"อาตมาไม่ได้พูดให้โยมเชื่อ แต่พูดให้โยมไปคิด".....หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
ใบไม้ในกำมือ หมวด ๓(๒)


หมวดที่ ๓ เสาหลักของสังคมไทย


๓.๒ วัด

* ตามคำสอนในพระพุทธศาสนา ชาวพุทธควรมีศรัทธา ๔ อย่าง ดังนี้

๑. ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
๒. กัมมสัทธา เชื่อเรื่องกรรม คือเชื่อว่ากรรมมีจริง
๓. วิปากสัทธา เชื่อเรื่องผลของกรรม ไม่ว่าทำดีหรือทำชั่ว ย่อมให้ผลเสมอ
๔. กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อว่าสัตว์โลกมีกรรมเป็นของของตน

* ถ้ามนุษย์เราจะมีความสุขได้ ด้วยความภักดีและวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า ถ้าพระผู้เป็นเจ้าช่วยเราได้ตามที่ขอร้องแล้ว มนุษย์เราก็คงไม่ต้องทำอะไรอีก นอกจากร้องสรรเสริญคุณพระเจ้า หรือหาสิ่งของต่าง ๆ มาบูชาพระเจ้า แล้วก็ขอสิ่งที่ตนปรารถนา และถ้าบาป ล้างได้ด้วยพิธีกรรม คนเราจะกลัวทำไมกับการทำชั่ว

* การเข้าถึงพระพุทธศาสนา ให้เข้าทางพระรัตนตรัยก่อน ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน สาตากิฬายักษ์ หลังจากที่กระทำการจ้วงจาบพระพุทธเจ้า แม้กระทั่งถมน้ำลายใส่พระองค์ แต่พระพุทธเจ้าไม่แสดงอาการโกรธ ยักษ์จึงยอมนับถือพระพุทธเจ้า แล้วกล่าวคำว่า นะโมตัสสะ ภะคะวะโต – อะระหะโต – สัมมาสัมพุทธัสสะ มิใช่พระพุทธองค์สอนให้ใครมากราบท่าน ตั้งแต่นั้นมา ก่อนจะสวดมนต์จึงต้องแสดงความนอบน้อมต่อพระพุทธเจ้าก่อน ด้วยการกล่าว นะโมตัสสะ... แล้วขอถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง พุทธัง....ธัมมัง....สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ผีกับเจ้าพึ่งไม่ได้ นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ ( ธัมโม , สังโฆ ) เม สะระณัง วะรัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลัง สะระณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสะระณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า

* ถ้าคันถธุระเชี่ยวชาญจะเกิดปริยัติศาสนาเข้มงวดกวดขัน มีปฏิบัติศาสนาและปฏิเวธศาสนา เมื่อมีครบทั้ง ๓ อย่าง รับรองว่าไปรอดปลอดภัย แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีปริยัติศาสนาและ ประชาชนทั่วไปนับถือพุทธแต่แบบฟอร์ม ไม่เคยศึกษาอันใด ปริยัติศาสนาก็ไม่ได้เรียน ไม่ปฏิบัติศาสนาด้วย ปฏิเวธธรรมจะเกิดขึ้นในชีวิตได้อย่างไร

* ขอเจริญพรว่า อย่าหาว่าอาตมาจ้วงจาบกับชาวพุทธบางคนเลย อาราธนาศีลก็ไม่เป็น ครั้งหนึ่งอาตมาไปงานในกรุงเทพฯ หาคนอาราธนาศีลไม่ได้ มีคริสต์นั่งอยู่ ๕ คน อาตมาจำได้ เพราะเคยไปอบรมที่วัด เรียนปริญญาโทที่จุฬา ก็ขยิบตาให้มาหา แล้วก็บอกว่านี่เขาหาคนอาราธนาศีลไม่ได้ เขาก็เลยโอเค แล้วบอก “ขอเชิญท่านเจ้าภาพ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย” พอดีที่บ้านนี้เขามีปี่พาทย์กรมศิลป์มาช่วยงาน พอจุดธูปเทียนเสร็จ เขาก็บอก “ปี่พาทย์บรรเลงเพลงสาธุการครับกระผม” นี่คริสต์รู้ดีด้วย แล้วพุทธรู้ไหม ฟังกันเป็นแถว อาราธนาศีลก็ไม่เป็น อายเขา อายมาก แล้วคริสต์เขายังรู้อีกว่า ถ้าเป็นงานพิธีของชาวบ้านก็มีการบูชาพระ ต่อจากนั้น เขาก็ว่า มะยัง ภันเต ...... เลย พอรับศีลเสร็จแล้วก็ วิปัตติ ปฏิพาหายะ....... พวกพุทธอ้าปากบ๋อ ขนาดอายุ ๖๐ – ๗๐ นี่เห็นไหม ขอฝากท่านทั้งหลายไว้ด้วย

* อาตมาจำได้ ตั้งแต่มาอยู่วัดใหม่ ๆ เขามาด่าเลย เขาบอก “พระดี อยู่ในโบสถ์ พระไม่โกรธ อยู่ในสระ พระตะกละ อยู่บนกุฏิ” เขาด่าเรา เรารู้ตัวว่าเขาด่าเรา แต่เราไม่ออกไปต่อกรแล้ว เราก็ยอมรับ .... พระในโบสถ์ไม่กินอะไรของใคร พระไม่โกรธอยู่ในสระ อารมณ์ดี มีน้ำใจ มีเมตตาสระน้ำก็คือเย็น พระตะกละอยู่บนกุฏิ ขอแก้ไข เราไม่ใช่พระตะกละ ถึงอยู่บนกุฏิ ก็สร้างความดีได้

* ขอเรียนท่านพระสงฆ์เถรานุเถระ ขอให้ปฏิบัติให้เหมือนกันหมดทุกองค์ เรามาอยู่ในสำนักปฏิบัติ แต่ไม่ปฏิบัติ มันเสียสำนัก เสียภาควิปัสสนากรรมฐาน ..... เราเดินเป็นแถวเป็นแนวก็สวยดี ปฏิบัติให้มันเหมือนกันหมดเลย น่าเลื่อมใส น่าศรัทธา ญาติโยมมาเห็นความเป็นพระปฏิบัติ เขาจึงชอบมาทำบุญวัดอัมพวันมาก

* มีฝรั่งชาวอเมริกัน การศึกษาระดับดอกเตอร์มาบวชในเมืองไทย ที่วัดแห่งหนึ่ง ขอให้เจ้าอาวาสสอนกรรมฐานให้ แต่ท่านเจ้าอาวาสซึ่งเป็นเจ้าคณะอำเภอ ปธ.๗ สอนกรรมฐานไม่ได้ จึงบอกให้เรียนนักธรรมและบาลี แต่พระฝรั่งบอกว่า เรียนมาหมดแล้ว ! ต้องการฝึกกรรมฐาน เขามาปรารภกับหลวงพ่อว่ารู้อย่างนี้ไปบวชที่ประเทศพม่า หรือประเทศศรีลังกา ดีกว่า

* เราเป็นชาวพุทธไม่ควรดื่มสุรา หรือเอาสุราไปทำบำเพ็ญกุศลในวัดวาอาราม เดี๋ยวนี้น่าเสียดาย อาตมาไปเห็นมาหลายวัด กฐิน ผ้าป่า วัยรุ่นเข้าวัด ทำน้ำดองของเมาเลี้ยงกัน เลี้ยงในวัดเลย น่าเสียดายเหลือเกิน กินเหล้ากันในวัด ที่วัดอัมพวันไม่มีนะ ถ้าเอาเหล้ามากินในวัด อันธพาลจะเข้าวัด บัณฑิตจะไม่เข้าวัดแน่นอน อาตมาจับหลายราย ลูกหลานเป็นวิกลจริตเป็นบ้าอยู่ศรีธัญญา ไม่ต้องรักษา อย่างต่ำก็เป็นโรคประสาท เรียนหนังสือไม่จบ

* มีฝรั่งมาถามหลวงพ่อว่า ทำไมพระบวชแล้วจึงไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร ก็บวช ๗ วัน บวชแก้บน บวชกินแล้วนอน ขานนาคก็ต้องให้พระบอก ประชาชนก็ไม่รู้ เพราะไม่สนใจอ่าน ไม่สนใจฟัง แม้กระทรวงศึกษาก็ยังไม่ให้ความสำคัญ

* สมัยก่อนคนเข้าวัดน้อย แต่ปฏิบัติธรรมมาก สมัยนี้คนเข้าวัดมากเป็นร้อยเป็นพัน แต่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมเลยนะ เอาดอกไม้ธูปเทียนมาให้พระช่วย แต่โดยวิธีปฏิบัติแล้ว เขาไม่ได้ปฏิบัติศาสนาเลย

* ท่านเป็นพระภิกษุผู้ประเสริฐแล้ว เป็นอุดมเพศสูงสุดแล้ว ท่านตรองดูเองเถอะครับว่า ทำอะไรเป็นประโยชน์แก่วัด อำนวยประโยชน์แก่ประชาชน สร้างกุศลอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ญาติโยมบ้าง อย่าเข้าข้างตัวเองนะครับ

* นิพพานังปรมังสุขัง อะไรจะสุขเท่านิพพาน นิพพานังปรมังสูญญัง นิพพานสูญไปด้วยกิเลส กิเลสสูญไป ความโลภ ความโกรธ ความหลง ไม่มีอยู่ในตัวตน ถือว่านิพพาน ดับสนิทไม่ติดเป็นเชื้อไขอีกต่อไปแล้ว .... แต่ความเป็นมนุษย์ยังไม่ครบ ท่านไม่ต้องหวังไปสวรรค์ ไม่ต้องหวังไปนิพพาน

* คริสต์และอิสลาม มาเข้าวัด(อัมพวัน) ไม่ใช่หมายความว่าจะให้เขามาเป็นพุทธ แต่เราต้องการเอาของดีให้เขา ต้องการให้เขา เป็นคนดีของสังคม เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ของเขา เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ของเขา อย่าเถียงพ่อเถียงแม่ เถียงครูบาอาจารย์ แล้วเขาจะเป็นพลเมืองดีของชาติของเขาต่อไปในโอกาสข้างหน้า อาตมาสอนอย่างนี้

* เมื่อสองสามวันนี้ตายไป ๓ ราย เอาตะกรุดฝังเข้าไป แล้วเป็นบาดทะยักตาย ไม่ทราบว่าไปทำมาจากวัดไหน พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้หรือ สกปรก ผ่าเอาตะกรุดยัดเข้าไปแล้วเย็บ กันปืน เป่ายันต์เพื่อไม่ให้ตาย ให้อายุยืน อาตมาไม่เชื่อ อายุจะยืนต้องมีการแผ่เมตตา

* พระที่เราบูชาหรือได้รับมา แม้จะเป็นพระหักหรือมาหักทีหลัง ก็ยังถือเป็นของมงคล อย่านำท่านไปทิ้งไว้ตามโคนต้นไม้ในวัด เท่ากับเราไม่เคารพท่าน พอชำรุดแล้วก็ทิ้งขว้างไม่เป็นมงคล ควรจะซ่อมแซมหรือปฏิสังขรณ์

* พระที่บวชชั่วคราว เช่น ๑ เดือน ต้องรีบเรียนสันโดษ เรียกว่าภาวนาปฏิบัติ ปฏิบัติเชิงสันโดษ เรียนสันโดษมักน้อย เรียนอะไรดีล่ะ ต้องเรียนสติปัฏฐาน ๔ เพราะไม่มีเวลาจะมานั่งท่องหนังสือแล้ว เพราะว่าก่อนเราเข้ามามีกิจการงานของฆราวาสมาก ต้องประกอบอาชีพการงานเลี้ยงบิดามารดา เลี้ยงบุตรธิดา

* พระพุทธเจ้าสอนอะไร ? สอนให้ ช่วยตนเอง พึ่งตนเอง สอนตัวเอง และอย่าเบียดเบียนตนเอง อย่าเบียดเบียนผู้อื่น อย่าให้ตนเองเดือดร้อน และอย่าให้ผู้อื่นเดือดร้อน

* ฝรั่งมาหาธัมมะ คนไทยมาหาบุญ และคนไทยบางคนปากเป็นบุญ ใจเป็นบาป ไม่สนใจธัมมะจริง สังเกตคนไทยที่มาวัดนี้ ไม่ได้มาหาธัมมะหรอก มาหาบุญช่วย เอาดอกไม้ธูปเทียนมาให้พระช่วยทั้งนั้น แต่ไม่ช่วยตัวเอง

* เกล้ากระผมไปที่ยุโรป ๕ ประเทศ มีแต่คนไทยถือดอกไม้มาให้บุญช่วย แต่ฝรั่งมาหาธัมมะ แสวงหาธัมมะ ฝรั่งปฏิบัติธรรมมาก เดี๋ยวนี้ตรงกันข้ามแล้ว คนไทยไปเอาของฝรั่งมา ฝรั่งเอาของคนไทยไป คือมีมารยาท ชาติผู้ดี มีศีลธรรม ทำไมหนอ ฝรั่งไม่เคยไปวัด ไม่เคยทอดกฐิน ไม่เคยทอดผ้าป่า ไม่เคยทำบุญสุนทานแบบเราชาวพุทธ แต่ทำไมฝรั่งร่ำรวยมหาศาล เพราะเขามีธัมมะ มีธัมมะอยู่ในจิตใจ เขาจึงปฏิบัติหน้าที่เคร่งครัด ขยันหมั่นเพียร ไม่เกียจคร้านแต่ประการใด เขาตรงไปตรงมาด้วยยุติธรรม

* คำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่รับเรื่องปัญหาของคน ท่านสอนคนให้มีปัญญา สอนให้แก้ปัญหา แต่โยมก็เอาปัญหามาให้พระ ไม่รู้จักช่วยตัวเอง จุดมุ่งหมายของพระพุทธเจ้าสอนอย่างนั้น ( ช่วยตัวเอง พึ่งตัวเอง สอนตัวเอง )

* ศาสนาพุทธไม่เคยทำลายศาสนาอื่น แต่ทำไมศาสนาอื่นชอบทำลายศาสนาพุทธ อย่างพระพุทธรูปในอัฟกานิสถาน อายุเป็นพันปี เป็นสมบัติของชาวโลกไปแล้ว ไปเหยียบย่ำทำลายทำไม เมื่อไม่นับถือก็อย่าไปทำลาย

* จะสังเกตพระก็ได้ ถ้าองค์ไหนมีคุณธรรม ท่านจะทำกิจวัตรไม่พัก จะไม่ขาดเลย การสวดมนต์ไหว้พระ อนุโมทนาจะไม่ขาดเลย จะออกมาในรูปแบบนี้ชัดเจนแล้ว

* หากโยมไปเจอพระองค์ไหนเล่นหมากรุก ช่วยบอกกับท่านนะว่า การเล่นหมากรุกไม่ใช่หน้าที่ของพระภิกษุในพระพุทธศาสนา มันจะเป็นบาปเป็นกรรม ถ้าไม่เชื่อไปถามหลวงพ่อวัดอัมพวัน

* การเชื่อเครื่องรางของขลังจะเสียหลักศาสนา เพราะศาสนาไม่ใช่สอนเครื่องรางของขลัง แต่เป็นความนิยมของประชาชนหมู่หนึ่ง ที่มีศรัทธาเชื่อมั่นของเขาอย่างนั้น .... พระพุทธเจ้าสอนชัดเจนมาก แต่ท่านพุทธศาสนิกชนทั่วไปขาดสติสัมปชัญญะ เลยกลายเป็นว่าไสยศาสตร์ เป็นหลักศาสนา สนใจหาแต่เครื่องรางของขลัง แต่ธัมมะไม่หาเลย ไม่สนใจด้วย

* ศรัทธาพอมี คนใช้ของเขาไม่ดี คนมีไม่รักษา
ศรัทธาพอหา คนอยู่ไม่รักษา สร้างวัดให้หมาขี้ หาคนดีรักษาไม่ได้

* จะให้ไปเคารพพระพุทธเจ้าตรงไหน ปฏิบัติตามคำสั่งคือพระวินัย ปฏิบัติตามคำสอนคือธัมมะ สองประการถือรวมเรียกว่าพระพุทธศาสนา

* เถียงประธานสงฆ์ เป็นอาบัติโทษ พระพุทธเจ้าสอนดีมาก ให้ผู้ใหญ่มารอ เป็นอาบัติโทษนะ ผู้น้อยต้องมารอผู้ใหญ่ อย่าให้ผู้ใหญ่ต้องรอ นี่ละเอียดอ่อนมาก

* พระภิกษุสงฆ์ที่บวช อยู่ที่ไตรสิกขา ท่านบอกว่า อย่าขาดไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่ใช่เอาไตรมาไว้ที่ที่นอนแล้วกอดไตรไว้ โยมก็เป็นพระได้ถ้ามีไตรสิกขา .... ศีล สมาธิ ปัญญา เอามาพัฒนาบ้านเมืองได้ แต่ไม่นำมาใช้กัน จะไปสวรรค์ไปนิพพาน แต่สมบัติมนุษย์ไม่มีเลย

* พระพุทธเจ้าสอนว่า พระภิกษุผ่านเวจกุฎีสกปรก หนีไปเป็นอาบัติโทษทันที แสดงว่าพระพุทธเจ้าจี้เรื่อง ห้องน้ำ ห้องสุขา ต้องสะอาด อันนี้เรียกว่า กิจวัตร
( สมัยที่วัดยังยากจน หลวงพ่อต้องฉันข้าวกับน้ำปลาก็เคยมาแล้ว ! หลวงพ่อจะใช้กาบมะพร้าว ใช้ทราย ขัดห้องน้ำห้องสุขา ด้วยตัวท่านเอง โถส้วม คอห่าน พื้น ผนัง สะอาดเอี่ยมและแห้งด้วย : ผู้รวบรวม )

* หลักศาสนาอีกประการหนึ่ง พระภิกษุนวกะที่บวชใหม่ในพระศาสนา ต้องจดเวลาไว้ โสภาเสยยะ จดไว้ทำไม ต้องการให้เคารพผู้ใหญ่ เคารพอาวุโส เอาไปใช้ได้ทุกกาลสมัย เป็นผู้น้อยอย่านิ่งดูดาย ควรเคารพผู้ใหญ่ ไปลามาไหว้ อ่อนน้อมถ่อมตน ปากหวาน ตัวอ่อน อาวุโสภันเต ต้องเคารพบูชาท่านผู้ใหญ่ผู้เป็นประธาน ต้องเชื่อฟังท่าน นี่สอนตั้งแต่บวชเลยนะ

* ภิกษุณีหมดไปกว่าสองพันปีแล้วและไม่มีบัญญัติไว้ ก็ไปอ่านหนังสือแล้วก็ตั้งกันขึ้นมาเอง เป็นไปไม่ได้ แต่ พุทธะ เป็นได้ทั้งหญิงและชาย

* เวลานำศพไปวัด เขาให้เอาพระนำหน้า หมายความว่า ทำอะไรเอาพระมาใส่ใจ ทำตามพระสอนไม่ใช่พระนำขึ้นสวรรค์ ศพคนชั่วคนเลวขึ้นสวรรค์ได้หรือ ?!

* ถ้าไปนับถือผีเข้าเจ้าทรง ท่านจะขาดพระรัตนตรัย จะทำดีไม่ได้ดี ท่านต้องเชื่อกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

* ตำแหน่งของพระสงฆ์ เป็นตำแหน่งที่ได้รับการยกย่องว่าผู้เจริญ ไม่ใช่ผู้เสื่อม ท่านจึงเป็นผู้ควรแก่การนำบุคคลอื่นทำการพัฒนา ดังคำให้พรที่ว่าด้วยความวัฒนา ๗ ประการ

* การยังพระปฏิมาที่ชำรุดให้สมบูรณ์ เป็นบุญกุศลอย่างสูง ทำให้อายุยืนและประสบผลสำเร็จในกิจการที่ประกอบอยู่อย่างดี

* ตัด กิเลสตัณหาได้ ไม่มีโลภ ก็ไปนิพพานได้ ไม่ต้องไปเถียงกันว่า เป็นอัตตาหรืออนัตตา

* บวชพรรษาเดียว ยังไม่ได้อะไร ออกเดินธุดงค์แล้ว เลยเพี้ยนกันมากมาย

* วันพระ พระต้องอยู่วัด ประชาชนเขาจะเข้ามาพบพระ ไม่ใช่ไปเดินกันตามตลาด

* ที่วัดเรา บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม ไม่ใช่บวชชีพราหมณ์

* ของหายาก ๔ ประการ ท่านมีกันแล้วหรือยัง

๑. กิจโฉ มนุสสปฏิลาโภ เกิดมาเป็นมนุษย์แสนจะยากมาก ต้องมีกุศลกรรมบถ ๑๐ ครบ จึงมาเกิดเป็นมนุษย์ได้ บางคนไม่ทันร้อง ตายในท้องก็มากหลาย

๒. กิจฉัง มัจฉาน ชีวิตัง เรามีชีวิตรอดมาได้ถึงขณะนี้ก็ยากอยู่ ยากมาก

๓. กิจฉัง สัทธัมมัสสวนัง การที่เราจะได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า นี่ก็ยาก คนเดี๋ยวนี้เชิญมาฟังเทศน์ฟังธรรม ไม่อยากจะมา บางทีจ้างยังไม่มาเลย ยากตรงนี้ ไม่มีบุญวาสนาจะมาฟังธรรมได้ เอารถไปลาก เอาช้างไปฉุดก็ยังไม่มา การฟังธรรมนี่ยากมาก คนไม่มีบุญ ไม่มีโอกาสฟังธรรมหรอก

๔. กิจโฉ พุทธานมุปปาโท การที่เราเกิดมาพบพระพุทธศาสนา นี่ก็ยากมาก ถ้าไม่อยู่ในถิ่นฐานที่มีพระพุทธศาสนาแล้ว เราก็ยากที่จะพบพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า


๓.๓ โรงเรียน

* ผู้ใด สามารถ ดำเนินชีวิตให้ปลอดภัยได้ ดำเนินชีวิตอย่างมี ทั้งคุณและค่าได้ ผู้นั้นคือ ผู้ที่ประสบชัยชนะแห่งความเป็นมนุษย์ปุถุชน และผลเลิศทั้งสองประการนี้ สามารถทำให้เกิดได้ ด้วยหนทางแห่ง ความเป็นครู

* โรงเรียนคริสต์ที่มีชื่อเสียงหลายโรงเรียน (ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อ แต่ระหว่างการสอน หลวงพ่อจะเอ่ยชื่อโรงเรียนด้วย : ผู้รวบรวม) ส่งนักเรียนมาเข้าวัดปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันสม่ำเสมอ และบางโรงเรียน ผู้บริหารก็อำนวยความสะดวกให้ครูมาปฏิบัติธรรมอีกต่างหาก ผู้บริหารยังบอกอีกว่า ที่โรงเรียนจะมีการสวดมนต์เป็นประจำ โดยแยกกลุ่มตามศาสนา

(หลวงพ่อเคยพูดถึง ผู้บริหารโรงเรียนพุทธบางโรงเรียนไม่สนใจและไม่สนับสนุนให้เด็กมาเข้าวัดปฏิบัติธรรม บอกว่าไม่มีประโยชน์ เสียเวลา และผมเองก็เคยได้รับการบอกเล่าจากคุณครูท่านหนึ่ง ที่พาเด็กมาวัด ว่า ผอ.นอกจากไม่สนับสนุนแล้ว บ่อยครั้งก็ขัดขวาง แม้แต่การจัดกิจกรรมศาสนาในโรงเรียน : ผู้รวบรวม)

* ฉะนั้นครูอย่าห่วงเลยว่า เด็กของเราจะโง่ทางวิชาการ หากมุ่งสอนแต่คุณธรรม คนที่มีคุณธรรม จะเรียนได้เร็วที่สุด ถ้าไม่เชื่อ คุณครูลองไปพิสูจน์เด็กนักเรียนที่ครูสอน แล้วประเมินด้วยตัวครูเอง ไม่ต้องเอาเครื่องมือ ไม่ต้องใช้ข้อสอบ ก็พอจะตัดสินได้ว่า เด็กคนไหนมีคุณธรรมมาก เด็กคนไหนมีคุณธรรมน้อย หรือไม่ค่อยจะมีคุณธรรมเลย แล้วลองดูผลการเรียนจะมีความแตกต่างกัน หรือจะเลยไปดูเมื่อเขาประกอบอาชีพก็จะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

(เกี่ยวกับเรื่องนี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้ยกตัวอย่าง พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ ว่า ท่านไม่ได้เรียนวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย เพียงมีความรู้ทางธรรมที่เปรียญธรรม ๕ ประโยค เรียนกฎหมายก็เพียงภาค ๑ เท่านั้น แต่ท่านอยู่วัดนาน ท่านสามารถสอบแข่งขันชนะได้ที่ ๑ ได้ทุนเรียนการทูตในฝรั่งเศส แต่ท่านเขียนประวัติศาสตร์สากลถึง ๑๒ เล่ม เขียนตำราเศรษฐศาสตร์ และยังได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมายจากต่างประเทศ ทั้งที่วัดที่ท่านอยู่ไม่ได้สอนสิ่งเหล่านี้เลย หลวงพ่อที่วัดคงเพียงแต่เลี้ยงและสอนให้ท่านเป็นคนดี ไม่เกเรเท่านั้น : ผู้รวบรวม)

* โรงเรียนใดสอนเด็กสวดมนต์ ไหว้พระ อาราธนาศีล อาราธนาธรรมเป็น ขอเจริญพรว่า เด็กจะดีทุกคน

* เด็กก้าวร้าวกับพ่อแม่ เถียงพ่อเถียงแม่ ครูบอกเป็นสิทธิของเด็ก ! แต่ของเราเถียงพ่อเถียงแม่ไม่ได้ พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก อย่ายืนพูดกับพ่อแม่ ต้องกราบพ่อแม่

* เป็นครู อย่าเป็นครูกาฝาก ครูรับจ้าง ขอให้เป็นครูที่มีวิญญาณครู ต้องนึกว่านักเรียนเป็นลูกของเรา เรียกว่าวิญญาณครู เสียดายบางโรงเรียนบอกว่า สวดมนต์เสียเวลาเรียน นั่งสมาธิเสียเวลาเรียน

(ในช่วงเข้าพรรษาใหม่ ๆ ทางวัดจัดโครงการสู่ร่มกาสาวพัสตร์แก่พระนวกะ และได้เชิญ ดร.อาจอง ชุมสาย มาเป็นวิทยากรถวายความรู้ ทำให้ทราบว่า ดร.อาจอง ได้เกิดปัญญาในตัวหรืออ่านหนังสือไม่มีตัว อย่างที่หลวงพ่อสอนพวกเราจากการนั่งสมาธิ ทำให้ทราบแนวทางการทำวิทยานิพนธ์จนได้ปริญญาเอก และแก้ปัญหาการจัดทำอุปกรณ์ควบคุมสั่งการนำยานอวกาศลงดาวอังคารได้สำเร็จ ปัจจุบันท่านเป็นเจ้าของโรงเรียน (จำชื่อไม่ได้) อยู่ที่ อ.ชัยบาดาล เปิดสอนตั้งแต่อนุบาลถึงมัธยมปลาย และนักเรียนทุกคนทุกชั้นเรียน ต้องปฏิบัติกรรมฐานนั่งสมาธิทุกวัน ส่วนตัวท่านเองท่านบอกว่า ท่านนั่งสมาธิทุกวันไม่เคยขาด ปฏิบัติมานานถึง ๔๖ ปีแล้ว ตั้งแต่อยู่ต่างประเทศ เรื่องการนั่งสมาธินี้ นอกเหนือจากลัทธิที่มีมาก่อนพระพุทธศาสนาแล้ว ก็มีเพียงพุทธศาสนาเท่านั้น ที่เน้นเป็นข้อปฏิบัติมาโดยตลอด ปัจจุบันคนต่างชาติต่างศาสนาได้เห็นคุณค่า ต่างนำไปประยุกต์เข้าเป็นแนวปฏิบัติของเขา อย่างโรงเรียนสามัญต่างศาสนาที่มีชื่อในกรุงเทพฯ เขาก็มีการนำนักเรียนนั่งสมาธิกัน แต่เรียกว่า “นั่งเงียบ” โดยนั่งเก้าอี้ เป็นต้น : ผู้รวบรวม)

* ของดีที่อาตมาจะแจกให้คือ คุณธรรมหรือธรรมของครู ขอให้นำไปใช้ติดตัวตลอดไป จะเกิดสิริมงคลแก่ชีวิตตนและครอบครัว

๑. เคารพต่อวัตถุประสงค์ของการศึกษา วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการศึกษา อยู่ที่การปลูกฝังคุณธรรม เพราะคุณธรรมเท่านั้น ที่จะปรับเปลี่ยนแก้ไขพฤติกรรมของคุณได้

๒. ครูต้องรักหน้าที่ บุคคลที่ทำงานด้วยความรัก ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความชอบ จะมีความสำเร็จแน่นอน และยังมีความปลอดภัย กับชีวิตที่งดงามอีกด้วย

๓. ครูต้องรู้จักควบคุมตนเอง จะทำอะไรก็ให้สำนึกว่าทำอะไร หรืออย่างน้อยก็รู้จักเชื่อฟังกัน แม้จะยาก แต่หากเอาตัวระเบียบตัววินัยของครูมาเป็นหลักแล้วปฏิบัติตาม ก็สามารถควบคุมตัวเองได้

* อาตมาสอนเด็ก ออกจากตรงนี้ไปดูครูสอน นี่กระแสจิตจะออกจากตรงนี้ (ตาที่สามหรืออุณาโลมาปัชฌายเต) มีกรรมวิธีแล้วจะได้จำหนังสือได้ เวลาจะกำลังตกใจ ลิ้นปี่นี้จะหายใจยาว ๆ เดี๋ยวก็เพิ่มกำลังขึ้นมา เท่านี้ทำกันไม่ได้



Create Date : 14 พฤษภาคม 2549
Last Update : 14 พฤษภาคม 2549 16:40:56 น. 0 comments
Counter : 1178 Pageviews.

ถมทอง
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 56 คน [?]








.: เรื่องล่าสุด ๒๕๕๖ :. คลิกเลยค่ะ

๒ พ.ย. [คลิปเสียง]ธรรมเทศนา ๑๔

๑๔ ต.ค. [คลิป]พิธีถวายผ้าป่า๒๐๐กอง





pub-6092438163871112
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2549
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
14 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ถมทอง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.