ใบไม้ในกำมือ หมวด ๒(๓)
หมวดที่ ๒ กรรมฐาน (กัมมัฎฐาน)
๒.๓ กรรม
* ในเรื่องกฎแห่งกรรม ได้กล่าวถึง อันตรายที่เกิดแก่สัตว์โลก ๕ อย่าง
๑. กิเลสันตราย อันตรายที่เกิดจากกิเลส เช่นมีความโลภ ความโกรธ ความหลง
๒. กัมมันตราย อันตรายที่เกิดจากความชั่วที่ทำในปัจจุบัน
๓. วิปากันตราย อันตรายที่เกิดจากวิบาก คือผลของกรรมที่ทำในอดีต
๔. ทิฎฐันตราย อันตรายที่เกิดจากทิฎฐิที่ผิด คิดผิด
๕. อริยูปวันตราย อันตรายที่เกิดจากการจ้วงจาบพระอริยะเจ้า คุณพ่อคุณแม่ ครูบาอาจารย์ ผู้มีบุญคุณ
* พระพุทธศาสนาสอนว่า บุคคลจะได้ดีหรือชั่ว ได้รับสุขหรือทุกข์ ก็เพราะกรรม หรือการกระทำของตนเองทั้งสิ้น หากเราไม่ดำเนินตามทางที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ แม้จะสวดมนต์หรือวิงวอนขอร้อง ก็ไม่อาจจะช่วยให้เราพบความดีและความสุขได้ ถ้ามนุษย์จะมีความสุขได้ด้วยความภักดีและวิงวอน มนุษย์เราก็คงไม่ต้องทำอะไร
* อย่ามาคุยความหลังกันเลยนะ เอาปัจจุบันเถอะ อดีตคือความฝัน ปัจจุบันขณะนี้เป็นของเราแน่ อนาคตหาได้เป็นของเราอย่างไรไม่ มันไม่แน่นอน มันจะเปลี่ยนไปตามกฎแห่งกรรมและความเหมาะสม สามารถเปลี่ยนฐานะได้ อย่าจับให้มั่นคั้นให้ตาย มันเปลี่ยนแปลงได้ จากกฎแห่งกรรม จากการทำดี กับทำไม่ดีเท่านั้น
* คนที่เชื่อในเรื่องกรรม ย่อมได้เปรียบกว่าคนที่ไม่เชื่อ เพราะคนที่เชื่อในเรื่องกรรมย่อมสามารถอดทนรับความทุกข์ยากลำบาก ความผิดหวัง ความขมขื่น และเคราะห์ที่เกิดขึ้นแก่ตนได้ เพราะถือว่าเป็นกรรมที่ทำมาแต่อดีต จะไม่ตีโพยตีพาย ว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำดีแล้วไม่ได้ดี
* กฎแห่งกรรมเป็นคำสอนที่สำคัญในพระพุทธศาสนา ผู้เป็นชาวพุทธทุกคน จึงควรเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม ควรพยายามศึกษาและทำความเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม ชาวพุทธที่ไม่เชื่อกฎแห่งกรรม หาใช่ชาวพุทธที่แท้จริงไม่
* คนที่ประกอบกรรมทำชั่วทั้งหลาย ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่เชื่อกรรมทั้งนั้น ไม่เชื่อเรื่องบุญเรื่องบาป ไม่เชื่อเรื่องตายแล้วเกิด คนพวกนี้เกิดมา จึงมุ่งแสวงหาสมบัติและความสุขสบายส่วนตัว โดยไม่คำนึงถึงว่า ทรัพย์สมบัติ หรือความสนุกสนาน ที่ตนได้มาถูกหรือผิด แล้วทำให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนหรือไม่ ประการใด สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน
* อย่าลืมกฎแห่งกรรมนะครับ ผมช่วยท่านไม่ได้หรอก มีฟ้าเหนือฟ้า อะไรจะเหนือกฎแห่งกรรมนะครับ ต่อหน้าทำอย่างไร ลับหลังให้เป็นอย่างนั้น ทำอะไรให้มีประโยชน์ต่อส่วนรวม รับรองได้เลยว่า ท่านจะได้อานิสงส์เป็นสังฆทาน เป็นสาธารณประโยชน์ร่วมกัน ได้อานิสงส์มาก
* ในจูฬกัมมวิภังคสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์สุภมาณพ บุตรโนเทยยพราหมณ์ ได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า อะไรเป็นเหตุให้มนุษย์เป็นต่าง ๆ กัน พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า มาณพเอ๋ย สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับผลของกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ทั้งหลาย ให้เลวและประณีต
* สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อย่าคิดว่าไม่มีเวรกรรมนะ ถ้าโยมอยากหมดเวรหมดกรรม ใช้หนี้เขาไปเถอะ หมดแน่ แล้วก็อย่าไปสร้างเวรกรรมต่อไปเลย
* แม้แต่การนึกคิด (มโนกรรม) ก็จัดว่าเป็นกรรมแล้ว เช่น เราคิดจะลักทรัพย์หรือทำร้ายคนอื่น แม้จะยังไม่ลงมือทำ ก็ถือว่าเป็นกรรมชั่ว ซึ่งจะต้องมีผลตอบแทนแล้ว * นรกสวรรค์นั้นอยู่รวมกันแน่นอนที่สุด แต่มันอยู่คนละภพไม่สามารถมองเห็น
* ขอให้โยมทราบไว้ว่า ไม่ใช่ยมบาลมาจดหรอก ไอ้ที่จดมันคือ จิตเป็นผู้จดอารมณ์ทุกกระเบียดนิ้วไม่ขาดเลย บาปบุญคุณโทษ จดบันทึกเข้าไว้หมด พอเราตายลง วิญญาณออกจากร่าง มันก็ตีแผ่ขยายออกมาเป็นการชดใช้กรรมไป หากเราทำดีก็ไปสวรรค์ ทำชั่วก็ลงนรก
* โรคกรรม จำไว้ หมอตรวจไม่พบโรคหรอก ( คนจีนคนหนึ่ง ปวดหลังทรมานมากจะปวดตั้งแต่บ่าย ๓ โมงจนถึงเที่ยงคืนทุกวัน ไปตรวจมาหลายโรงพยาบาล หมอตรวจแล้วบอกว่าไม่มีอะไร มาถามหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ให้ไปนั่งกรรมฐานดูเอง จึงได้รู้ว่า นานมาแล้วเวลาบ่ายสามโมงเขาเคยตีแมวหลังหัก แมวสั่นอยู่นานกว่าจะตาย เลยติดมาถึงลูก ลูกมือสั่นเลย เขียนหนังสือก็ไม่ได้ : ผู้รวบรวม )
* โรคเวรโรคกรรม หมอตรวจไม่พบ แต่กรรมฐานหายแน่นอน เพราะเราชดใช้กรรมด้วยการปฏิบัติกรรมฐาน ข้อสำคัญ ต้องปฏิบัติด้วยความเคารพตัวเอง อย่าโกหกตัวเอง ตั้งใจแล้วต้องอย่าท้อ
* พ่อเป็นนายแพทย์ แม่เป็นแพทย์หญิง ลูก ๒ คน เป็นง่อยเปลี้ยเสียขา ลูกคนที่ ๓ เป็นใบ้ มันเป็นกฎแห่งกรรมอะไรหรือ ท่านรู้ไหม
( ครอบครัวนี้มาให้หลวงพ่อแก้ปัญหา หลวงพ่อก็แนะนำให้เข้ากรรมฐาน พอปฏิบัติไปก็รู้ตัวเองว่า เขาทั้งสองไปรับทำแท้งมาหลายราย เพราะเข้าใจว่าเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ไม่น่าจะบาป หลังจากเข้าใจ ก็เลยเลิก แล้วหันมาปฏิบัติกรรมฐาน แผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ต่อมามีลูกคนที่ ๔ ก็สมบูรณ์ทุกประการ : ผู้รวบรวม )
* พ่อแม่หูตาดี มีลูก ๖ คน หูตึงหมด เป็นเพราะอะไร ถ้าโยมเจริญกรรมฐานเข้าขั้นของเขาแล้ว ปัญญาเกิดแล้ว จะรู้ได้ว่า ทำไมลูกหูตึงหมด เพราะเวรกรรมตามสนองมาแต่ครั้งอดีตชาติ ควรจะแก้อย่างไร น่าจะเข้าใจตรงนี้ ดีกว่าจะไปรู้ญาณ ๑๖
* คนจะรวย ทำอย่างไรก็รวย คนจะเจ๊ง ทำอย่างไรก็เจ๊ง เพราะ เวรกรรมตามสนอง * คนที่มีบุญมาแต่ชาติปางก่อน จะเกิดมาในตระกูลที่ดี
* คนเราเคยฆ่ากันมาแต่ชาติปางก่อน เกิดมาในชาตินี้ ก็ต้องมาฆ่ากัน กุศลาธรรมา อกุศลาธรรมา พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า เวรย่อมระงับ ด้วยการไม่จองเวร
* ตัดกรรมตัดไม่ได้ เราต้องชดใช้กรรม อย่าไปให้ใครเขาหลอก แม้แต่มหาโมคคัลลานะ พระอัครสาวกเบื้องซ้าย ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางมีฤทธิ์มาก ยังต้องชดใช้กรรม ถูกโจรทุบตีจนร่างกายแหลก
* มีอยู่คนหนึ่งเป็นชาวมาเลเซีย ปวดขามา ๗ ปีแล้ว ทรมานเหลือเกิน มานั่งกรรมฐานที่วัดนี้ กำหนดปวดหนออย่างเดียว ปวดจนน้ำตาร่วง ปวดหนัก ตั้งสติไว้ ปวดหนอนี่อุปาทาน ยึดการศึกษาเรียกว่า สมถวิธี เป็นการศึกษาให้รู้แจ้งเห็นจริง พอเห็นจริงแล้ว เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป วูบเลย เวทนาหายไปเลย จิตก็เป็นกุศลเกิดปัญญา นั่งงอขาพับเพียบได้ทันที เดิมงอขาไม่ได้ ภาวนาก็ผุดขึ้นมาทันที บอกเหตุการณ์กฎแห่งกรรม เอามีดไปขว้างขาหมูจนเป็นแผลหนอนกิน แล้วจับขายให้เขาฆ่าตาย ตัวเองต้องปวดขามาจนบัดนี้ เลยก็แผ่เมตตาให้หมู
* กรรมที่แท้จริงจะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ ๒ ประการ
๑. ผู้ทำมีเจตนา คือเจตนาก่อนทำ ขณะกำลังทำ และ เมื่อทำไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน ถือว่าเป็นกรรมทั้งสิ้น
๒. การกระทำนั้นจะต้องให้ผลเป็นบุญหรือเป็นบาป ( พระอรหันต์เป็นผู้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ ไม่มีความยึดถือในตัวตน การกระทำเรียกว่า อัพยากฤต ไม่นับว่าเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว บุญและบาปก็ไม่มี การกระทำของพระอรหันต์จึงไม่เรียกว่ากรรม แต่เรียกว่า กิริยา )
* กรรมให้ผลตามกาลเวลา
๑. ทิฎฐธรรมเวทนียกรรม กรรมให้ผลในชาตินี้ ๒. อุปปัชชเวทนียกรรม กรรมให้ผลในชาติหน้า ๓. อปราปรเวทนียกรรม กรรมให้ผลในชาติต่อ ๆ ไป ๔. อโหสิกรรม กรรมที่เลิกให้ผล คือให้ผลเสร็จไปแล้ว หรือหมดโอกาสที่จะให้ผลต่อไป
* กรรมให้ผลตามหน้าที่
๑. ชนกกรรม กรรมที่แต่งมาดีหรือชั่ว ๒. อุปถัมภกกรรม กรรมที่สนับสนุน ๓. อุปปีฬกกรรม กรรมบีบคั้นหรือกรรมขัดขวางกรรมเดิม คอยเบียนชนกกรรม เช่น เดิมแต่งมาดี เบียนให้ชั่ว เดิมแต่งมาชั่ว เบียนให้ดี ๔. อุปฆาตกกรรม กรรมตัดรอน เป็นกรรมพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เช่น เดิมชนกกรรมแต่งไว้ดีเลิศ กลับทีเดียวลงเป็นขอทาน หรือตายไปเลย หรือเดิมชนกกรรมแต่งไว้เลวมาก กลับทีเดียวเป็นพระราชาหรือมหาเศรษฐีไปเลย
* การที่คนทำความชั่ว ยังได้ดีมีสุข เป็นเพราะกรรมชั่วยังไม่ให้ผล เพราะกรรมดีที่เขาเคยทำยังเป็น อุปัตถัมภกกรรม คอยสนับสนุนอยู่ เมื่อใดที่กรรมดีอ่อนกำลังลง กรรมชั่วก็จะมาเป็น อุปฆาตกรรม ทำให้ผู้นั้นต้องเปลี่ยนสภาพไป
* กรรมให้ผลตามความหนักเบา
๑. ครุกรรม กรรมหนัก เป็นกรรมที่จะให้ผลโดยไม่มีกรรมอื่นมาขวางได้ หรือกั้นได้ ( ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว ) กรรมฝ่ายดี เช่น ทำสมาธิจนได้ฌาน กรรมฝ่ายชั่ว เช่น ทำอนันตริยกรรม มีฆ่าบิดามารดา เป็นต้น ๒. พหุลกรรม กรรมที่ทำจนชิน
๓. อาสันนกรรม กรรมที่ทำเมื่อใกล้ตาย หรือที่เอาจิตใจจดจ่อในเวลาใกล้ตาย อาสันนกรรม ย่อมส่งผลให้ไปสู่ที่ดีหรือชั่วได้ เปรียบเหมือนโคแก่ที่อยู่ปากคอก แม้แรงจะน้อย แต่เมื่อเปิดคอกก็ออกได้ก่อน
๔. กตัตตากรรม กรรมสักแต่ว่าทำ คือ เจตนาไม่สมบูรณ์ อาจจะทำด้วยความประมาท หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ก็อาจส่งผลดีหรือร้ายได้เหมือนกัน ในเมื่อไม่มีกรรมอื่นจะให้ผลแล้ว
* กฎแห่งกรรม เป็นคุณลักษณะพิเศษข้อหนึ่งของพระพุทธศาสนา ที่พวกเราชาวพุทธควรจะภาคภูมิใจ ผู้สำเร็จปริญญาเอกทางวรรณคดี วิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด ได้กล่าวชมเชยพระพุทธศาสนาว่า มีลักษณะพิเศษเหนือศาสนาอื่น ... คือพระพุทธศาสนาสอนว่า ความทุกข์ในโลก เป็นกรรมวิบาก เป็นผลของกรรม ไม่ใช่การแทรกแซงของพระผู้เป็นเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง บางศาสนาถือว่า ชีวิตของมนุษย์ เป็นไปตามที่พระผู้เป็นเจ้า จะดลบันดาลให้ และมนุษย์จะมีความสุข ก็ด้วยความภักดีและวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า บาปที่ทำไว้ก่อนอาจจะล้างได้ ด้วยพิธีการทางศาสนา ( มีบัณฑิตมากมายจากหลายเชื้อชาติและศาสนา มาถามปัญหากับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เสมอ ๆ : ผู้รวบรวม )
สำหรับพระพุทธศาสนาของเรานั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ชัดเจน บุคคลจะได้ดีหรือชั่ว ได้รับสุขหรือทุกข์ ก็เพราะกรรม จะเปลี่ยนพฤติกรรมหรือการเปลี่ยนแปลงของชีวิตนี้ มันอยู่ที่หลักกรรมจากการกระทำนั้นแน่นอนที่สุด ขอเจริญพรอย่างนั้น นี่แหละพระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนมาก
Create Date : 14 พฤษภาคม 2549 |
Last Update : 14 พฤษภาคม 2549 16:29:18 น. |
|
0 comments
|
Counter : 755 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|