สโลแกน แทนใจ ไว้ให้คิด แม้มิ่งมิตร ผู้อยู่ห่าง กลางความฝัน ไม่เห็นหน้า แต่วาจา พาทีนั้น คละเคล้ากัน ปันสุขทุกข์ ทุกวี่วัน
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
20 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
เปลี่ยนบรรยากาศ

สวัสดีค่ะ...พลพรรคคนน่ารักทุก ๆ ท่าน


วันนี้ไม่อยู่บ้านอีกตามเคย ...มีกิจกรรมตั้งแต่เช้าเลยค่ะ

กิจกรรมแรก ...สอนเด็ก ต้องใช้ความอดทนมากเลย เพราะเด็กสมัยนี้สมาธิสั้นมาก ดุก็ไม่ได้ ไม่ดุก็ไม่สนใจกัน กว่าจะหมดชม.ทำใจพอสมควร ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้ทำ

ตอนบ่าย ...นอนให้คุณหมอฝังเข็มให้ ...คุณหมอน่ารักมั่กมาก มาตรวจ-รักษาให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เป็นหมอทหาร และเป็นผู้ภาวนาด้วย ทั้งรักษา และแนะนำให้คนไข้ภาวนาอีกต่างหาก ...

คุณหมอถามว่าเป็นอะไร พอบอกไม่ได้เป็นอะไร แค่อยากอ้วน คุณหมออมยิ้มขำอ่ะ ...คุณหมอถามเรื่องสุขภาพ กินได้ ถ่ายคล่อง นอนหลับดีมั๊ย แล้วแมะให้ ...แค่แมะมือนิดเดียวคุณหมอทักเลยค่ะ ความร้อนเยอะแบบนี้จะอ้วนได้งัย? คุณหมอเลยฝังเข็มหลายเล่มเพื่อปรับสมดุลของธาตุในร่างกาย ตั้งแต่เท้า เข่า แขน 2 ข้าง ที่พุง และที่ศีรษะ แล้วให้นอน นอนนานแค่ไหนไม่รู้เหมือนกัน เพราะหลับไปเลย ...แต่รู้สึกถึงลมที่เดินผ่านแต่ละจุดที่ฝังเข็มเหมือนกันนะคะ

ตกเย็น... กลับถึงบ้านได้ไม่ทันได้ทำไรเลย น้องสาวชวนไปโยนโบวลิ่งค่ะ มีบัตรฟรีอยู่วันนี้วันสุดท้าย เอ้า...ไปประลองฝีมือเสียหน่อย (พรุ่งนี้จะเดี้ยงอะป่าวก็ม่ายรู้ เพราะไม่ได้เล่นมานานมากกกกกกกกแล้ว) เผลอทิ้งเวลาไปหลายนาทีเชียวละค่ะ



หึหึ ...ดูลีลาซะก่อน


Photobucket>




เดากันหน่อยจิ ... พินนี้เก็บสแปร์ได้ป่าวน้อ?

Photobucket>








Create Date : 20 เมษายน 2551
Last Update : 26 เมษายน 2551 13:53:52 น. 92 comments
Counter : 2174 Pageviews.

 
อุอุ .. ตามมาแย้วววว

เจ้าแม่จ๋า .. รู้สึก link ที่เจ้าแม่ให้นี่จาไม่เวิร์คนาคะ

แต่รอคนอื่นๆ มาลองด้วยดีก่า


โดย: times IP: 124.120.210.100 วันที่: 20 เมษายน 2551 เวลา:21:52:05 น.  

 




โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:9:14:14 น.  

 
ซาหวัดดีค่ะ ทุกๆท่าน



โดย: ยายลิง IP: 125.24.240.165 วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:10:25:28 น.  

 
สวัสดีค่ะ ...พลพรรคทุก ๆ ท่าน


Photobucket>






Photobucket>


Photobucket>


โดย: สาวิกา วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:12:30:33 น.  

 
สวัสดีครับทุกๆท่าน


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:12:41:23 น.  

 
สวัสดียามบ่ายค่ะ



โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:14:03:18 น.  

 
สวัสดีวันจันทร์ค่ะ

วันนี้งานยุ่งมากๆๆค่ะ

เอานิตยสารบ้านอารีย์เล่มห้ามาฝากก่อนค่ะ

ใครว่างไปรับได้ที่บ้านอารีย์นะคะ

//www.baanaree.net/uploads/uploads/magazine/Aree_mag_5_for_Web.pdf



โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.81.248 วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:14:10:46 น.  

 
ผมไปงานบุญแผ่นดินที่วัดพระแก้วมาครับ แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน ได้แต่นัง่อยู่หน้าประตูอุโบสถ ซึ่งก็เห็นพระแก้วเหมือนกัน น่าแปลกตรงที่เป็นที่ว่างเหมือนโดนจองไว้ให้ ้ผมพอดี อิอิ เพราะไปสายประมาณ7.30กว่าไปแล้ว คุณอบ และเปิ้ล ที่เคยเห็นหน้าผม อาจจะเห็นภาพผมติดในรูปของคุณมหาเทพครับ
ผมไปตามหาพี่อรไม่ได้เลยเพราะคนแน่นมาก ขึ้นไปก็ไม่รู้จะไปตามยังไงไม่มีhint เพิ่งมาอ่านเจอว่าตัวอ้วนๆ ซึ่งตรงข้ามกับที่พี่ลงภาพเก่าไว้ในกระทู้รวมพลที่ ี่ลานธรรม แล้วผมก็ไม่ได้ตามไปที่วังสราญรมย์ด้วยครับ มัวนั่งภาวนาอยู่กับพระแก้วมรกตต่อครับ โอกาสหน้าถ้านัดไว้ดีๆคงอาจได้เจอครับ งานนี้ดีครับ ผมชอบ ได้ใช้หนี้แผ่นดินด้วยครับ
แล้วก็ไปนวดแผนไทยที่วัดโพธ ิ์ เอ การรักษาฝังเข็ม ที่คุณสาวิกาพูดถึงนี่น่าสนใจ แพงไหมครับอยากลองรักษาดู จะติดต่อได้ไง
พอออกมาจากวัดโพธิ์เหมือนธรรมะจัดสรร มาเจอขบวนคบไฟโอลิมปิกตรงแยกกรมการ รักษาดินแดน พอดี เห็นกำลังเปลี่ยนคบไฟด้วย
ได้ไปที่ดิโอลด์สยาม ไปได้ความรู้เดาๆว่า จีนไทยพี่น้องกัน มีส่วนให้ไทยรักษา ความมั่นคงระหว่างประเทศได้ดีขึ้นครับ ไม่รู้จริงหรือเปล่า

ฝากเมสเสจบอกเปิ้ลให้มาบอกให้กระทู้นี้ อนุโมทนาบุญไถ่โคกระบือกัน ด้วยเมื่อวันอาทิตย์ก็ไม่ลงให้ สงสัยคงลืม
ผมได้ไถ่โคหมายเลข52ไป1ตัวจาก283ตัวครับ ณวัดราชโอรสาราม มีอธิบดีกรมปศุสัตว์หรือตัวแทนมากล่าวรับมอบ บัตรเอทีเอ็ม ผมหายครับ เลยไปแบบจนๆ นั่งรถเมล์ไปต่อรถไป ลุ้นว่าเงินจะพอไหม ได้ฉีดน้ำให้ควายที่มาปล่อยเป็นร้อยมันเดิน มาหาสายน้ำดีมากครับ ไม่กลัวเลย ภารโรงสถานที่จำได้เพราะผมชอบแจกพระเครื่องให้ เลยไม่ว่าที่ฉีดน้ำให้กระบือครับตอนบ่ายได้ถวายน้ำปานะพระที่เพิ่งออกจาก สวดพระปาฏิโมกข์ในอุโบสถ วัดปากน้ำพระอารามหลวง ที่ผมเคยบวช สนุกบันเทิงมากครับ พระภิกษุรุ่นที่ผมเคยบวชและเป็นรองประธานรุ่น เข้ามาทัก มาให้พร อนุโมทนา เมตตามากครับ
ถวายไปขอพรตั้งสัจจะไป คุณแม่ชีก็คุยธรรมะไปด้วย รู้ขนาดบอกว่าผมชอบปฏิบัติกับพระธาตุ ได้อนุโมทนาบุญที่อิสาณวันสรงกรานต์กับผม คณะท่านมีเมตตามากครับ ช่วยให้ผมและคุณoreo1234 ได้สร้างบุญใหญ่ๆกับพระที่เข้าและเพิ่ง ออกจากกรรมฐานเกือบทั้งวัดเพรียบ ทั้งน้ำปาณะและเทียนปาฏิโมกข์
ธรรมะสวัสดีครับ


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:14:58:39 น.  

 
>>>
ฝากเมสเสจบอกเปิ้ลให้มาบอกให้กระทู้นี้ อนุโมทนาบุญไถ่โคกระบือกัน ด้วยเมื่อวันอาทิตย์ก็ไม่ลงให้ สงสัยคงลืม
>>>



ข้อความฝากให้มาบอกกระทู้นี้อนุโมทนาบุญกัน ....



ขออภัยที่ไม่ได้รับค่ะ


โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:16:38:57 น.  

 
เออ จริงด้วยแฮะ ผมไปเช็คที่โทรมือถือเบอร์ใหม่ที่ใช้ส่ง SMS
พบว่า ข้อความแจ้งอนุโมทนาบุญที่ส่งให้เปิ้ล ค้างส่งเป็นจำนวนมากที่เครื่อง ทำไมก็ไม่รู้ ต้องขออภัยด้วยครับ นึกว่าส่งข้อความออก ไปแล้วครับ
เครื่องคอมฯผมก็โดนแกล้งด้วย อ่านกระทู้นี้ท่ามกลางความมืด ต้องแกะตัวหนังสือที่ละตัว เวลาอ่านเวลาเขียน
แต่ก็ยังดีกว่าแต่ก่อน ช่องลงกระทู้ไม่โดนบัง สามารถส่งข้อความได้ ต้อง มี ทมะ และขันติต่อไปครับ


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:17:57:51 น.  

 




























โดย: ฯIฯ IP: 117.47.132.158 วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:19:53:53 น.  

 
ขออนุโมทนากับทุก ๆ บุญกุศลของคุณมุ่งฯ ที่เพียรกระทำโดยดีงามด้วยค่ะ

เรื่องการฝังเข็ม ...ต้องบอกก่อนเลยว่าคุณหมอแผนปัจจุบันน่ะไม่ค่อยได้แอ้มเงินของเจ้าบ้านหรอกค่ะ

ปกติจะคอยดูแลตัวเองไม่ให้ป่วย เวลาป่วยมักจะรักษาตัวเองด้วยธรรมโอสถ ยาที่ใช้มักจะเลือกใช้พวกสมุนไพรก่อน ถ้าไม่ได้ผลจึงจะใช้ยาปัจจุบัน

การฝังเข็ม ...เป็นศาสตร์ที่น่าอัศจรรย์อย่างหนึ่งเจ้าบ้านใช้เป็นการปรับธาตุภายใน ไม่ค่อยได้เป็นการรักษาเท่าใด ...

เวลาไปสวนสันติธรรม จะมีญาติธรรมท่านหนึ่ง ที่ท่านแมะเป็น ฝังเข็มเป็น ท่านจะรักษาให้เป็นวิทยาทานเช่นกันค่ะ ...

วันอาทิตย์ที่ไปฝังเข็มนั้น คุณหมอท่านนี้ท่านมารักษาให้เป็นวิทยาทาน ...ไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ท่านจะมารักษาให้ที่ห้องหนังสือเรือนธรรม ถ.พิชัย ทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 15.30 - 17.00 น.

ปกติท่านรักษาอยู่ที่รพ. และมีคลีนิคของตัวเองอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ด้วย

คุณหมอจะเน้นคนที่ป่วย สุขภาพไม่ดี อาทิ เป็นไมเกรน ปวดเมื่อยตามข้อ ตามกระดูก เครียด นอนไม่หลับ ข้อต่าง ๆ เสื่อม ฯลฯ...แต่เมื่อวานท่านมาเป็นครั้งแรก คนไข้ยังไม่มี เจ้าบ้านเลยเสนอตัวเป็นคนไข้ (หน้าม้า) คนแรก (ตามเคย) ค่ะ

พอคุณหมอถามเป็นไร ...เลยแบ๊ะๆๆๆๆ ไม่มีโรคให้รักษา คุณหมอเลยปรับสมดุลธาตุให้ ...ถามว่าเจ็บมั๊ย ก็เจ็บนิด ๆ ตอนจิ้มเข็ม กับจะรู้สึกจิ๊ด ๆ เวลาที่เลือดลมภายในกำลังเดินบ้างเป็นบางครั้ง

ถ้าคุณมุ่งฯ หรือพลพรรคท่านใดสนใจ อาทิตย์ไหนว่าง ๆ ลองไปใช้บริการดูได้นะคะ ...ถือโอกาสประชาสัมพันธ์ให้ซะเลย


Photobucket>


โดย: จัง..โก๊ะ IP: 124.120.108.54 วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:20:31:41 น.  

 
>>คห # ๑๒





++++++++++++

เจ้าแม่จ๋า ..

เปลี่ยนรูปในกรอบลง คห เป็นสีอ่อนๆ
และไม่มีตัวอักษรคอยบังเวลาเขียน ..
ดีกว่านะคะ

แบบลายผีเสื้อนี้ .. สวยดีค่ะ


โดย: times IP: 124.120.206.253 วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:21:29:44 น.  

 










โดย: อำไพพร IP: 125.27.34.251 วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:21:38:42 น.  

 

รูปไม่ยอมปรากฏง่ะ.


โดย: อำไพพร IP: 125.27.34.251 วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:21:41:43 น.  

 
ซาหวัดดีคุณย่าอำค่ะ

ไม่เห็นรูปนะคะ .. นู๋ลองเข้าไปดูที่ต้นเว็บ
เป็นเกี่ยวกับการลงรูปโดยมะให้ขึ้นกรอบหรือปล่าวคะ ?

วันนี้ ต้องขอตัวก่อนนะคะ

ปล. อุอุ .. อีกทีเถอะ
ชอบ คห# ๑๒ มากกกกก ...


โดย: นู๋เวลา IP: 124.120.206.253 วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:21:48:09 น.  

 
โอ้โห ... เจ้าย่าฯ ยิงมาเป็นชุดกระจุย กระจายเลยแฮะ ...แต่รูปมิปรากฏ

อ้างอิง>>>ปล. อุอุ .. อีกทีเถอะ
ชอบ คห# ๑๒ มากกกกก ...โดย: นู๋เวลา<<<

ชอบคห# ๑๒ หรืออาไรกันจ๊า?
หึหึ ...ลองทายจิ เจ้าแม่ชอบอาราย? 555


โดย: สาวิกา วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:22:04:26 น.  

 
Photobucket>






Photobucket>


โดย: สาวิกา วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:22:14:16 น.  

 
สุขสันต์ ...วันอังคาร

วันนี้รีบมาแต่เช้า เพราะมีภาระกิจด่วน ตอนนี้ภาระกิจรีบด่วนเรียบร้อยแล้ว ...

จิบกาแฟยามเช้า และเม้าท์ได้



Photobucket>

จิบกาแฟแล้ว แต่ยังหาคนมาเม้าท์ด้วยไม่ได้ ช่วงนี้คงเป็นช่วงที่หลาย ๆ ท่านต้องการความสงบของใจ ...เจ้าบ้านก็เช่นกัน

ก็เช่นเคย บ้านนี้มีไว้เพื่อผ่อนคลาย แลกเปลี่ยน เป็นมุมสงบไว้เข้ามาเพื่อพักผ่อน สนทนากัน...ใครว่าง ใครสะดวก ใครไม่สะดวก ตามอัธยาศัยนะคะ


Photobucket>


เจ้าบ้านขอเข้ามุมส่วนตั๊ว ส่วนตัวก่อนค่ะ ...เลือกมุมส่วนตัวกันตามอัธยาศัยของทุก ๆ ท่านเช่นเคยค่า


Photobucket>





Photobucket>



Photobucket>


เห็นโซฟาแบบนี้ ... ทำให้นึกถึงใครกันนะ?


โดย: สาวิกา วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:8:57:37 น.  

 


โดย: สาวิกา วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:9:10:20 น.  

 




โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:9:21:41 น.  

 
..
นี่แหละมันเป็นอยู่อย่างนี้ เรื่องธาตุทั้งหลาย
แล้วจิตผู้รู้เห็น ผู้อยู่ภายในนี้
ต้องตั้งจิตตั้งใจให้ดี
อย่าไปอ่อนแอท้อแท้ไปตามกิเลสมาร

กิเลสนั้นมันสำคัญ มันรู้เพราะมันอยู่ในใจ
สังขารมารอันนี้มันอยู่ในดวงจิตผู้รู้นั้นเอง
มันเป็นผู้ปรุงผู้แต่ง ผู้คิดผู้นึก ให้จิตใจผู้รู้อยู่นั้นหลงใหลไป

...

นักภาวนาทั้งหลาย ท่านจึงไม่ยอมให้จิตใจนี้หลงไปตามสังขารมารกิเลสต่างๆ
ที่ว่าให้เลิกให้ละ ให้ดับเรื่องราวอดีตอนาคต
ก็คือว่าจิตสังขารมารกิเลสนี้แหละมันเอาเรื่องเหล่านั้นมาหลอก มาโกหกพกลมวันยังค่ำ คืนยังรุ่ง

เพราะจิตไม่ตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่มีปัญญาญาณเกิดขึ้น
มันหลงใหลไปเสีย หลงไปกับกิเลสราคะ โทสะ โมหะ
เมื่อมันหลงใหลไปแล้ว สิ่งที่ไม่ดีนั้นมันเลยเห็นเป็นดีขึ้นมา

สิ่งที่ไม่เที่ยงนั้นมันเห็นเป็นของเที่ยง มั่นคง ถาวร ยั่งยืน
เหมือนกับว่ามันจะไม่แก้ไม่ไข ไม่ตาย อย่างนั้นแหละ

...

หลวงปู่สิม



โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:9:30:18 น.  

 
ซาหวัดดีค่ะ ทุกๆท่าน..

แอบ..แว๊บหนีมารายงานตัว
พรุ่งนี้ขอลาไปชะอำ-หัวหิน 1 อาทิตย์นะคร้า
จะเที่ยวเผื่อนู๋กา..มุมสงบแบบในรูปภาพอะค่า


โดย: ยายลิง IP: 125.24.221.99 วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:11:04:56 น.  

 




+++++++++++

ซาหวัดดีคุณยายลิงค่ะ
เดินทางปลอดภัยนะคะ


โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:12:02:10 น.  

 
อิจฉาพี่ลิงจังเรยยยค่า

เที่ยวให้สนุก พักผ่อนให้สบายใจ

นำความสนุก ความสุข ความเบิกบานกลับมาฝากด้วยนะคะ



พี่ชายไปด้วยป่าวน้อ?


โดย: สาวิกา วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:12:03:01 น.  

 









มุมของหวานหลังอาหารค่ะ




โดย: สาวิกา วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:12:13:48 น.  

 
สวัสดีครับสมาชิกทุกท่่าน

สวัสดีครับคุณย่าอัก จะลงรูปอะไรเยอะแยะล่ะครับ

ขอให้คุณยายลิงเที่ยวทะเลโดยสวัสดิภาพ
และมีความสุขครับ

เวลาแนะนำคุณหมอฝังเข็ม ทำไมคุณสาวิกามีรอยยิ้มแสแยะอย่างนั้นละครับ ทำให้ผมระแวง ยังไงก็ไม่รู้ ว่าแต่ว่าถนนพิชัยอยู่ไหนล่ะครับ คลับคล้ายคลับคลา เผื่อมีโอกาสไป

อ้างอิง>>>ปล. อุอุ .. อีกทีเถอะ
ชอบ คห# ๑๒ มากกกกก ...โดย: นู๋เวลา<<<
ชอบอะไร ตรงไหน เฉลยให้ฟังด้วยสิครับ

อ้างอิง>>>ชอบคห# ๑๒ หรืออาไรกันจ๊า?
หึหึ ...ลองทายจิ เจ้าแม่ชอบอาราย? 555<<<
น่านนะสิ รู้กันอยู่สองสามคน ไอ้เราก็เซ่อซ่าอยู่คนเดียวมั้งนี่
อนุโมทนาธรรมะจากลป.สิมครับเปิ้ล ลป.ท่านเป็นองค์หนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผม เชื่อมั่นและปรารถนาพุทธภูมิ ท่านเคยแสดงธรรมแบบเฉพาะหน้าใกล้ๆห่างกัน ไม่เกิน2ช่วงคนกระมัง รู้สึกที่บ้านเรือนไทย (ตอนนั้นเพิ่งเริ่มไม่รู้ว่าอะไร เป็นอะไร) สัมผัสความมหัศจรรย์แห่งธรรมได้ จนรู้สึกได้ถึงปัจจุบัน รวมทั้งรู้สึกจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า เราพึ่งเริ่มต้นขนาดนี้ ท่านยังเมตตาเย็นสบาย แสดงธรรมจ้องหน้่าเฉพาะเรา เรื่องบารมีสิบ ธรรมการเป็นพระพุทธเจ้า (ในทำนองนี้ครับ) บรรยากาศเหลืองไปทั้งบริเวณศาลา ที่ท่านและผมนั่งอยู่ เป็นบุญน่าปิติภูมิใจในครั้งนั้นมากครับ
ลป.ที่ผมสัมผัสรัศมีบรรยากาศสีเหลือง (คล้ายๆดอกไม้ของพื้นหลังที่ลงกระทู้นี้) ที่ผมสัมผัสได้เด่นชัดแรงมากอีกรูปหนึ่งจาก หลายๆองค์ ก็คือลป.จันทร์แรมครับ
เปิ้ลมีความเห็นธรรมะอะไรดีๆก็มาลงให้อ่านอีกนะครับ สาธุล่วงหน้าครับ
ธรรมะสวัสดีครับทุกท่าน


วันนี้เป็นวัน Earth dayครับ ในนี้มีใครรัก Earth รักโลกบ้างครับ






Celebrate our Earth! Celebrate Life!

April 22nd is officially Earth Day but really EVERY day is Earth Day!

Earth Day 2006 theme was "climate change solutions campaign" and that could not be more timely or more important as we learn about global warming, the impact it is having and simple steps we can make today to affect a healthier tomorrow.

Global warming is real. The theme is a strong reminder of our importance in the world and how our choices today will affect our future and the future of our children. We have an impact on the health of our planet, our future, and a strong, healthy world for our children.

Celebrate Earth, Protect our Planet and our Future. Here are ten things we can do now to take control and slow down global warming. Even just keeping it from dropping one degree will be safer for us. Once we stop overburdening our world, we can work with Mother Nature to correct it. There is no longer time for delay in this critical issue.


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:13:19:56 น.  

 
สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน
ขออนุญาตนำมาฝากครับ


ไม่ห่างจากรุงราชคฤห์ มีบ้านตำบลหนึ่งชื่อว่า นาลันทา มีบุตรชื่อว่าอุปติสสมาณพ
และทีหมู่บ้านโกลิตคาม มีบุตรชื่อว่า โกลิตมาณพ
ตระกูลทั้งสองเป็นมิตรสหายกันมาแล้ว ๗ ชั่วคน
มาณพทั้ง ๒ เมื่อเจริญวัย ก็เรียนอยู่ในศิลปศาสตร์ทั้งปวง
เมื่อไปดูการละเล่นก็ไปด้วยกัน นั่งร่วมกัน ในกาลครั้งหนึ่งไปดูมหรสพ
มิได้มีความยินดีหมือนครั้งก่อนๆ
เหตุบารมีญาณแก่กล้า จึงดำริกันว่า ไม่มีประโยชน์อันใดในการดูมหรสพนี้
อายุของคนเราไม่ถึง ๑๐๐ ปีก็แตกทำลาย หาบัญญัติมิได้ ควรที่เราจะแสวงหาโมกขธรรม
เมื่อดำริเช่นนี้ จึงชักชวนบริวารรวมเป็น ๕๐๐ คน บวชในสำนักของ
สัญชัยปริพาชกผู้เป็นอาจารย์ใหญ่อาศัยอยู่ ณ กรุงราชคฤห์นั้นเอง
เมื่อบวชแล้วไม่นานก็เรียนจบลัทธิของอาจารย์ แต่ยังไม่พอใจโดยเห็นว่า
ลัทธิของสัญชัยอาจารย์นี้ ไม่อาจยังโมกขธรรมให้เกิดขึ้นได้
จำเดิมแต่นั้น ปริพาชกทั้ง ๒ ได้สดับข่าวสมณพราหมณาจารย์ที่เป็นปราชญ์มีอยู่ในที่ใดๆ
ก็ไปสู่ที่นั้นแล้วกล่าวถามปัญหา โดยทำนองนี้ได้เที่ยวไปทั่วชมพูทวีปทุกแห่ง
ก็หาไม่พบนักปราชญ์ที่สามมารถแก้ปัญหาโมกขธรรมได้ ก็พากันกลับสำนักอาจารย์
แล้วทำกติกากันว่า เราทั้ง ๒ นี้ ถ้าผู้ใดได้อมตธรรมก่อน ก็จงบอกอีกผู้หนึ่งบรรลุอมตธรรม

ต่อมากาลครั้งหนึ่ง อุปติสสปริพาชกได้พบท่านพระอัสสชิเถระกำลังบิณฑบาตอยู่ในกรุงราชคฤห์
มีกิริยามารยาทเรียบร้อย เกิดศรัทธาเลื่อมใส จึงติดตามไปข้างหลัง
เมื่อท่านฉันอาหารเสร็จแล้วจึงเรียนถามว่า
อาวุโส อินทรีย์ของท่านผ่องใสยิ่งนัก ผิวพรรณก็ขาวบริสุทธิ์ ท่านบรรพชาในสำนักท่านผู้ใด
ใครเป็นครูอาจารย์ของท่าน อาจารย์ของท่านกล่าวสอนเช่นไร”
ท่านพระอัสสชิ ขอแสดงแต่โดยย่อ” และกล่าวว่า

เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตํ ตถาคโต อุ
เตสญฺจ โย นิโรโธ เอวํวาที มหาสมโณติ

ธรรมเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น

และเหตุแห่งความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีปกติตรัสอย่างนี้

“ธรรมทั้งหลายเหล่าใดเกิดแต่เหตุ ธรรมเหล่านั้น เมื่อเหตุนั้นดับก็ดับสูญไป
พระมหาสมณะตรัสดังนี้” อุปติสสปริพาชกพอได้สดับพระคาถา ๒ บทต้น ก็บรรลุโสดาปัตติผล
จึงถามว่า “พระบรมครูของเราประทับอยู่ ณ ที่ใด” เมื่อทราบว่า ประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร
จึงกล่าวว่า “ขอพระผู้เป็นเจ้าจงไปก่อน ข้าพเจ้ายังมีสหายอีกคนหนึ่งทำสัญญากันไว้
ข้าพเจ้าจะกลับไปเปลื้องปฏิญญาเสียก่อน แล้วจะพาสหายไปสู่สำนักของพระบรมครู”
แล้วกราบลาพระมหาเถระกลับไปยังปริพาชการาม

อุปติสสะได้บอกเรื่องราวให้ฟังแล้ว กล่าวคาถานั้น พอจบโกลิตะก็บรรลุโสดาปัตติผล
ทั้งสองจึงพากันไปชวนอาจารย์สัญชัย แต่อาจารย์ไม่ไป จึงลาอาจารย์ แล้วชักชวนบริวารได้ ๒๕๐ คน
พากันไปเฝ้าพระบรมศาสดาพระพุทธองค์ทรงเทศนาโปรด
พอจบลงปริพาชกที่เป็นบริวารทั้งหมดได้บรรลุอรหัตตผล เว้นแต่ ๒ สหาย

พระองค์ทรงเหยียดพระหัตถ์ ประทานอุปสมบท เป็นภิกษุด้วยกันทั้งสิ้น
จำเดิมแต่อุปสมบทแล้วได้ ๗ วัน โกลิตภิกษุอันสพรหมจารีเรียกท่านโมคคัลลานะ
ไปเจริญสมณธรรมที่บ้านกัลลวาลมุตคาม ถูกถีนมิทธะครอบงำนั่งโงกง่วงอยู่
พระพุทธองค์เสด็จไปทรงบรรเทาแล้วประทานพุทธโอวาทใน
ธาตุกัมมัฏฐานภาวนา ก็ได้บรรลุอรหัตตผล
ฝ่ายอุปติสสภิกษุ ที่สหธรรมิกเรียกกันว่าสารี ได้ตามเสด็จไปยังถ้ำสุกรขาตา
ได้สดับเวทนาปริคคหสูตร ที่ทรงแสดงแก่ฑีฆนขปริพาชกซึ่งเป็นหลานของท่าน
ก็ได้บรรลุอรหัตต ผล หลังจากที่อุปสมบทได้ ๑๕ วัน ในวันนั้นเอง
อันเป็นวันเพ็ญแห่งเดือนมาฆ(เดือน๓) เป็นวัน จาตุรงคสันนิบาต
พระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์
และทรงประทานตำแหน่งอัครสาวกฝ่ายขวาแด่ท่านพระสารีบุตรเถระ
ฝ่ายซ้ายแด่ท่านพระโมคคัลลานะ ณ ท่ามกลางพระอรหันตขีณาสพทั้งปวง


//www.larnbuddhism.com/webboard/index.php?topic=532.msg6435;topicseen#new


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:13:54:33 น.  

 
มารายงานตัวค่ะ

รูป เจ้าแม่ กับ ลูกโบว์ลิ่ง สวยค่ะ
(มิรุใครสวยกว่ากัน หุ หุ หุ)
แต่ที่แน่ ๆ น้องวิว น่ารักค่ะ

<<< อ้างอิง
ชอบคห# ๑๒ หรืออาไรกันจ๊า?
หึหึ ...ลองทายจิ เจ้าแม่ชอบอาราย? 555 >>>

ชอบ "ชุดเหลือง" แน่เลย
อยากใส่บ้างอะจิ 5555555

ได้เห็นรูป ด้านข้าง ของคุณมุ่งฯ แล้ว
วันนั้นคนเยอะมาก ๆ หากันยาก
ดีว่าคุณมหาเทพถ่ายรูปได้สวยงานดีจัง
ถ้ามีโอกาส คงได้เจอกันที่วัดพระแก้วค่ะ คุณมุ่งฯ



โดย: โอรัช IP: 203.157.48.252 วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:16:05:51 น.  

 
อ้างอิง>>>ชอบ "ชุดเหลือง" แน่เลย
อยากใส่บ้างอะจิ 5555555 <<<

หึหึ ... จะมีใครรู้ใจนู๋กาเท่าพี่อรเป็นไม่มีอีกแย้ววววว ...ถูกใจคนนำมาฝากต่างหากอ่ะ ถ้านู๋กาใส่ชุดเหลือง ก็คงเหมือนนายแบบคนนั้นอะแระ ดูได้ซะได้หนายอ่ะ แหะ ๆๆๆๆ


โดย: สาวิกา วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:16:15:07 น.  

 
พี่อรทราบได้อย่างไรครับ

ใครนะเป็นสายลับรายงาน คุณอบ หรือเปิ้ลหนอ


ธรรมะสวัสดีครับทุกท่าน


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:16:17:47 น.  

 




เพียงชายคนนี้(ไม่ใช่ผู้วิเศษ)

ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษ ที่จะเสกปราสาทงามให้เธอ
ไม่มีฤทธิ์เดช ไม่มีราชรถเลิศเลอ
แต่ฉันมีใจพิเศษ จะพาเธอผ่านคืนนี้ไป
ฉันเป็นเพียงผู้ชาย คนนี้ที่มีใจมั่นรักเธอ

โอบกอดฉันไว้ หลับตาผ่อนคลายให้สมฤดี
เราจะบินหนี ข้ามน้ำทะเลและแดนกว้างใหญ่
ดาวพราวดั่งฝัน กลางคืนยาวนานร่านหัวใจ
ปล่อยความเหงาไป ทอดทิ้งใจ รักจะพาแต่เราไปสองคน

ฉันไม่ใช่คนยิ่งใหญ่ ร่ำรวยจ่ายเงินเร็วร้อนแรง
ไม่มีอำนาจใด ประหนึ่งเจ้าชายจะสำแดง
มีเพียงหัวใจ จะพาเธอผ่านคืนนี้ไป
ฉันเป็นเพียงผู้ชาย คนนี้ที่มีใจมั่นรักเธอ

ไม่ใช่ผู้วิเศษ เป็นเพียงผู้ชายมีใจมั่นรักเธอ
ไม่มีฤทธิ์เดช มีเพียงหัวใจที่ใฝ่เฝ้ารักเธอ
ไม่ใช่ผู้วิเศษ เป็นเพียงผู้ชายมีใจมั่นรักเธอ
ไม่มีฤทธิ์เดช มีเพียงหัวใจที่ใฝ่เฝ้ารักเธอ

ฉันไม่ใช่คนยิ่งใหญ่ ร่ำรวยจ่ายเงินเร็วร้อนแรง
ไม่มีอำนาจใด ประหนึ่งเจ้าชายจะสำแดง
มีเพียงหัวใจ จะพาเธอผ่านคืนนี้ไป
ฉันเป็นเพียงผู้ชาย คนนี้ที่มีใจมั่นรักเธอ

ไม่ใช่ผู้วิเศษ เป็นเพียงผู้ชายมีใจมั่นรักเธอ
ไม่มีฤทธิ์เดช มีเพียงหัวใจที่ใฝ่เฝ้ารักเธอ
ไม่ใช่ผู้วิเศษ เป็นเพียงผู้ชายมีใจมั่นรักเธอ
ไม่มีฤทธิ์เดช มีเพียงหัวใจที่ใฝ่เฝ้ารักเธอ


โดย: dj อบค่ะ IP: 58.10.81.122 วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:16:27:29 น.  

 


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:17:16:21 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ค่ะ

..

ธรรมะนี้ ดูช่างจะเป็นเครื่องคุ้มครองคนเสียจริงๆ โดยที่มีหลักอยู่อย่างหนึ่งว่า ถ้าถูกความทุกข์เข้าแล้วย่อมรู้จักหลาบ รู้จักจำ เหมือนอย่างว่า เด็กๆ เอามือไปจับขยำเข้าที่ไฟอย่างนี้ มันก็คงไม่ยอมขยำอีก เพราะมันรู้จักหลาบรู้จักจำ แต่ว่านี่มันเป็นเรื่องทางวัตถุ มันง่าย ส่วนเรื่องที่ไปขยำเอาไฟ คือความยึดมั่นถือมั่น หรือความโลภ ความโกรธ ความหลงเข้านี้ โดยมากมันกลับไม่รู้สึกว่าเราขยำไฟ มันก็เลยไม่มีอาการที่ว่า รู้จักหลาบรู้จักจำ มันกลับไปเห็นไปตามความหลงนั้นว่า เป็นของน่ารัก น่าปรารถนาไปเสีย

การที่จะแก้ไขได้ก็มีอยู่ทางเดียวคือว่า รู้จักมันอย่างถูกต้องว่า ธรรมะนี้คืออะไร จนรู้ว่า ธรรมะนี้คือไฟ คือยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ มันก็จักเป็นไปในทางสติปัญญา รู้จักหลาบรู้จักจำต่อการที่จะไปเที่ยวยึดมั่นถือมั่นอะไร ว่าเป็นตัวเรา-ของเรา แล้วเกิดไฟขึ้นมา สิ่งนี้มันเป็นไฟเผาใจไม่ใช่ไฟไหม้มือ แต่บางทีมันก็เผาลึกเกินไป จนไม่รู้สึกว่าเป็นไฟหรือความเร่าร้อน ฉะนั้นคนจึงจมอยู่ในกองไฟหรือในวัฏสงสารอันเป็นกองไฟที่เร่าร้อนอย่างยิ่ง ยิ่งกว่าเตาหลอมเหล็กอย่างนี้ ถ้าเรามองเห็นเช่นเดียวกับที่เด็กขยำไฟ และไม่ยอมจับไฟต่อไปแล้ว มันก็เป็นไปตามทางนั้นได้ เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงได้ตรัสอธิบายข้อนี้ไว้ว่า เมื่อเห็นโทษของความยึดมั่นถือมั่นเมื่อใด จิตก็จะคลายจากความยึดมั่นถือมั่นเมื่อนั้น นี่แหละปัญหามันมีอยู่ว่า เราเห็นโทษของความยึดมั่นถือมั่นหรือยัง ถ้ายังมันก็ยังไม่คลาย ถ้าไม่คลาย ก็ไม่ว่าง ภาษิตในมัชฌิมนิกายมีอย่างนี้ เป็นรูปพถทธภาษิต และยังตรัสไว้ในที่อีกแห่งหนึ่งว่า เมื่อใดเห็นความว่าง เมื่อนั้นจึงจะพอใจในนิพพาน คือย้อนไปดูอีกทีหนึ่งว่า “เมื่อใดเห็นโทษของความยึดมั่นถือมั่น เมื่อนั้นจิตจึงจะคลายจากความยึดมั่นถือมั่น”
...

พุทธทาสภิกขุ



โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:9:20:49 น.  

 



รบกวนมารักกัน
ทาทา ยัง

(มารักกันเถอะ)
ก็อยากมีใครซักคน จับจอง
(มารักกันเถอะ)
แล้วฉันก็มองเธอมานาน
(มารักกันเถอะ)
ก็อยากมีคนที่ดี ต่อกัน
อยู่คนเดียวไปวันวัน
ชักกลัวกับการไม่มีใคร

(ตกลงไหม)
คนเดียวลำพัง หากหลงทางจะทำไง
(ตกลงไหม)
มีตัวคนเดียว ฝันอะไรก็หนักใจ
(ตกลงไหม)
เวลามันเซ็ง อยากระบายจะทำไง
ก็คิด แล้วเรื่องใหญ่อยู่เหมือนกัน

หากไม่ดูเป็นการรบกวน
ก็จะชวนเธอมารักกัน
ถูกใจเธอมาตั้งนาน รู้ไหม
หากเต็มใจจะโดนรบกวน
ก็จะชวนมารวมหัวใจ
ก็คิดว่าช่วย หน่อยก็แล้วกัน

(มารักกันเถอะ)
ก็อยากให้เธอนั้นดู ให้ดี
(มารักกันเถอะ)
ว่าคิดเหมือนกันบ้างหรือเปล่า
(มารักกันเถอะ)
อย่าปล่อยให้ตัวฉันมัว แต่เดา
บอก กันมาเบาเบา
ว่าอันที่จริงก็มีใจ

(ตกลงไหม)
คนเดียวลำพัง หากหลงทางจะทำไง
(ตกลงไหม)
มีตัวคนเดียว ฝันอะไรก็หนักใจ
(ตกลงไหม)
เวลามันเซ็ง อยากระบายจะทำไง
ก็คิด แล้วเรื่องใหญ่อยู่เหมือนกัน

หากไม่ดูเป็นการรบกวน
ก็จะชวนเธอมารักกัน
ถูกใจเธอมาตั้งนาน รู้ไหม
หากเต็มใจจะโดนรบกวน
ก็จะชวนมารวมหัวใจ
ก็คิดว่าช่วย หน่อยก็แล้วกัน

(ตกลงไหม)
คนเดียวลำพัง หากหลงทางจะทำไง
(ตกลงไหม)
มีตัวคนเดียว ฝันอะไรก็หนักใจ
(ตกลงไหม)
เวลามันเซ็ง อยากระบายจะทำไง
ก็คิด แล้วเรื่องใหญ่อยู่เหมือนกัน

หากไม่ดูเป็นการรบกวน
ก็จะชวนเธอมารักกัน
ถูกใจเธอมาตั้งนาน รู้ไหม
หากเต็มใจจะโดนรบกวน
ก็จะชวนมารวมหัวใจ
ก็คิดว่าช่วย หน่อยก็แล้วกัน

หากไม่ดูเป็นการรบกวน
ก็จะชวนเธอมารักกัน
ถูกใจเธอมาตั้งนาน รู้ไหม
หากเต็มใจจะโดนรบกวน
ก็จะชวนมารวมหัวใจ
ก็คิดว่าช่วย หน่อยก็แล้วกัน


โดย: ดบเจอี IP: 58.10.80.177 วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:9:46:41 น.  

 




Hahauesama ogenki desuka
Yoube sugi no kozue de akaru hikaru hoshi hitotsu mitsukemashita
Hoshi wa mitsumemasu hahauesama noyoni yasashiku
Watashi wa hoshi ni hanashimasu kujike masen yo otoko no ko desu
Sabishiku nattara hanashi ni kimasu ne itsuka tabun
Sorede wa mata otayorishimasu hahauesama ikkyu

Hahauesama ogenki desuka
Kinou otera ni ko nekoga tonari no mura ni morawarete ikimashita
Ko neko wa nakimashita kaasan neko ni shigamitsuite
Watashi wa iimashita naku no wa oyoshi sabishikunai sa
Otoko daro kaasan ni aeru yo itsuka kitto
Sorede wa mata otayorishimasu hahauesama ikkyu

ท่านแม่ครับ สบายดีหรือเปล่า
เมื่อคืนผมเห็นดาวดวงหนึ่งส่องแสงสุกใสอยู่บนปลายยอดไม้ซีด้า
เมื่อจ้องมองดาวดวงนั้นผมรู้สึกถึงความอ่อนโยนของท่านแม่
ผมคุยกับดวงดาวนั้นว่าผมเป็นลูกผู้ชายจะไม่ท้อแท้
ถ้าเมื่อใดที่ผมเหงาผมจะมาคุยด้วยอีก
แค่นี้นะครับ แล้วจะเขียนจดหมายไปหาท่านแม่อีก .. อิ๊กคิว

ท่านแม่ครับ สบายดีหรือเปล่า
เมื่อวานนี้ที่วัดของเรามีคนจากหมู่บ้านข้างๆเอาลูกแมวตัวน้อยมาให้
เจ้าแมวน้อยร้องไห้เพราะว่ายังติดแม่ของมันอยู่
ผมบอกกับมันว่าอย่าร้องไห้ไปเจ้าจะไม่เหงาหรอก
เป็นลูกผู้ชายใช่ไหม แล้ววันหนึ่งเจ้าจะได้เจอแม่เอง
แค่นี้นะครับ แล้วจะเขียนจดหมายไปหาท่านแม่อีก .. อิ๊กคิว



อ่านประวัติอิ๊กคิวซังที่นี่ค่ะ มีต่อกันหลาย comment นะคะ
//www.agalico.com/board/showthread.php?t=17146



โดย: dj อบค่ะ IP: 58.10.80.177 วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:10:53:20 น.  

 




หากไม่ดูเป็นการรบกวน
ก็จะชวนเธอมารักกัน
ถูกใจเธอมาตั้งนาน รู้ไหม
หากเต็มใจจะโดนรบกวน
ก็จะชวนมารวมหัวใจ
ก็คิดว่าช่วย หน่อยก็แล้วกัน

(มารักกันเถอะ)
ก็อยากให้เธอนั้นดู ให้ดี
(มารักกันเถอะ)
ว่าคิดเหมือนกันบ้างหรือเปล่า
(มารักกันเถอะ)
อย่าปล่อยให้ตัวฉันมัว แต่เดา
บอก กันมาเบาเบา
ว่าอันที่จริงก็มีใจ

(ตกลงไหม)
คนเดียวลำพัง หากหลงทางจะทำไง
(ตกลงไหม)
มีตัวคนเดียว ฝันอะไรก็หนักใจ
(ตกลงไหม)
เวลามันเซ็ง อยากระบายจะทำไง
ก็คิด แล้วเรื่องใหญ่อยู่เหมือนกัน



โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:11:03:47 น.  

 
สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน
นำประวัติพุทธมณฑลและพระประธานมาให้อ่าน กันครับ
ผู้เขียน: Pun~Saddest~Crying
http:mail.vcharkarn.com/varticle/33766

ผลงานสำคัญยิ่งทางด้านพระพุทธศาสนาชิ้นหนึ่ง ของจอมพล ป. พิบูลสงครามที่ได้ริเริ่มขึ้นตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ระหว่าง พ.ศ.2481 – 2487 คือการจัดสร้างพุทธมณฑล แต่ในครั้งนั้นไม่ประสบผลสำเร็จด้วยเหตุผลทาง การเมือง ครั้นเมื่อได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ระหว่าง พ.ศ.2491 – 2500 จอมพล ป. พิบูลสงคราม จึงได้รื้อฟื้นการจัดสร้างพุทธมณฑลขึ้นในโอกาส ฉลอง 25 พุทธศตวรรษ และได้ดำเนินการจนสำเร็จในการวางรากฐานเป็น รูปร่างขึ้นเริ่มต้น ซึ่งรัฐบาลชุดต่อๆ มา ได้ดำเนินการสืบเนื่องจนกระทั่งสำเร็จเรียบร้อย ลงใน พ.ศ.2531
ความคิดเกี่ยวกับพุทธมณฑลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้เริ่มมีขึ้นระหว่างเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ไทยจำยอมให้ญี่ปุ่นยกกองทัพเข้าสู่ประเทศไทย เพื่อใช้เป็นทางผ่านเข้าโจมตีพม่า และมลายูของอังกฤษ และต่อมายังถูกบีบบังคับให้ร่วมมือทางทหาร กับญี่ปุ่น โดยส่งกองทัพพายัพขึ้นไปปฏิบัติการในดินแดน ภาคเหนือของประเทศด้วย
ปลายปี พ.ศ.2486 จอมพล ป. พิบูลสงคราม และผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้สั่งให้สร้างฐานทัพขึ้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเตรียมแผนไว้ว่า

“...เพื่อว่าเมื่อลงมือกับญี่ปุ่น เราจะได้กลับหน้าทางเหนือเข้าสู้กับญี่ปุ่นทางใต้ ได้สะดวก โดยยึดเส้นทางหลัก กรุงเทพฯ – ลำปาง ผ่านเพชรบูรณ์ เป็นเส้นทางเคลื่อนที่ ได้ตกลงวางแผนเตรียมการให้กองพลที่ 1 ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ ล้อมกรุงเทพฯ ไว้ ...กองทัพที่ 2 เตรียมแนวไปตามแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่แก่งคอย สระบุรี ถึงท่าเรือ มีกองหนุนตั้งเรียงรายขึ้นไปทางเหนือ ตั้งแต่ลพบุรี ไปจนถึงชัยบาดาล และเพชรบูรณ์ เหนือขึ้นไปจากนั้น เรามีกองทัพพายัพทำหน้าที่ปลดอาวุธทหารญี่ปุ่น ที่ลำปาง และเชียงใหม่ และให้กองทัพพายัพ เป็นกองทัพหนุนของกองทัพที่ 2 ...เหนือขึ้นไปหลังกองทัพพายัพ เราได้ตกลงจะเปิดให้กองทัพสหประชาชาติลงมา ช่วย”

แต่การสร้างฐานทัพที่เพชรบูรณ์ และการสร้างทางสายกรุงเทพฯ – ลำปาง ซึ่งเป็นทางผ่านฐานทัพนั้น ทำให้ฝ่ายญี่ปุ่นสงสัยเป็นอันมาก เพื่อป้องกันฐานทัพ และหน่วยทหาร จอมพล ป. พิบูลสงครามจึงออกประกาศให้บริเวณหลายแห่ง ทางภาคเหนือเป็นเขตหวงห้าม และรีบหาอุบายกลบเกลื่อนโดยอ้างว่า รัฐบาลต้องการจะสร้างเมืองหลวงใหม่เพื่ออพยพ หลบภัยทางอากาศ เป็นการปกปิดการก่อสร้างฐานทัพที่เพชรบูรณ์ และได้กำหนดที่จะจัดสร้างพุทธบุรีมณฑลขึ้น ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี และพระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้มีเหตุผลแอบแฝงที่ว่า ต้องการให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตปลอดทหาร เพื่อกีดขวางกองทัพญี่ปุ่นทางด้านหน้ากองทัพ ที่ 2 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ และออกประกาศพระราชกำหนด 2 ฉบับ โดยรีบด่วน

1. พระราชกำหนดจัดระเบียบราชการบริหารนครบาล เพชรบูรณ์ พุทธศักราช 2487
2. พระราชกำหนดจัดสร้างพุทธมณฑล พุทธศักราช 2487

แต่พระราชกำหนดทั้ง 2 ฉบับนี้ไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งไม่เห็นด้วยโดยที่ไม่ทราบเหตุผลแท้จริงของ รัฐบาล และจอมพล ป. พิบูลสงครามเองไม่สามารถเปิดเผยให้สภาผู้แทน ราษฎรทราบได้ จอมพล ป. พิบูลสงคราม จึงลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ.2487 โครงการย้ายเมืองหลวงไปยังเพชรบูรณ์ และโครงการสร้างพุทธบุรีมณฑลจึงเป็นอันต้อง ยุติลง
ต่อมา ในพ.ศ.2495 ซึ่งอยู่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลปัจจุบัน รัฐบาลซึ่งมี จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ได้พิจารณาเห็นว่าเป็นเวลาใกล้จะถึงมหามงคล กาลที่พระพุทธศาสนาได้ประดิษฐานยั่งยืนมาครบ 25 พุทธศตวรรษ (2500 ปี) ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา อันเป็นวันวิสาขปูรณมี ตรงกับวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2500 ในฐานะที่ประเทศไทย

“เป็นอู่วัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญ ปรากฏความเจริญรุ่งเรืองทั้งในข้อปฏิบัติ และในหลักธรรมของพระพุทธศาสนา โดยบริสุทธิ์ยิ่งกว่าประเทศอื่นใด แม้ในด้านวัตถุธรรมทางพุทธศิลป์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม ประติมากรรม หรือวิจิตรศิลป์ ก็มีความเจริญสูงสุดเป็นที่ชื่นชมกล่าวขวัญกันใน นานาประเทศ จึงควรจักได้จัดงานเฉลิมฉลอง 25 พุทธศตวรรษขึ้น ให้เป็นการมโหฬาร ทั้งเป็นการประกาศเกียรติคุณของประเทศไทย ไปนานาประเทศทั่วโลก ในฐานะที่เป็นประเทศศูนย์กลางสืบมรดกทางพระ พุทธศาสนา อันเป็นมรดกล้ำค่าของมนุษยชาติ และให้สร้างปูชนียสถานขึ้นเป็นพุทธานุสรณีย์อัน ยิ่งใหญ่กว่าปูชนียสถานใดๆ ที่ได้เคยมีมาแต่ก่อน เพื่อเป็นอนุสรณ์ต่อไป จักได้น้อมรำลึกถึงความพร้อมใจร่วมศรัทธามหา กุศลของรัฐบาล และประชาชนชาวไทย ในมหามงคลกาลนี้ด้วย”

การเตรียมการงานฉลอง 25 ศตวรรษนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติในการประชุมเมื่อ วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ.2495 ให้กระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาจัดทำโครงการสม โภช กระทรวงวัฒนธรรมในขณะนั้นซึ่งจอมพล ป. พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง จึงได้จัดทำโครงการเฉลิมฉลอง และเสนอให้จัดสร้าง “พุทธมณฑล” ขึ้นเป็นพุทธานุสรณียสถานแห่งการฉลอง 25 พุทธศตวรรษ
พื้นที่จัดสร้างพุทธมณฑล ได้กำหนดในอาณาบริเวณเนื้อที่ 2,500 ไร่ ท้องที่ตำบลบางกระทึก อำเภอสามพราน และตำบลศาลายา อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนิน ทรงก่อพระฤกษ์พุทธมณฑล เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2498
ศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี แห่งกรมศิลปากร ได้รับมอบเป็นผู้ออกแบบพระพุทธรูปปางลีลา พระประธานพุทธมณฑล ได้วางรูปแบบพระพุทธรูปเป็นแบบ idealistic มีพระเกตุมาลาเป็นเปลวสูงเหนือพระเศียร ทรงจีวรเฉวียงบ่า พาดสังฆาติ อยู่ในท่าย่างพระบาท และมีบัวรองพระบาท ความสูงเมื่อสร้างเสร็จในชั้นต้น กำหนดไว้ให้สูงถึง 2,500 นิ้ว หรือประมาณ 60 เมตร วัสดุที่ใช้สร้างจะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก หุ้มด้วยทองแดง หรือประดับกระจก หรือกระเบื้อง ศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี ได้ปั้นหุ่นแบบพระพุทธรูปขนาด 2.18 เมตร และขนาด 3.5 เมตร นำไปประดิษฐาน ณ มณฑลพิธี บริเวณท้องสนามหลวง ในงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ ระหว่างวันที่ 12 – 18 พฤษภาคม พ.ศ.2500 สำหรับให้ประชาชนสักการะบูชา โครงการจัดสร้างพุทธมณฑลตามดำริของจอมพล ป. พิบูลสงครามนี้ ได้มีผู้เลื่อมใสศรัทธาบริจาคสมทบทุนเพื่อซื้อที่ ดิน และจัดสร้างพุทธมณฑลเป็นจำนวนมากทั้งชาว ไทย และชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะรัฐบาลพม่า เมื่อคราวที่นายอูนุ นายกรัฐมนตรีพม่าเดินทางมาเยือนประเทศไทย ในเดือนมีนาคม พ.ศ.2498 ได้มอบเงินจำนวน 500,000 จาด (211,693.94 บาท) ร่วมในการจัดสร้างพุทธมณฑลด้วย
พุทธมณฑลนี้ นับเป็นอนุสรณ์หนึ่งของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่แสดงถึงจิตใจที่ฝักใฝ่ ผูกพันมุ่งในพุทธศาสนา หวังทำนุบำรุงให้มั่นคงยั่งยืนเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ ของพุทธศาสนิกชนชาวไทย กับทั้งเพื่อเป็นการจรรโลงพระพุทธศาสนาให้ ดำรงสืบไป ความริเริ่มของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ยังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจอันยิ่งใหญ่ จริงใจ และบริสุทธิ์ต่อพระพุทธศาสนาอันควรแก่การยก ย่องชื่นชมของบรรดาพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า เป็นที่ยิ่ง

หมายเหตุ งานเขียนชิ้นนี้ ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้ม ครองสิทธิทางปัญญา โดยลิขสิทธิเป็นของผู้เขียน ที่ให้เกียรตินำเผยแพร่ผ่าน วิชาการ.คอม เรามีความยินดีและอนุญาตให้ทำซ้ำหรือเผยแพร ต่อเพื่อประโยชน์ทางการศึกษาเท่านั้น กรุณาให้เกียรติผู้เขียน โดยอ้างชื่อผู้เขียนและ วิชาการ.คอม (www.vcharkarn.com) ทุกครั้งที่ทำการเผยแพร่ต่อ ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อในสื่อที่เอื้อ ประโยชน์ทางธุรกิจก่อนได้รับอนุญาต ขอขอบคุณที่ร่วมกันช่วยสร้างให้สังคมไทยเป็น สังคมแห่งปัญญา

ปล. ผมจำบรรยากาศตอนเด็กๆที่พระประธานกำลังติดตั้ง กรมศิลปากร โดยศิษยเก่า์รุ่นน้องของพ่อผม รองอธิบดีกรม(ถ้าจำไม่ผิด) คุณอาสาโรจน์(ท่านถึงแก่กรรมแล้ว) ท่านหล่อองค์์พระ เป็นท่อนๆ เพื่อรอนำมาเชื่อม ต่อกัน ที่แท่นฐานพุทธมณฑลดังในปัจจุบัน ผมมองดูพ่อผมติแนะนำงานให้รองอธิบดี ีกรมศิลปากร ด้วยความภูมิใจ กอปรกับไร้ประสา ว่าศิลปินจนๆอย่างพ่อเรา ก็มีส่วนในงานระดับชาตินี้ด้วย แนะงานรองอธิบดี แม้จะเป็นเพียงเบื้องหลัง ผมมาได้รับคำยืนยัน (แม้จะคลับคล้ายคลับคลาตอนเด็กๆ) จากอาจารย์ชำเรือง วิเชียรเขตต์ ศิลปินแห่งชาติ ิสาขาประติมากรรม (ผู้ช่วยเมตตาติแบบพระพุทธสิิริสิงห์มิ่งมงคล ที่ผมหล่อจนชนะเลิศจังหวัดนครราชสีมา) ว่าพ่อมีส่วนในงานอนุสาวรีย์สำคัญของชาติหลาย แห่ง ในฐานะเป็น(ลูกศิษย์)เด็กขนดิน ขึ้นดินปั้นหุ้นเบื้องต้นให้อาจารย์ศิลป์ พีระศรี เช่น พระบรมราชานุสาวรีย์ ร.1 พระเจ้าตากสิน (มิน่า ทำไมท่านชอบให้ยกมือไหว้เวลานั่งรถเมล์ผ่าน) ฯลฯ (เดาว่าพระประธานองค์นี้ี้ท่านก็น่าจะมีส่วน สมัยท่านกินนอนเรียนอยู่ ม.ศิลปากรกับ อ.ศิลป์ อยู่บ้างกระมังครับ)

ธรรมะสวัสดีครับทุกท่าน


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:12:08:31 น.  

 
สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน

"การดูกิเลสและแสวงธรรม ท่านทั้งหลายอย่ามองข้ามใจ ซึ่งเป็นที่อยู่ของกิเลส และเป็นที่สถิตย์อยู่แห่งธรรมทั้งหลาย กิเลสก็ดี ธรรมก็ดี ไม่ได้อยู่กับกาลสถานที่ใดๆ ทั้งสิ้น แต่อยู่ที่ใจ คือเกิดขึ้นที่ใจ เจริญขึ้นที่ใจ และดับลงที่ใจดวงรู้ๆ นี้เท่านั้น"
โอวาทธรรม ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ




โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:12:21:21 น.  

 


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:12:26:26 น.  

 






กระผมขออนุญาตนำเสนอเรื่องฝากคือ

ธรรมเนียมการดื่มชาของชาวอังกฤษ
Tea at The Ritz, London


อาฟเตอร์นูนที หรือมื้อน้ำชายามบ่าย

แอนนา 7th Duchess of Bedford เป็นเจ้าของความคิดของมื้อน้ำชายามบ่ายนี้ ขึ้นในต้นศตวรรษที่ 18 แอนนาเสนอให้มีมื้อน้ำชาในช่วงราวสี่หรือ ห้าโมงเย็น เพื่อเป็นการรองท้องระหว่างอาหารมื้อเที่ยง และมื้อเย็น และในช่วงก่อนหน้านี้เล็กน้อยเอิร์ล ออฟ แซนวิชได้เป็นผู้คิดค้นการใส่ไส้ระหว่างขนม ปังสองแผ่น มื้อน้ำชานี้ต่อมาสามารถนำมาใช้เป็นกิจกรรม ทางสังคมอย่างหนึ่งได้เป็นอย่างดี และเริ่มเป็นแนวนิยมที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ของวิถีการดำเนินชีวิตของชาวอังกฤษ


ที การ์เดน และ ที แดนซ์

เมื่อกระแสความนิยมการดื่มชาได้แพร่หลาย ออกไป การดื่มชายังได้กลายเป็นการพักผ่อนนอกบ้าน อย่างหนึ่งของชาวอังกฤษ ราวปี ค.ศ. 1732 ในตอนเย็นมีการเต้นรำและชมการจุดพลุใน สวน Vauxhall หรือ Ranelagh Gardens และจะมีการเสิร์ฟน้ำชาด้วย ดังนั้นจึงมี Tea gardens ให้บริการอยู่ทั่วสหราชอาณาจักรในวันเสาร ์และวันอาทิตย์ โดยมีการเสิร์ฟน้ำชา เนื่องจากมีการเต้นรำสอดแทรกอยู่ในงานรื่น เริงนี้ดังนั้นจากการดื่มชาในสวนจึงได้มีการ เริ่มมี tea dance ขึ้นมาด้วยและได้รับความนิยมและถือเป็นงาน รื่นเริงที่ทันสมัย จนกระทั่งมาเสื่อมความนิยมลงในยุคสงคราม โลกครั้งที่ 2 อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ยังมีการจัด tea dance ในสหราชอาณาจักร


Teetotal

ค่าเข้าสวนที่ทันสมัยอย่าง Vauxhall หรือ Ranalagh Gardens จะรวมค่าน้ำชาและขนมปังพร้อมเนยด้วย ซึ่งเป็นเครื่องดื่มต้อนรับหลังการแสดงเสร็จสิ้น ลง แต่เนื่องจากมีการเจริญเติบโตของสังคมเมือง อย่างรวดเร็วในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 จึงทำให้มีการปิดสวนลงและที่เดียวที่จะเสิร์ฟชา ในตอนเย็นได้คือผับหรือโรงแรม ในปัจจุบันชาถือว่ามีบทบาทสำคัญในการเคลื่อน ไหวเพื่อต่อต้านการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่ เกินพอดี (โดยเฉพาะเครื่องดื่มจำพวกจิน) และได้มีการจัดประชุมเรื่องน้ำชาอย่างแพร่หลาย ทั่ว
สหราชอาณาจักรเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการ ดื่มและเพื่อเป็นการหาเงินเข้ามาด้วย เชื่อกันว่าวลีที่ว่า 'teetotal' (total abstinence from alcohol) น่าจะมาจากเครื่องดื่มชนิดนี้นั่นเอง


High tea

ในสังคมแรงงานและเกษตรกรรม afternoon tea ได้กลายมาเป็น high tea โดยถือเป็นอาหารมื้อหนึ่งของวัน เป็นการพบกันครึ่งทางระหว่างมื้อน้ำชายามบ่าย เบาๆที่ดื่มกันในห้องนั่งเล่นของสุภาพสตรีกับอา หารมื้อเย็นที่รับประทานตอนหนึ่งทุ่มหรือสองทุ่ม high tea จะมีการเสิร์ฟเนื้อสัตว์ ขนมปัง เค้กและน้ำชาร้อนๆ


ร้านน้ำชา

ในปี ค.ศ. 1864 ผู้จัดการร้านของ Aerated Bread Company พยายามจูงใจให้เจ้านายของเธออนุญาตให้มีการ เสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มภายในร้าน โดยเธอได้เริ่มจากลูกค้าที่สนิทชอบพอกันก่อน ต่อมาก็มีลูกค้าอีกหลายคนที่พยายามเข้ามาเพื่อ ขอใช้บริการในรูปแบบเดียวกันนี้ เธอผู้นี้ไม่ได้เพียงแค่ริเริ่มความคิดในการมี ร้านน้ำชา เท่านั้น แต่เธอยังได้จัดตั้งที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจสำ หรับสตรีขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ เพราะร้านน้ำชาได้กลายมาเป็นที่ที่สุภาพสตรีจะ ได้มาสังสรรค์กับเพื่อนๆโดยไม่ทำให้เสียชื่อเสียง แต่อย่างใด ร้านชาได้กลายมาเป็นธุรกิจที่แพร่หลายไปทั่ว สหราชอาณาจักร เช่นเดียวกับวัฒนธรรมการดื่มชาที่ได้รับความ นิยม อย่างสูงเช่นเดียวกัน กระทั่งในปัจจุบันนี้ แม้ว่าจะมีร้านอาหารแบบฟาสต์ฟู้ดและร้านเครื่อง ดื่มอยู่มากมาย แต่ประเพณีการดื่มชาก็ยังคงอยู่และสามารถดึง ดูดทั้งชาวอังกฤษเองและนักท่องเที่ยวได้เป็น อย่างมาก


Tea breaks

Tea breaks เป็นวัฒนธรรมที่อยู่คู่กับสหราช อาณาจักรมาราวๆ 200 ปีแล้ว โดยในขั้นต้น คนงานจะทำงานตั้งแต่เวลาตีห้าหรือหกโมงเช้า นายจ้างจะให้มีการพักในช่วงเช้าโดยจะมีการเสิร์ฟชาและอาหาร นายจ้างบางคนให้พักอีกครั้งในตอนบ่ายด้วย

ในระหว่างปี ค.ศ. 1741 ถึง 1820 นักอุตสาหกรรม เจ้าของที่ดินและนักบวชต่าง พยายามที่จะล้มเลิกการพักดื่มน้ำชานี้ โดยอ้างเหตุผลว่าการดื่มน้ำชาและการพักจะทำ ให้คนงานเฉื่อยชา แต่ตามแนวความคิดยุคใหม ่นั้นกลับมองว่าการ พักดื่มน้ำชานับเป็นสิ่งสำคัญ และช่วยรักษา สมดุลย์ของร่างกาย ทำให้มี สุขภาพดี

ข้อมูลจาก
The Tea Council

//www.visitbritain.com/th/things-to-see-and-do/interests/food-drink/british-food/afternoon-tea/british-tea-drinking-customs.aspx


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:14:59:03 น.  

 
สมเด็จพระญาณสังวร ทรงบำเพ็ญพระกุศลถวายสมเด็จพระสังฆราชฯ ทั้ง 18 พระองค์
//board.palungjit.com/showthread.php?t=124640



โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:17:33:54 น.  

 


โดย: ดบเจอี IP: 58.10.80.74 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:12:20:56 น.  

 
สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน
กำลังจะไปฟังลต.เณรคำเทศน์ ที่ชมรมพุทธทีโอที และทำบุญเผื่อทุกท่านด้วยครับ

หลวงตาเณรคำ.วัดประดับทรงธรรม.อ.คำตากล้า.จ.สกลฯ
จะมาแสดงธรรมที่ชมรมพุทธทีโอที 12.00-13.00น วันพฤหัสบดีที่24 เม.ย.51นี้
อาคาร5 โรงอาหาร ชั้น3 ถ.แจ้งวัฒนะ บมจ.ทีโอที (องค์การโทรศัพท์) สำนักงานใหญ่



โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:12:35:23 น.  

 


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:12:39:20 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ขออนุโมทนาทุกบุญของทุกท่านนะคะ


หนูกาจ๋า...
ย่าอำฯเข้าบ้านลำบากมาก
วนเวียนมาหลายครั้งหลายหน
เข้าไม่ได้ซักกะที
เฮ้อ ! เพิ่งประสบความสำเร็จนี่แหละ
แต่ว่าไม่รู้ว่าจะ Post ได้หรือไม่ ?

เห็นรูปที่คอมเมนต์แล้วหายเหนื่อยเลย
สวยถูกใจมากถึงมากที่สุดค่า.




โดย: อำไพพร IP: 125.27.34.171 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:19:36:26 น.  

 
แฮ่ แฮ่
ม่ายปรากฏตัวอักษรซะแว๊วววววววววว
คลิกป้ายนะคะ
แล้วจะอ่านออก
อุปสรรคเยอะจัง
สงสัยจะตะลึงในความงามของพื้นคอมเมนต์ง่ะ.


โดย: อำไพพร IP: 125.27.34.171 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:19:42:01 น.  

 
สวัสดีค่ะ....

วันนี้ บ้านฯ เงียบจัง
มีแต่ คุณมุ่งฯ นำอาหารญี่ปุ่นมาเสริฟ์

เมื่อวานหลวงพ่อพระอารยะวังโส
ได้มาโปรดญาติโยมที่กระทรวง "สาสุข"

การจัดงานครั้งนี้ค่อนข้างขลุกขลัก
เนื่องจากมีการเปลี่ยนถ่ายผู้รับผิดชอบการจัดอบรม จากเดิมทำกันเล็ก ๆ แบบช่วยงานกันคนละไม้ ละมือ ในหมู่ลูกศิษย์
จัดมาได้ปีกว่า ๆ แล้ว
โดยที่ค่าเดินทางของหลวงพ่อจากลำพูนมากรุงเทพฯ นั้น ท่านรับผิดชอบเองทั้งหมดทุกอย่าง

หลวงพ่อท่านมีเมตตามาก ๆ
สองครั้งแรกที่ท่านมาสอน
ผู้จัดงานไม่ได้เตรียมน้ำดื่มถวายท่านและพระสงฆ์ติดตาม
ท่านแสดงธรรม 2-3 ชั่วโมงๆไม่ได้ฉันน้ำ ในที่สุดมีคนให้เด็กวิ่งไปซื้อน้ำอัดลม
วิ่งปุเลง ๆ มาจากโรงอาหาร ไม่มีแก้ว ถวายประเคนทั้งขวดพร้อมหลอด
ท่านก็ไม่เคยตำหนิว่ากล่าว
จนในที่สุด สว.เอง ซึ่งเป็นคนมาฟังธรรม ไม่ใช่ผู้จัดงาน อดไม่ได้
ต้องไปบอกผู้จัดว่า ครั้งต่อ ๆ ไป
สว.จะเป็นผู้จัดเตรียมน้ำปานะถวายพระสงฆ์เอง ตั้งแต่นั้น สว. จึงเป็นศิษย์ของท่านไปโดยปริยาย สว.ได้ความรู้เรื่องน้ำปานะ เพราะต้องหาข้อมูลว่า อะไรควรถวายหรือไม่ควรถวาย และได้สอบถามพี่ป๋อมซึ่งเป็นโยมอุปฐากของท่าน

ต่อมามีคนมาฟังธรรมจากหลวงพ่อเยอะมาก จนแน่นห้องประชุม
แบบว่าเติบโตขึ้น ๆ เรื่อย ๆ
การจัดอบรมนี้จึงถูกดึงให้เข้าไปเป็น
โครงการจัดอบรมของหน่วยงานกลาง
"สาสุข" ซึ่งในช่วงปรับเปลี่ยนผู้จัดนี้เองจึงเกิดปัญหา เพราะผู้บริหารระดับสูง
ดึงเรื่องไปจัด แต่ไม่ได้สั่งการลงมายัง
ผู้ที่ต้องปฏิบัติงานจริง จึงเกิดช่องว่าง
ปัญหาสำคัญคือ ไม่ได้จองห้องประชุม
ไว้ก่อน ทำให้ห้องประชุมที่หน่วยงานกลางไม่ว่าง

หลวงพ่อท่านดำริให้เลื่อนการจัดไปจนกว่า ทาง "สาสุข" จะแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการได้
ท่านได้ปลีกวิเวกไปบำเพ็ญภาวนาที่
ภูหว้า คุณหญิงนงเยาว์ ชัยเสรีได้โทรศัพท์ไปนิมนต์หลวงพ่อได้โปรดเมตตาเพราะมีผู้ป่วยจำนวนมากต้องการมาฟังธรรมจากหลวงพ่อ
และคุณหญิงนงเยาว์ได้ไปเจรจากับ
ผู้บริหารของ "สาสุข" จึงได้ห้องประชุม
หลวงพ่อท่านจึงต้องเดินทางโดยรถยนตร์จากภูหว้ามาถึงกรุงเทพ ตอนตี 5
เพื่อร่วมรายการปุจฉา-วิสัชนา ออกอากาศทางวิทยุของรัฐสภา คลื่น 87.5 MHz

เมื่อวานนี้คนสับสนเรื่องห้องประชุม
หลงไปสถานที่จัดประชุมครั้งก่อนหน้านี้ และหลาย ๆ คนก็หาห้องประชุมใหม่
ไม่เจอ เลยเหลือผู้เข้าร่วมอบรมกัมฐานอยู่ประมาณ 50-60 คน จากเดิมประมาณ 200 คน และหลวงพ่อท่านมีเวลาให้เพียงถึงบ่าย 2 โมง เพราะท่านจะต้องไป


โดย: oratch IP: 125.26.133.69 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:19:46:13 น.  

 


เมื่อวานนี้ เนื่องจากยังอยู่ในเดือนเมษายน จึงได้อาราธนานิมนต์หลวงพ่อและพระสงฆ์สวดพระปริตร จากนั้นจึงถวายสังฆทาน หลวงพ่อท่านฉันมื้อเดียวตามแบบฉบับพระป่ากรรมฐาน

โปรดสังเกตทางด้านซ้ายมือของรูป จะเห็นขวดน้ำจำนวนมากตั้งอยู่ ไม่ใช่น้ำดื่มที่มาถวายท่านนะคะ แต่ในหมู่ศิษย์เนี่ยถ้ารู้ว่าท่านจะสวดพระปริตละก็ มักจะขอนำน้ำมาเข้าพิธีสวดพระปริตด้วยเสมอ



ช่วยกันลำเลียงอาหารออกนอกห้องประชุม



หลังจากรับประทานอาหารเช้า
เวลา 11.00 น. เริ่มการบรรยายธรรมและฝึกกรรมฐาน หลวงพ่อท่านให้แยกนั่ง 2 ข้าง คือผู้ป่วย และ ผู้ไม่ป่วย
สำหรับผู้ป่วยใหม่ท่านให้แนะนำตัว
ว่าป่วยเป็นอะไร มีปัญหาอะไร

การฝึกกรรมฐานของหลวงพ่อนี้
ท่านต้องการให้ผู้ป่วยพัฒนาจิต และเข้าใจในความจริงของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพื่อจะได้ไม่ทุกข์ทรมานใจกับโรคร้าย และเป็นการฝึกเพื่อนำเอาปีติมาใช้ในต่อสู้กับทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นจากความเจ็บป่วย
บางรายที่ทำตามที่หลวงพ่อสอนอาการของโรคก็สงบ ดีขึ้น
บางราย ยังป่วยกายอยู่ แต่ใจไม่ป่วย
พร้อมจะตายอย่างมีสติ

สว.จึงตั้งใจจะเข้าอบรมกรรมฐานกับหลวงพ่อทุกครั้งที่มีโอกาส เพื่อเตรียมตัวตายอย่างมีสติ
สว.ใช้วิธีเข้ากรรมฐานแบบที่หลวงพ่อ
พระอารยะวังโสสอน ทำให้ จิตของสว.มีพลัง เข้มแข็งขึ้น
และ เจริญสติในชีวิตประจำวันแบบที่หลวงพ่อพระปราโมชสอน
เมื่อประมวลทั้งสองวิธีนี้เข้าด้วยกัน
สำหรับ สว.แล้วคิดว่า เวอร์ค มาก ๆ
ทำให้สว.มีสติ สัมปชัญญะ ดีขึ้น
รู้เท่าทันสิ่งที่มากระทบ

คุณย่าอำฯ คะ ถ้าว่าง สว.อยากให้มาฟังธรรมจากหลวงพ่อพระอารยะวังโสที่ "สาสุข" ธรรมะของท่านละเอียด และลุ่มลึกมาก และเป็นการเตรียมความพร้อมของกายและจิต สำหรับการเดินทางต่อไปค่ะ



โดย: โอรัช IP: 125.26.133.69 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:20:13:59 น.  

 




โดย: times IP: 124.120.250.139 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:20:46:08 น.  

 










โดย: times IP: 124.120.250.139 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:20:51:58 น.  

 
สวัสดีค่ะ...เจ้าย่าฯ ...พี่อร ...นู๋ไทมส์...นู๋อบ...คุณมุ่งฯ และทุก ๆ ท่านค่ะ

ขอขอบคุณสำหรับของฝาก และอนุโมทนาในทุก ๆ บุญกุศลของคุณมุ่งฯ ด้วยค่ะ

อ้างอิง>>>สว.ใช้วิธีเข้ากรรมฐานแบบที่หลวงพ่อพระอารยะวังโสสอน ทำให้ จิตของสว.มีพลัง เข้มแข็งขึ้น
และ เจริญสติในชีวิตประจำวันแบบที่หลวงพ่อพระปราโมชสอน
เมื่อประมวลทั้งสองวิธีนี้เข้าด้วยกัน
สำหรับ สว.แล้วคิดว่า เวอร์ค มาก ๆ
ทำให้สว.มีสติ สัมปชัญญะ ดีขึ้น
รู้เท่าทันสิ่งที่มากระทบ
โดย: โอรัช <<<

สาธุ ...อนุโมทามิ ขอพลพรรคทุก ๆ ท่านมีแต่ความเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะคะ

เจ้าย่าฯ ขา ช่วงนี้เน็ตค่อนข้างจะมีปัญหานะคะ มีแต่คนบ่น ๆ กันทั้งนั้น นู๋นึกว่าเจ้าย่าฯ เข้าเงียบเหมือนใครหลาย ๆ คนซ้าอีกอ่ะ พอแว่บมาเยี่ยมเลยทำตัวอักษรให้ล่องหนได้อีกต่างหาก ...เจ้าย่าฯ นี่วิทยายุทธ์ยอดเยี่ยมจริง ๆ เลย


โดย: สาวิกา วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:21:03:41 น.  

 
พี่อรขา...

ขอบคุณสำหรับเรื่องราว พร้อมภาพเรื่องเล่าที่นำมาฝากด้วยค่ะ

นู๋กาคงมีโอกาสได้ไปกราบ และฟังธรรมจากลพ. บ้างในครั้งต่อ ๆไปนะคะ


" ธรรมะเพื่อความรุ่งเรือง "

ตัวอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน
การปฏิบัติดีมีค่ามากกว่าการขอพร

คนขยันคือคนโชคดี
ความขยันจึงเป็นพรอันประเสริฐ

ถึงแม้การเลือกเกิดเราจะไม่มีสิทธิ์
แต่การเลือกทางชีวิตเป็นสิทธิ์ของเรา

แสวงหาลาภจากการงาน
ดีกว่าบนบานบวงสรวง

อย่าเชื่อคนโดยไร้คิด
อย่าหลงมิตรเพียงคำยอ

ที่ทำดีไม่ได้ดีเพราะทำดียังไม่มากพอ (ทำดีวันละนิด ดีกว่าคิดว่าจะทำ)

เมื่อมีคำขอโทษ
ความโกรธย่อมจางเร็ว

วาจาอ่อนหวานลูกหลานใกล้ชิด
วาจาเป็นพิษญาติมิตรห่างไกล

กินเพื่ออิ่มก็จะมีปัญหาน้อย
แต่ถ้ากินเพื่ออร่อยก็จะมีปัญหามาก

ที่มา พุทธรรมนำสุข




โดย: สาวิกา วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:21:13:22 น.  

 


เคยหรือไม่..หยุดคิด..สักนิดหนึ่ง..
หยุดคำนึง..หยุดพร่ำ..รำพันหา..
หยุดแต่งเติม..หยุดเพิ่มเหตุ..แห่งอวิชชา..
หยุดแสวงหา..หยุดใจตน..พ้นวนเวียน.



โดย: times IP: 124.120.250.139 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:21:32:15 น.  

 
คุณย่าอำฯ คะ ถ้าว่าง สว.อยากให้มาฟังธรรมจากหลวงพ่อพระอารยะวังโสที่ "สาสุข" ธรรมะของท่านละเอียด และลุ่มลึกมาก และเป็นการเตรียมความพร้อมของกายและจิต สำหรับการเดินทางต่อไปค่ะ
โดย: โอรัช IP: 125.26.133.69 24 เมษายน 2551 20:13:59 น.



ครั้งนี้ย่าอำฯก็อยากจะไปนะ
แต่รอพี่สาว
อยากให้เขาไปด้วย
แต่หมอยังไม่ให้กระทบกระเทือนมาก ๆ

ได้แต่ตั้งจิตไว้ว่า
ขอให้หลวงพ่อมาที่กระทรวงสาธารณสุข
ตรงกับช่วงเวลาที่พี่สาวมาพักอยู่กับย่าอำฯ
เพี้ยง !
ขอให้สำฤทธิ์ผลด้วยเทอญ...
จะรอฟังข่าวจากคุณอรค่ะ.


อิ อิ
หนูกาจาขำย่าอำไหมนะ ?
ที่มันล่องหนน่ะ
ก็ไม่รู้ว่าเกิดเพราะอะไร ?
ยังงงอยู่เลยนะเนี๊ยะ.







โดย: อำไพพร IP: 125.26.29.44 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:21:52:50 น.  

 
ย่าอำฯ...ขา

อบรมกรรมฐานของพระอาจารย์คือ
วันพฤหัสบดี สัปดาห์สุดท้ายของเดือนค่ะ
ต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี

แต่เดือน พฤษภาคม งดการจัด
เพราะพระอาจารย์จะเดินทางไปอินเดีย เพื่อประกอบศาสนกิจเรื่องการนำพระพุทธศาสนาคืนสู่ชมพูทวีป

ครั้งต่อไป คือ วันพฤหัสบดี ที่ 26 มิถุนายน ค่ะ ทำเครื่องหมายไว้ที่ปฏิทินเลยค่ะ



โดย: โอรัช IP: 125.24.67.254 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:23:52:32 น.  

 
เรื่องที่คัดลอกมาลงนี้
โปรดอย่านำไปโพสต์ต่อที่เว็บลานธรรม
เล่าสู่กันฟังในหมู่เหล่าญาติธรรมที่เข้าใจมิใช่เรื่องงมงาย แต่เป็นเรื่องอำนาจ
พุทธบารมี ที่ยังคงอยู่ เพียงแต่จิตของผู้รับจะต้องละเอียดจึงจะรับและสัมผัสได้
เรื่องนี้คัดย่อมาจากหนังสือ
"รอยพระบาทมงคลธรรม"
สว.เพิ่งได้รับมาเมื่อวานนี้

*****************************
รอยพระพุทธบาทใจกลางกรุงเทพ
มหานคร 2 แห่ง
หนึ่ง ณ ที่สนามกีฬาแห่งชาติปทุมวัน

สอง ณ สวนหย่อม หน้าโรงแรมเอเซีย (พญาไท)

วันดี คืนดี หินที่วางจัดสวนหย่อมอยู่ร่วม 20-30 ปี กลายเป็นหินพระพุทธบาทขึ้น

ต้นปี 2550 มีผู้มาติดต่อพบเจ้าของโรงแรมเอเซีย พร้อมบอกว่า ก้อนหินหน้าโรงแรมมีรอยพระพุทธบาท และในเดือนมิถุนายนก็มีผู้มาติดต่ออีกครั้ง แจ้งว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง พร้อมยืนยันว่าพบก้อนหินที่มีรอยพระพุทธบาทแล้ว โดยอาศัยข้อมูลจากหนังสือ "ตามรอยพระพุทธบาท" ของวัดท่าซุง เขียนและรวบรวมโดย พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต ที่มีรอยพระพุทธบาท 2 แห่ง คือที่ สนามกีฬาแห่งชาติ และ สวนหย่อมหน้าโรงรมเอเซีย

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น
คุณกำพล เตชะหรูวิจิตร ประธานกรรมการ เครือโรงแรมเอเซีย ได้มอบให้คุณอารีย์ เตชะหรูวิจิตร (ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพงธนบุรี) ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม คุณอารีย์จึงโทรศัพท์ไปหา พระอาจารย์ชัยวัฒน์ โดยพระอาจารย์ชัยวัฒน์ได้บอกถ้าว่างให้มาที่สำนักปฏิบัติธรรมซอยสายลม หรือ ถ้าอยากรู้รายละเอียดให้ไปถาม คุณอานุภาพ เกษรสุวรรณที่สนามกีฬาแห่งชาติ
ทำให้รับทราบว่า ที่สนามกีฬาศุภชลาศัย พบรอยพระพุทธบาทบนหินก้อนหนึ่ง
โดยคุณอานุภาพบอกว่าเป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล ถ้ามีครูบาอาจารย์ก็ให้พิสูจน์เอาเอง

คุณสุรพล (สามีของคุณอารีย์)และ
คุณสุวิมล (ผู้เป็นมารดา) ได้ติดต่อหาอาจารย์และผู้รู้หลายคน บางท่านบอกว่าเป็นรอยพระบาทพระสีวลี แต่ก็ยังไม่สามารถหาทางพิสูจน์จนทำให้เกิดข้อยุติที่ลงใจได้

จนกระทั่งวันที่ 16 มิถุนายน 2550
คุณอารีย์ได้มากราบพระอาจารย์อารยะวังโส โดยถ่ายรูปพระบาทมงคลติดตัวไปด้วย พร้อมกับตั้งใจว่า ถ้าพระอาจารย์อารยะวังโสบอกว่าเป็นรอยพระบาท ก็น่าจะใช่
หลังจากกราบเรียนเรื่องให้ทราบ
พระอาจารย์อายะวังโสกล่าวว่า
หากท่านยืนยันเป็นรอยพระพุทธบาท
คุณอารีย์ก็อาจจะลังเลสงสัยอยู่ในใจ
เป็นวิจิกิจฉา และพระพุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์ สามารถพิสูจน์ได้ ท่านจึงให้พิสูจน์ โดยทำการอธิษฐานจิต ในช่วงกลางคืน

พระอาจารย์อารยะวังโสสอบถามสถานที่ ครั้งแรกเมื่อทราบว่าเป็นโรงแรมท่านก็ปฏิเสธที่จะมา โดยกล่าวว่าเป็นที่อโคจร แต่หลังจากคุณอารีย์กราบเรียนว่า พระบาทมงคลธรรมอยู่นอกอาคารโรงแรม
ไม่ได้เข้ามาภายใน ท่านจึงตกลงสงเคราะห์ให้
โดยกำหนดวันที่ 26 มิถุนายน 2550 เวลา 02.00 น. และบริเวณสวนหย่อมหน้าโรงแรมให้ปิดไฟทั้งหมด

เมื่อท่านเดินทางมาถึง ท่านเดินลงจากรถและทำการอธิษฐานจิต ใช้มือขวาแตะไปยังพระบาทมงคลธรรม ช่วงเวลานั้นเองมีกล้อง 4-5 ตัว คอยจับภาพอยู่เป็นของโรงแรมเอเซีย 3 ตัว และ กลุ่มลูกศิษย์ 2 ตัว

ปรากฏว่าเฉพาะกล้องของคุณอารีย์เท่านั้น ที่บังเกิดเหตุอัศจรรย์ คือ
เมื่อพระอาจารย์เอื้อมมือขวาไปแตะที่พระบาทมงคลธรรม เริ่มบังเกิดรัศมีสีขาวเรืองแสงนวลตาขึ้น ทั้งจากพระบาทมงคลธรรมและตัวพระอาจารย์

ภาพต่อมารัศมีสีขาวนวลพุ่งขึ้นมาจากพระบาทสว่างไสวเป็นลำเพิ่มมากขึ้น
คุณอารีย์จึงกดชัตเตอร์ต่อไป

จากนั้นพระอาจารย์ได้หันมาทางคุณอารีย์ พร้อมกล่าวว่าให้ถ่ายภาพได้แล้ว
พร้อมกับท่านดึงมือออกจากพระบาทมงคลธรรม

คุณอารีย์จึงถ่ายรูปไปที่พระบาทมงคลธรรมอีกหลายภาพ ยังคงปรากฏแสงสว่างประกายสีขาวพวยพุ่งเต็มจอภาพ

ภาพทั้งหมดทำให้คุณอารีย์น้อมจิตระลึกรู้และเกิดปัญญา เพราะทุกอย่างปรากฏเหมือนที่คุณอารีย์ได้อธิษฐานไว้ตั้งแต่แรกว่า หากเป็นรอยพระพุทธบาทจริง ขอให้มีแสงสว่างเกิดขึ้น

ขณะถ่ายภาพ คุณสุรพลและคุณประยูรที่อยู่ข้าง ๆ ได้ร่วมรับรู้ด้วย เพราะทั้งคู่ขยับมาดูในช่องมองภาพของกล้องคุณอารีย์ และต่างก็เห็นแสงสว่างขาวนวลในช่องมองภาพอย่างเด่นชัด คุณสุรพลจึงได้พิสูจน์โดยนำกล้องของตัวเองมาประกบข้าง ๆกล้องคุณอารีย์แต่ไม่เห็นแสงสีขาวนวลจากกล้องคุณสุรพล

ในเวลาไม่นาน พระอาจารย์ก็กล่าวว่า
หมดธุระแล้ว และเดินกลับขึ้นรถ โดยจากเริ่มต้นที่ท่านมาถึง จนถึงเวลากลับใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที

พระอาจารย์ได้กล่าวกับคณะศิษย์ติดตามในรถว่า มีพลังที่เย็นมาก เย็นยะเยือก จากพระบาทมงคลธรรม เป็นพลังที่สูงมากมาถึงต้นแขนของท่าน โดยท่านได้ถามคนในรถว่า ในกล้องมีอะไรปรากฏไหม ท่านแน่ใจว่าต้องมี

คุณอารีย์ได้นำภาพที่ถ่ายทั้งหมดไปอัดขยายและไปกราบพระอาจารย์ เมื่อท่านเห็นภาพทั้งหมด ก็บอกว่า เป็นสิ่งที่ตรงกัน เป็นพลังที่เย็นมาก สีขาว และสูงเหมือนที่รัตนบัลลังค์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย

พระอาจารย์ได้ให้สร้างมณฑปสำหรับประดิษฐานพระบาทมงคลธรรม และทำครอบแก้วครอบรอยพระบาทเอาไว้ และให้นำพระพุทธรูปสีขาว มาประดิษฐานบนครอบแก้วอีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันความสงสัยจากผู้ไม่รู้หรือไม่ศรัทธาว่าทำไมถึงมีการกราบไหว้ก้อนหิน

*****************************
ในหนังสือได้แสดงภาพที่คุณอารีย์ถ่ายไว้ด้วย ถ้าใครสนใจอยากดู จะได้แสกนภาพมาให้ดู



โดย: โอรัช IP: 125.24.67.254 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:23:59:46 น.  

 
สุขสันต์ ... วันสุข

ขอบคุณภาพสวย ๆ จากนู๋ไทมส์ พร้อมบทกลอนเตือนใจ เตือนสติพวกเรา ๆ ท่าน ๆ ที่จิตใจยังไม่พ้นการปรุงแต่งจ้า

เจ้าย่าฯ เจ้าขา ... เป็นวิทยายุทธ์เฉพาะตัวของเจ้าย่าฯ มั้งเนอะ ...เยี่ยม ๆๆๆ

ขอบคุณพี่อรสำหรับทุก ๆ เรื่องราวดี ๆ ที่นำมาฝากค่ะ ...

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ทั้งยามนี้ก็มีฝนตกลงมาเป็นระยะ ๆ สลับกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว ...ขอทุกท่านดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ


โดย: สาวิกา วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:8:16:39 น.  

 


โดย: สาวิกา วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:8:19:13 น.  

 
ในหนังสือได้แสดงภาพที่คุณอารีย์ถ่ายไว้ด้วย ถ้าใครสนใจอยากดู จะได้แสกนภาพมาให้ดู

สนใจค่ะพี่อร

สาธุหลวงพ่อ และอนุโมทนาพี่อรด้วยค่ะ


โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.175 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:9:49:26 น.  

 
แวะมาสวัสดีคุณเจ้าของบล็อกค่ะ

อยากอ้วนง่ายกว่าอยากผอมนะคะ
ถ้าผอมมากๆ ลองเช็คต่อมไธรอยด์ดูนะคะ แต่ถ้ารู้สึกสบายดีก็อย่ากังวลเลยค่ะ


โดย: SevenDaffodils วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:9:58:53 น.  

 




...รักคนอ่าน....








นรน





โดย: "...I..." IP: 58.147.38.229 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:14:29:37 น.  

 
ขอเชิญร่วมงานสมโภชพระธุตังคเจดีย์วัดอโศการาม ระหว่างวันที่ 22 - 30 เมษายน 2551 ในการนี้ ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จะเสด็จไปประกอบพิธีบรรจุพระบรมสาริกธาตุ ณ พระธุตังคเจดีย์ และเป็นประธานถวายผ้าป่าสงเคราะห์โลก ในวันที่ 27 เมษายน 2551 เวลา 16.30 น.



โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:17:02:41 น.  

 
สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน



แนวทางปฏิบัติธรรม (ตอนที่ ๑)

(แนวทางปฏิบัติธรรมของ พระราชวุฒาจารย์

(หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์

เรียบเรียงโดย : อุบาสกนิรนาม
//www.dhamma-books.com/article.php?id=21205&lang=th


๑. คำปรารภ



หลวงปู่ดูลย์ อตุโล เป็นศิษย์รุ่นแรกสุดของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถร ภายหลังจากท่านออกเดินธุดงค์จนสิ้นธุระในส่วนขององค์ท่านแล้ว ท่านได้ไปประจำอยู่ที่วัดบูรพาราม อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ตลอดมาจนถึงวันมรณภาพ หลวงปู่เป็นผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัย และได้แผ่บารมีธรรมอบรมสั่งสอนศิษย์ทั้งที่เป็นบรรพชิตและคฤหัสถ์ ประสบผลสำเร็จในการปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว หลักปฏิบัติที่ท่านนำมาสั่งสอนนั้น ไม่ใช่หลักธรรมของท่าน หรือของท่านอาจารย์ของท่าน แต่เป็นพระธรรมคำสอนอันพระผู้มีพระภาคเจ้าประทานไว้นั่นเอง ท่านเพียงแต่เลือกเฟ้นกลั่นกรองนำมาสอน ให้ถูกกับจริตนิสัยของศิษย์แต่ละคนเท่านั้น



หลวงปู่ปรกติสอนเรื่องจิต จนบางคนเข้าใจว่า ท่านสอนเฉพาะการดูจิตหรือการพิจารณาจิต (จิตตานุปัสสนาและธัมมานุปัสสนา) แต่ในความเป็นจริงแล้ว ท่านสอนไว้สารพัดรูปแบบ คือใครดูจิตได้ท่านก็สอนให้ดูจิต แต่หากใครไม่สามารถดูจิตโดยตรงได้ ท่านก็สอนให้พิจารณากาย (กายานุปัสสนา และเวทนานุปัสสนา) เช่นเดียวกับที่ท่านพระอาจารย์มั่นสอน และในความเป็นจริง ศิษย์ฝ่ายบรรพชิตที่พิจารณากายนั้น ดูจะมีมากกว่าผู้พิจารณาจิตโดยตรงเสียอีก



๒. เหตุผลที่ท่านเน้นการศึกษาที่จิต



หลวงปู่พิจารณาเห็นว่าธรรมทั้งหลายรวมลงได้ในอริยสัจสี่ทั้งนั้น และอริยสัจสี่นั้นสามารถรู้เห็นและเข้าใจได้ ด้วยการศึกษาจิตของตนเอง เพราะทุกข์นั้นเกิดมาจากสมุทัยคือตัณหา (ความทะยานอยากของจิต) และความพ้นทุกข์ก็เกิดจากความสิ้นไปของตัณหา แม้แต่มรรคมีองค์แปด ซึ่งย่อลงเป็นศีล สมาธิ และปัญญานั้น ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับจิตทั้งสิ้น กล่าวคือ ศีลได้แก่ความเป็นปรกติธรรมดาของจิตที่ไม่ถูกสภาวะอันใดครอบงำ สมาธิคือความตั้งมั่นของจิต และปัญญาคือความรอบรู้ของจิต ท่านจึงกล้ากล่าวว่า พระธรรมทั้งปวงนั้น สามารถเรียนรู้ได้ที่จิตของตนเอง ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการดูจิต



๓. วิธีดูจิต



๓.๑ การเตรียมความพร้อมของจิต พระกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถร จะสอนตรงกันว่า จิตที่จะเจริญวิปัสสนาได้นั้น ต้องมีสมาธิหรือความสงบตั้งมั่นของจิตเป็นฐานเสียก่อน จิตจะได้ไม่ถูกกิเลสครอบงำ จนไม่สามารถเห็นสภาวธรรมตามความเป็นจริงได้ หลวงปู่ดูลย์ท่านก็สอนในลักษณะเดียวกัน และท่านมักจะให้เจริญพุทธานุสติบริกรรม "พุทโธ" หรือควบด้วยการทำอานาปานสติ คือการกำหนดลมหายใจเข้า บริกรรม "พุท" หายใจออกบริกรรม "โธ"



เคล็ดลับของการทำความสงบ ในเวลาที่จะทำความสงบนั้น ท่านให้ทำความสงบจริงๆ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องการเจริญปัญญา และมีเคล็ดลับที่ช่วยให้จิตสงบง่ายคือ ให้รู้คำบริกรรมหรือกำหนดลมหายใจไปเรื่อยๆ ตามสบาย อย่าอยากหรือจงใจจะให้จิตสงบ เพราะธรรมชาติของจิตนั้นจะไปบังคับให้สงบไม่ได้ ยิ่งพยายามให้สงบกลับจะยิ่งฟุ้งซ่านหนักเข้าไปอีก



เมื่อจิตสงบลงแล้ว จิตจะทิ้งคำบริกรรม ก็ไม่ต้องนึกหาคำบริกรรมอีก แต่ให้รู้อยู่ตรงความรู้สึกที่สงบนั้น จนกว่าจิตจะถอนออกมาสู่ ความเป็นปรกติด้วยตัวของมันเอง



๓.๒ การแยกจิตผู้รู้กับอารมณ์ที่ถูกจิตรู้ เมื่อจิตรวมสงบทิ้งคำบริกรรมไปแล้ว ท่านให้สังเกตอยู่ที่ความสงบนั้นเอง และสังเกตต่อไปว่า ความสงบนั้นเป็นเพียงสิ่งที่ถูกรู้เท่านั้น จิตคือตัวผู้รู้ ผู้ดูอยู่นั้นมีอยู่ต่างหาก สรุปก็คือ ท่านสอนให้แยกจิตผู้รู้ออกจากอารมณ์ที่ถูกรู้



บางคนไม่สามารถทำความสงบด้วยการบริกรรม หรือด้วยกรรมฐานอื่นใด ก็อาจใช้วิธีอื่นในการแยกผู้รู้กับสิ่งที่ถูกรู้ได้ ตัวอย่างเช่น



นึกถึงพุทโธ หรือบทสวดมนต์บทใดก็ได้ที่คุ้นเคย แล้วก็เฝ้ารู้การสวดมนต์ที่แจ้ว ๆ อยู่ในสมองตนเองไป จากนั้นจึงแยกว่า บทสวดนั้นถูกรู้ ผู้รู้ มีอยู่ต่างหาก ตรงจุดนี้มีอุบายยักย้ายอีกหลายอย่าง เช่นอาจจะสังเกตดูความคิดของตนเอง ซึ่งพูดแจ้ว ๆ อยู่ในสมองก็ได้ แล้วเห็นว่า ความคิดนั้นถูกรู้ จิตผู้รู้มีอยู่ต่างหาก



หรือตามรู้ความเคลื่อนไหวของร่างกายไปเรื่อย ๆ หรือตามรู้ความรู้สึกเป็นสุข เป็นทุกข์ หรือเฉย ๆ ไปเรื่อยๆ หรือ ฯลฯ (สรุปว่า รู้อะไรก็ได้ให้ ต่อเนื่อง) และสังเกตเห็นว่าสิ่งนั้นเป็นแค่สิ่งที่ถูกรู้ จิตผู้รู้มีอยู่ต่างหาก



หรืออย่างท่านพระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี ศิษย์อาวุโสอีกรูปหนึ่งของท่านพระอาจารย์มั่น ท่านสอนให้ลองกลั้นลมหายใจดูชั่วขณะ แล้วสังเกตดู ความรู้สึกตรงที่นิ่งๆ ว่างๆ นั้น แล้วทำสติรู้อยู่ตรงนั้นเรื่อยๆ ไปเป็นต้น เมื่อแยกจิตผู้รู้กับอารมณ์ที่ถูกรู้ได้แล้ว ก็ให้เจริญสติสัมปชัญญะต่อไป



๓.๓ การเจริญสติและสัมปชัญญะ ให้ทำความรู้ตัวอยู่กับจิตผู้รู้ อย่างสบาย ๆ ไม่เพ่งจ้องหรือควานหา ค้นคว้าพิจารณาเข้าไปที่จิตผู้รู้ เพียงแค่รู้อยู่เฉย ๆ เท่านั้น ต่อมาเมื่อมีความคิดนึกปรุงแต่งอื่นๆ เกิดขึ้น ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ชัดเจน เช่น เดิมมีความนิ่งว่างอยู่ ต่อมาเกิดคิดถึงคนๆ หนึ่ง แล้วเกิดความรู้สึกรักหรือชังขึ้น ก็ให้สังเกตรู้ความรักความชังนั้น และเห็นว่า มันเป็นสิ่งที่ถูกรู้เท่านั้น ตัวจิตผู้รู้มีอยู่ต่างหาก ให้รู้ตัวไปเรื่อย ๆ สิ่งใดเป็นอารมณ์ปรากฏขึ้นกับจิต ก็ให้มีสติรู้อารมณ์ที่กำลังปรากฏนั้น ในขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่เผลอส่งจิตเข้าไปในอารมณ์นั้น ตรงที่จิตไม่เผลอส่งออกไปนั้นเอง คือความรู้ตัว หรือสัมปชัญญะ



เรื่องสตินั้นเข้าใจง่าย เพราะหมายถึงตัวที่ไปรู้เท่าอารมณ์ที่กำลังปรากฏ เช่นคนอ่านหนังสือ สติจดจ่ออยู่กับหนังสือ จึงอ่านหนังสือได้รู้เรื่อง คนขับรถ สติจดจ่อกับการขับรถก็ทำให้ขับรถได้ ฉะนั้นโดยธรรมชาติแล้ว คนมีสติอยู่เสมอเมื่อจิตตั้งใจรู้อารมณ์ แต่จะเป็นสัมมาสติได้ ก็ต่อเมื่อมีสัมปชัญญะคือ ความรู้ตัวไม่เผลอควบคู่ไปด้วย



ความรู้ตัวไม่เผลอนั้นเข้าใจยากที่สุด เพราะถามใครเขาก็ว่าเขารู้ตัวทั้งนั้น ทั้งที่ความจริงจิตยังมีความหลง (โมหะ) แฝงอยู่เกือบตลอดเวลา สัมปชัญญะที่ใช้เจริญสติปัฏฐาน จะต้องเป็น "อสัมโมหสัมปชัญญะ" เท่านั้น



ยกตัวอย่าง เมื่อเราดูละครโทรทัศน์ ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง ใจรู้ คิดนึกตามเรื่องของละครไป ในขณะนั้นเรามีสติดูโทรทัศน์ แต่ไม่อาจไม่มีสัมปชัญญะ เพราะเราส่งจิตหลงไปทางตา ทางหู และทางใจ เราลืมนึกถึงตัวเองที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ อันนี้เรียกว่าไม่มีสัมปชัญญะหรือไม่รู้ตัว



บางคนเดินจงกรม กำหนดรู้ความเคลื่อนไหวของเท้าซ้าย เท้าขวา รู้ความเคลื่อนไหวของกาย อันนั้นมีสติ แต่อาจไม่มีสัมปชัญญะถ้าส่งจิตเผลอไปในเรื่องของเท้าและร่างกาย มัวแต่จดจ่อที่เท้าและร่างกายที่กำลังเคลื่อนไหว จนเหมือนกับลืมตัวเอง เหมือนตัวเองหรือตัวจิตผู้รู้นั้นไม่มีอยู่ในโลกเลยในขณะนั้น



ความรู้ตัวหรือการไม่หลงเผลอส่งจิตออกไปตามอารมณ์ภายนอกนั้นเองคือสัมปชัญญะ วิธีฝึกให้ได้สัมปชัญญะที่ดีที่สุดคือการทำสมถะกรรมฐาน เช่นการบริกรรมพุทโธ จนจิตรวมเข้าถึงฐานของมัน แล้วรู้อยู่ตรงฐานนั้นเรื่อยไป หากมีอารมณ์มาล่อทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ก็ไม่เผลอ หลงลืมฐานของตนส่งจิตตามอารมณ์ไปอย่างไม่รู้ตัว

************************


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:17:25:01 น.  

 
ในหนังสือได้แสดงภาพที่คุณอารีย์ ถ่ายไว้ด้วย ถ้าใครสนใจอยากดู จะได้แสกนภาพมาให้ดู

สนใจครับ

สาธุหลวงพ่อ และอนุโมทนาพี่อรด้วยครับ


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:17:27:25 น.  

 


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:18:42:55 น.  

 






จัดให้ตามคำขอ ของคุณมุ่งฯ และ DJ อบ ค่ะ
แต่มิรุว่าภาพจะเล็กหรือใหญ่ไปมั้ย ที่นี่ไม่มี preview อ่ะ


โดย: oratch IP: 125.24.84.211 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:19:34:20 น.  

 


ภาพเล็กไปนิ๊ดนึง
แต่ถ้าโพสต์ รูปใหญ่จะมีกรอบหน้าต่าง
สว.ไม่ชอบ กรอบหน้าต่างค่ะ


โดย: oratch IP: 125.24.84.211 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:19:38:14 น.  

 


คห # ๖๓



เอ .. โก๊ะจังได้อ่านอ๊ะยังน๊า




โดย: times IP: 124.120.201.93 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:21:54:51 น.  

 
เมื่อวาน .. ดอกโมกข์

วันนี้ .. เอาดอกนี้มาฝากค่ะ ..















.. ดอกพุด ..



โดย: times IP: 124.120.201.93 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:22:12:25 น.  

 
เอ .. รู้สึกจะสับสนเองอีกละค่ะ

เพิ่งเห็นว่า ..
บางรูปมีเขียนกำกับว่า ดอกสารภีแฮะ



โดย: times IP: 124.120.201.93 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:22:22:28 น.  

 



เจ้าของรูป ชื่อ " ดอกสารภี "


แต่รูปดอกไม้ ชื่อ " ดอกพุด " ถูกแล้ว



งงมั้ยยยยยยยยยยย









โดย: นรน IP: 222.123.225.245 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:22:46:59 น.  

 


ดอกพุดเอย...ผุดพุทธขึ้นกลางจิต
ธรรมสถิตขาวกระจ่างสว่างใส
ปัญญินทรีย์ผ่องแผ้วประคองใจ
สมุจเฉทเหตุให้...สู่อบาย.


โดย: อำไพพร IP: 125.26.28.68 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:23:22:39 น.  

 



ดอกโมกข์เอยโมกขธรรมล้ำเลิศค่า
ปรารถนาโมกข์หมายปลายทางถึง
อัฏฐังคิกมรรคไม่หย่อนตึง
โมกข์น้อยดอกหนึ่ง...คงได้ชม.




โดย: อำไพพร IP: 125.26.28.68 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:23:38:31 น.  

 
คห.ที่ 72 ของคนมีความสุข
เอ .. รู้สึกจะสับสนเองอีกละค่ะ
เพิ่งเห็นว่า ..
บางรูปมีเขียนกำกับว่า ดอกสารภีแฮะ
โดย: times IP: 124.120.201.93 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:22:22:28 น.



คห.ที่ 73 ของคนมีความสุข
เจ้าของรูป ชื่อ " ดอกสารภี "
แต่รูปดอกไม้ ชื่อ " ดอกพุด " ถูกแล้ว

งงมั้ยยยยยยยยยยย

โดย: นรน IP: 222.123.225.245 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:22:46:59 น.




คริ คริ
โก๊ะจัง
นัมเบอร์ทู.



โดย: อำไพพร IP: 125.26.28.68 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:23:54:39 น.  

 
มีใครตื่นอยู่บ้างไหมเอ่ย

หนูกาไปเฝ้าพระอินทร์แล้วหรือ ?

คุณนักเดินทางกลับมาหรือยัง ?

หนูเวลาเคยนอนดึก...
ทำไมวันนี้หายเงียบเลย
เตรียมจะทัวร์กุศลที่ไหนหนอ ?

คุณอร...
งานยุ่งไหมคะ ?
เหนื่อยมากไหม ?

อนุโมทนาบุญคุณมุ่งเต็มใจค่ะ

คุณยายลิงเที่ยวสนุกไหมคะ ?
ที่นั่นฝนตกหรือเปล่า ?
ที่บ้านย่าอำฯตอนนี้ฝนตกพร่ำ ๆ
ค่อยคลายร้อนลงได้หน่อย
เหมือนได้ไปเที่ยวทะเลเลยแหละ




โดย: อำไพพร IP: 125.26.28.68 วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:0:06:23 น.  

 
สุขสันต์ ... วันเสาร์


Photobucket>


ขอขอบคุณภาพสวย ๆ บทกลอนไพเราะ ของฝากดี ๆ จากทุก ๆ ท่านค่ะ

เจ้าย่าฯ ขา ขอบคุณที่หาเพื่อนโก๊ะให้นู๋นะคะ ...อิอิ คนมอบตำแหน่งโก๊ะให้นู๋ (แอบ) ทำตัว (อักษร) ล่องหน นู๋กา (แอบ) อ่านตัวอักษรล่องหนแล้ว อ่านแล้วอ่านอีก หุหุ ...ล่องหนมาบ่อย ๆ ก็ดีน้า

เดี๋ยวนี้นู๋กาไปเฝ้าพระอินทร์เร็วขึ้นอ่ะค่ะ ...น้องคอมพ์ฯ ไม่เป็นใจ เหมือนอากาศในเมืองไทยยามนี้ เด๋วร้อน เด๋วฝนตก เหมือนใจคนเลยเนอะ แปรปรวนไป แปรปรวนมา ...


สำหรับท่านที่ยังรอรถเมล์...สายความรักอยู่ค่า ...แต่เจ้าบ้านไม่รอเป็นเพื่อนน้า








Photobucket>


โดย: สาวิกา วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:10:53:27 น.  

 


หุ หุ หุ หุ
สมัยนี้ คราย....เขานั่งรถเมล์กั๊น.....
เขานั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน/ลอยฟ้า กันแล้ว
แบบว่า มาเร็ว....ไปเร็ว.....ไงล่ะ
ต้องรีบ ๆ ขึ้น เพราะม่ายงั้นตกขบวน
พอขึ้นมาแล้วไม่ชอบ บรรยากาศในรถ..
ก็รีบลง(หย่า)ที่สถานนีหน้าได้เลย
ไม่ต้องรอนาน
แล้วขึ้น.....รถไฟขบวนใหม่ ต่อไป

เจ้าย่า...
มาเปิดบ้านแต่เช้าเลยนะคะ
ช่วงนี้งาน..กำลังดี
ไม่โอเวอร์โหลดมาก
ทำงัยได้ล่ะ เด๋วนี้คนน้อยลงแต่งานมากเหมือนเดิมค่ะ






โดย: oratch IP: 125.24.87.1 วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:15:55:48 น.  

 



Photobucket


สวัสดีค่ะ คุณสาวิกา ภาพดุกดิก ที่ใต้กล่องคอมเม้นท็ save ไปได้เลยค่ะ รวททั้งภาพ อื่นๆ อนุญาตค่ะ

ดุกดิกใต้กล่องคอมเม้นท์ อัพโหลด ที่ Photobucket แล้วเอาไปใส่แทนที่ ภาพ เรารักในหลวงค่ะให้ใส่ที่ script area นะคะ


ขอบคุณที่มาเจิมให้ค่ะ



มีความสุขสุดสัปดาห์ค่ะ พักผ่อนเยอะๆ นะคะ








โดย: นายกุหลาบ วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:19:28:22 น.  

 
คุณสาวิกาคะ


เข้ามาดึกหน่อยค่ะ เรื่องที่จะเอาภาพใหม่ใส่ แทน ภาพ อันเก่าที่ใต้ คอมเม้นท์
ต้องเอาภาพเก่าออกก่อนค่ะ แล้วใส่ code ใหม่ค่ะ คำสั่งเป็นjava script
เอาลงใน comment ม่ายด้าย เค้าม่ายอนุญาตค่ะ

ถ้าจะหาคำสั่ง เรารักในหลวงนะคะ ให้ดูใน script area นะคะช่วงต้นๆๆ ก่อน คำสั่ง comment นะคะ

ถ้าเจอคำว่า smile ในคำสั่งนั้น(อันนี้หมายถึงคำสั่งเดิมของ บล๊อกแก็งค์น่ะค่ะ) อันนั้นละค่ะ คำสั่งภาพ เรารักในหลวงค่ะ

ส่วน code จะเอาอันใหม่ใส่ก็ได้ค่ะ ไปที่นี่เลยค่ะ บล๊อกคุณ กุ้งค่ะ มี code ที่คุณต้องการค่ะ

คลิกไปที่ บล้อค ของคุณ kungguenter นะคะมีีcode แนะนำเยอะค่ะ โรสมี โค้ด แต่ถ้าเอาลง เวลา หลังจาก Published แล้ว มันจะไม่ออกมาเป็นโค้ดค่ะ

โชดดีนะคะ


โดย: นายกุหลาบ วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:0:30:44 น.  

 
>>
เจ้าของรูป ชื่อ " ดอกสารภี "
แต่รูปดอกไม้ ชื่อ " ดอกพุด " ถูกแล้ว
งงมั้ยยยยยยยยยยย
โดย: นรน IP: 222.123.225.245 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:22:46:59 น.
>>>

แหะ แหะ หน้าแตกเรยยยยเรา








โดย: times IP: 124.121.220.93 วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:11:00:19 น.  

 
>>>
คริ คริ
โก๊ะจัง
นัมเบอร์ทู.

โดย: อำไพพร IP: 125.26.28.68 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:23:54:39 น.
>>>





โดย: times IP: 124.121.220.93 วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:11:04:39 น.  

 
>>
ดอกพุดเอย...ผุดพุทธขึ้นกลางจิต
ธรรมสถิตขาวกระจ่างสว่างใส
ปัญญินทรีย์ผ่องแผ้วประคองใจ
สมุจเฉทเหตุให้...สู่อบาย.

...................

ดอกโมกข์เอยโมกขธรรมล้ำเลิศค่า
ปรารถนาโมกข์หมายปลายทางถึง
อัฏฐังคิกมรรคไม่หย่อนตึง
โมกข์น้อยดอกหนึ่ง...คงได้ชม.

>>>>




อุอุ .. สมใจ..

แต่ศัพท์ยาก .. ไม่เข้าใจค่ะ

ไว้ว่างๆ ค่อยไปหาความหมาย

ซาหวัดดีทุกท่านค่ะ


โดย: times IP: 124.121.220.93 วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:11:09:41 น.  

 
>>
อิอิ คนมอบตำแหน่งโก๊ะให้นู๋ (แอบ) ทำตัว (อักษร) ล่องหน นู๋กา (แอบ) อ่านตัวอักษรล่องหนแล้ว อ่านแล้วอ่านอีก หุหุ ...ล่องหนมาบ่อย ๆ ก็ดีน้า
>>




โดย: โก๊ะ # 2 IP: 124.121.220.93 วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:11:14:56 น.  

 
Photobucket




พักผ่อนวันหยุดค่ะ,มีความสุขนะคะ





โดย: นายกุหลาบ วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:15:22:42 น.  

 
Photobucket

ราตรสวัสดิ์ ฝันดีค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณสาวิกา ต้องขอโทษด้วยที่เข้าใจผิด คิดว่าคุณอยากได้ ดอกกุหลาบขอบคุณ ที่แทนภาพ เรารักในหลวง เลยแนะนำผิดค่ะ พอดี
เพิ่งเสร็จงานใหม่ๆค่ะ กะลังเบลอๆๆ

ที่แท้เป็นภาพ Emotion น้องลิง ที่ในกล่อง คอมเม้นท์ใช่ป่าวคะ

อันนี้มี โค้ดค่ะ แต่ยาวมากขอบอก เป็น คำสั่ง java เดี๋ยวจะหาลิ้งค์ให้ค่ะ
อันนี้ แค่ copy แล้ว paste ไปทับของเก่าค่ะ

เดี๋ยวขอเวลาหน่อยค่ะ ตอนนั้นได้มาจาก บล๊อค ของน้อง ฮันนี่ ค่ะ เดี๋ยวจะหาให้นะคะ


โดย: นายกุหลาบ วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:20:26:29 น.  

 


โดย: vj อบค่ะ IP: 58.10.80.4 วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:10:06:05 น.  

 


โดย: vj อบค่ะ IP: 58.10.80.4 วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:10:10:07 น.  

 
สวัสดีครับทุกท่าน

<< อุอุ .. สมใจ..
แต่ศัพท์ยาก .. ไม่เข้าใจค่ะ
ไว้ว่างๆ ค่อยไปหาความหมาย
ซาหวัดดีทุกท่านค่ะ >>
>>
ดอกพุดเอย...ผุดพุทธขึ้นกลางจิต
(ดอกพุดเอย ผุดรู้(พุทธ)ขึ้นกลางจิต)

ธรรมสถิตขาวกระจ่างสว่างใส

ปัญญินทรีย์ผ่องแผ้วประคองใจ
(ปัญญินทรีย์ ธรรมคือความเป็นใหญ่(อินทรีย์มีอยู่5 หนึ่งใน5คือปัญญา)ในส่วนของปัญญา(ความรอบรู้))

สมุจเฉทเหตุให้...สู่อบาย.
(สมุจเฉท ตัดโดยเร็วพลัน) (ในที่นี่คือพระธรรมอันขาวสะอาดคือความรู้วิปัสสนาที่ผุดขึ้นกลางใจมีอินทรีย์คือปัญญาเป็นใหญ่ได้ตัดเหตุสู่อบายได้อย่างเร็วพลัน)

...................

ดอกโมกข์เอยโมกขธรรมล้ำเลิศค่า
(ดอกโมกข์เอย(นักปฏิบัติธรรมน้อยผู้งดงามเอย)โมกขธรรม คือธรรมแห่งการหลุดพ้น เท่ากับนิพพานธรรมมีค่าล้ำยิ่งนัก
โมกข์ แปลว่าหลุดพ้น)

ปรารถนาโมกข์หมายปลายทางถึง
(ปรารถนาปลายทางคือนิพพาน)

อัฏฐังคิกมรรคไม่หย่อนตึง
(อัฏฐังคิกมรรค คือมรรค8หมายถึงการปฏิบัติตามทางสายกลางไม่เคร่งไม่หย่อน)

โมกข์น้อยดอกหนึ่ง...คงได้ชม.
(คงจะได้ชมดอกไม้งาม(นักปฏิบัติธรรม)แห่งความหลุดพ้น เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งดอกกระมัง)
>>

อนุโมทนาสาธุ ครับเปิ้ล
ด้วยความหวังดีครับ

วันอาทิตย์ไปทำบุญมาที่มูลนิธิลป.มั่น และวัดอโศการาม งานสวดอภิธรรมลป.มหาเนียมที่วัดบูรณศิริมาตย์ บันเทิงธรรมมาก ได้ปัญญาความรู้ ศรัทธา เพิ่มอินทรีย์ และพละ และมีส่วนรับใช้พระพุทธศาสนาตามโอกาส นำบุญกุศลมาฝากทุกท่านครับ

เรื่องข่าวพระพุทธบาทกลางกรุงเคยได้อ่าน มาบ้างจากเวบพลังจิตครับ ขอบคุณพี่อรครับ ที่ทำให้ผมทราบความคืบหน้า ขออนุโมทนา กับบุญกุศลพระพุทธบาทนี้ด้วยครับ
ตอนนี้ใช้เครื่องผมลงกระทู้ไม่ได้อีกแล้ว ธรรมดาอ่านก็ยาก ตัวหนังสือก็มองแทบไม่เห็น แต่ก็ลงคคห.นี้ได้ในที่สุดคร้าบบบ

ธรรมะสวัสดีครับทุกท่าน


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.222 วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:13:43:25 น.  

 
<<< อ้างอิง ตอนนี้ใช้เครื่องผมลงกระทู้ไม่ได้อีกแล้ว ธรรมดาอ่านก็ยาก ตัวหนังสือก็มองแทบไม่เห็น แต่ก็ลงคคห.นี้ได้ในที่สุดคร้าบบบ >>>

สง-กะ-สัย ว่า เครื่องคอมฯ ของ คุณมุ่งฯ
จะมีแขกตัวป่วน ที่ไม่ได้รับเชิญ มาสิงสถิตย์ ซะละมั้ง
ลอง สแกนหา ด้วย ตัวตรวจจับรุ่นใหม่ ๆ บ้างรึป่าว

หรือ ไม่ก็เครื่องคอมฯ ลาก สังขาร ผุผังไปไม่ไหว ซะแล้ว

เครื่องคอมที่ ออฟฟิส พี่ อืด.... ช้ามาก ๆ
ได้เปลี่ยนตัวตรวจจับรุ่นใหม่
จับตัวป่วน ฆ่าทิ้งได้หลายตัวเลย
จึง คล่องตัวขึ้น เล็กน้อย
แต่มิรุไร เว็บ ลานธรรม จะเข้ายาก ช้า...มากๆ

บ้าน นู๋กา ที่นี่ เข้าได้ดีกว่า ที่ลานธธรม

ดอกกุหลาบในช่องเม้น สวยจัง
สว. ชอบสีสว่าง ๆ แบบนี้ อ่ะ
อ่านง่าย สบายตา

เมื่อคืน บ้าน สว. ฝนตกหนักมาก
ระยะนี้ ฝนตก ฟ้าคะนอง ถู๊ก...วัน
ดีจัง ทำให้อากาศเย็นดี
แต่ สงสาร น้องหมา บ้าน สว.
เขากลัวเสียงฟ้าร้องมั่ก ๆ เลย
พอฟ้าร้อง เขาจะตัวสั่นเทา ๆ ด้วยความกลัว
และเห่าเรียก เจ้าของ
ต้องออกมาปลอบโยนกัน และ ให้เขาเข้าไปนอนในกรง เอาผ้าหนา ๆใส่ไว้ ปิดประตูกรง แง้ม ๆ ไว้ให้

ตอนเป็นเด็ก ๆ สว. กลัว ฟ้าแลบ ฟ้าร้องมากๆ เรียกได้ว่า มิกล้า พลิกตัว หรือ กระดุกกระดิกตัวเลย จะนอนคู้ตัว จนเช้า

ระยะนี้ สว. รู้สึกว่า เป็นช่วง ข้าวยาก หมากแพง ไปจ่ายของที รู้สึกว่า ของแพงขึ้น ๆ
อนาคต ลูกหลานคงอยู่ยากขึ้นน๊ะ
ผู้ใหญ่ที่กินบำนาญ ก็อยู่ยากขึ้นด้วย เพราะบำนาญนิ๊ดเดียว แต่รายจ่ายเพิ่มมากขึ้น
คุณย่าอำฯ.... สบายดีนะคะ




โดย: โอรัช IP: 203.157.48.252 วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:14:34:00 น.  

 



ผู้ใหญ่ที่กินบำนาญ ก็อยู่ยากขึ้นด้วย เพราะบำนาญนิ๊ดเดียว แต่รายจ่ายเพิ่มมากขึ้นโดย: โอรัช IP: 203.157.48.252 28 เมษายน 2551 14:34:00 น.

เพราะเหตุนี้แหละ...
ผู้ใหญ่ที่กินบำนาญอย่างย่าอำฯ
(คนน่ารักมากมาก)
กำลังต้องให้...
หน้าหมองปากซีดท้องแฟบ
และกระเป๋าฉีกกกกกกกกกกอยู่จ้า...
ให้กังวลว่า
ในอีกปีสองปีข้างหน้านี้
เงินบำนาญจะพอใช้ไหมหนอ ?
มีผู้ใหญ่ใจดีท่านไหนบ้าง...
ที่จะเอ็นดูอุปการะย่าอำฯ ?


โดย: อำไพพร IP: 125.26.28.212 วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:16:56:45 น.  

 
ไปกันค่ะเจ้าย่าฯ ...พี่อร และทุกท่าน

นู๋กาขึ้นหน้าใหม่ให้แล้ว
จะได้ไม่ต้องโหลดนาน

ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนกันค่ะ


โดย: สาวิกา วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:19:04:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวิกา
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]























Friends' blogs
[Add สาวิกา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.