา..
ก็เปรียบเหมือน สายน้ำที่ไม่มีวันหวนกลับ..

..ในความเงียบสงบ คือ ความคิดคำนึง..

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ทุก ๆ ท่าน


โดย: ย.ลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:56:30 น.  

 















oio





โดย: @ * ! * @ IP: 117.47.232.122 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:30:54 น.  

 


พอพูดถึงปีเตอร์ พ่อรูปหล่อของชุมชนแถว ๆ นั้น ... เจ้านายของปีเตอร์ก็มาแสดงตัวทันทีเชียว

เอ๊ะ...จะใช่มั๊ยนะ?
เจ้าบ้านจอมโก๊ะ ...จะหน้าแตก (ดังเพล้งไหมหว่า) คอนเฟิร์มหน่อยจิ


โดย: โก๊ะ...เจ้าเก่า IP: 124.120.104.89 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:30:48 น.  

 

สวัสดีครับสมาชิกทุกๆท่าน



กล้วย กับ นม ช่วยลดความเครียด

?ภาวะเครียด? เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการฆ่าตัวตายในสังคมปัจจุบัน โดยกรมสุขภาพจิตชี้ว่า ในรอบ40 ปีที่ผ่านมา จำนวนคนฆ่าตัวตายมีอัตราเพิ่มขึ้นถึง 60% ซึ่งเป็นการสวนทางกันอย่างสุดขั้วระหว่างความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความตกต่ำของภาวะจิตใจ
ภาวะเครียดถือเป็นปัญหาของคนเมืองที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นทุกปี เช่น ภาวะซึมเศร้า ภาวะวิตกกังวล ภาวะการณ์ปรับตัวที่ผิดปกติ โดยตั้งแต่ช่วงหลังภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่แตก มีผู้โทรมาขอคำปรึกษาแนะนำทางโทรศัพท์จากหน่วยงานให้บริการคำปรึกษาแนะนำทางโทรศัพท์เป็นจำนวนมาก โดยประเด็นที่ทำให้โทร.มามากที่สุดคือ รู้สึกเครียด...และ ณ ปัจจุบัน โรคเครียดได้กลายเป็นปัญหาสาธารณสุขที่ร้ายแรงที่สุดในขณะนี้

น.พ.พนมทวน ชูแสงทอง จิตแพทย์ และอาจารย์แพทย์ วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์กรุงเทพมหานคร และวชิระพยาบาล ให้ข้อมูลในงานสัมมนาพิเศษ สายสุขภาพไฟเซอร์กับเคล็ดลับฝ่าวิกฤติโรคเครียดว่า ภาวะเครียดเป็นเรื่องของจิตใจที่เกิดจากความตื่นตัว เตรียมเผชิญกับเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งไม่น่าพึงพอใจ หรือคาดไม่ถึง เป็นเรื่องที่เราเองคิดว่าหนักหนาสาหัสเกินกำลังความสามารถที่จะแก้ไขได้ ทำให้เกิดความรู้สึกหนักใจ กังวล ไม่สบายใจ หรือแม้แต่คับข้องใจ และส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติทางร่างกายเกิดขึ้น หากว่าความเครียดนั้นมีมากและคงอยู่เป็นระยะเวลานาน แต่หากเป็นความเครียดที่ไม่มากนัก จะเป็นแรงกระตุ้นที่ดี ช่วยให้คนเราเกิดแรงฮึด มุมานะที่จะเอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่างๆ

ในทางตรงกันข้าม หากเรามีความเครียดมากมาย และไม่รู้จักผ่อนคลาย และหากปล่อยไว้นานเข้า อาจมีปัญหาความผิดปกติทางร่างกายและจิตใจได้ในที่สุด ซึ่งสาเหตุของความเครียดมีสาเหตุ 3 ด้าน ได้แก่ สาเหตุทางด้านจิตใจ เช่น ความกลัวว่าจะไม่ได้ดังหวัง กลัวจะไม่ประสบความสำเร็จ หนักใจกังวลใจในงานที่ได้รับมอบหมาย หรือแม้แต่กลัวกังวลสิ่งที่ยังมาไม่ถึง สาเหตุที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เช่น การเปลี่ยนช่วงวัย แต่งงาน การตั้งครรภ์ การเริ่มเข้าทำงานหรือการเปลี่ยนงาน เปลี่ยนที่เรียน สุดท้ายคือสาเหตุจากการเจ็บป่วยทางร่างกาย เช่น การเจ็บไข้ต่างๆ โรคที่รุนแรง และเรื้อรัง หรือโรคที่คาดว่าถึงแก่ชีวิตในที่สุด

น.พ.พนมทวน ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า อาหารคลายเครียด (Food Therapy) คือหนึ่งในวิธีผ่อนคลายความเครียด โดยสารอาหารที่ช่วยลดระดับความเครียดคือ ทริปโตฟาน (1-2 กรัม ก่อนนอน) พบได้ใน ไข่ ถั่วเหลือง นมวัว เนื้อสัตว์ วิตามินบี 6 (40 มิลลิกรัมต่อวัน) พบในธัญพืชต่างๆ ยีสต์ รำข้าว เครื่องใน เนื้อ ถั่ว ผัก วิตามินบี 3 (1,000 มิลลิกรัมต่อวัน) พบในตับ เครื่องใน เนื้อ เป็ด ไก่ ปลา ถั่ว ยีสต์ สารอาหารอื่นๆ เช่น แคลเซียม กระเทียมและดอกไม้จีน เป็นต้น ทั้งนี้ เมนูอาหารคลายเครียดยอดฮิตคือ ช็อกโกแลตกับน้ำมะตูม จะช่วยลดอาการกระวนกระวายและอาการตึงเครียดได้ ส่วนกล้วยเชื่อมกับนมสด หากรับประทานก่อนนอนเป็นประจำทุกวัน จะช่วยลดอาการตึงเครียดและทำให้นอนหลับสบาย (แต่หากเกรงว่ากล้วยเชื่อมจะทำให้อ้วน สามารถทานกล้วยสดแทนก็ได้เช่นกัน)

นอกจากอาหารคลายเครียดแล้ว การฝึกฝนให้รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองและการรู้จักปล่อยวาง เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คุณมองทะลุเข้าใจถึงเหตุและผลของการเกิดอารมณ์ได้เป็นอย่างดี และช่วยให้สามารถควบคุมความเครียดที่กำลังเกิด ณ ขณะนั้น อันจะส่งผลให้คุณไม่ต้องทุกข์ทรมานกับโรคเครียดอีกต่อไป




โดย: นางเดินทัก IP: 222.123.151.127 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:31:48 น.  

 
>>ภาพในความเห็น 53
>>>



>>>
โดย: @ * ! * @ IP: 117.47.232.122 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:30:54 น.
>>>

จากรหัส..เดาไว้หลาย แต่มะกล้าฟันธงอ่ะนะคะ

แต่จากการสรรหารูปโดยคุณเหม เวชกรที่โพสต์แล้วเนี่ย..
หุหุ ..



++++++++++++++

เจริญในธรรมทุกท่านค่ะ


โดย: times IP: 124.120.199.149 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:45:30 น.  

 




GROOVY KIND OF LOVE

Phil Collins


When I'm feeling blue, all I have to do
Is take a look at you, then I'm not so blue
When youre close to me, I can feel your heart beat
I can hear you breathing in my ear
Wouldn't you agree, baby you and me got a groovy kind of love

Anytime you want to you can turn me on to
Anything you want to, anytime at all
When I kiss your lips, ooh I start to shiver
Can't control the quivering inside
Wouldn't you agree, baby you and me got a groovy kind of love, oh

When I'm feeling blue, all I have to do
Is take a look at you, then I'm not so blue
When I'm in your arms, nothing seems to matter
My whole world could shatter, I don't care
Wouldnt you agree, baby you and me got a groovy kind of love

We got a groovy kind of love
We got a groovy kind of love, oh
We got a groovy kind of love


ปล. สวัสดีพี่โอ . . อย่าหายไปนานนักนะคะ . .


โดย: vj อบค่ะ IP: 58.10.80.54 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:04:42 น.  

 
ซาหวัดดีค่ะ ทุก ๆ ท่าน


โดย: ย.ลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:19:32 น.  

 
ขอบคุณ นานาสาะระ ความรู้ที่ คุณนางฯ
สรรหามาให้ค่ะ อ่านได้ประโยชน์ดี
ช่วยหาวิธี คืนเสียงให้พี่ด้วยได้ป่าว
วันนี้ พี่ยังเป็นใบ้ เหมียลล์เดิม
ไม่มีเสียงเลย
เพื่อนแนะนำให้ ดื่ม น้ำผึ้งผสมมะนาว
ลองดื่มดูยังไม่เวอร์ค
มิรุต้องดื่มเยอะขนาดใหน

vj อบ มาส่งเสียงใส ๆแต่เช้า
น้ำหนักพี่ลดลง 1 กิโล แล้วน๊ะ
กำลังพยายามต่อไป
อยากกลับไปหุ่นสวยอย่างเดิมอ่ะ



โดย: โอรัช IP: 203.157.48.252 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:20:55 น.  

 



โดย: ย.ลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:23:01 น.  

 
สวัสดีทุกท่านค่ะ

รูปผีเสื้อสวยนะคะ คุณยายลิง


โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:28:41 น.  

 

สุขสันต์ ... วันพุธค่ะ


Photobucket>


วันนี้มากันแต่เช้าเลยนะคะ ...พี่ลิงมาพร้อมกับผีเสื้อบินว่อนรอบบ้านอีกต่างหาก แสดงว่าวันนี้อากาศดี อารมณ์เลยพลอยดีไปด้วย

ขอบคุณวีเจเสียงใสที่มาพร้อมเสียงเพลงทุกวัน ๆ นะจ๊ะ

พี่อร...นน.ที่ลดลงของพี่อร มาโผล่ที่พุงของนู๋กาแน่เรยยยย ช่วงนี้เจริญอาหารดี เข็มกิโลเริ่มกระดิกในทางบวกแล้วอ่ะค่ะ ...แต่คงไม่มากไปกว่านี้ อีกสักพักก็จะถึงเวลาแกว่งกลับไปเบื่ออาหาร กินน้อย นน.กระดิกลง เป็นอย่างนี้มานานแล้วค่ะ ช่วงนี้กางเกงที่ใส่หลวม ๆ มาหลายกาล เริ่มตึงแล้ว ชอบ ๆๆๆๆๆ

บ้านนี้อบอวลไปด้วยมิตรภาพที่มีมายาวนาน และยั่งยืน ใครใคร่มาก็มา ...ใครไม่อยากมา ก็ต้องมา เอ๊ย...ไม่มาก็ได้ ตามอัธยาศัยของทุก ๆ ท่าน คิดถึงกันก็มา มีไรดี ๆ มาแบ่งปันกัน ก็นำมาฝากกันนะคะ

ขอบคุณทุก ๆ ท่าน ... สำหรับมิตรภาพดี ๆ ที่มีให้กันโดยสม่ำเสมอนะคะ






Photobucket>


โดย: สาวิกา วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:38:03 น.  

 


หวานน้ำใจเจือแทรกไว้ในน้ำหวาน
โซดาซ่านเพิ่มสุขสนุกสนาน
หวานปนซ่าหยดรดใจทุกคืนวาร
ให้สราญเย็นรื่นชื่นฉ่ำใจ.



โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:49:05 น.  

 

..เอ จำไม่ได้ว่า บ้านที่มีผีเสื้อแปลว่าอาไรคะ?

แหมๆ เช้านี้คิดจะขึ้นบ้านใหม่ที่ ลธ.
..แต่ๆ เกิดเข้าไม่ได้ซะแล้ว
อาจจะเป็นการเตือนยายลิงกระมังคะ
มีเหตุหลายๆครั้งที่ทำให้สะดุดหรือขัดข้อง
มีอยู่วันนึง..โต้กับคนๆนึงแรงมากกกก..
พิมพ์เสียยาว แต่พอโพสกลับขึ้นแค่ไม่กี่บันทัดค่ะ

ยายลิงเบื่อกับความกลัวค่ะ
ที่ทำงาน เมื่อเดือนก่อน..
ยายลิงต้องตัดใจ..ตัดขาดกับพี่คนนึงที่สนิทกันมาก
เพราะความใจดีของเรา ทำให้เค้าเกิด ได้ใจ และ ล้ำเส้นค่ะ
เป็นผู้ช่วยหรือลูกน้อง แต่ชอบมาสั่ง มาสอน..มาก้าวก่าย
ยายลิงเลยต้องใช้สิทธิ์..ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัด
ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ แต่สบายใจขึ้นเยอะ
ต่างคนต่างอยู่ พูดกันเท่าที่จำเป็น

ความกลัวของยายลิงคือ กลัวจะโกรธแล้วเบรคแตกน่ะค่ะ
ความใจดี ใจอ่อน ก็ทำให้ใครหลายๆคนเข้าใจผิดและขึ้นมาอยู่บนกะบาลยายลิง

พี่อร..หายไวๆนะคะ
แหม..อิจฉาคนน้ำหนักลดลงจัง ของยายลิงมีแต่น้ำหนักเพิ่มขึ้น เงินลดลงอะค่ะ
อยากให้เป็นตรงกันข้ามจริงๆเลย


โดย: ย.ลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:50:52 น.  

 









Love me tender,
Love me sweet,
Never let me go.
You have made my life complete,
And I love you so.

Love me tender,
Love me true,
All my dreams fulfilled.
For my darlin I love you,
And I always will.

Love me tender,
Love me long,
Take me to your heart.
For its there that I belong,
And we'll never part.

Love me tender,
Love me dear,
Tell me you are mine.
I'll be yours through all the years,
Till the end of time.


โดย: vj อบค่ะ IP: 58.10.80.54 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:51:44 น.  

 







Wise men say only fools rush in
But I can't help falling in love with you
Shall I stay
Would it be a sin
If I can't help falling in love with you

Like a river flows surely to the sea
Darling so it goes
Some things are meant to be
Take my hand, take my whole life too
For I can't help falling in love with you

Like a river flows surely to the sea
Darling so it goes
Some things are meant to be
Take my hand, take my whole life too

For I can't help falling in love with you
For I can't help falling in love with you


โดย: vj อบค่ะ IP: 58.10.80.54 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:06:26 น.  

 





ETERNAL FLAME
The Bangles

Close your eyes, give me your hand, darling

Do you feel my heart beating, do you understand?

Do you feel the same, am I only dreaming?

Is this burning an eternal flame?



I believe it's meant to be, darling

I watch when you are sleeping, you belong to me

Do you feel the same, am I only dreaming

Or is this burning an eternal flame?



Say my name, sun shines through the rain

A whole life so lonely, and then you come and ease the pain

I don't want to lose this feeling



[break]



Say my name, sun shines through the rain

A whole life so lonely, and then you come and ease the pain

I don't want to lose this feeling



Close your eyes and give me your hand

Do you feel my heart beating, do you understand?

Do you feel the same, am I only dreaming

Or is this burning an eternal flame?



[break]



Is this burning an eternal flame?



An eternal flame?



(Close your eyes and give me your hand

Do you feel my heart beating, do you understand?

Do you feel the same, am I only dreaming

Or is this burning an eternal flame?)


โดย: vj อบค่ะ IP: 58.10.80.54 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:14:00 น.  

 


น่าฉงฉาน.. พี่แมววว


โดย: so^ IP: 58.137.0.83 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:57:48 น.  

 
สวัสดีครับสมาชิกทุกๆท่าน



มีข้อแนะนำคุณอรว่า...ขั้นแรกให้ไปหาเภสัชกรแล้วหาซื้อยา อม๊อกซี่ 500 มก. แก้เจ็บคอ,คออักเสบ...ลองทานดูต่อเนื่องสัก 3 วัน พยายามอย่าให้ขาดมื้อใดมื้อหนึ่ง...เพราะว่าเป็นยาปฏิชีวนะต้องทานต่อเนื่องจนหมด...ถ้าไม่ดีขึ้นหรือไม่หายแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เฉพาะทาง...อย่าปล่อยทิ้งไว้ให้เรื้อรังเพราะว่าในเวลาที่เราใช้เสียงหรืออ้าปาก...จะมีอากาศผ่านเข้าออกตลอดเวลาซึ่งในอากาศอาจจะมีเชื้อโรคปะปนเข้าไป...ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนติดเชื้อและถ้าลุกลามบานปลายอาจจะทำให้เส้นเสียงหรือกล่องเสียงพิการได้...ถ้าอาการไม่มากรักษาต่อเนื่องใช้เวลาประมาณ 5 - 7 วันก็จะหายเป็นปกติ...แต่ถ้าอาการเรื้อรังคงต้องใช้เวลานานหน่อยในบางรายอาจจะใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนก็เคยมี



การรักษาอนามัยของสายเสียง (Vocal Hygiene)

ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา

อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการพูด

การเปล่งเสียงพูดเกิดจากการทำงานร่วมกันของระบบต่างๆ ได้แก่ ระบบหายใจ และระบบทางเดินอาหาร เสียงพูดเกิดจากลมหายใจออก ที่ผ่านออกจากปอดและหลอดลมไปยังสายเสียง (สายเสียงอยู่ที่ระดับลูกกระเดือก ช่วงที่เราพูด กล้ามเนื้อของสายเสียงจะดึงสายเสียงให้เข้ามาชิดกัน) ลมจากปอดนี้จะดันให้สายเสียงเปิด – ปิด แยกออกเป็นจังหวะ มีผลให้สายเสียงเกิดการสั่นพริ้ว ถ้าสายเสียงสั่นพริ้วด้วยความถี่สูง เสียงจะสูง ถ้าสายเสียงสั่นพริ้วด้วยความถี่ต่ำ เสียงจะทุ้ม เสียงที่เกิดจากการสั่นพริ้วของสายเสียงเพียงอย่างเดียวจะมีเสียงเหมือนเสียงปี่คือ มีแต่เสียงสูงต่ำ จนเมื่อมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของอวัยวะที่อยู่เหนือสายเสียงคือ อวัยวะในช่องคอ และช่องปากก็จะทำให้เกิดเป็นเสียงพูด จะเห็นได้ว่าสายเสียงเป็นอวัยวะที่สำคัญในการสร้างเสียง หากเกิดปัญหากับสายเสียง ใช้เสียงผิดวิธีจะทำให้เกิดสายเสียงอักเสบ บวมแดง เกิดตุ่มเนื้อที่สายเสียง สายเสียงก็จะไม่สามารถผลิตเสียงที่มีคุณภาพดีๆได้ ทำให้เกิดเสียงแหบแห้งหรือ เสียงหาย ดังนั้นเพื่อให้มีสายเสียงไว้ใช้ได้นานๆ จึงจำเป็นต้องรักษาสุขอนามัยของสายเสียง


การรักษาอนามัยของสายเสียง

เป็นการปฏิบัติตน เพื่อดูแลสายเสียงและลดอันตรายหรือความเสียหายต่อสายเสียง ซึ่งควรปฏิบัติให้เป็นนิสัย เพื่อให้เรามีเสียงพูดไว้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะถ้าเราต้องใช้เสียงในการประกอบอาชีพ เช่น อาชีพทนาย, ครู, พนักงานรับโทรศัพท์, พนักงานประชาสัมพันธ์, นักแสดง, นักร้อง หรือนักการเมือง


การรักษาอนามัยของสายเสียงนั้นควรปฏิบัติดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการตะโกน กรีดร้อง หรือหัวเราะเสียงดัง

2. หลีกเลี่ยงการพูดติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ ควรมีเวลาสำหรับหยุดพักการใช้เสียงด้วย เช่น ทุกครึ่งถึงหนึ่ง ชั่วโมง

3. ไม่พูดโดยใช้เสียงสูง หรือต่ำเกินไป

4. ไม่พูดแข่งกับเสียงดังอื่นๆ หรือพูดในที่ๆมีเสียงดังรบกวนเช่น เสียงเครื่องจักร เสียงเพลง เสียงรถยนต์ เสียงจ้อกแจ้ก จอแจต่างๆ ถ้าจำเป็นควรเขยิบไปใกล้ๆผู้ฟัง หรือใช้เครื่องขยายเสียงช่วย

5. ไม่ร้องเพลงหรือพูดมาก ขณะป่วย, ร่างกายเหนื่อย อ่อนเพลีย, มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หรือขณะออกกำลังกาย

6. ไม่พูดกระแทกเสียง หรือเน้นคำหรือประโยคใดๆ หลีกเลี่ยงการกระซิบหรือ บ่นพึมพำในลำคอ

7. ไม่เค้นเสียงพูด หรือเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า คอ ไหล่ ขณะพูด

8. ไม่ควรไอ กระแอม ขากเสมหะ หรือจามบ่อย ถ้ามีอาการเหล่านี้บ่อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และรักษา เมื่อใดรู้สึกว่ามีเสมหะ จำเป็นต้องกระแอม ควรกลืน หรือดื่มน้ำ หรือไอ กระแอม หรือขากเสมหะเบาๆ

9. ไม่พูดดัดเสียงหรือเลียนเสียงแปลกๆ ไม่พูดเร็วเกินไป ควรพูดช้าๆ และหยุดพักเป็นช่วงๆ เพื่อหายใจ

10. ไม่พูดขณะหายใจเข้า หรือกลั้นหายใจพูด ควรพูดขณะหายใจออก และผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน และควรหายใจเข้า และออกทางปากขณะพูด

11. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา ชา กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มที่ร้อน หรือเย็นจัดเกินไป

12. หลีกเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้กับบุคคลที่กำลังสูบบุหรี่

13. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัดเช่น เผ็ดจัด ร้อนจัด เย็นจัด เปรี้ยวจัด หวานหรือ มันจนเกินไป เพราะจะทำให้น้ำลายหรือเสมหะเหนียวข้น รู้สึกระคายคอ และทำให้อยากไอ กระแอมมากขึ้น

14. หลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่นละออง ควันพิษ อากาศไม่บริสุทธิ์ หรือสารเคมี ที่ๆมีอากาศแห้งหรือเย็นจนเกินไปเช่น ในห้องปรับอากาศที่เย็นจัด เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อ กล่องเสียงและสายเสียง

15. ควรขยันดื่มน้ำมากๆ และบ่อยๆ ในผู้ใหญ่ควรดื่มวันละ 8 – 10 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวัน การดื่มน้ำอุ่นจะทำให้คอชุ่มชื่น และช่วยละลายเสมหะได้ดีขึ้น หลีกเลี่ยงการรับประทาน ยาแก้แพ้ชนิดง่วง และยาแก้อาการคัดจมูก ซึ่งจะทำให้คอแห้ง

16. ควรเข้าไปใกล้ผู้ฟังในขณะพูด เพื่อจะได้ไม่ต้องพูดเสียงดัง

17. สำหรับผู้ที่มีอาชีพต้องใช้เสียง ควรหาอุปกรณ์ช่วย เช่น ไมโครโฟน จะได้ไม่ต้องตะโกนหรือ ตะเบ็งเสียงขณะพูด

18. หลีกเลี่ยงการใช้ยาอมแก้เจ็บคอหรือแก้ไอ หรือยาสเปรย์พ่นคอ ซึ่งมีส่วนผสมของยาชา เพราะจะทำให้ใช้เสียงได้มากขึ้น ทำให้สายเสียงแย่ลง

19. ถ้ารู้สึกแน่นๆ ในคอ เจ็บคอ การหายใจเอาไอน้ำร้อนเข้าไป จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ ทำให้คอโล่งขึ้น

20. ถ้ามีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการออกเสียง หรือ เป็นโรคระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะมีอาการไอ ควรรีบปรึกษาแพทย์




โดย: นางเดินทัก IP: 117.47.110.224 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:54:29 น.  

 

สวัสดีครับสมาชิกทุกๆท่าน



เสียงแหบ
ผศ.พญ.สุนันทา พลปัถพี


เสียงแหบเกิดจากอะไร

ก่อนที่จะกล่าวถึงสาหตุของเสียงแหบ ใคร่จะขอเรียนให้ทราบถึงลักษณะและการทำงานของอวัยวะที่ทำให้เกิดเสียงก่อน นั่นคือ กล่องเสียง ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณลำคอใต้ช่องปากลงไปในผู้ชายจะเห็นชัดคือส่วนที่เราเรียกว่า ลูกกระเดือก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกล่องเสียงนั่นเอง กล่องเสียงประกอบด้วย กระดุกก่อนและกล้ามเนื้อหลายชิ้นทำงานร่วมกับกล้ามเนื้อ 2 ชิ้น ที่เราเรียกว่าสายเสียงน้นขึงตึงจากด้านในของลูกกระเดือกไปยังส่วนหลังของกล่องเสียง สายเสียงนี้สามารถเคลื่อนไหวเปิดปิดให้ลมหายใจออกเคลื่อนมาถึงสายเสียงซึ่งปิดอยู่จากแรงดันของลมทำให้สายเสียงเปิดออก และเกิดมีการสั่นสะเทือนของสายเสียง ซึ่งจะเปลี่ยนลมจากปอดให้กลายเป็นเสียงและเสียงก็จะถูกปรับปรุงให้เป็นคำพูดที่ชัดเจนโดยอวัยวะในช่องปากซึ่งได้แก่ ลิ้น ฟัน เพดาน และอื่น ๆ


เสียงแหบเกิดจากสาเหตุใหญ่ 2 ประการ คือ
1. ความผิดปกติในโครงสร้างของส่ายเสียง
2. ความผิดปกติในการทำหน้าที่ของสายเสียง


ในกลุ่มเสียงแหบที่เกิดจากความผิดปกติของตัวสายเสียงเองนั้น อาจจะได้แก่

- ความพิการตั้งแต่กำเนิด เช่น มีแผ่นเยื่อบาง ๆ ขึงระหว่างสายเสียงทั้ง 2 ข้าง

- การอักเสบของกล่องเสียง ซึ่งอาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส

- เนื้องอกของสายเสียง อาจแบ่งได้เป็น ชนิดร้ายแรง ชนิดไม่ร้ายแรง ติ่งเนื้อที่เกิดจาการใช้เสียงมาก

- การได้รับกระแทกบริเวณกล่องเสียง อาจทำให้กระดูกอ่อนของกล่องเสียงแตกหัก ไฟลวกบริเวณใบหน้าหรือส่วนบุบของลำตัว หายใจเอาลมร้อนจัดเข้าไปลวกเยื่อบุของทางเดินหายใจรวมทั้งกล่องเสียง

- อัมพาตของสายเสียง อาจเป็นข้างเดียวหรือ 2 ข้าง สาเหตุที่พบบ่อย คือ ภายหลังการผ่าตัดต่อธัยรอยด์ที่คอ แล้วมีผลต่อเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของสายเสียง ทำให้สายเสียงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ อัมพาตของสายเสียงอาจเกิดมะเร็งในปอด หรือพยาธิสภาพอื่นในทรวงอกก็ได้

- พวกที่ใช้เสียงผิดจนติดเป็นนิสัย

- พวกที่มีความผิดปกติทางด้านจิตใจก็มีผลต่อการทำงานของสายเสียง เช่น อาจทำให้เกิดเสียงเปลี่ยน หรือไม่มีเสียงเลยได้


เป็นหวัดทำให้เสียงแหบได้หรือไม่

การเป็นหวัดทำให้เสียงแหบได้ เนื่องจากเมื่อเป็นหวัดก็จะมีการอักเสบของบริเวณช่องจมูกและภายในคอ การอักเสบนี้อาจลามต่อไปถึงกล่องเสียงและสายเสียงทำให้มีการบวมของสายเสียง การทำงานของสายเสียงเปลี่ยนไป จึงเป็นสาเหตุให้เกิดเสียงแหบ


การรักษาอาการเสียงแหบ

การรักษาอาการเสียงแหบให้หายได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสาเหตุทำให้เกิดเสียงแหบ เช่น ถ้าเสียงแหบเกิดจากโครงสร้างของสายเสียงผิดปกติมาแต่กำเนิด ก็ย่อมรักษาไม่หาย แต่ถ้าเสียงแหบจากากรเป็นหวัดหรือการอักเสบของสายเสียงก็หายได้ แต่โรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อยในบ้านเราคือ มะเร็งของกล่องเสียง ซึ่งอาจรักษาให้หายขาดได้ถ้ามาพบแพทย์ในระยะเริ่มแรก หรือเสียงแหบในผู้ที่มีอาชีพที่ต้องใช้เสียงมาก เช่น ครู นักเรียน นักแสดง การรักษาโดยการให้ยาอย่างเดียวย่อมไม่ได้ผลเต็มที่ จำเป็นต้องหยุดพักการใช้เสียงร่วมด้วย พวกนี้มักมีอาการเสียงแหบเป็น หาย ๆ บ่อย ๆ ทั้งนี้ เนื่องจากที่ต้องใช้เสียงมากเกินไป


ข้อควรระวังมิให้เสียงแหบ

เมื่อเราได้ทราบถึงสาเหตุของการทำให้เกิดเสียงแหบแล้ว การป้องกันก็ต้องป้องกันสาเหตุ ซึ่งบางอย่างก็ทำได้ บางอย่างก็ทำไม่ได้ เช่น เสียงแหบหลังจากเป็นหวัด ก็ป้องกันโดย เมื่อเป็นหวัดแล้วก็ต้องรีบรักษา โดยรับประทานยา ให้ความอบอุ่นแก่ร่ายให้พอเพียง หรือในขณะที่อากาศร้อน อย่านอนเป่าพัดลมตรงมาที่ตัว เพราะการหายใจเอาลมแห้งเข้าไปตลอดเวลาทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจแห้ง และเกิดการอักเสบตามมาได้ง่าย

เมื่อเป็นหวัด หรือเจ็บคอ ถ้าทำได้ควรใช้เสียงให้น้อยลง

ในเด็ก การเชียร์กีฬาด้วยเสียงดังเป็นการแสดงความพร้อมเพรียง และทำให้เกิดความสนุก แต่ก็ควรระมัดระวัง เมื่อรู้สึกคอแห้งมากก็อย่าตะโกนต่อไป เพราะจะทำให้สายเสียงอักเสบตามมาได้

จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ว่าการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งของระบบทางเดินหายใจ เช่น ที่ปอด ที่กล่องเสียง ดังนั้น ก็ควรหลีกเลี่ยงจากการสูบบุหรี่ เพื่อไม่เป็นการเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งของกล่องเสียง


บางคนเสียงแหบบ่อย โดยมิได้ตะโกนหรือใช้เสียงมากอยากทราบว่าเพราะอะไร

ที่เป็นเช่นนี้อาจเนื่องจากผู้นั้นมีการอักเสบเรื้อรังของโพรงจมูก หรือมีหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ก็ทำให้กล่องเสียงอักเสบเรื้อรัง ทำให้เกิดเสียงแหบได้
ส่วนการที่หลอดลมอักเสบเรื้อรัง อาจพบในคนที่สูบบุหรี่มากเป็นประจำ ทำให้เกิดอาการไอบ่อย ๆ การไอทำให้เสียงเสียงกระแทกกัน และเชื้อโรคที่อยู่ภายในเสมหะที่ไอออกมาผ่านสายเสียงออกสู่ภายนอกทั้งการไอและทั้งเชื้อโรคในเสมหะทำให้สายเสียงอักเสบทำให้เกิดเสียงแหบได้


ยาอมให้ชุ่มคอที่โฆษณาอยู่ตามท้องตลาดมีส่วนช่วยได้มากน้อยแค่ไหนในการรักษาเสียงแหบ

มีส่วนช่วยได้บ้างในแง่ที่ทำให้ชุ่มคอ เย็นคอ บางชนิดอาจมียาฆ่าเชื้อโรคผสมอยู่ด้วยก็อาจช่วยลดการอักเสบเล็กน้อยลงได้บ้าง แต่ถ้ามีการอักเสบมากทำให้เสียงแหบ ยาอมอย่างเดียวก็ไม่สามารถรักษาได้


ข้อแนะนำหรือข้อฝากถึงท่านผู้อ่าน

ตามที่ได้เรียนให้ท่านผู้อ่านได้ทราบแล้วว่า มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ว่าการสูบบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็งของทางเดินหายใจ โดยเฉพาะมะเร็งของปอด และมะเร็งกล่องเสียง ดังนั้นการงดสูบบุหรี่หรือพยายามสูบให้น้อยลง จึงเป็นวิธีที่ดีที่ควรปฏิบัติอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีเสียงแหบ หรือเจ็บคอที่ไดรับการรักษาแบบคออักเสบธรรมดาจากแพทย์ทั่วไปประมาณ 1-2 สัปดาห์แล้ยังไม่หาย ควรได้รับการตรวจกล่องเสียงจากแพทย์ หู คอ จมูก โดยตางเพื่อหาสาเหตุของเสียงแหบ หรือเจ็บคอนั้น กรุณาอย่าคิดว่าสูบบุหรี่มากเสียงมันก็เป็นอย่างนี้เอง คำกล่าวนี้ทำให้ผู้ป่วยใจเย็นไม่มาพบแพทย์ และกว่าจะตรวจพบว่าเป็นมะเร็งของกล่องเสียงจึงทำให้เสียงแหบ เวลาก็ล่วงเลยไปจนหมดโอกาสที่จะรักษาให้หายได้ จึงขอเรียนท่านผู้อ่านได้คิดถึงความจริงในข้อนี้ไว้ด้วย





โดย: นางเดินทัก IP: 117.47.110.224 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:17:52 น.  

 

อายฟ้าดิน / ธานินทร์ อินทรเทพ


จะบอกรักใครก็อายฟ้าดิน
ความหวังพังสิ้น ทางรักมืดมน
เกิดมา ร่างกายเท่านั้นเป็นคน
แต่หัวใจปี้ป่น โดนรักขยี้แหลกราญ

จะเอ่ยรักใครให้เอือมระอา
เมื่อไร้คุณค่า จนมิต้องการ
ตราบจน สิ้นคนมั่นรักยืนนาน
ต้องทุกข์ทรมาน ร้าวรานฤดี

* ชีวิตต้องสิ้นความหมาย
วิงวอนไหว้ฟ้าดินก็ไม่ปราณี
เจ็บปวด รวดร้าวชีวี
ดวงฤดี มีแต่ ซอกช้ำเรื่อยมา

** ไม่อยากรักใครให้อายฟ้าดิน
กลัวเขาจะสิ้น ความรัก เมตตา
สู้กลืน เก็บความซอกช้ำอุรา
ไม่รักใครดีกว่า เดี๋ยวเขาจะอายฟ้าดิน



โดย: ย.ลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:26:49 น.  

 

..ยายลิงเคยแพ้ยาอม๊อกซี่ค่ะ
ตอนนั้นเจ็บคอมากๆพี่ให้กินเป็นคอร์ส..10 เม็ดมั๊งคะ
ปรากฎว่า ผื่นขึ้นทั้งตัว แบบออกหัดเลย
ต้องเข้ารพ.เลยค่ะ
เป็นยาในเครือ เพนนิซิลิน..แต่ว่า ยายลิงก็แพ้ยาหลายชนิดหลายตัวค่ะ
พี่อร คงจะไม่แพ้มังคะ

วันนี้ ยังเข้า ลธ.ไม่ได้เลยค่ะ
ไปเจอเพลงเก่า..ที่ยายลิงร้องได้ ก็เลยมาแปะค่ะ

ช่วงนี้ ฟามแก่เข้ามาเยือน..เลยชอบคิดและนึกถึงอดีตค่ะ
สมัยก่อน เมืองไทยน่าอยู่มากๆ แต่เสียดาย..ยายลิงไปนอกเสียนาน
กลับมาอีกที ไม่รู้ว่าอยู่เมืองไหน ดูคล้ายๆกันหมดค่ะ


โดย: ย.ลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:00:24 น.  

 
ขอบคุณ คุณนางฯ ที่ค้นข้อมูลมาให้

ที่เสียงหายคงเป็นที่กล่องเสียงอักเสบจากหวัดค่ะ
คือเมื่อวันเสาร์ เริ่มไอ และ เจ็บคอ
วันอาทิตย์ เสียงชักแหบ ๆ หนัก ๆ เวลาพูด
ก็ปิดวาจาทั้งวัน

พอวันจันทร์เสียงเริ่มแหบน้อยๆ
แต่ต้องเป็นวิทยากรบรรยายตอนเช้ามากกว่า 1 ชม. เพราะทำหน้าที่พิธีกร ควบด้วย เป็นหน้าที่ก็ทำไป
ทำเสร็จเสียงชักแย่

พอบ่าย ต้องเป็นประธานประชุมภายในหน่วย ก็ต้องพูด ๆ ๆ อีก ชั่วโมงกว่า ๆ

เย็น ต้องพูดปลอบใจเพื่อนที่เป็นมะเร็ง
เพราะเพื่อนจิตตกมากๆ ที่รู้ว่าเป็นมะเร็ง
เคยเป็นคนแข็งแรง ไม่ค่อยป่วย
ลูกยังเล็กอีก 2 คน สามีดี ครอบครัวอบอุ่น
เลยจิตตกประหนึ่งว่าจะตายในวันพรุ่งนี้แล้ว
จะต้องผลัดพรากจากคนที่รัก
ต้องชักแม่น้ำทั้งห้าสิบสาย
จบการสนทนากับเพื่อนเสียงก็ไปเลย
คงเพราะไปฝืนใช้เสียง

เมื่อ่วานนี้ ไปหาเพื่อนหมอ
ฉีดยาแก้อักเสบมาให้เข็มนึง
แถมยา AmoxyClav มาให้


น้องลิง...จ๋า
ต้องยอมรับว่า ยุคปัจจุบันจะอยู่ที่ไหน ก็อยู่ยากขึ้น เพราะสังคมแบบเอื้อเฟื้อปราณีกันมันค่อย ๆหายไปจากสังคมโลก
วัฒนธรรมไทยดี ๆ มันหายไปหมดแล้ว

แล้วทุกวันนี้ เรากำลังเข้าสู่ยุค
"ข้าวยากหมากแพง"
ต้องประคองใจและกายให้ผ่านวิกฤตกันเองนะคะ




โดย: โอรัช IP: 203.157.48.252 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:55:00 น.  

 
สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน

<<วัฒนธรรมไทยดี ๆ มันหายไปหมดแล้ว>>

“วัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน” ตัวอย่างของชุมชนเข้มแข็งในสังคมไทย



มกราคม ๒๕๕๑

“...ต้องสามัคคี ทหารก็ตาม พลเรือนก็ตาม ต้องสามัคคี… ซึ่งถ้าไม่สามัคคี ก็บอกแล้วว่าประเทศจะประสบความหายนะ ไม่ได้ใช้คำว่าหายนะ แต่ก็คล้ายกัน ว่าถ้าไม่สามัคคีกัน ไม่ปรองดองกัน ประเทศชาติล้ม
...ถ้าไม่ระวังประเทศชาติก็ล่ม เมื่อล่มเราจะไปอยู่ที่ไหน ล่มก็หมายถึงว่า ลงไป จม ล่มจม ถ้าเราไม่ระวังประเทศชาติล่มจม ล่มจมก็หมายความว่า ล่มลงไปในทะเล เพราะว่าเมืองไทยก็ติดทะเล...”


พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆที่เข้าเฝ้าฯถวายชัยมงคลในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตฯ เมื่อวันอังคารที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐


จากพระราชดำรัสดังกล่าวชี้ให้เห็นชัดว่า “ความสามัคคี” เป็นปัจจัยหลักหรือคุณธรรมสำคัญที่จะทำให้ประเทศชาติอยู่รอด ซึ่งความสามัคคีนี้หากจะให้ความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ ก็คือ ความพร้อมเพรียงกัน ความปรองดองกัน ร่วมมือร่วมใจกัน อันเป็นหนึ่งในค่านิยมอันพึงประสงค์ของสังคมไทยมาเนิ่นนาน และอาจกล่าวได้ว่า ความสามัคคี คือ พลังของชุมชนในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ นั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ กระทรวงวัฒนธรรมจึงได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) จัดทำ “โครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน” และได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้เป็น “วาระแห่งชาติ” เมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ เพื่อการนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดสังคมอยู่เย็นเป็นสุขอย่างยั่งยืนถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ด้วยเห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นการนำพลังของชุมชนมาสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ โดยอาศัยความร่วมแรงร่วมใจหรือการมีส่วนร่วมในชุมชนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย พร้อมทั้งสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆในท้องถิ่นได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตภายใต้ระบบความเชื่อ ขนบธรรมเนียม ประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดกระบวนการพัฒนาคนและองค์ความรู้ เพื่อหาแนวทางการป้องกัน ดูแล และส่งเสริมชุมชนให้เข้มแข็งจนสามารถป้องกัน หรือแก้ไขปัญหา และเสริมสร้างชุมชนให้เกิดความอบอุ่น มั่นคงไปพร้อมกันในทุกด้านได้
อย่างไรก็ตาม สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่มที่ ๒๖ ยังได้นำเสนอองค์ประกอบสำคัญและน่าสนใจไว้หลายประการ สำหรับการจะฟื้นฟูวิถีชีวิต พัฒนาตนเองและชุมชนได้อย่างเหมาะสมและยั่งยืน ได้แก่ ชุมชนต้องมีพื้นที่สาธารณะ เพื่อใช้สื่อสารหรือพบปะกันของคนในชุมชน เช่น วัด สภากาแฟ ฯลฯ ซึ่งจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข่าวสารและเรื่องราวต่างๆได้ สมาชิกในชุมชนต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ เช่น ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจ ร่วมตรวจสอบ ต้องมีผู้นำที่มีความสามารถที่คอยกระตุ้นให้เกิด หรือสร้างจิตสำนึกของการเป็นเจ้าของ ซึ่งมักเป็นผู้นำอย่างไม่เป็นทางการแต่มีความสามารถหลากหลายแตกต่างกัน เช่น ผู้นำทางศาสนา หมอพื้นบ้าน หรือเกษตรกร เป็นต้น ชุมชนต้องมีสำนึกของความเป็นชุมชน และมีวัฒนธรรมการเอื้ออาทรต่อกัน ซึ่งจะสร้างหรือเกิดขึ้นได้จากการที่คนในชุมชนร่วมมือกันทำงานบ่อยๆถือเป็นสายสัมพันธ์ที่ทำให้ทุกคน “อยู่ร่วม” และ “อยู่รอด” ได้ และที่สำคัญที่สุดชุมชนต้องตระหนักว่า ผู้แก้ไขปัญหาหรืออำนาจที่แท้จริงนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกฎหมาย หน่วยงาน องค์กรของรัฐเท่านั้น แต่สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตนเองและความร่วมมือกับผู้อื่น ซึ่งวิธีการคิดเช่นนี้นำไปสู่ความเชื่อมั่นที่ว่า “ประชาชนในท้องถิ่นเท่านั้น ที่สามารถแก้ปัญหาของท้องถิ่นได้”



ซึ่งแนวคิดสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของ “โครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน” ที่มุ่งเน้นใช้วัฒนธรรมนำการพัฒนาด้วยการพึ่งพาตนเองและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ภายใต้องค์ประกอบสำคัญ ๖ ด้าน คือ

มีคลังสมองหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อรวบรวมภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างเป็นระบบ จากบรรดาผู้รู้
หรือปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลหลักในการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และจิตใจ
- ใช้ศิลปะและวัฒนธรรมมาพัฒนาและสร้างอาชีพ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาสังคมในด้านต่างๆ

จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมเพื่อให้เกิดกระบวนการถ่ายทอดคุณค่าทางศาสนา
ความเชื่อ และวัฒนธรรมต่างๆในท้องถิ่นเป็นระบบ มีแบบแผนไม่ผิดเพี้ยนไปจากค่านิยมชุมชน

จัดลานวัฒนธรรม สำหรับเป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม ศิลปะ กีฬา การละเล่นท้องถิ่น
และการออกกำลังกาย มุ่งให้ชุมชนมีสุขภาพกาย ใจที่แข็งแรง เข้มแข็ง และเกิดความสามัคคีในหมู่คณะ

มีศูนย์ความรู้หรือห้องสมุดชุมชน สำหรับการศึกษา ค้นคว้า หาความรู้ และส่งเสริมนิสัยรัก
การอ่าน อีกทั้งกระตุ้นให้นำความรู้เหล่านั้นมาปรับใช้อย่างเหมาะสม

มีพิพิธภัณฑ์ชุมชน ที่รวบรวมมรดกทางวัฒนธรรมและรากเหง้าของท้องถิ่นไว้ให้เยาวชน ประชาชน
ในพื้นที่ได้ศึกษาเรียนรู้
จากการดำเนินงานโครงการฯที่ผ่านมา มีหลายชุมชนที่ประสบความสำเร็จ และน่าจะนำมาเป็นตัวอย่าง เช่น

โครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนวัดไชยศรี จังหวัดขอนแก่น ที่สามารถรวบรวมและสืบสาน
ภูมิปัญญาท้องถิ่นทั้งในด้านการแพทย์แผนไทย การแสดงพื้นบ้าน การช่างฝีมือพื้นบ้าน การเกษตร อาหารและโภชนาการ อีกทั้งยังสามารถนำมาพัฒนาและส่งเสริมเป็นอาชีพตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงได้ เช่น การเกษตร-ผลิตปุ๋ยชีวภาพ การทำสมุนไพร จักสาน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมให้มีสถานที่สำหรับการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม ห้องสมุดชุมชน พิพิธภัณฑ์ชุมชน พร้อมทั้งมีลานวัฒนธรรมสำหรับให้คนในชุมชนได้พบปะสังสรรค์ จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมก่อให้เกิดความแข็งแรงทั้งทางร่างกาย จิตใจ และเกิดความสามัคคี

โครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนตำบลท่าโสม จังหวัดตราด ซึ่งเป็นชุมชนที่มีความสำคัญ
มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาและธนบุรี โดยมีวัดเป็นศูนย์รวมจิตใจภายใต้การนำของพระครูคุณสารพิสุทธิ์ ที่ถือคติว่า “สอนให้เขาหาก่อน จึงสอนให้เขาให้” นั่นคือ เมื่อทุกคนกินดีอยู่ดีแล้ว การจะเสียสละหรือบริจาคก็จะง่าย จนผู้คนศรัทธาสืบทอดคุณธรรมและจริยธรรมต่อกันมาจนเกิดเป็นวิถีชีวิตที่ดีงานของชุมชน สำหรับในด้านของภูมิปัญญาท้องถิ่นก็มีการสืบสานกันอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านแพทย์แผนโบราณ วัฒนธรรม อาหาร และศิลปะการแสดงด้านการเชิดหนังตะลุงพื้นบ้าน ละครเท้งกุ๊ก และการร้องเพลงขอทาน มีการรวมกลุ่มกันประกอบอาชีพโดยยึดหลักการดำรงชีพแบบพอเพียง สร้างห้องสมุดชุมชนส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน และสร้างพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเพื่อให้คนในชุมชนได้เรียนรู้รากเหง้าของตน เป็นต้น

จะเห็นได้ว่า “วัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน” เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนว่า การที่ชุมชนและประชาสังคมจะอ่อนแอ? หรือเข้มแข็ง? ไม่ได้เกิดขึ้นเอง และไม่สามารถสร้างได้โดยการสั่งการจากหน่วยงาน หรือสถาบันภายนอกใดๆ มีเพียงคนในชุมชนและประชาสังคมเท่านั้นที่จะสร้างขึ้นมาได้ด้วยตนเอง จึงเป็นความท้าทายของคนในสังคมว่า หากพวกเราทุกคนอยากเห็นสังคมไทยในอนาคตมีความน่าอยู่มากกว่าทุกวันนี้ พร้อมหรือยังที่จะลงมือทำและปฏิบัติร่วมกันอย่างจริงจังบนพื้นฐานของ “ความสามัคคี”
เยาวนิศ เต็งไตรรัตน์
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
//www.culture.go.th/study.php?&YY=2551&MM=1&DD=10
ธรรมะสวัสดีครับ


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.205 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:24:42 น.  

 
ขอเชิญทุกท่านร่วมเดินทางไปฟังธรรม ณ สวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ฟรี

มีรถตู้เดินทางมาที่สวนสันติรรม ทุกเสาร์-อาทิตย์
ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร ๐๒-๒๗๙-๗๘๓๘

ที่มา
//www.wimutti.net/pramote/

ขอเชิญอนุโมทนากันนะครับ

พุทโธ โพเธยยัง
มุตโต โมเจยยัง
ติณโณ ตาเรยยัง

เมื่อรู้พ้นทุกข์ข้ามโอฆะ ได้พุทธภูมิแล้ว
จักช่วยให้ผู้อื่นได้ด้วย


ดูแผนที่วัดครับ
//www.wimutti.net/images/suansantidham.jpg



โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.205 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:33:29 น.  

 
ที่มา
//www.watsomanas.com/board/viewtopic.php?t=91


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.205 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:35:51 น.  

 
เมื่อวานไปทำบุญที่วัดสระพัง กำแพงแสน นครปฐม พระอาจารย์ไพโรจน์เป็นเจ้าอาวาส ที่สร้างพระเครื่ององค์เล็กมานับล้านองค์ สร้างพระหน้าตักใหญ่มากขนาดตั้งแต่5เมตรมาไม่ต่ำกว่า87องค์แล้ว ผมและเพื่อนรุ่นน้อง ปวารณาว่าจะจัดหาน้ำมันตั้งอิ๊วไปช่วยสร้างพระเครื่องล้านองค์กับท่านอีกด้วยครับ(ตามกำลังครับ)
เมื่อคืนท่านเมตตามากนั่งคุยธรรมะเรื่องพุทธภูมิด้วยความวิจิตรพิศดาร โดยมีลักษณะการฝันชี้นำการปฏิบัติคล้ายลป.มั่น เมื่อเริ่มการปฏิบัติ อยู่นานเป็นชั่วโมงจนดึกดื่นครับ มีสาระธรรมต่างๆมากมาย
ขอเชิญอนุโมทนาบุญครับ
ธรรมะสวัสดีครับ


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.205 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:44:35 น.  

 
สุขสันต์... ยามเย็นค่ะ

อนุโมทนากับทุก ๆ บุญกุศลของคุณมุ่งฯ ด้วยค่ะ ... มีความขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศจริง ๆ

พี่อรจ๋า...ดูแลเสียงหน่อยน้า ขอให้เสียงกลับมาโดยเร็วค่ะ ตอนนี้กินยาอะไรก็ช่วยไม่ทันแล้วล่ะค่ะ ต้องกินยาเพื่อรักษา และรอให้เชื้อโรคหมดไป โดยไม่ทำเหตุเพิ่มอีก คือใช้เสียงเยอะอ่ะค่ะ

แต่ก่อนนู๋กาจะเป็นโรคคออักเสบ มีปัญหาเรื่องกล่องเสียงค่อนข้างมาก เพราะเป็นคนที่ต้อง "ขายเสียง" เหมือนพี่อรค่ะ ...และโดยพื้นฐานของธาตุจะมีความร้อนภายในค่อนข้างเยอะ ... เสียงจะแหบ และแตกเป็นประจำ

แต่พอเริ่มดูแลรักษาสุขภาพของตัวเอง งดดื่มน้ำเย็นโดยเด็ดขาด ก่อนใช้เสียงจะดื่มน้ำอุ่นเยอะ ๆ ไม่นอนดึก

ปัจจุบันนี้ไม่มีปัญหาเรื่องเสียงเลยค่ะ (อาจจะด้วยงดกิจกรรมการใช้เสียงไปเกือบหมดแล้ว) และแทบจะไม่เป็นหวัดอีกด้วย โดยเฉพาะช่วงนี้สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีค่ะ

ขอทุกท่านดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ โดยเฉพาะสุขภาพใจ ขอให้เข้มแข็ง แข็งแรงได้ด้วยตัวของตัวเองค่ะ


"เกร็ดความรู้..เพื่อสุขภาพ"
1. เรื่องขวดน้ำพลาสติกที่บรรจุน้ำดื่มที่ขาย ๆ กันตามห้างสรรพสินค้า

เซเว่นอีเลฟเว่น รวมทั้งที่ไปเติมน้ำมันครบ 800 แถมน้ำ 1 ขวด อะไรทำนองนั้น ปัจจุบันเพิ่งมีคนตายเพราะการนำขวดพลาสติกดังกล่าวไปบรรจุน้ำดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า โดยสารพิษชนิดหนึ่ง สามารถละลายออกมาปะปนกับน้ำดื่ม เนื่องจากขวดประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ครั้งเดียว อายุการใช้งานสั้น ๆ เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่สมควรเสียดาย นำมาบรรจุน้ำดื่มอีก รวมทั้งน้ำที่มากับขวด หากแม้ว่าเปิดกินไม่หมดแล้วเก็บไว้ในรถยนต์ ซึ่งรถดังกล่าวอาจจอดที่ ๆ ร้อน ๆ ความร้อนก็มีผลกับสารพิษที่มากับขวดได้ ดังนั้นเมื่อเปิดดื่มแล้ว ควรดื่มให้หมดภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะหากเก็บขวดนั้นไว้ที่ร้อน ๆ ถ้าเก็บที่อุณหภูมิห้องจะปลอดภัยกว่า

2. ม่านพลาสติกที่แขวนในห้องน้ำเพื่อกั้นพื้นที่แห้ง กับเปียก

มีข่าวแจ้งมาว่ามีนักจุลชีววิทยา คนนึงในต่างประเทศ เค้าสังเกตว่าที่ม่านพลาสติกมีคราบดำ ๆ ทีแรกเค้าคิดว่าเป็นคราบสบู่ เค้าลองขูดแล้วเอาไปส่องกล้อง ปรากฏว่าคราบดำ ๆ ดังกล่าวเป็นแบตทีเรียชนิดร้ายแรง ที่เติบโตโดยอาศัย การผายลม การเลอ การไอ จาม ของมนุษย์เรานี่แหละ เป็นอาหารอย่างดีของมัน เค้าแนะนำว่า เราควรถอดไปซัก อาทิตย์ละครั้ง หรือ เดือนละ 2 ครั้งก็ได้ หรือถ้าไม่มีเวลาก็เดือนละครั้งก็ยังดี นอกจากนี้เค้าเตือนว่า อะไรที่เป็นพลาสติกก็เข้าข่ายเหมียนกัลลลล....ล
โดยเจ้าเชื้อโรคเนี่ยมันจะเข้ามาทำอันตรายเราก็ต่อเมื่อ เราป่วย มีบาดแผล คนแก่ คนที่ผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ แล้วต้องกินยากดภูมิคุ้มกัน

3. เรื่องคนนอนดึก

เราควรพักผ่อนเข้านอนเวลา 3 ทุ่ม เนื่องจากร่างกายเราต้องการเวลาในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ขับของเสียตามอวัยวะต่าง ๆ ย่อยอาหารให้หมด ถ้ากินมื้อหนักตอนกลางคืน แถมนอนดึกอีก รับรองว่าอ้วนพุงพุ้ย แน่นอน ไขมันเผาผลาญไม่หมดมันเลยสะสมอ่ะ แต่ถ้านอนดึกเลี่ยงไม่ได้ เพราะขนงานมาทำ หรือติดงานอะไรก็ตาม ควรปฏิบัติดังนี้

3.1 งดเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ เพราะย่อยยาก ลำไส้ต้องทำงานหนัก

3.2 หากเราอยากกินเนื้อสัตว์ ก็ควรช่วยลำไส้ด้วยการเคี้ยวให้ละเอียด ยิ่งเคี้ยวละเอียด ยิ่งดี จะได้แบ่งเบาภาระลำไส้

3.3 ดื่มน้ำขิง ผสม น้ำผึ้ง อุ่น ๆ หรือ น้ำอุ่นธรรมดา + น้ำผึ้ง หรือถ้าไม่มีอะไรเลย น้ำอุ่นธรรมดา สัก 1 แก้วก็ได้ เหมียน กัลลล...ล

3.4 เวลานอน ควรทำให้ช่วงท้อง / ฝ่าเท้าอุ่น โดยการห่มผ้า

3.5 ที่จริงมื้อดึก ควรเป็นมื้อเบา ๆ อย่างเช่น ผัก ผลไม้ นม ไข่ เนื้อปลา จะดีกว่า

3.6 ควรเลี่ยงน้ำเย็น น้ำอัดลม เพราะเพิ่มภาระให้ระบบภายในร่างกาย ร่างกายเราต้องความร้อนเพราะช่วยในการย่อยอาหาร หากดื่มแต่น้ำเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมื้ออาหาร จะทำให้ร่างกายเราต้องพยายามปรับอุณหภูมิ ให้อุ่นเหมาะสมก่อน แล้วจึงนำไปใช้ การดื่มน้ำอัดลมก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพิ่มกรดให้ร่างกาย แถมมีน้ำตาลที่สะสมตามร่างกายอีก

**** ถ้าอยากกินเนื้อสัตว์ ควรกินเวลา 7.00 น - 9.00 น. เนื่องจากกระเพาะเรามีสภาพเป็นกรดสูงมากที่สุด ดังนั้นมื้อเช้าจะจำเป็นมาก ๆ ถ้าอดมื้อเช้าไปนาน ๆ ขั้วกระเพาะเราจะเป็นปุ่มปม และนานเข้า ๆ ก็กลายเป็นมะเร็งในกระเพาะ

อย่าลืมดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้วนะ น้ำสะอาดจะช่วยล้างของเสีย ออกจากร่างกาย อย่าขี้เกียจลุกไปห้องน้ำเด็ดขาด

ห้ามอดหลับอดนอนตั้งแต่ ตีหนึ่ง เด็ดขาด เนื่องจาก ถุงน้ำดีกำลังย่อยไขมัน ถ้าอดนอนเวลานี้บ่อย ๆ จะเป็นนิ่วในถุงน้ำดี

ห้ามกินนมตอนเช้า แทนข้าวเช้า เนื่องจาก ตอนเช้ากระเพาะเป็นกรดสูงมาก นึกสภาพดูหากเราบีบน้ำมะนาวลงในนม จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี กลายเป็นคอลลอยด์ มันไม่ย่อย นะจ๊ะ ถ้าดื่มนมตอนท้องว่างแบบนี้ติดต่อกันเป็นประจำแทนข้าวเช้า ระวังมะเร็งในไขกระดูกนะจ๊ะ แต่ถ้าเป็นช่วงหลังอาหารเช้า หรือ ตอนบ่ายไปแล้ว หรือตอนเย็นดื่มได้ตามปกติจ้า มื้อเย็นอาจเป็นมื้อง่าย ๆ อย่างนม กับไข่ก็ไม่ว่ากัน

ถั่วต่าง ๆ รวมทั้งธัญพืชสารพัดอย่าง เช่น ลูกเดือย ข้าวฟ่าง ฯลฯ มีประโยชน์ต่อลำไส้ คือ ช่วยกวาดเชื้อโรค + แบตทีเรียชนิดไม่ดี ออกจากลำไส้เรา ควรกิน อาทิตย์ละครั้ง อย่างน้อย

พืชผักสีเขียว มีคลอโรฟิว ช่วยทำให้เม็ดเลือดลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดี เซลแต่ละเซลล์จะแข็งแรงเมื่อมีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยง
ก่อนเอาผักมากิน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสารพิษ อย่าลืมแช่น้ำส้มสายชู 45 นาทีนะจ๊ะ

ขอให้ถนอมสุขภาพร่างกายของเราให้ดีกันทุกคนนะจ๊ะ ด้วยความปรารถนาดี
ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสร็จจ้า





โดย: สาวิกา วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:23:11 น.  

 
สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน


ชาวชัยภูมิร่วมตักบาตรพระภิกษุสามเณร 1 หมื่น 500 รูป

--------------------------------------------------------------------------------

ทีมข่าว INN News25 พฤษภาคม 2551 10:52:38 น.

พุทธศาสนิกชนชาวชัยภูมิจำนวนมาก ร่วมในโครงการตักบาตรพระภิกษุ สามเณร จำนวน1 หมื่น 500 รูป เพื่อถวายเป็นราชกุศล แด่สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ นำข้าวสาร อาหารแห้ง ถวายคณะสงค์จำนวน 266 วัด ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้


โดยโครงการตักบาตรพระภิกษุ สามเณรจำนวน1 หมื่น 500 รูป ได้จัดขึ้นในตอนเช้าวันนี้(25 พ.ค.51) เป็นครั้งแรก ตั้งแต่ถนนหฤทัย บริเวณหลังอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพระยาแล ถึงสี่แยกหนองบ่อ ต. ในเมือง อ.เมือง จ. ชัยภูมิ มีนายถาวร พรหมมีชัยภูมิ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำพุทธศาสนิกชนชาวชัยภูมิ ทำบุตรตักบาตร ซึ่งศูนย์ประสานงานเครือข่ายโครงการตักบาตรพระภิกษุสามเณร 1 หมื่น 500 รูป จังหวัดชัยภูมิ ร่วมกับภาคีเครือข่ายจังหวัดชัยภูมิ ส่วนราชการจังหวัดชัยภูมิจัดขึ้น เพื่อสืบสานประเพณีทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และเพื่อถวายเป็นราชกุศล แด่สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยความเห็นชอบของพระราชชัยมุนีเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ

โดยข้าวสาร อาหารแห้งส่วนหนึ่ง จะนำไปสมทบถวายคณะสงค์จำนวน 266 วัด ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุความไม่สงบ จัดให้มีการทำบุญตักบาตร 3 ครั้ง ติดต่อกัน 3 เดือน ครั้งละ 3 พัน 500 รูป รวมทั้งสิ้น 1 หมื่น 500 รูป โดยในครั้งนี้ มีพุทธศาสนิกชาวชัยภูมิจำนวนมากกว่า 2 หมื่นคน ร่วมทำบุญตักบาตร ในครั้งต่อไป จัดที่อำเภอแก้งคร้อ อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ตามลำดับ

//www.innnews.co.th/local.php?nid=112079

//board.palungjit.com/showthread.php?t=130398


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.205 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:29:03 น.  

 

สวัสดีครับสมาชิกทุกๆท่าน


ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...ระบบไม่ยอมให้ใส่โค้ด HTML ...ระบบบอกว่าเราไม่ใช่สมาชิก...ไม่สามารถใส่โค้ด HTML ได้โพสได้เฉพาะข้อความธรรมดา...ซึ่งวันนี้ช่วงบ่ายก็ยังใส่ได้เลยนะ...เจ้าบ้านช่วยดูให้หน่อยจิ...หรือว่าเป็นเฉพาะแต่คอมพ์ของเรา...สงสัยว่าเขาคงจะไม่ให้เข้ามาที่บ้านนี้แล้วละมั๊ง


21 ข้อที่น่าคิด


1. รักเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม เติบโตด้วยการจุมพิต และจบลงด้วยน้ำตา

2. อย่าเสียน้ำตาให้กับคนที่ไม่เคยเสียน้ำตาให้คุณ

3. ถ้าความรักไม่ใช่เกม,ทำไมจึงมีผู้เล่นเกมรักหลายคน

4. เพื่อนที่ดีนั้นหายาก แต่ยากกว่าในการจะลาจาก และเป็นไปไม่ได้ที่จะลืมเลือน

5. คุณไปได้ไกลเท่าที่คุณผลักดันตัวเอง

6. การกระทำดังกว่าคำพูด

7. สิ่งที่ทำยากที่สุด คือ การมองดูคนที่คุณรัก ไปรักคนอื่น

8. อย่าให้อดีตยึดคุณไว้ คุณจะพลาดสิ่งดีๆที่จะผ่านมา

9. ชีวิตนั้นสั้นนัก ถ้าครั้งหนึ่งในชีวิต คุณไม่หยุดมองดูมันให้กว้างๆ ทั่วๆ สักครู่ คุณจะพลาดมัน

10. เพื่อนที่ดีที่สุดเหมือน ใบไม้สี่กลีบ(สัญลักษณ์แห่งความโชคดี) ยากที่จะหาพบ และ โชคดีที่มีมัน

11. คนบางคนทำให้โลกนี้เป็นโลกที่แสนพิเศษเพียงแค่มีเค้าอยู่ในโลกใบนี้เท่านั้น

12. มิตรแท้ คือ พี่-น้อง ที่พระเจ้า ลืมให้มาเกิดในครอบครัวเดียวกันกับเรา เท่านั้นเอง

13. เมื่อคุณเจ็บปวดที่จะมองกลับหลัง และ หวาดกลัวที่จะมองไปข้างหน้า เพียงคุณ มองไปข้างๆ เพื่อนที่ดีที่สุดของคุณจะอยู่ที่นั่น

14. สัมพันธภาพที่แท้จริงไม่มีวันจบสิ้น

15. เพื่อนจะคงอยู่ตลอดไป

16. เพื่อนที่ดีเหมือนดวงดาว คุณจะไม่ได้เห็นพวกเขาตลอดเวลา แต่คุณจะรู้ว่าเขาอยู่ที่นั่นเสมอ

17. อย่าขมวดคิ้วเลย เธอไม่เคยรู้หรอกว่ามีใครบางคนหลงรักรอยยิ้มของเธอ

18. คุณจะทำอย่างไร เมื่อคุณรู้ว่าเพียงคนๆเดียวที่จะทำให้คุณหยุดร้องไห้ได้ คือคนที่ทำให้คุณร้องไห้

19. ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ จนกระทั่งคุณตกหลุมรักเขาแล้ว (เมื่อคุณหลงรักใคร คุณจะคิดว่าเขาสมบูรณ์แบบ)

20. ทุกสิ่งทุกอย่างจะ OK ตอนจบ ถ้าไม่แล้ว แสดงว่านั่นยังไม่ใช่จุดจบ

21. คนส่วนมากผ่านมาและผ่านไปในชีวิตคุณ แต่มีเพียงเพื่อนเท่านั้นที่ทิ้งรอยเท้าไว้ในหัวใจคุณ






โดย: นางเดินทัก IP: 222.123.149.248 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:52:14 น.  

 
อ้างอิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...ระบบไม่ยอมให้ใส่โค้ด HTML ...ระบบบอกว่าเราไม่ใช่สมาชิก...ไม่สามารถใส่โค้ด HTML ได้โพสได้เฉพาะข้อความธรรมดา...


อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ...มีเครื่องที่บ้านอยู่เครื่องนึงที่ไม่สามารถเข้าระบบได้ ในขณะที่เครื่องอื่น ๆ เข้าได้ ...

แล้วอาการที่คุณนางฯ บอก เครื่องที่บ้านก็เคยเป็นเหมือนกัน ... ไม่สามารถเม้นท์ได้ เพราะไม่มีรหัสขึ้นค่ะ พอล้างเครื่องแล้วก็สามารถเม้นท์ได้ แต่ยังเข้าระบบไม่ได้อยู่ดี

ช่วงนี้น้องคอมพ์ฯ ที่บ้าน ไม่สมบูรณ์สักเครื่องค่ะ มีปัญหาทุกเครื่อง เครื่องนี้ก็เช่นกัน พิมพ์ ๆ อยู่ ๆ จะวูบดับก็ดับไปเฉย ๆ ซะงั้น

บ้านน้อยหลังนี้ ...ยินดีต้อนรับทุก ๆ ท่านเสมอ เว้นแต่จะไม่อยากมากันเองค่ะ

ขอทุกท่านมีความสุข สนุก สุขสันต์ ในทุก ๆ กาลสถานนะคะ


โดย: สาวิกา วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:26:38 น.  

 
Photobucket>


โดย: สาวิกา วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:00:13 น.  

 
คำบอกเล่าเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของพระแก้วมรกต จากปกิณกธรรม ในหนังสือรำลึกวันวาน เขียนโดยหลวงตาทองคำ (ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น) หน้า 141-145 ดังนี้


พระแก้วมรกต


เรื่องนี้ อัตถุปัตติเหตุ เกิดขึ้นเมื่อครั้งพระอาจารย์มั่น พักอยู่วัดป่าบ้านหนองผือ ขณะที่พระอุปัชฌาย์อุ่น (พระครูบริบาลสังฆกิจ (อุ่น อุตตโม) วัดอุดมรัตนาราม อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร) ได้ไปนมัสการฟังเทศน์และได้นำรูปพระแก้วมรกตขนาด 20 นิ้ว เป็นภาพพิมพ์ใส่กรอบไปถวายท่านพระอาจารย์ แต่ดูท่านจะลืมทำความสะอาด เพราะมีฝุ่นจับอยู่ ท่านพระอาจารย์ก็น้อมรับด้วยความเคารพ


หลังจากท่านอุปัชฌาย์อุ่นลาลงกุฏิไปแล้ว ท่านพระอาจารย์ได้ทำความสะอาด โดยนำผ้าสรงน้ำของท่านฯ มาเช็ดถู ผู้เล่าเอาผ้าเช็ดพื้นเข้าไปช่วยทำความสะอาดด้วย เพราะเห็นว่าผ้ายังสะอาดอยู่ ท่านฯ หันมาเห็นเข้า พูดว่า “อะไรกัน นั่นรูปพระพุทธเจ้าแท้ๆ ยังเอาผ้าเช็ดพื้นมาถูได้” ผู้เล่าสะดุ้งไปทั้งตัว เพราะความโง่เขลาปัญญาอ่อน ท่านฯ ก็เลยทำความสะอาดเอง



เสร็จแล้วก็มีเพื่อนภิกษุทยอยกันขึ้นไป รวมทั้งท่านอาจารย์วิริยังค์ด้วย ท่านเลยเทศน์ถึงความมหัศจรรย์ของพระแก้วมรกต ท่านว่า "พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ในประเทศใด ประเทศนั้นจะไม่ว่างจากพระอริยบุคคล พระอริยบุคคลมีอยู่ในประเทศใด ประเทศนั้นจะไม่ฉิบหายด้วยภัยแห่งสงคราม"



ท่านพระอาจารย์มั่นเล่าว่า พระแก้วมรกตหล่อที่ลังกาทวีป ผู้เป็นประธานหล่อคือ พระจุลนาคเถระ เป็นชาวลังกา หล่อเมื่อศาสนาล่วงมาได้ 300 ปี ส่วนแก้วนั้น ท่านเล่าเชิงปาฏิหาริย์ พอเริ่มจะหล่อไม่ได้ตั้งใจจะเอาแก้วมรกต เพราะเป็นของหายาก บอกบุญตามแต่ศรัทธา จะเป็นแก้วอะไรก็ได้ ร้อนถึงพระอินทร์อยู่บนสวรรค์ มาอาสาเป็นช่างหล่อ และพระองค์มีแก้วอยู่ดวงหนึ่ง ขออนุโมทนาเป็นกุศลด้วย พระอินทร์ไม่ได้เป็นช่าง แต่ช่างคือ เทพบุตร ชื่อ วิษณุกรรม ส่วนแก้วก็ไม่ใช่ของพระอินทร์ แต่เป็นแก้วอยู่ในถ้ำจิตรกูฏ หรืออินทสารนี้ละผู้เล่าไม่มั่นใจ



ท่านพระอาจารย์ท่านเล่าว่า เป็นแก้วหน่อเนื้อพุทธางกูร ประจำภัทรกัปป์ เหลืออยู่ 2 ลูก มียักษ์รักษา พระอินทร์ไปขอแก้วดวงใหญ่ ซึ่งสุกใสกว่าจากยักษ์ตนนั้น แต่ยักษ์ไม่ให้ บอกว่าไม่ใช่ของเจ้า จึงให้แก้วดวงเล็กมา พระอินทร์นำมาหล่อเป็นผลสำเร็จ แต่ยังมีแก้วเหลือค้างอยู่ที่เรียกว่าแก้วก้นเตา เผาอย่างไรก็ไม่ละลาย พระจุลนาคเถระจึงอธิษฐานบรรจุไว้ใต้ฐาน ปรากฏว่าเป็นกระปุกระปะ ไม่เรียบ



หล่อเสร็จมีการสมโภช ท่านจุลนาคเถระ ได้อธิษฐานอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน 5 แห่ง คือระหว่างพระขนง 1 แห่ง พระอังสาทั้งสอง 2 แห่ง พระเมาลี 1 แห่ง และพระนาภี 1 แห่ง ท่านฯ ว่าอย่างนี้



การเสด็จไปสู่สถานที่ต่างๆ ของพระแก้วมรกตนั้นมีปัจจัย 3 อย่าง คือ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา เกิดกลียุคในประเทศนั้น และด้วยความรัก



ท่านพระอาจารย์เล่าต่อว่า ได้มีการอัญเชิญจากกรุงลังกาสู่นครศรีธรรมราช โดยทางเรือ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา นำโดยเถรเจ้าป่า (คำว่า เถรเจ้าป่า หมายความถึง พระกัมมัฏฐานที่ชอบออกปฏิบัติภาวนาอยู่ตามป่าเขา) อยู่นครศรีธรรมราชก็ไม่ได้กำหนดว่านานเท่าไร ต่อจากนั้นจึงอัญเชิญไปสู่นครวัด นครธม ประเทศเขมร เพื่อเผยแผ่พระศาสนา นำโดยเถรเจ้าป่าอีกนั่นแหละ



จากนครวัด นครธม สู่กรุงจันทบุรีศรีสัตตนาคนหุต (ประเทศลาว) ปัจจุบันคือเวียงจันทน์สาเหตุเกิดกลียุคแย่งราชสมบัติเถรเจ้าป่าท่านเห็นว่าพระแก้วจะไม่ปลอดภัย จึงได้เอาผ้าห่อแล้วบรรจุลงในบาตร (คงจะเป็นบาตรขนาดใหญ่) เพื่ออำพรางผู้ทุศีลไม่ให้แย่งชิงไป เถรเจ้าป่าองค์นั้น ไปอยู่ที่เวียงจันทน์ก็ไม่มีกำหนดปีเหมือนกัน



จากนครเวียงจันทน์ก็ได้เสด็จสู่นครลำปาง และนครเชียงใหม่ ด้วยสาเหตุแห่งความรัก เนื่องจากเจ้าผู้ครองเวียงจันทน์ ได้บุตรเขยเป็นชาวเชียงใหม่ หลังจากนั้นจะนำบุตรีสู่เชียงใหม่ บิดาให้พรบุตรีว่าอยากได้อะไรก็จะให้ บุตรีจึงขอพระแก้วมรกตไปด้วย ด้วยความรักของบิดาก็จำยอมยกให้



พอไปถึงลำปาง ช้างที่นั่งไปไม่ยอมไปเอาดื้อๆ จะขับไสอย่างไรช้างก็ไม่ไป ตกลงกันว่าองค์พระแก้วมีพระประสงค์ จะประทับที่ลำปางแน่ พระแก้วก็เลยประดิษฐานที่ลำปางก่อน นานพอสมควรจึงได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านก็ไม่ได้บอกว่ากี่ปี ต่อมาบุตรเขยก็เสียชีวิตลง บุตรีเจ้าผู้ครองนครก็กลับสู่เวียงจันทน์ และนำพระแก้วมรกตกลับมาด้วย จึงประดิษฐานอยู่ที่เวียงจันทน์อีก เป็นครั้งที่สอง



ท่านพระอาจารย์มั่นเล่าว่า ไทยคือลาว ลาวคือไทย เป็นชาติเดียวกัน แต่แต่ครั้งอยู่ราชคฤห์ แต่หนีตายมาคนละสาย มาบรรจบกันที่แม่น้ำใหญ่ๆ 4 สาย คือ แม่น้ำโขง เจ้าพระยา สาละวิน และแม่น้ำตาปี



ต่อมาเหตุการณ์บ้านเมืองในลาวเปลี่ยนแปลง เกิดกลียุค ราชวงศ์และราชบุตรเป็นศัตรูกัน ราชบุตรมักถูกรังแกใส่ความ ทนไม่ไหว จึงอพยพครอบครัวข้ามโขงมาอยู่อีกฝั่งหนึ่ง (ปัจจุบัน คือ จังหวัดหนองบัวลำภู) ราษฎรก็ทยอยติดตามมา โดยมีพระตาน้องชายราชบุตรเป็นหัวหน้า ราชวงศ์ยังยกกองทัพมารังแกห่มเหงอีก



ฝ่ายพระตาและพระวอก็ได้ถอยร่นลงมาสู่ดอนมดแดง คืออุบลราชธานีในปัจจุบันอย่างทุลักทุเล บังเอิญกองทัพทางเวียงจันทน์เสบียงขาดแคลนลง จึงต้องยกทัพกลับ หลังจากนั้นก็ได้ยกทัพมาตีอีกครั้งที่สอง ชาวดอนมดแดงได้ต่อสู้ถวายหัวเต็มกำลังความสามารถ



พระตาสวรรคตในสนามรบอย่างสมพระเกียรติ พระวอเห็นท่าไม่ได้การ ได้ให้ม้าเร็วนำสาส์นขอกองกำลังจากบางกอกไปช่วย สมัยนั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นพระมหากษัตริย์ จึงส่งกองทัพม้าเป็นทัพหน้าเดินทางไปก่อน กองทัพหลวงนำโดย สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เป็นแม่ทัพยกตามไป ชาวดอนมดแดงก็มีกำลังใจสู้ถวายหัว พอกองทัพหลวงยกมาถึง กองทัพทางเวียงจันทน์จึงแตกพ่ายกลับไป



ทั้งทัพม้าศึกและทัพหลวงแห่งบางกอก พร้อมกองอาสาสมัครแห่งดอนมดแดง ก็ติดตามไล่ตีไม่ลดละ จนถึงฝั่งโขง และข้ามโขงเข้ายึดนครเวียงจันทน์ได้ทั้งหมด



หลังจากชนะศึกแล้ว ชาวลาวได้ยินยอมพร้อมใจ มอบพระแก้วมรกต และพระบาง ให้มาประดิษฐานที่กรุงเทพฯ นี่คือสาเหตุที่พระแก้วมรกตมาประดิษฐานในประเทศไทย



ปีนั้นบางกอกเกิดฝนแล้ง โหรหลวงทำนายว่า เพราะพระแก้วและพระบางมาอยู่รวมกันเป็นเหตุ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก จึงส่งสาส์นแจ้งไปยังเจ้ามหาชีวิตลาว พระองค์ทรงยินดีรับคืน แต่ให้ส่งไปนครหลวงคือ กรุงศรีสัตตนาคนหุต ไทยได้ทำการสักการะจัดส่งอย่างสมพระเกียรติ ท่านพระอาจารย์มั่นเล่าอย่างนี้ ตั้งแต่วันพระบางไปถึงกรุงศรีสัตตนคนหุต ก็เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองหลวงพระบางมาจนบัดนี้



ท่านฯ ยังเล่าต่อไปว่า เดิมไม่ได้เรียกเมืองหลวงพระบาง เรียก “หลวงพระบ้าง” เพราะว่าทองที่หล่อนั้น เป็นทองหลายชนิด ผู้มีศรัทธาไปร่วมพิธีเททองหล่อนั้น มีทั้งสร้อยทองคำ ตุ้มหูทองคำ กำไลทองคำ เงิน ทองแดง นาถ ทองสัมฤทธิ์ เอาออกมาใส่ลงในเบ้าหล่อ โดยทุกคนก็กล่าวว่า ฉันบ้าง ข้าบ้าง กูบ้าง ข้าน้อยบ้าง เมื่อเป็นพระออกมาก็คงจะมีชื่ออย่างอื่น ชื่ออะไรท่านมิได้กล่าวๆ แต่คนนั้นก็ว่าพระบ้าง คนนี้ก็พระบ้าง ลักษณะชายจีวรบาง แผ่ออกทั้งสองข้าง เป็นแผ่นบางๆ คนภายหลังมาเห็น เลยกลายจากบ้าง มาเป็นบาง จากพระบ้างมาเป็นพระบางไป



หลังจากสมเด็จเจ้าพระมหากษัตริย์ศึก ได้เสวยราชย์เป็นรัชกาลที่ 1 แล้ว ได้ยกฐานะบ้านดอนมดแดงขึ้นเป็นเมืองให้ชื่อว่า เมืองอุบลราชธานี ตั้งพระวอเป็นพระวรวงศาธิราชครองเมืองอุบลฯ พระวรวงศาธิราชสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พ้นภัยพิบัติมาได้ จึงได้ประกาศเป็นทางการว่า แผ่นดินฝั่งขวาแม่น้ำโขงทั้งหมดขอขึ้นตรงต่อบางกอก ไม่ขึ้นตรงต่อเวียงจันทน์ ตั้งวันนั้นมาถึงปัจจุบัน ปรากฏอยู่ในแผนที่ประเทศไทยโดยสมบูรณ์

//board.palungjit.com/showthread.php?t=129968


โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.164 วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:34:03 น.  

 




เห็นภาพนี้...นึกถึงใครกันน้อ?



Photobucket>


โดย: สาวิกา วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:07:58 น.  

 

สวัสดีครับสมาชิกทุกๆท่าน



15 วิธี บำบัดอาการ "อกหัก" ด้วยตนเอง

อกหัก เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดคิด ผู้หญิงหลาย ๆ คนก็เลยจะมีปฏิกิริยาตอบรับกับการสิ้นสุดความสัมพันธ์เมื่อคนรักมาตีจากแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการหนีออกจากบ้าน ประชดแฟน เผื่อเขาจะตามมาง้อ บางคนก็ทำร้ายตัวเอง เขาจะได้สงสารกลับมาดูแลเราอีก บางคนประชดด้วยการกินทุกอย่างที่ขวงหน้า นั่นไม่เพียงแต่ทำให้เขาไม่กลับมา ซ้ำร้ายเรายังหาคนใหม่ไม่ได้ เพราะรูปร่างหน้าตาไม่ดึงดูดซะแล้ว

อันที่จริงเมื่อคนรักตีจาก นั่นหมายถึงว่า เขาอาจจะใช้ความอดทนอย่างสุด ๆ และรวบรวมความกล้าอย่างมากมาย ในการที่จะบอกเลิกรากับเราแล้ว เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น การมานั่งคอยห้วยหวังว่าเขาจะกลับมาอีก

คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้น้อยเต็มทน หรือถ้าเขากลับมาจริง คุณทั้งคู่ก็อาจจะต้องมาอยู่กับความรู้สึกเหมือนมีแผลอยู่ในใจ ลบยังไงก็ไม่หมด บางคนถึงกับหวาดระแวงพฤติกรรมของคนรักไปตลอดเลยก็มี

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อคุณประสบกับอาการอกหัก สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งคือการใช้ความรุนแรง ลองมาใช้วิธีการที่จะแนะนำต่อไปนี้ในการปรับอารมณ์ และปรับตัวปรับใจของคุณจะดีกว่า

1. ใช้เวลาของคุณให้เพลิดเพลินไปกับการ Shopping หาสถานที่ซึ่งคุณสามารถจะซื้อข้าวของเพื่อมาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่สดใสกว่าเดิม คุณอาจจะหาเพื่อนไปด้วยสักคนหรือสองคน เพื่อให้ช่วยกันออกความเห็นในการสร้างบุคลิกใหม่ ที่น่าดึงดูดใจให้กับคุณได้ด้วย งานนี้ต้องลงทุนกันหน่อย

2. เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ออกไปจากสถานที่เก่า ๆ นี้ซะ บางคนอาจจะถือโอกาสลาพักร้อนไปพักผ่อนไกล ๆ จะได้ไม่ต้องมานึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ ในสถานที่เดิม ๆ อีก แต่อย่าลืมชวนเพื่อนสนิทของคุณไปด้วยละ

3. ไปออกกำลังกายเพื่อให้รูปร่างของคุณดูดีขึ้น ก็น่าจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ อย่างน้อย ก็เป็นโอกาสที่เราจะได้เริ่มทำอะไรใหม่ ๆ อาจจะถือเป็นงานอดิเรกใหม่ ๆ หรือการเล่นกีฬาอะไรเป็นประจำ เช่นตีแบต ตีกอล์ฟ เล่นกีฬาทางน้ำ หรือบางคนอาจจะไปชกมวยเลยก็ได้ โอกาสนี้ ยังอาจทำให้คุณได้พบเพื่อน(ชาย) ใหม่ ๆ ด้วย

4. ตามใจตัวเอง ด้วยการไปอบไอน้ำ นอนแช่อ่างจากุชี่ อย่าไปคิดว่ากิจกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องเสียเวลา เพราะอย่างน้อย มันจะทำให้คุณรู้สึกสบายตัว และมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้

5. ถ้าคุณอยากร้องไห้ ก็ร้องไปให้เต็มที่เลย คุณอาจจะจัดงานปาร์ตี้เล็ก ๆ ขึ้นมาสักงานหนึ่ง เพื่อที่จะสลัดความน่าสงสารของคุณออกไป และถ้าคุณเกิดอยากร้องไห้ขึ้นมาในระหว่างนั้นละก็ ร้องให้เต็มที่เลย ซื่อสัตย์กับตัวเอง เชื่อเถอะ หลังจากนั้น คุณจะรู้สึกดีขึ้น และเมื่อเวลาผ่านไป คุณจะนึกขำกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น

6. จดจำความรู้สึกที่เลวร้าย ไม่ใช่นั่งคิดถึงเรื่องโรแมนติกของคนที่ตีจากคุณไป โดยคุณอาจจะนั่งลิสต์รายการออกมาเลยก็ได้ว่า คนรักเก่าของคุณ ได้กระทำอะไรที่ไม่น่ารักลงไปบ้าง แล้วรวบรวมมันออกมาเป็นเหตุผล ที่คุณจะบอกกบตัวเองได้ว่า นี่แหละ ทำให้ฉันไม่มีวันกลับไปนึกถึงคน ๆ นี้อีก

7. อะไรที่เป็นอนุสรณ์ของความรักเก่า ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย จดหมายรัก หรือตั๋วชมคอนเสิร์ตอันแสนโรแมนติก ทำลายมันซะให้หมด จะได้ไม่ต้องหยิบมาดูให้ช้ำใจอีกต่อไป

8. หยุดการออก Date ไว้ชั่วคราว ทำตัวเองให้ปลอดความเคยชินกับการไปไหนมาไหนเป็นคู่สักพักหนึ่ง คุณอาจจะแพคกระเป๋าใส่หลัง แล้วไปหากิจกรรมอื่น ๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว ใส่ความรู้สึกที่ว่า ไม่มีอะไรจะมาหยุดคุณได้ หรือใครใจกล้า ๆ อาจจะไป Bungee Jump ดูบ้างก็ได้

9. อย่าไปคิดว่าช๊อกโกแล็ต เป็นสัญญาลักษณ์แห่งความรัก ถ้าคุณคิดจะรับประทานมันเข้าไป ก็ให้คิดซะว่ามันเป็นขนมแสนอร่อย คุณอาจจะลองตามใจตัวเองในเรื่องของอาหารการกินบ้างก็ได้ เช่นเมื่อรับประทานอาหารมือค่ำแล้ว อาจจะตามด้วยของหวานที่คุณโปรดปราน เพราะตอนนี้ไม่มีใครจะมาคอยห้ามคุณแล้ว แต่ก็ต้องระมัดระวังเรื่องไขมันส่วนเกินเอาไว้บ้างนะ

10. ออกไปเต้นรำให้สุดเหวี่ยง โชว์ลีลานักเต้นคุณออกมาให้เต็มที่ อาจจะช่วยปลดปล่อยคามรู้สึกเศร้าสูญเสียของคุณลงไปได้บ้าง หรือคุณอาจจะลองไปเต้นรำในบรรยากาศแบบแปลก ๆ อย่างคาวบอยดูบ้างก็ไม่เลวทีเดียว

11. หาเวลาออกไปเที่ยวนอกเมือง โดยคุณอาจจะหาเพื่อนทั้งชายทั้งหญิงกลุ่มใหญ่ไปด้วยกันสักกลุ่ม เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

12. เมื่อคุณปรับเปลี่ยนบรรยากาศมาจนพอสมควรแล้ว ก็ต้องกลับมาเผชิญความจริง โดยคราวนี้ คุณอาจจะพร้อมแล้วสำหรับการออก Date ครั้งใหม่ แต่ก็อย่าลืมใช้เวลาในการเรียนรู้กันให้มากก่อนที่จะไปปักใจรักเขาเข้าเหมือนกับคนที่แล้วล่ะ

13. หาความรู้ที่สูงขึ้นมาใส่ตัว เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าตนเองมีค่ามากขึ้น โดยอาจจะไปสมัครเรียนถ่ายภาพ ปีนเขา หรือเข้าอบรมคอมพิวเตอร์เลยก็ได้ ทำตัวของคุณเองให้ยุ่ง ๆ เข้าไว้ และอีกอย่างหนึ่ง อาจจะมีใครดี ๆ ที่คุณจะได้พบในระหว่างการไปเรียนรู้หรือเข้ารับการอบรมนี้ก็ได้

14. หาสัตว์เลี้ยงที่มีความซื่อสัตย์กับคุณมาเลี้ยง ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ไม่เลวเลยทีเดียว

15. อย่าลืมว่า ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก อย่างที่ฝรั่งเขาชอบพูดว่า " There's plenty of fish in the sea "





โดย: นางเดินทัก IP: 222.123.72.23 วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:46:23 น.  

 

สวัสดีครับสมาชิกทุกๆท่าน


50 มุมมอง ข้อคิดดี ๆ ในชีวิต

1. เมื่อเด็กกำลังเติบโตเป็นวัยรุ่น มีความต้องการเป็นตัวของตัวเองสูง ผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจและใจแคบมักจะมองว่าเด็กดื้อ

2. คนเราจิตตกได้เป็นครั้งคราว อาจทำอะไรที่ไม่เหมาะสมได้ การรู้ตัวเองและให้อภัยตัวเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญ

3.คนอกหักไม่อาจตัดความโศกเศร้าได้ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว เวลาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเยียวยาความรู้สึกดังกล่าว

4.ให้เคารพแนวคิดของผู้อื่นบ้าง เสมือนหนึ่งเป็นอีกแนวคิดหนึ่งที่ต่างไปจากเราเท่านั้นเอง

5.ตนเองเสียเมื่อไหร่ที่คิดดี คิดชอบเป็นอยู่คนเดียว

6.ทำไปเพราะไม่รู้ ให้อภัยกันได้ รู้แล้วยังทำ คือ ความดื้อ

7.ก่อนที่จะว่ากล่าวถึงนิสัยไม่ดีของลูกนั้น ให้มองตัวพ่อแม่เองก่อนด้วยว่า เรามีส่วนผลักดันให้เขาเป็นเช่นนั้นด้วยหรือเปล่า

8.ความทุกข์ของมนุษย์ 100% เกิดจากการพยายามฝืนความจริงของธรรมชาติ

9.หากต้องอยู่กับคนที่ไม่เกรงใจกันเลย พูดกับเขาให้น้อยลง เล่นกับเขาให้น้อยลง

10.หากอยากได้อะไร ก็ควรเสียอะไรบ้าง

11.ถ้าเราปล่อยให้โลก เร่งตัวเรา ควบคุมตัวเรา จนเราขาดอิสระภาพ เราก็จะทุกข์ ถ้าเราจะเร่งโลก ควบคุมโลกให้โลกนี้เป็นไปตามความต้องการของเรา เราก็ทุกข์เช่นกัน

12.ความฉลาดอาจหลอกคนได้ ความจริงใจต่างหากที่จะชนะใจคน

13.การให้ความสำคัญกับกฎเกณฑ์มากไป ทำให้เราลืมธรรมชาติ ลืมความเป็นจริงได้ง่าย

14.อารมณ์เป็นตัวกำหนดความคิด ความคิดกำหนดพฤติกรรม หากจะเข้าใจพฤติกรรมของคนให้ถูกต้อง จึงต้องอ่านอารมณ์ให้ออก

15.การมองอะไร ว่าดี ว่าเลว ขึ้นกับว่าอารมณ์ของเราขณะนั้นเป็นอย่างไร

16.ทำอะไรก็แล้วแต่ ควรมีหลักการบ้าง แต่ต้องระวังอย่ายึดเป็นกฎเกินไป

17.อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเป็นคำพื้น ๆ ที่ใช้มาเตือนสติเราได้ดีตลอดกาล

18.การพยายามทำอะไรทุกอย่างให้ได้ การสงสัยอะไรทุกเรื่องเป็นความโง่ได้ก็เพราะว่าเรื่องต่าง ๆ ในโลกนี้มีตั้งหลายเรื่องที่ใช่ว่าเราจะรู้มันได้ง่ายและเรื่องอีกหลายเรื่องก็ไม่จำเป็นที่ต้องตอบให้ได้ด้วย

19.คุณธรรมส่อคุณค่าของมนุษย์มากกว่าความฉลาด

20.อะไรก็ตามแต่แม้ว่ามันจะจริง จะถูกต้อง แต่ถ้าการพูดออกไปนั้น มันไม่มีประโยชน์มีแต่ผลเสีย อย่าพูดดีกว่า

21.การขาดความเกรงใจต่อกัน ทำให้เราทะเลาะกันได้ง่าย การมีความเกรงใจต่อกันที่มากเกินไป ก็ทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง

22.ใครที่เขากล้าพูดความจริงกับเราออกมา นั่นก็เพราะเขามีความเชื่อมั่นว่าเราจะยอมรับเขาได้

23.การฝึกวินัยให้กับลูกนั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นการฝึกวินัยให้กับพ่อแม่ด้วย

24.หากลูกเป็นคนเฉื่อยชา เราคงต้องช่วยกระตุ้นให้กำลังใจ หากลูกเป็นคนเอาจริงเอาจังเกินไป เราคงต้องช่วยสอนให้ลูกได้ปล่อยวางบ้าง กฎเกณฑ์การเลี้ยงลูกของคนๆ หนึ่ง จึงไม่เหมือนของอีกคนๆหนึ่ง

25.เมื่อคิดจะเสนอความคิดเห็นต่าง ๆ ที่มองว่าดี ต้องมองถึงความเป็นจริง ความเป็นไปได้ด้วยเสมอ

26.แต่ละคนมีศักยภาพของตัวเองอยู่แล้ว เราจึงควรต้องให้เกียรติต่อกันบ้าง

27.เมื่อเป็นคนก้าวร้าวคนอื่นไม่เป็น ก็มักจะถูกคนอื่นรุกรานได้ง่ายเช่นกัน

28.ถ้าเราเชื่อเรื่องกรรม การตายก็ไม่ใช่วิธีการหนีปัญหาได้ตลอดไป เนื่องจากกรรมนั้น ๆ ยังไม่ได้ชดใช้ จนหมดวาระในตัวของมันเอง เกิดชาติหน้า กรรมเก่าก็จะติดตัวต่อไปอยู่ดี

29.การมองปัญหาในแง่มุมต่างกัน ในจุดต่างกันจะทำให้เข้าใจปัญหาได้ต่างกัน

30.เราจะให้อภัยตัวเอง กับผู้อื่นได้นั้น เราต้องเข้าใจในตัวเองและผู้อื่นได้ก่อน

31.การแก้ปัญหาทางบุคลิกภาพต้องอาศัยทั้งความจริงใจและการอดทนเป็นอย่างยิ่ง

32.ความเชื่อมั่นในตนเองเป็นเรื่องที่ดี แต่…ปัจจัยแห่งความสำเร็จนั้นก็หาได้ขึ้นอยู่กับเราคนเดียวไม่

33.เวลาที่พ่อแม่จะสะกิดฝีหนองให้ลูกนั้น พ่อแม่เองก็เจ็บปวดไม่น้อย

34.บางครั้งเราต้องการให้คนอื่นมาเข้าใจเรา มากกว่าที่เราอยากจะเข้าใจตัวเอง นั่นก็เพราะว่า เรายังเป็นมนุษย์ที่ยังมีความอ่อนแออยู่บ้าง

35.เรื่องที่คนเราประทับใจ มักจะลืมเลือนได้ยาก ก็เนื่องจากความประทับใจไม่ใช่ความจำนั่นเอง

36.จะมีเราอยู่…เขาก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีเราอยู่…เขาก็เป็นอย่างนั้น

37.หากเขาคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง จริงๆแล้ว เราเป็นได้แค่เพียงตัวกระตุ้นเท่านั้น

38.ถ้าเราเรียนรู้ธรรมะด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว เราจะสัมผัส " การรู้ " ได้ยากยิ่ง

39.ความสับสนในชีวิดมันเกิด ควรหาที่ยึดเหนี่ยวให้จิตใจได้พักเสียบ้าง

40.เรื่องของชีวิต มันมีจังหวะที่ต้องรอคอยอยู่บ้าง จะเรียกร้องให้มันได้ดั่งใจเสมอไปได้อย่างไรความจริงใจ หากถูกแปลเป็นแง่ลบแล้ว ใครยังอยากจะกล้าจริงใจให้อีก

41.เพราะความอยาก…มันถึงได้วุ่นวายกันเพียงนี้

42.ไม่ใช่ว่า ห้ามโกรธ แต่ให้รู้ว่าโกรธ ไม่ใช่แสดงความโกรธแต่ให้พูดออกมาว่าโกรธ

43.จิตและอารมณ์เป็นของแท้ ความคิด คือ ตัวปรุงแต่ง

44. หากเชื่อว่า " การบ่น " จะทำให้ลูกนิสัยดีขึ้นก็น่าจะลองดู ในเมื่อความเป็นจริงนั้น " การบ่น " มักจะยิ่งทำให้ลูกแย่ลงมากกว่าเดิมเสียอีก

45.ใครเขาจะเป็นอย่างไรก็ช่าง มันอยู่ที่…เรารู้สึกอย่างไรด้วยต่างหาก

46.หากพ่อแม่คาดหวังอยากจะให้ลูกเป็นคนดีนั้น พ่อแม่ต้องช่วยให้ลูกเป็นคนดีด้วย ( อย่าเพียงแต่หวัง )

47.พ่อแม่ หากมีความรักลูกมากไปแล้ว ก็ยากที่จะสอนวินัยให้กับลูกได้ดี

48.การเข้าใจคนอื่นได้ เป็นเรื่องที่ดี การเข้าใจตนเองได้ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี เรื่องที่แย่ และก่อให้เกิดทุกข์ได้มากก็ คือรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจเราเลย

49.กังวลเกินกว่าเหตุ…เชื่อมั่น มากเกินไป…ล้วนเป็นสิ่งที่เราต้องรู้จักตนเองอยู่เสมอ

50.การเร่งแก้ปัญหา โดยรีบคิดให้ตกทันที จะยิ่งสร้างปัญหาทางอารมณ์ได้มากยิ่งขึ้น








โดย: นางเดินทัก IP: 222.123.72.23 วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:58:00 น.  

 
...
การปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องสำคัญของตัวเองด้วยกันทุกคน การถูกกิเลสเผาจิตร้อนเร่าเศร้าหมองไปอย่างไร ก็ต้องสอบได้ ถ้าเป็นฝ่ายเผากิเลสได้ ดับกิเลสได้ จิตใจก็สงบได้ สะอาดได้ ว่างได้ แล้วอย่างนี้จะไม่น่าปฏิบัติกันอย่างไรได้ จะไปทอดธุระ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันก็ทุกข์อยู่ในตัว เพราะฉะนั้นต้องพยายามก้าวหน้าเรื่อยไปทีเดียว ถอยหลังไม่ได้เป็นอันขาด เพราะทุกข์มันจะเกิดใหญ่ กิเลสจะเผาใหญ่ ต้องก้าวหน้าเรื่อย ไป ทวนกระแสของกิเลสเรื่อยไป แม้จะผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะก็ต้องพยายามไป

การปฏิบัติธรรมก็ไม่ใช่ของง่าย ที่จะไม่ให้มีการพ่ายแพ้นั่นก็ไม่ได้ เพราะกิเลสในสันดานมันยังเสนอหน้าเข้ามาอยู่เรื่อย ฉะนั้นต้องพยายามมองเข้าด้านในตะพึดไปจึงจะได้มีเครื่องมือที่คมเฉียบขึ้นมา เพื่อฝ่าฟันกิเลสตัณหาซึ่งมันก็อยู่ภายในนั่นแหละ มันเป็นข้าศึกลึกลับ ต้องพยายามดับทำลายมันให้ว่างเปล่าไปจากจิตใจให้ได้
...
กิเลสตัณหาอุปาทานภายในสันดานมันมีหลายชั้น ขั้นหยาบ ขั้นกลาง ขั้นละเอียด สำหรับขั้นหยาบที่พอจะรู้ได้ จับได้ ละได้ ก็เห็นผลกันอยู่แล้ว ส่วนขั้นกลางหรือขั้นละเอียดมันเป็นของลึกซึ้งมาก มันหลอกให้รวนเรเถลไถลไป เพราะมันเห็นว่าเป็นสุขแล้ว การปฏิบัตินี่จะต้องไม่หลงความสุข จะต้องพิจารณาให้เห็นความทุกข์โดยส่วนเดียว และทุกข์นี่มันก็เป็นทุกข์ของธรรมชาติ ไม่ใช่ทุกข์ของเรา ข้อนี้เป็นข้อที่จะต้องพิจารณาซ้ำซาก ให้เห็นชัดๆ ลงไปให้ได้ มันเป็นธรรมชาติจริงๆ ไม่มีตัวเรา ไม่ใช่ของของเราจริงๆ แล้วจิตนี่จะได้ไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่น มันจะได้ปล่อยได้วางออกไป แล้วมันจะได้ว่างจากตัวตน ว่างจากตัวตนให้มากเป็นพิเศษทีเดียว
...
ท่าน ก เขาสวนหลวง

_/|\\_


โดย: times IP: 124.122.154.36 วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:18:18 น.  

 
วันนี้วันอาทิตย์นะจ๊ะ

ถ้าได้เจอคนรักก็ดีนะ

เพราะหัวใจจะได้เป็นสีแดง

เหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังส่องแสงมา

ไงหระ จาก.....ลูกหว้า
ค่ะ


โดย: ลูกหว้า IP: 112.142.130.5 วันที่: 11 ตุลาคม 2552 เวลา:9:39:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวิกา
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]























Friends' blogs
[Add สาวิกา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.