สโลแกน แทนใจ ไว้ให้คิด แม้มิ่งมิตร ผู้อยู่ห่าง กลางความฝัน ไม่เห็นหน้า แต่วาจา พาทีนั้น คละเคล้ากัน ปันสุขทุกข์ ทุกวี่วัน
Group Blog
 
 
มีนาคม 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
10 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
งานประชุมเพลิงลพ.ประสิทธิ์ วัดถ้ำยายปริก

สวัสดีค่ะ ... พลพรรคทุก ๆ ท่าน

ขอบคุณสำหรับการติดตามเรื่องราวนะคะ

เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว เคยอาศัยสัปปายะที่วัดถ้ำยายปริก ไปภาวนาที่นั่นหลายครั้ง มีวันหยุดต่อเนื่องกันครั้งใด ก็จะไปครั้งนั้น ไปคนเดียวบ้าง ไปกับคุณเอกวุฒิบ้าง ถ้ามีวันหยุดน้อยก็จะไม่ไป เพราะไปทีไร มักจะง่วงหงาวหาวนอนอยู่ตลอดไม่ค่อยได้ภาวนาสักเท่าไหร่


แต่ที่วัดถ้ำยายปริกนี้ ... ลพ.ท่านตั้งใจสร้างไว้เพื่อให้ผู้หญิงได้มีที่ภาวนาค่ะ ท่านสร้างอะไรต่ออะไรต่าง ๆ ไว้พรักพร้อม ...ท่านบอกว่าแม่ชีหาที่อยู่ยาก ไปวัดไหน วัดไหน ก็ไปเป็นคนรับใช้ของพระ ไม่ค่อยได้ภาวนากันจริงจังนัก

การภาวนาของที่นั่นจะอาศัยการทำงาน คือการภาวนาค่ะ ลพ.จะสอนให้เจริญสติในระหว่างการทำงาน เพราะฉะนั้นหลังพระฉันเพลแล้ว จะเห็นทั้งพระ และแม่ชีจะไม่อยู่นิ่งว่างกันเลยค่ะ จะทำโน่น ทำนี่กันอยู่ตลอดเวลา ขยันขันแข็งมาก ทั้งปลูกผักสวนครัว ทำดิน และน้ำปุ๋ยชีวภาพ ซ่อมแซมเสนาสนะ ปัดกวาดใบไม้สะอาดตาอยู่ตลอดเวลา

บรรดาแม่ชีทั้งหลายของที่นั่น ทั้งขยัน คล่องแคล่ว ว่องไว แข็งแรง แข็งแกร่งมาก ๆ ทั้งแม่ชีที่อายุยังน้อย และแม่ชี สว. ทำงานไม่เกี่ยงกันเลยสักนิด

ช่วงค่ำหลังจากทำวัตรเย็นแล้วนั่นแหละ ... พระคุณเจ้า และแม่ชีจะแยกย้ายกันหามุมเฉพาะตน ภาวนากันต่อ แล้วแต่ผู้ใดจะภาวนาถึงยามใด ... แต่ส่วนใหญ่จะเห็นภาวนากันจนดึกดื่นนั่นแหละ ... และตื่นเช้าอีกต่างหาก

สาวิกาไปจนแม่ชีที่คุ้นเคยกัน ถามว่าเมื่อไหร่จะมาอยู่จริง ๆ สักที ... น่าจะมาอยู่ซะด้วยกันที่นี่ ...เอ๋ออออออเรยยยยย

ช่วงที่ผ่านมา หาเวลาต่อเนื่องอย่างแต่ก่อนยาก จึงห่างหาย และห่างเหิน ไม่ได้ไปภาวนาที่นั่นอีกเลย

เมื่อทราบข่าวลพ.ป่วยกระทันหัน ออกจะตกใจ เคยมีโอกาสไปกราบเยี่ยมท่าน ก่อนท่านจะมรณภาพสัก 3-4 วัน ... แล้วก็ไม่ได้ไปอีก การฌาปนกิจนั้นกำหนดไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ยังคิดอยู่ว่าจะมีโอกาสได้ไปหรือไม่? ... แต่คิดว่าควรไปเป็นอย่างยิ่ง

จึงเป็นที่มาของการมีภาพบรรยากาศงานประชุมเพลิงของลพ. มาฝากทุก ๆ ท่านค่ะ









Create Date : 10 มีนาคม 2551
Last Update : 10 มีนาคม 2551 21:51:56 น. 26 comments
Counter : 3993 Pageviews.

 
หวัดดีครับ ผมเคยไปเที่ยวเกาะสีชังครั้งหนึ่ง เดือน ก.พ.2551 และก็เคยไปที่วัดถ้ำยายปริก เห็นสถานที่แล้วรู้สึกสงบดีและอยากไปปฏิบัติธรรมที่นั่นบ้าง แต่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้างครับ ต้องติดต่อใครก่อน หรือไปได้เลย ช่วยเล่ารายละเอียดที่ คุณไปมาครั้งแรก และแต่ละครั้งได้ไหมครับ อยากหาเวลาวันหยุดไปนั่งสงบจิตใจ และดูกายดูจิตที่นั่นบ้าง
nutchanonn@hotmail.com ขอบคุณมากครับ


โดย: นนท์ (neo1982 ) วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:12:11:01 น.  

 
สวัสดีค่ะ ... คุณนนท์

ขอบคุณสำหรับการมาทักทาย แวะเยี่ยมชมนะคะ ... การไปภาวนาที่วัดถ้ำฯ สามารถไปได้เลยค่ะ ... จะมีพระคุณเจ้า และแม่ชีคอยให้คำแนะนำอย่างดี ... เตรียมกาย เตรียมใจให้พร้อมแค่นั้นเอง ...

ที่พักมีเยอะค่ะ โดยเฉพาะคุณสุภาพบุรุษ พักบนเขา สถานที่สัปปายะ มีที่ให้เลือกภาวนาได้ตามอัธยาศัยมากมาย ... เรื่องการปฏิบัติหากมีพื้นฐานอยู่แล้ว ก็สามารถปฏิบัติได้เลย หากยังไม่มีพื้นฐาน ทั้งพระ และแม่ชีจะแนะนำค่ะ

ก่อนแต่ที่สาวิกาจะได้ไปภาวนาที่วัดถ้ำยายปริก ได้อ่านเรื่องราวของวัดถ้ำฯจากกระทู้ "คุยกันฉันท์ธรรม" ของคุณรักพงศ์ ในเว็ป "ลานธรรมเสวนา" ค่ะ

ได้รู้รายละเอียดของการไปปฏิบัติที่นั่นพอสมควร ก่อนแต่ที่จะตัดสินใจไปด้วยตนเอง ไปครั้งแรกไม่ได้ชวนใครไป เพราะคิดว่าก่อนแต่จะชวนใครไปที่ไหน เราต้องรู้ก่อนว่าที่นั่นเป็นอย่างไรค่ะ

ไปครั้งแรก ไปคนเดียวแบกเป้บรรจุข้าวของส่วนตัวเต็มกระเป๋า ขึ้นรถทัวร์ไปเอง

ตอนนั้นที่นั่นกำลังสร้างเมรุอยู่ค่ะ สิ่งก่อสร้างทั้งหลายในวัดถ้ำฯ นั้น ใช้แรงกาย แรงใจของคณะสงฆ์ และแม่ชีทั้งหมด ทั้งพระ และแม่ชีที่นั่น มีความสามารถมากค่ะ ทั้งเก่ง ทั้งแกร่ง ทั้งร่างกาย และจิตใจ

Photobucket>

เมรุหลังนี้ละค่ะ ... ที่สาวิกามีโอกาสได้ร่วมลงแรงอันน้อยนิดในการก่อสร้าง (แค่เศษเสี้ยวเองนะคะ ไม่ได้มากมายอะไร)

ปกติเวลาที่มีญาติโยมไปที่วัดถ้ำฯ จะมีแม่ชีมาคอยต้อนรับ ให้คำแนะนำต่าง ๆ อย่างดี แต่ตอนที่สาวิกาไปครั้งแรก ไปถึงก็เดินมะงุม มะงาหราเอง ไม่มีใครมาต้อนรับ เพราะตอนนั้นแม่ชีทั้งหลายกำลังดูแลอาหารเพลอยู่ค่ะ

โชคดีมีน้องคนนึง (ปัจจุบันบวชเป็นแม่ชีแล้ว) เธอช่างพูด ช่างคุย เธอเห็นเดินอยู่คนเดียว เธอมาถามว่ามากับใคร มีที่นอน หมอน เสื้อแล้วหรือยัง แล้วเธอก็จัดการบริการให้เสร็จสรรพ

หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ สังเกตุดูคนอื่นเขาค่ะ เขาทำไรก็ทำตามเขาไป ... ช่วงนั้นกิจกรรมหลัก ๆ จะอยู่ที่การสร้างเมรุหลังนี้ค่ะ ...

ช่วงเช้าประมาณ 04.00 น. จะมีสัญญาณระฆังปลุกให้ตื่น 04.30 น. ทำวัตรเช้า ผู้ชายร่วมทำวัตรกับพระคุณเจ้าที่ด้านบนเขา ผู้หญิงทำวัตรร่วมกับแม่ชีที่ศาลาด้านล่าง

ทำวัตรเสร็จ พระคุณเจ้าเตรียมตัวออกบิณฑบาต ผู้ชายจะเป็นเด็กวัดเดินตามพระค่ะ ส่วนฝ่ายหญิงทำวัตรเสร็จ ก็จะแยกย้ายกัน บางส่วนจัดเตรียมสถานที่ บางส่วนเข้าโรงครัวทำอาหารเพิ่ม บางส่วนกวาดใบไม้ บางส่วน (น้อย) ยังนอนอยู่เลยค่ะ

เด๋วมาเล่าต่อนะคะ


โดย: สาวิกา IP: 124.120.138.156 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:12:48:56 น.  

 
ต่อค่ะ ... ขออภัยที่อาจทำให้ขาดช่วงไปเล็กน้อย ต้องค่อย ๆ นึกค่ะ เพราะไม่ได้ไปนานมากแล้ว

หลังจากพระคุณเจ้ากลับจากบิณฑบาต ตอนนี้ละค่ะ จะเป็นอะไรที่ชุลมุนมาก คือ แม่ชีของที่นี่ จะทำอะไรกันแคล่วคล่องว่องไวมาก ต่างคนต่างรู้หน้าที่กันดี ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตน ...

เราเพิ่งไปใหม่ ๆ ยังทำไรไม่ถูก ได้แต่มองคนนั้นที มองคนนี้ที เวียนหัวไปหมด แม่ชีแต่ละท่านเดินกันเหมือนจะวิ่งเลยค่ะ ... ได้แต่นั่งมองซ้ายที ขวาที แม่ชีที่อยู่ข้าง ๆ ท่านจะไม่ทำให้เราเก้อเขินค่ะ ท่านก็จะบอกให้ช่วยทำนั่น ให้ช่วยทำนี่ เวลาเราทำท่านจะคอยสังเกตุ ตรงไหนที่เราทำไปด้วยความเคยชิน ไม่สวย ไม่เรียบร้อย ท่านจะค่อย ๆ บอกให้ทำอย่างนี้ ๆๆๆๆ เป็นต้นค่ะ ทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลิน และไม่เก้อจนเกินไปนัก แป๊บเดียวจะค่อย ๆ เรียนรู้ หางานทำกันได้เองค่ะ

ลพ.ประสิทธิ์ ท่านปลูกฝังทั้งพระ และแม่ชีที่นั่นให้ใช้ทรัพยากรทุกอย่างให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ทุก ๆ ท่านก็ดำเนินรอยตามลพ.เป็นอย่างดีค่ะ ...

ดูแล้วน่าทึ่งมาก ๆ เลย เพราะพระแต่ละรูป แม่ชีแต่ละท่าน ทำในสิ่งที่ลพ.ท่านทำเป็นแบบอย่างกันจนเป็นอัตโนมัติไปหมดแล้วน่ะค่ะ

มีรูปที่เคยถ่ายไว้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะยังเก็บอยู่หรือเปล่า ตอนไปครั้งแรกไม่ได้เตรียมอะไรไปเลยสักอย่างเดียว ตั้งใจไปดูลาดเลาก่อนเท่านั้นเอง ...ไปครั้งแรกแทบจะไม่ได้ภาวนาเป็นเรื่อง เป็นราวเท่าไร

เพราะกลางวันทำงานหนัก อยู่กับการก่อสร้างเมรุ ท่ามกลางแดดเปรี้ยง ๆ ประมาณ 5 โมงเย็นก็เลิก (เหมือนทำงานบริษัทฯ เลยเนอะ) เพื่อเตรียมตัวทำวัตรเย็นในตอน 6 โม.เย็น พอถึงตอนนี้ก็แทบจะหมดแรงแล้ว แทบจะหลับกลางอากาศเลยก็ว่าได้ เพราะในชีวิตไม่เคยทำงานหนักแบบนี้มาก่อน

.... ขออนุญาตพักยกไปหม่ำก่อนนะคะ... เด๋วมาต่อค่ะ


โดย: สาวิกา IP: 124.120.106.191 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:19:25:38 น.  

 
ต่อค่ะ ...

หลังจากไปครั้งแรกแล้ว รู้สึกว่าตัวเองไปเสียเที่ยวค่ะ ไม่ได้ไปสร้างประโยชน์กับเวลาที่เสียไปสักเท่าไหร่ ... จึงไปภาวนาที่นั่นอีกหลายครั้ง เท่าที่โอกาสจะอำนวยให้สามารถไปได้ค่ะ

ครั้งต่อ ๆ มา ... คราวนี้รู้ทำเล รู้ลู่ทางดีแล้ว และรู้ว่าลพ.ท่านสอนให้เจริญสติในระหว่างทำงาน ไม่ได้สอนให้เอาแต่นั่งภาวนาทั้งวัน ทั้งคืน ... ซึ่งเมื่อไปภาวนาที่นั่น 2-3 ครั้ง จึงรู้และเข้าใจ และสามารถนำกลับมาดำเนินการต่อได้ในชีวิตจริง ...

การปฏิบัติธรรมไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเฉพาะเมื่อเราอยู่ในทางจงกรม ไม่ได้อยู่เฉพาะเวลาเรานั่งสวดมนต์อยู่หน้าหิ้งพระ หรือห้องพระ ไม่ใช่เฉพาะเวลาที่เรานั่งภาวนา ...การปฏิบัติธรรมสามารถกระทำได้ในชีวิตประจำวัน แม้ในเวลาทำงาน เราก็สามารถปฏิบัติธรรมได้

ได้สนทนากับแม่ชีที่นั่น แต่ละท่านจะสอนเราผ่านการทำงานที่เราทำร่วมกับท่านค่ะ ...เด๋วถ้าหารูปเจอ จะนำมาฝากนะคะ

เมื่อลพ.ท่านละสังขารไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามกฏของอนิจจัง ที่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง แม้กิจวัตรประจำวันของที่นั่นยังคงดำเนินต่อตามปกติ เปรียบเหมือนลพ.ยังคงอยู่ทุกประการ

แต่ความเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ผู้คนที่เคยแวะเวียนไปกราบลพ. และไปภาวนาก็ลดน้อยลงไปบ้าง แต่ไม่มากนัก ผู้ที่ไปภาวนาอยู่เป็นประจำ ก็ยังคงไปอยู่เช่นเดิมที่เคยไป ...

พระคุณเจ้าหลายรูป ออกหาครูบาอาจารย์เพื่อภาวนาให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ...ตอนนี้ที่วัดถ้ำฯ พระจึงเหลือน้อยกว่าเดิมค่ะ แต่จำนวนแม่ชียังคงเดิม ... เพราะหลาย ๆ ท่านถือที่นี่เป็นเรือนตายแล้วน่ะค่ะ

เวลาไปที่นั่น ตัวเองจะรู้สึกแบบสบาย ๆ จะไม่เหมือนที่เวลาเราไปที่อื่น ๆ คนส่วนใหญ่จะคร่ำเคร่งเอาเป็นเอาตายกับการภาวนา แต่ที่นี่ ...ต่างคน ต่างปฏิบัติกันตามอัธยาศัย ใครอยากภาวนาก็ไปภาวนา หามุมสงบเฉพาะตนกันไป ... ใครอยากนอนก็ไปนอน ใครจะทำงานก็หางานให้ตนเองทำ ...

แม่ชีแต่ละท่าน ก็หางานให้ตนเองทำกันอย่างไม่หยุดหย่อนเลยค่ะ ... มีงานให้ทำกันตลอดเวลา

บางท่านกวาดใบไม้ตามจุดต่าง ๆ เลือกเอาตามใจชอบ ... บางท่านก็ปรับปรุงทัศนียภาพโดยรอบ ๆ บริเวณกุฏิของตนเอง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ปลูกต้นไม้สวยงามบ้าง ประเภทพื้นสวนครัวบ้าง พืชสมุนไพรบ้าง ...บางท่านก็ลงแปลงพืชผักบนเขา...เตรียมดิน ทำปุ๋ยชีวภาพ ฯลฯ

มีงานให้เลือกทำมากมายตามอัธยาศัยค่ะ ...เล่าให้ฟังพอเป็นสังเขป เด๋วนึกไรออก จะบอกเรื่อย ๆ แล้วกันนะคะ คุณนนท์สงสัยไรก็ถามได้ค่ะ

กลับเข้าสู่บรรยากาศงานประชุมเพลิงของลพ. กันดีกว่านะคะ


โดย: สาวิกา IP: 124.120.106.191 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:20:24:04 น.  

 
ดูบรรยากาศโดยรอบ ๆ ก่อนนะคะ

คนเล่าเรื่อง ... กับเมรุลอยค่ะ

Photobucket>


ศาลาธาดา - ลิลลี่ เธียรประสิทธิ์
ที่ที่ไปอาศัยพำนักในครั้งนี้ค่ะ

Photobucket>

คราวนี้คนเยอะค่ะ เลยไม่ได้พักคนเดียว มีเพื่อน (นอน) ร่วมห้องเยอะเลย ... คืนแรกนอนฟังเสียงดนตรีประกอบทั้งคืน ... มีหลากหลายเวอร์ชั่นดนตรีมาก ทั้งเสียงกรน (สนั่น) เสียงไอ (ปอดคนฟังแทบสะเทือน) เสียงปิดประตูห้องน้ำดังมาก ... นอนตื่นเกือบทั้งคืน ตื่นเป็นระยะ ๆๆๆๆ แต่เช้ามาไม่เพลียนะคะ


กุฏิของแม่ชีที่เรียงรายเป็นระยะ ๆ

Photobucket>


ส่วนนี้เป็นมุมสงบ...วิเวกของสุภาพสตรีค่ะ
มองเห็นทะเลโดยรอบ แต่ด้านนี้จะมีเรือสินค้า และเรือโดยสารขวักไขว่ เสียงแตรเรือดังตลอดเวลาค่ะ ... มีแอร์ธรรมชาติด้วย ลมเย็น (แรง) มากทั้งคืน เป็นอีกมุมทางเลือกหนึ่งค่ะ




เอ้อ ... preview ดูก่อนไม่ได้ มะรู้ภาพจะตรงกับเรื่องราวอะป่าวอะจิ


โดย: สาวิกา IP: 124.122.138.213 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:21:57:05 น.  

 
อ้าววววว ... ภาพสุดท้ายไม่ขึ้นซะนี่

โพสใหม่ละกัลล์นะคะ



โดย: สาวิกา IP: 124.122.138.213 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:21:58:55 น.  

 
ว้า...อีกแระ
ใส่โค้ทของภาพผิดเองอ่ะ ขออำภัยด้วยค่ะ


Photobucket>


โดย: สาวิกา IP: 124.122.138.213 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:22:00:00 น.  

 
ขาดไม่ได้ค่ะ ...เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ...

โรงทาน ... มีทั้งของที่วัดทำเอง และญาติธรรมมาร่วมกันออกร้านโรงทาน มีแต่ของอร่อย ๆ ท้างน้านเรยยยย ... แต่คนเล่าเรื่องทานนิดเดียวเองค่ะ


คืนวันเสาร์ มีการสวดอภิธรรมเป็นคืนสุดท้าย
มีผู้มาร่วมเป็นเจ้าภาพมากมาย

Photobucket>


ไฮไลท์ของคืนสุดท้ายของการสวดอภิธรรม อยู่ที่การฉายสไลด์มัลติวิชั่น ประวัติ ปฏิปทา ผลงาน คำสอนของลพ. ค่ะ

ภาพลพ. และภาพในอิริยาบทต่าง ๆ ของลพ.ที่นำมาฉายให้ชมนั้น มีแต่ภาพที่คัดมาดีมาก ๆ ภาพแต่ละภาพชวนให้บรรดาลูกศิษย์ระลึกถึง ชวนให้อาลัยจริง ๆ ค่ะ

ฉายภาพไปประกอบกับเรื่องราวที่แต่งเป็นบทโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ...

อืมม์... บรรยากาศช่วงนี้ ทำให้คิดถึงนักกวีของบ้านรวมพลฯ จังอ่ะ ... นั่งดูไป ซาบซึ้งไป ประกอบกับยิ้มเป็นระยะ ๆ ยามนึกถึงนักกวีทุกท่านอ่ะค่ะ

ต่อจากประวัติ เรื่องราว คำสอนของลพ.แล้ว ก็เป็นสไลด์ของคณะศิษยานุศิษย์หลาย ๆ ท่านกล่าวรำลึก อาลัยในลพ. เป็นบทกลอนเช่นกันค่ะ ...


โดย: สาวิกา IP: 124.122.138.213 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:22:10:03 น.  

 
ท่าทางคนเล่าจะเมากับเรื่องราวแล้วอะจิ

ภาพโรงทานไม่ขึ้นอีกละ

Photobucket>




โดย: สาวิกา IP: 124.122.138.213 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:22:11:57 น.  

 
ขอบคุณมากๆเลยนะครับ ที่อุตส่ามา สาธยายลายละเอียดกันขนาดนี้ ไว้มีโอกาสจะหาเวลาไปแน่ๆครับ

แบบว่าหอบเสื้อผ้าไปได้เลยใช่ไหมครับ มีที่ซุกหัวนอนชัวร์ ^^


ตอนนี้ก็กะลังอ่านเรื่องราวใน blog นี้อยู่ไปเรื่อยๆ ประกอบกับหา โหลด mp3 จากอาจารย์ท่านต่างๆฟังอยู่ครับ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ


โดย: นนท์ IP: 203.170.231.230 วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:9:56:25 น.  

 
แบบว่าหอบเสื้อผ้าไปได้เลยใช่ไหมครับ มีที่ซุกหัวนอนชัวร์
โดย: นนท์


คุณนนท์ขา ... เสื้อผ้าไม่ต้องเอาไปยังได้เลยค่ะ ...เพราะที่นั่นมีเสื้อผ้าให้ยืมใส่อยู่มากมาย นำแค่ของใช้ส่วนตั๊ว ส่วนตัวไปก็พอ

ที่นั่นจะใช้เสื้อผ้า 2 สี คือ สีขาว และสีกรักแบบที่พระใช้ค่ะ ...

ชุดสีขาว ... ใส่ตอนเช้า และหลังจากเลิกงานประจำวันแล้ว เพื่อทำวัตรเย็น และต่อด้วยภาวนา

ชุดสีกรัก ... เปลี่ยนใส่หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว เป็นชุดที่ใส่เพื่อทำงานในตอนกลางวันค่ะ

สรุปกิจกรรมประจำวันเรียงตามลำดับให้คุณนนท์ เห็นภาพอย่างชัดเจนอีกครั้งนะคะ

04.00 น. สัญญาณระฆังปลุก

04.30 น. ทำวัตรเช้า ผู้ชายทำวัตรร่วมกับพระคุณเจ้า ที่ศาลาบนเขา ผู้หญิงทำวัตรร่วมกับแม่ชีที่ศาลาด้านหน้า

05.00 น. พระคุณเจ้า เตรียมตัวออกบิณฑบาต ผู้ชายเตรียมตัวเป็นลูกศิษย์วัดออกรับบาตรร่วมกับพระคุณเจ้า ... ฝ่ายหญิง จัดเตรียมสถานที่ฉันเช้า...เข้าโรงครัว ...ปัดกวาดเสนาสนะ (ตามอัธยาศัย)

07.30 น. พระคุณเจ้าฉันจังหัน พร้อมผู้มาปฏิบัติธรรมร่วมกัน ท่านเจ้าอาวาส (อาจ) แสดงธรรมเล็กน้อยก่อนฉัน

หลังจากฉันเช้า และญาติโยมทานอาหารเสร็จ ก็เป็นเวลาปฏิบัติงาน ทั้งพระ และแม่ชีจะแยกย้ายปฏิบัติภาระกิจของแต่ละท่านตามอัธยาศัย

ขอตัวก่อนนะคะ เด๋วมาต่อค่ะ


โดย: สาวิกา IP: 124.120.139.97 วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:10:50:04 น.  

 
มาต่อค่ะ

หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว ... ก็ไปปฏิบัติงานกันตามอัธยาศัยจนเวลาประมาณ 11.00 น. จะมีสัญญาณระฆังบอกเวลาฉันอาหารเพลของพระ แม่ชี และผู้มาปฏิบัติธรรมค่ะ

อาหารเพล จะฉัน และทานที่บริเวณโรงครัว นอกจากจะมีงานพิเศษ พระท่านจึงจะไปฉันที่ศาลาฉันเช้าค่ะ

หลังจากพระฉัน และผู้ปฏิบัติทานอาหารเรียบร้อยแล้ว เป็นเวลาส่วนตัวหางานทำ หรือจะภาวนาก็ว่ากันไปตามอัธยาศัยเช่นเคย

เวลาประมาณ 17.30 น. (อันนี้ไม่แน่ใจเวลานะคะ อาจผิดพลาดเล็กน้อย) จะมีสัญญาณระฆังดังอีกครั้ง

ผู้ชายขึ้นศาลาบนเขา ร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็นพร้อมพระคุณเจ้า ... ผู้หญิงสวดมนต์ทำวัตรเย็นร่วมกับแม่ชีที่ศาลาด้านหน้า ...หลังสวดมนต์ นั่งเดินจงกรม หรือนั่งภาวนาอยู่ตรงนั้นจนถึงเวลา 20.00 น. ก็แยกย้ายกันตามอัธยาศัย

สำหรับผู้ที่มาใหม่ พระคุณเจ้า และแม่ชี จะนำชมสถานที่ (แยกชาย - หญิงค่ะ) และนำภาวนาด้วยการนำเดินจงกรมตามแบบฉบับวัดถ้ำยายปริก คือ เดินโดยรอบวัดตามเส้นทางที่พระ และแม่ชีจะนำไป โดยไม่ใส่รองเท้า และไม่ต้องใช้ไฟฉายค่ะ

ฝ่ายชายไม่ทราบนะคะว่าพระท่านแนะนำ และไปปฏิบัติกันที่ไหนอย่างไร

แต่ฝ่ายหญิง แม่ชีจะนำเดินด้วยอาการสงบ แถวเรียงหนึ่ง ขึ้นบันไดพญานาค หรืออาจเปลี่ยนเส้นทางโดยเดินไต่เขาด้านข้างบันได้พญานาคค่ะ ... แม่ชีจะแนะนำให้เดินด้วยความรู้สึกตัว รู้สึกถึงเท้าที่กระทบกับพื้น เท้าเหยียบพื้นเจ็บ (เกิด) ยกเท้าขึ้นความเจ็บหาย (ดับ)

เดินจนถึงลานธรรมปฏิบัติ แม่ชีจะอธิบายธรรมะจากภาพวาดต่าง ๆ โดยรอบลานธรรมปฏิบัติค่ะ ... หลังจากนั้นจะให้ภาวนากันต่อหลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ใครจะภาวนาถึงกี่โมงก็ว่ากันไป ส่วนใหญ่พระคุณเจ้า และแม่ชีที่นั่นจะภาวนากันเกือบโต้รุ่งค่ะ

ที่เล่าให้ฟังนี่หมดเปลือกแล้วค่ะ ... คุณนนท์จะเข้าไปดูเว็ปไซด์ของวัดก็ได้นะคะ สาวิกาทำ link ไว้อยู่ที่ด้านขวามือค่ะ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาด้วยนะคะ


โดย: สาวิกา วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:13:48:12 น.  

 
เอาละ ... ขออนุญาตนำภาพงานประชุมเพลิงมาฝากกันต่อเลยนะคะ

จบงานนี้แล้ว จะขึ้นหน้าใหม่ให้คุณนนท์ได้เห็นรายละเอียดต่าง ๆ ที่ได้เล่าให้ฟังในเบื้องต้นชัดเจนขึ้นค่ะ

Photobucket>

ภาพนี้เป็นเมรุลอยด้านหน้าค่ะ บริเวณที่ตั้งเมรุค่อนข้างจำกัด ทำให้ไม่สามารถถ่ายภาพให้เห็นในมุมกว้างได้ ... ต้องถ่ายมุมนั้นที มุมนี้ที ... ท่านที่ดูภาพแล้วต้องมาประกอบภาพเป็นมุมกว้างกันเองนะคะ


มุมนี้เป็นมุมด้านข้างที่แม่ชี และสาวิกานั่งอยู่ค่ะ สูงกว่าพื้นดินประมาณตึก 1 ชั้นครึ่ง

Photobucket>


Photobucket>


โดย: สาวิกา วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:19:20:36 น.  

 
อ้าว ... ภาพแรกกับภาพที่ 2 ซ้ำกันนี่นา
เฮ้ออออออ.... เมาซะแล้วเรา



มุมนี้ต่างหาก เป็นมุมด้านข้าง
ด้านที่แม่ชี และสาวิกานั่งอยู่ค่ะ
Photobucket>


โดย: สาวิกา วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:19:24:11 น.  

 
ผู้ที่มาร่วมงานค่ะ




Photobucket>


Photobucket


Photobucket


โดย: สาวิกา วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:19:27:42 น.  

 
หนังสือที่ระลึกที่แจกในงานนี้ค่ะ
รวมทั้ง "คุยกันฉันท์ธรรม" ด้วย

Photobucket>


เวลาประมาณ 15.30 น. เริ่มเคลื่อนย้ายศพ จากศาลาใหม่ เพื่อยกขึ้นสู่เมรุลอยค่ะ

Photobucket>


Photobucket


Photobucket>


Photobucket>


โดย: สาวิกา วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:19:31:19 น.  

 
ขออนุญาตพักยกไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ
พรุ่งนี้จะนำภาพมาฝากต่อค่ะ


โดย: สาวิกา วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:19:33:13 น.  

 
ช่วงที่กำลังทำการเคลื่อนย้ายสังขารของลพ. เพื่อนำขึ้นสู่เมรุลอยนั้น ... ขณะกำลังตามถ่ายภาพ จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีความรู้สึกอะไรสักอย่างกระแทกเข้ามาที่ใจอย่างแรง ... เป็นก้อน ๆ สักพักแรงนั้นบีบคั้นความรู้สึกถึงความสะเทือนใจอย่างไรพิกล ...

ถ่ายรูปไปน้ำตาคลอตาไปด้วย มีก้อนสะอื้นพลุ่งขึ้นมาจนต้องยืนสงบใจ ทำความรู้สึกตัวช้า ๆ ก้อนสะอื้นจึงค่อย ๆ จางลง

มารู้สึกอีกครั้ง ตอนที่โลงได้ยกขึ้นไปตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งพระ แม่ชี และผู้ไปร่วมงานต่างถ่ายรูปกันใหญ่รวมทั้งสาวิกาด้วย ...

แล้วความรู้สึกแบบเดิมก็เกิดขึ้นมาอีกครั้ง พอมองไปรอบ ๆ จึงเห็นบรรดาแม่ชีหลายท่านกำลังตาแดงอยู่ บางท่านก็กำลังสะอื้นอยู่คนเดียวในมุมลับตาคน

เวลาประมาณ 16.30 น. พิธีการก็เริ่มต้นขึ้นด้วยการให้เจ้าภาพหลาย ๆ ท่านขึ้นทอดผ้าบังสุกุล แล้วหลังจากนั้นก็เป็นการวางดอกไม้จันทร์ค่ะ


คณะพระสงฆ์ขึ้นวางดอกไม้จันทร์

Photobucket>

ต่อด้วยคณะแม่ชีของวัดถ้ำยายปริก

Photobucket>

และลำดับสุดท้ายจึงเป็นผู้มาร่วมงานค่ะ

Photobucket>


โดย: สาวิกา IP: 124.121.231.239 วันที่: 13 มีนาคม 2551 เวลา:20:44:38 น.  

 
หลังจากวางดอกไม้จันทร์เป็นที่เรียบร้อยเวลาโดยประมาณ 17.00 น. แขกส่วนใหญ่ก็ทะยอยเดินทางกลับ เพราะเรือโดยสารเที่ยวสุดท้ายออกจากเกาะเวลา 18.00 น.

แต่ทางวัดได้จัดเรือไว้เป็นพิเศษจำนวน 3 ลำ เพราะมีพระเถรานุเถระ ตลอดจนถึงแขกผู้มีเกียรติเป็นจำนวนมากที่มาร่วมในงานนี้ค่ะ

ผู้ที่อยู่รอเวลาเผาจริงในเวลาประมาณ 19.30 น. จึงมีเหลืออยู่จำนวนไม่มากนัก ... สาวิกาเป็น 1 ในจำนวนของผู้ที่อยู่ต่อ และต้องค้างอีก 1 คืน จากที่ตั้งใจไว้ว่าเสร็จพิธีแล้วจะเดินทางกลับน่ะค่ะ

และก่อนจะถึงกำหนดเวลาเผาจริง ทางวัดได้เปิดโลงเพื่อให้คณะศิษยานุศิษย์ที่เหลืออยู่ ได้พิจารณาสังขารขันธ์ของลพ. อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย สาวิกาถือโอกาสนี้ขึ้นไปดูเพื่อพิจารณาด้วย... แต่บางท่านก็ไม่กล้าขึ้นไปดูค่ะ ...

ทั้ง ๆ ที่ไม่น่ากลัวแม้แต่นิดเดียว เพราะสังขารของลพ.เก็บไว้ถึง 1 ปี ... สังขารได้คืนสภาพเป็นธาตุหมดแล้ว ...ไม่เหมือนศพที่ไว้ 5 วัน 7 วัน ยังดูน่ากลัวมากกว่า แต่สาวิกาก็ไม่กลัว ไปงานเผาศพที่ใด ถ้าเขาเปิดโลงให้ดู ก็จะดูทุกครั้งไปค่ะ


Photobucket>

ภาพนี้ คุณรักพงศ์ ...แห่ง "คุยกันฉันท์ธรรม" ศิษย์เอกของลพ.กำลังขึ้นไปพิจารณาธาตุขันธ์ของลพ.ค่ะ (คุณรักพงศ์ไม่ให้เผยโฉมในบ้านโน้น แต่ไม่ได้บอกไม่ให้เผยโฉมในบ้านนี้นี่เนอะ)


ทะยอยขึ้นไปดูเป็นลำดับ ๆ ไปค่ะ เพราะต้องปีนขั้นบันได้ขึ้นไปได้ทีละคน 2 คน เท่านั้น

Photobucket>


โดย: สาวิกา IP: 124.121.231.239 วันที่: 13 มีนาคม 2551 เวลา:20:56:36 น.  

 
ภาพด้านหน้าเมรุลอยค่ะ

แม่ชีกำลังทะยอยขึ้นไปพิจารณาธาตุขันธ์ของลพ.

Photobucket


จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.30 น. เจ้าคณะจังหวัดชลบุรีเป็นประธานในพิธีจุดไฟประชุมเพลิงค่ะ

Photobucket>


โดย: สาวิกา IP: 124.121.231.239 วันที่: 13 มีนาคม 2551 เวลา:21:00:22 น.  

 
Photobucket>


Photobucket>





Photobucket>


และสุดท้ายเหลือเพียงเท่านี้ค่ะ


Photobucket>


โดย: สาวิกา IP: 124.121.231.239 วันที่: 13 มีนาคม 2551 เวลา:21:03:24 น.  

 
สวัสดีค่ะสวสัดีค่ะ เข้ามาเจอ บล๊อก นี้พอดี จะสอบถามเกี่ยวกับการเดินทางได้ไหมค่ะการไปที่วัดโดยรถประจำทาง แล้วต้องติดต่อ หรือว่าต้องแจ้งก่อนไหมค่ะว่าเราจะไปปฎิบัติ ธรรม แล้วต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้างค่ะ ขขอบคุณมากค่ะ


โดย: เดียร์ IP: 61.90.149.69 วันที่: 19 เมษายน 2551 เวลา:15:21:45 น.  

 
สวัสดีค่ะ...คุณเดียร์

ขออภัยที่เข้ามาตอบช้า เพราะไม่ได้เข้ามาเปิดดูเลยค่ะ

การไปที่วัดด้วยรถประจำทาง สามารถทำได้อย่างสบายมาก ๆ และสะดวกด้วยค่ะ

ขึ้นรถทัวร์ที่เอกมัย หรือถ้าคุณเดียร์ไม่สะดวกขึ้นรถที่เอกมัย จะขึ้นรถสายยาวที่หมอชิตก็ได้นะคะ รถที่จะไปพัทยา ระยอง จันทบุร๊ และตราดค่ะ แต่ต้องเป็นรถที่วิ่งสายบางนา - ตราดนะคะ ไม่ใช่รถที่วิ่งทางบายพาส

ถึงศรีราชา บอกคนขับลงที่โรบินสันศรีราชา แล้วเรียกรถมอ'ไซด์ หรือสามล้อรับจ้างให้ไปส่งที่ท่าเรือเกาะลอย ไม่ไกลจากโรบินสันค่ะ ค่ารถประมาณ 20 หรือ 40 จำไม่ได้แล้ว ...

แล้วซื้อตั๋วลงเรือไปที่เกาะสีชัง เรือออกทุก 1 ชม. ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีถึงเกาะสีชัง เรียกรถสามล้อ หรือมอ'ไซด์ให้ไปส่งที่วัดค่ะ ค่ารถ 40 บาท

การไปพักปฏิบัติธรรมที่วัดถ้ำยายปริก สามารถไปได้ตลอดเวลา สำหรับผู้หญิงคุณแม่ชีท่านจะแนะนำเราทุกอย่าง ไม่ต้องกลัวเก้อเขินนะคะ แม่ชีที่นั่นน่ารักทุกท่านเลยค่ะ ส่วนคชจ.แล้วแต่จะทำบุญ หากยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็สอบถามได้นะคะ


เข้าไปดูเว็ปไซด์ของวัดได้ที่ link ด้านขวามือค่ะ


โดย: สาวิกา IP: 124.120.110.102 วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:19:37:02 น.  

 
อนุโมทนาด้วยนะคะ..ไปวัดนี้มาบ่อยเหมือนกันแต่ยังไม่มีเวลาไปค้างคืนเลย..แต่รู้สึกเหมือนกันเลยนะคะว่า ไปวัดนี้แล้วเย็นดีมากๆ ทั้งใจทั้งกาย..


โดย: ใบเฟิร์น IP: 58.8.16.49 วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:33:41 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่สาวิกา
น้องเองก็ไปบวชผ้าขาวที่วัดเหมือนกันค่ะ ส่วนมากแล้วจะมีโอกาสไปช่วงปีใหม่สะมากกว่า ได้ไปที่วัดแล้วรู้สึกว่าเหมือนตัวเองได้ไปสวรรค์เลย มีความรู้สึกพิเศษ และศัทธาในคำสอนของหลวงพ่อมาก ๆค่ะ ปีใหม่ใกล้จะถึงนี้จะไปบวชผ้าขาวค่ะ
หวังว่าคงได้สนทนาธรรมด้วยกันน่ะค่ะ


โดย: น้องหนุ๋ย IP: 203.147.48.61 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:02:47 น.  

 
สวัสดีครับ

นาย นัชนนท์ ตัวจริงเป็นแบบนี้ครับ

//www.fwdder.com/topic/7936



โดย: aom IP: 203.170.231.232 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:57:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวิกา
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]























Friends' blogs
[Add สาวิกา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.