|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
** ชู้รัก **
อีกสิบนาทีจะสามทุ่ม คืนวันศุกร์สิ้นเดือนที่แสนจะครึกครื้นคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายตามท้องถนนเช่นนี้คงจะมีแต่เธอคนเดียวเท่านั้นที่นั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวกับแก้วกาแฟเย็นชืดในร้านเงียบเหงา ผมยาวถึงกลางหลังสีดำสนิทถูกรวบไว้หลวมๆ พลิ้วไหวอยู่บนแผ่นหลังยืดตรงในชุดสูทลำลองสีน้ำตาลเข้มบ่งบอกความภูมิฐานของผู้สวมใส่ ใบหน้าที่อ่อนล้าและเริ่มมีริ้วรอยจากการทำงานหนักนั้นนิ่งเฉย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มในกรอบตาเรียวหลังแว่นเลนส์เหลี่ยมกำลังจับจ้องอยู่ที่คู่รักคู่หนึ่งที่กำลังหยอกล้อเดินเล่นอยู่ด้านนอกกระจกร้านที่เธอนั่งหันหน้าออกไปมองอย่างไม่คิดจะสนใจสิ่งใดรอบตัว แม้แต่คนแปลกหน้าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สูงข้างๆ เธอก็ตาม
"สวัสดีครับ"
เสียงนุ่มทุ้มของเขาเรียกร้องให้เธอผู้นิ่งเฉยหันมามอง ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งไหล่กว้างในเสื้อเชิ้ตสีอ่อนที่พับปลายแขนเสื้อขึ้นมาจนถึงครึ่งท่อนแขนล่างกับกระดุมเสื้อที่ปลดออกมาถึงสามเม็ดแสดงถึงอารมณ์สบายๆ กำลังยิ้มพราวใส่ตาเธออยู่
"ไม่ทราบว่า เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าครับ"
นภัสเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นมาอย่างฉงนกับประโยคที่แสนจะโรแมนติกในนิยายประโลมโลกแต่กลับเป็นประโยคที่เธออยากจะหัวเราะเหยียดหยามมันให้ดังๆ เพราะครั้งหนึ่งเธอก็เคยได้รับมาจากผู้ชายคนที่เธอเคยรักมากคนหนึ่ง คนที่ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็นสามีของเธอ และเธอก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานถึงสามสิบปีแล้ว มันนานมาก มากจนพอที่จะรับรู้ว่าความหมายในคำพูดเหล่านั้นมันจะหมายความว่าอย่างไร และที่สำคัญเธอก็ไม่ใช่เด็กสาวๆ ที่พร้อมจะใจแตกเอียงอายหลงลมไปกับคำพูดเหล่านั้น
"ดิฉันมั่นใจว่าเราไม่เคยเจอกันแน่ค่ะ เพราะดิฉันไม่ใช่คนลืมง่าย"
เขาชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อได้รับคำตอบชัดเจนจากเสียงหวานแต่กังวานเหมือนคนที่เคยชินกับอำนาจสั่งการมาตลอด ดวงหน้าซูบซีดเฉยชานั้นมีร่องรอยแห่งความงามแฝงอยู่ภายใต้หน้ากากของหน้าที่ที่เธอสวมมันไว้อยู่ เขาเชื่อว่านี่ต้องไม่ใช่ตัวตนของเธอแน่ๆ เขารู้สึกได้ถึง'ไฟ' บางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในนั้น
"แต่ผมอยากรู้จักคุณนะครับ ถ้าเพียงแต่...คุณจะให้โอกาสผมบ้าง"
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงหยอดนุ่มและออดอ้อนแฝงอยู่ในที นภัสรู้สึกได้ถึงความอ่อนวัยกว่าของฝ่ายนั้น และดูท่าว่าทางเขาก็จะรู้ดีเสียด้วยถึงความอาวุโสของเธอเอง
"นี่คุณกำลังจีบดิฉันอยู่รึเปล่า ถ้าใช่ ก็ช่วยมองดูดิฉันเสียใหม่ว่าท่าทางอย่างฉันเหมือนคนที่คล้อยตามใครได้ง่ายอย่างนั้นหรือไง"
เธอหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกับใช้ปลายนิ้วชี้ประดับด้วยเล็บเจียนมนเคลือบสีแดงเลือดนกขยับกรอบแว่นขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองหน้าผู้กระทำการเลื่อมล้ำความเป็นส่วนตัวของเธอให้ชัด ใบหน้าคมเข้มบนสันกรามแข็งแรงล้อมกรอบไปด้วยรอยเคราเขียวครึ้มที่ถูกจัดการออกไปอย่างหมดจดสะอาดสะอ้านกำลังก้มลงมาเล็กน้อยเสมือนว่าตั้งใจให้เธอได้เพ่งพิศให้ถนัดยิ่งขึ้น ดวงตาคมแพรวพราวบ่งบอกถึงความมีเสน่ห์และเจ้าชู้อยู่ในตัวเจ้าของ ปากอิ่มเต็มกำลังคลี่ยิ้มน้อยๆ เหมือนกับรู้ตัวว่าการกระทำอย่างนั้นมันน่ามองขนาดไหน
"แหม จ้องกันขนาดนั้นไม่กลัวผมเขินม้วนกองลงไปตรงนี้หรือครับ"
ชายหนุ่มจงใจทำท่าเขินโดยการลูบหลังท้ายทอยที่มีไรผมนุ่มปกคลุมอย่างเหมาะเจาะทั้งที่สีหน้าสายตาไม่ได้แสดงกิริยาอาการอย่างที่พูดแม้แต่น้อย นภัสรู้ดีว่านั่นก็เป็นการหยอกเย้าอีกเหมือนกันหลังจากที่เธอเผลอพิจารณาใบหน้าที่แสนดึงดูดนั้นนานเกินไปกว่าที่เหมาะที่ควร
"อย่าใจร้ายสิครับ ผมแค่อยากรู้จักคุณเท่านั้น เห็นชอบมานั่งดื่มกาแฟคนเดียวอย่างนี้ประจำ ไม่เหงาบ้างหรือครับ ผมรับจ้างคลายเหงานะ ขอค่าจ้างแค่ยิ้มสวยๆ จากคุณก็พอ"
เขาคงไม่รู้ตัวว่ายิ้มสวยๆ ที่เขาอยากได้จากเธอมันปรากฏอยู่บนใบหน้าเจิดจ้าของเขาหมดแล้ว
"รู้ได้ยังไงว่าฉันยิ้มสวย"
ด้วยท่าทีเป็นมิตรและแรงดึงดูดของเขาทำให้นภัสมีทีท่าอ่อนลงเพราะคงไม่สามารถใจแข็งกับคนที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ในการชุบชีวิตด้วยน้ำทิพย์สดชื่นอย่างนี้ได้
"เก๊าะ...แอบดูสิครับ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมาเจอคุณสักหน่อย คุณต่างหากที่ไม่รู้ว่าผมมีตัวตนแถวนี้"
เธอต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจอีกครั้ง เป็นไปได้หรือที่คนหน้าตาท่าทางจัดได้ว่าดีมากอย่างเขาจะไม่เคยผ่านสายตาเธอเลย
"เอาเป็นว่าวันนี้ผมจะต้องทำให้เราเป็นคนที่รู้จักกันแล้วล่ะครับ ผมศิลาครับ เรียกผมศิก็ได้ ใครๆ ก็เรียกกัน อ๊ะ อย่าเรียกผมลานะ เดี๋ยวคนอื่นได้ยินจะหาว่าผมโง่"
ด้วยประโยคและท่าทางขี้เล่นของเขาทำให้เธออดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ และนั่นมันก็เป็นใบเบิกทางที่ดีที่เขาจะสามารถเข้าไปในจิตใจที่เคยปิดกั้นไว้ด้วยกำแพงโปร่งใสนั่นได้ทีละน้อย
'ผมต้องไปสัมมนาสามวัน วันอาทิตย์ตอนเย็นๆ ถึงจะกลับ ดูแลตัวเองนะครับ'
นภัสส่ายหน้าให้กับข้อความที่สามีของเธอฝากไว้ในเครื่องโทรศัพท์พกพาขนาดเล็กบางเบาเมื่อตอนที่เธอเข้าประชุมกับทีมบริหารของบริษัทที่เธอครองตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเครื่องสำอางค์แบรนด์ดัง วันนี้เธอเจอเรื่องหนักหนาสาหัสมาไม่น้อยเมื่อผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ล่าสุดที่เธอแรงไปไม่น้อยนั้นไม่ผ่านการทดสอบ และสามีเธอนั้นก็ไม่เคยจะมาสนใจไยดีอะไร ทุกวันที่เธอกลับมาดึกเขาก็จะนอนหลับไปก่อนแล้ว พอวันหยุดหากเขาไม่อยู่บ้านเพื่อสร้างความรำคาญหูรำคาญตาให้เธอก็จะไปออกรอบกับเพื่อน
อันที่จริงเธอต้องการให้เป็นอย่างหลังมากกว่าด้วยซ้ำ ความรักความหลงที่เคยมีให้กันเมื่อหลายปีก่อนจืดจางลงไปจนแทบไม่มีเหลือ เขาเคยอยากมีลูกสาวลูกชายไว้ให้ครอบครัวสมบูรณ์ แต่ฉันเป็นคนร้องขออิสระในการทำงานก่อนสักสองสามปี มาจนถึงบัดนี้กว่าหกปีแล้วที่ฉันทุ่มเทให้กับงานจนได้ตำแหน่งสูงอย่างที่ต้องการ ตำแหน่งที่มาพร้อมภาระความรับผิดชอบมากมาย ทั้งคนในอาณัติ ทั้งเป้าหมายบริษัทที่ต้องเร่งผลงานไปให้ถึง
จนบัดนี้ ครอบครัวของเธอก็ยังไม่สมบูรณ์ด้วยความที่มีแต่สามีและภรรยา ไม่ได้มีพ่อและแม่อย่างที่ควรจะเป็น และที่ที่เธอนึกได้เป็นที่แรก คนที่เธอนึกถึงได้เป็นคนแรกสำหรับค่ำคืนวันศุกร์ที่แสนหนักหนาสาหัสก็มีเพียงที่นี่กับคนคนนี้ที่เธอมานั่งคอยเขาอยู่พักหนึ่งแล้ว
"โทษทีครับ โทษที โอย วันนี้รถติดมากๆ"
เขาวิ่งถลาเข้ามาในร้านกาแฟที่เดิมที่เขาเคยอยากเป็นคนรู้จักกับหญิงสาวรุ่นพี่ที่วันนี้ยิ้มสดใสให้กับเขาตั้งแต่ยังไม่ทันมาถึงที่เก้าอี้สูงแห่งเดิมด้วยซ้ำ ผิวสีเข้มที่มีหยดน้ำฝนเกาะพราวจากหยาดฝนโปรยปรายด้านนอกกลับดูน่ามองอย่างประหลาด กลิ่นน้ำหอมผู้ชายจางๆ แตะจมูกเธอ นี่คงเป็นผลมาจากอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนขึ้นของเขากระมัง
"ไม่เป็นไรหรอก พี่ก็ไม่ได้รีบไปไหน ศิยังมานั่งรอพี่ตั้งหลายครั้ง"
นภัสนั่งเท้าคางมองเขาด้วยแววตาสื่อความหมายที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่ามันบ่งบอกถึงอะไร
"ว้า ผมบอกภัสแล้วไงว่าอย่าเรียกแทนตัวเองว่าพี่ นะครับภัส เรียกผมศิก็พอ ผมก็จะเรียกภัสว่าภัสอย่างนี้แหล่ะ ภัสไม่ได้โตกว่าผมสักเท่าไหร่นี่"
นภัสหัวเราะคิกกับคำพูดที่รู้จักใช้หลีกเลี่ยงคำแสลงใจผู้หญิงวัยสามสิบได้เป็นอย่างดี 'โตกว่า' อย่างนั้นเหรอ
"สามปีก็ไม่น้อยนักหรอกนะ ไม่เอาหรอก เดี๋ยวคนอื่นเขาจะว่าพี่ไม่เจียม ทำลดอายุหลอกเด็ก"
"จะเป็นอะไรไปถ้าเด็กอย่างผมมันเต็มใจให้หลอก"
ศิลายื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ส่งสายตาพราวระยับให้ผู้หญิงที่ไม่ยอมเด็กให้รับรู้ถึงแรงสะเทือนในอกที่ทวีคูณขึ้นทุกวันที่เห็นสายตาของเขา มันชัดขึ้นเรื่อยๆ ในความรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกที่ดึงดูด น่าค้นหา
"ถ้าอย่างนั้น ภัส...ก็จะหลอกละนะ"
เขาเบิกตากว้างและอึ้งไปชั่วครู่เมื่อคนที่เขาคอยพะเน้าพะนอฉอเลาะมาตลอดเกิดใจอ่อนเล่นตามเขาบ้าง ก่อนที่จะยิ้มออกมา ยิ้มในแบบที่ทำให้ใครบางคนแทบหลอมละลาย
"ผม...ยอมให้ภัสหลอก จะหลอกผมไปไหนก็ได้ ทั้งคืน...ก็ได้"
อะไรบางอย่างที่ถูกเก็บเอาไว้อย่างมิดชิดในตัวของนภัสกำลังจะแตกออก ความหวานชื่นจากสามีเธอมันเหือดแห้งไปหมดแล้ว หากชายหนุ่มรุ่นน้องตรงหน้าจะมาเติมความอ่อนหวาน ความสดชื่นให้กับหัวใจเธอบ้างล่ะ มันจะผิดมากไหม เธอรู้ดีว่าหากเธอปล่อยใจให้เตลิดไปไกลกว่านี้ทุกอย่างจะต้องดำเนินไปในทางที่ผิดมหันต์
"ภัสครับ ถ้าคืนนี้ไม่มีใครคอยคุณอยู่ ไปคลับกับผมนะครับ นะ กลับไปอยู่คนเดียวที่คอนโดผมก็เหงา นะ"
สายตาหวานเชื่อมเพ่งมองมายังเธอพร้อมกับคำออดอ้อนและมือใหญ่หนาที่ค่อยๆ ขยับมาจับมือเธอไว้และค่อยๆ เริ่มเคล้าคลึงนิ้วมือนุ่มนิ่มหยอกเอินให้โอนอ่อน แน่นอน เขารู้ดีอยู่แล้วว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงตัวเปล่า แหวนทองเกลี้ยงที่นิ้วนางข้างซ้ายนั้นบอกได้ชัดเจน เขารู้ดีอยู่แล้วว่าเธอมีสามี แต่ที่เขาต้องการมันไม่ใช่การจีบเล่นสนุกๆ เท่านั้น ถึงแม้จะต้องตกนรก ศิลาก็เลือกที่จะทำให้เธอยอมมอบสิ่งที่เขาต้องการให้ได้
"อืม..."
แก้วทรงสูงบรรจุค๊อกเทลสำหรับเธอและวิสกี้แก้วหนาของเขาถูกเสริฟท์เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ใครจะนับได้ แสงไฟสลัวและเพลงแจ๊สคลอเบาๆ กำลังหล่อหลอมให้อารมณ์อ่อนหวานของเธอเคลิบเคลิ้มไปพร้อมกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์และผู้ชายร่างอุ่นที่นั่งคลอเคลียกันอยู่บนโซฟานุ่ม
"ภัสเหนื่อยมากเลยนะวันนี้ อะไรก็แย่ไปหมด เฟลไปหมด"
เสียงบ่นงึมงำรัวลิ้นของนภัสทำให้ศิลายิ้มมุมปากเล็กน้อย
"เหนื่อยนักก็มาพักใจกับผมสิครับ อกผมพร้อมให้พักพิงเสมอ"
เขาตบอกตัวเองเบาๆ พร้อมกับค่อยๆ รั้งให้ศีรษะของเธอเข้ามาซบซุกอยู่ที่อกกว้างกำยำของเขา ไม่รู้ว่าด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือว่าความปรารถนาเบื้องลึกที่อยู่ในตัวของเธอทำให้เธอไม่คิดจะขัดขืนแม้แต่น้อย วงแขนกว้างโอบเธอไว้ทั้งตัว จมูกโด่งคมสันค่อยๆ แต้มลงบนขมับเบาๆ พร้อมสูดกลิ่นหอมจากไรผมของสาวตรงหน้า
"หอมจัง"
หญิงสาวทำเสียงจิ๊กจั๊กขัดใจ
"หอมที่ไหน วันนี้วิ่งเหงื่อซ่กมาทั้งวัน เหม็นออก"
เสียงหัวเราะหึที่เหนือหัวทำให้นภัสรู้ว่าเขาเย้าเล่น ก่อนที่เขาจะใช้ความเงียบคลอเสียงดนตรีในการเกลี้ยกล่อมเธอทีละน้อย มือที่วางเบาๆ บนไหล่ของเธอค่อยๆ ลากไล้วนเป็นวงกลมบนต้นแขนนุ่มนิ่มที่เปิดกว้างในเสื้อเชิ้ตแขนกุดสีขาวหลังจากเสื้อสูททำงานถูกถอดออกไปแล้วเรียบร้อยตั้งแต่ตอนที่เขาดึงให้เธอมาด้วยและออกความคิดเรื่องจอดรถเธอทิ้งไว้ที่ร้านกาแฟเพื่อประหยัดน้ำมัน ในขณะที่มืออีกข้างเกาะกุมมือเธอไว้พร้อมการเคล้าคลึงเบาๆ เพื่อปลุกให้ไฟบางอย่างมันระอุขึ้นมา
ลมหายใจอุ่นจนเกือบร้อนของเธอที่ทอดยาวเป็นจังหวะถี่และแรงขึ้นทำให้เขาเริ่มรับรู้อารมณ์ของหญิงสาว และนั่นก็เป็นโอกาสที่เขาจะต้องรุกต่อให้เธอตกลงในบ่วงแห่งความปรารถนาจนไม่สามารถถอนตัวกลับมาได้ ทั้งหมดคือสิ่งที่เขาต้องการ และเขาก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา
"ตอนภัสมึนๆ นี่ก็น่ารักนะครับ" ปลายนิ้วแข็งแรงของเขายกเขี่ยแก้มนวลที่ขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อยเล่นเบาๆ
"อื้อ มึนที่ไหน ยังไหวอยู่น้า"
เธอเงยหน้าขึ้นท้วงเขาตาปรอย ความใกล้ชิดทำให้ปลายจมูกของเธอไล้ผ่านคางของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ และทันทีที่เธอสบสายตาดึงดูดนั้นมันก็เหมือนกับห้วงอวกาศอันไร้ขอบเขตกำลังพาเธอล่องลอยออกไปไกล ไกลจนถึงขนาดที่เธอไม่สามารถเบือนหน้าหนีรอยสัมผัสแผ่วเบาที่เขาก้มลงมาประทับที่ริมฝีปากได้
หญิงสาวยังคงหลับตาพริ้มในขณะที่เขาถอนริมฝีปากออก ตำแหน่งที่เขาเลือกพาเธอมานั่งอยู่ในส่วนลับตาคนและเป็นส่วนตัวมากพอที่จะไม่มีใครมาสนใจการเล้าโลมกลายๆ ของเขา ไฟที่เขาหวังจะได้เห็น ร่างกายอันเร่าร้อนของคนที่ขึ้นชื่อว่าภรรยาของผู้ชายคนอื่นนั้นใกล้จะตกเป็นของเขาเต็มทีแล้ว
อยากจะรู้นักว่าภรรยาผู้เคร่งขรึมที่สามีปล่อยมานั่งเหงาอยู่คนเดียวอย่างนี้จะมีอะไรซ่อนไว้ข้างในบ้าง สามีที่บ้านคงใช้การไม่ได้จนภรรยาไม่อยากกลับไป
ศิลายิ้มเยาะที่มุมปาก ผู้หญิง ร้อยทั้งร้อย เจอลูกออดอ้อนโอ้โลมในแบบผู้ชายอย่างเขาสักหน่อยก็ปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งลนไฟ แม้แต่สาวสวยที่ถือดีว่าตัวเองเป็นลูกหลานไฮโซโก้หรูก็ไม่รอดพ้นมือเขามาแล้ว มีแต่การร้องขอให้เขาเติมเต็มความปรารถนาอย่างลืมอายกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยซ้ำไป
เขาค่อยๆ ลากไล้ปลายจมูกขึ้นมาที่ข้างแก้มจนปากมาจรดอยู่ตรงปลายติ่งหู เขาขบเม้มตรงตำแหน่งนั้นเบาๆ พร้อมกับกระซิบชิดริมหู
"ไปห้องผมกันเถอะครับ"
ความผิดชอบชั่วดีทั้งหมดในโลกนี้ที่จะมาประณามการกระทำของหญิงที่มีคู่ครองถูกต้องทั้งทางนิตินัยและพฤตินัยแล้วอย่างเธอนั้นไม่มีอำนาจมากพอที่จะมาลบล้างแรงปรารถนาอันรุนแรงที่เธอปล่อยอารมณ์ให้เคลิบเคลิ้มไปกับเขาได้ เหมือนแมลงเม่าที่เห็นกองไฟเผาผลาญตรงหน้าก็พร้อมจะพุ่งเข้าหา
สายตาที่บอกชัดว่าเขากำลังต้องการอะไรกระตุ้นความรู้สึกที่ปิดซ่อนและไม่เคยได้ลุกโชติช่วงมานานปีของเธอให้เผยออกมาอย่างไม่สามารถจะเก็บมันไว้ได้อีกต่อไป ความรู้สึกวาบหวิวและมวนวนในช่องท้องน้อยของเธอเป็นอาการที่สื่อออกมาชัดเจนจากอารมณ์และการกระตุ้นความต้องการบางอย่างให้โหมกระพือขึ้น
สมองไร้การพินิจพิเคราะห์อีกต่อไป การตอบสนองของริมฝีปากที่อยู่ใกล้กันเหลือเกินนั้นก็ได้แต่พึมพำเบาๆ แต่ชัดเจนเหลือเกินในการได้ยินของศิลา
"ค่ะ..."
ไฟกิ่งติดผนังสีส้มอ่อนในห้องนอนทันสมัยของคอนโดใจกลางกรุงถูกเปิดขึ้นเมื่อร่างกายอ่อนปวกเปียกของหญิงสาวถูกพาเข้ามานั่งอยู่ที่โซฟาปลายเตียงพร้อมกับคนพามาที่กำลังใช้จมูกและริมฝีปากสำรวจนวลแก้มและซอกคอเธออย่างไม่รู้จักเบื่อ เขาค่อยๆ ลดร่างเธอลงนอนบนโซฟานั้นช้าๆ พร้อมกับมือที่ลูบไล้วนเวียนอยู่ที่ไหล่ลาดมนกลมกลึงบีบคลึงเบาๆ และเขาก็รับรู้ได้ถึงการตอบสนองอย่างคล้อยตามในทันทีที่ลิ้นอุ่นของเขาดุนดันผ่านริมฝีปากบางสวยเข้าไปหาความหวานหอมและไล้ล้อรัดลิ้นของเธออยู่ภายในเนิ่นนาน
"อื้อ..."
เสียงครางอย่างขัดใจเปล่งออกมาเบาๆ เมื่อเขาไม่ยอมสนองตอบความต้องการที่พลุ่งพล่านโจนทะยานเกินกว่าจะหยุดยั้งไว้ได้ของเธอ เธอไม่พอใจเพียงแค่การรุกล้ำแค่นั้น แต่เธอต้องการมันมากกว่า
เขาถอนริมฝีปากออกพร้อมเสียงบางอย่างเบาๆ ในลำคอที่เธอไม่สนใจจะตีความหานัยยะอะไรทั้งสิ้น เมื่อเขาทำท่าผละออกไปเธอกลับไขว่คว้าเขาเข้ามาหาตัวอย่างลืมอาย
"อย่าเพิ่งถอยออกไปสิคะ"
ศิลายิ้มย่ามใจพร้อมกับลดตัวลงไปอีกครั้ง นภัสยกแขนสองข้างขึ้นรั้งคอเข้าไว้ คราวนี้เขาไม่หยุดเพียงแค่ไหล่บาง แต่มือทั้งสองข้างของเขากำลังลูบไล้จากข้างลำตัวขึ้นมาช้าๆ จนถึงทรวงอกหยุ่นนุ่มนิ่มและเคล้นมันเบาๆ ก่อนที่จะเริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ จนหญิงสาวร้องครางออกมาอย่างเสียวซ่าน
"ศิ อย่าแกล้งภัสสิ"
เสียงสั่นพร่าของเธอกำลังร้องประท้วงเขาที่ช่างแกล้งกันเสียเหลือเกิน เขาจึงยินยอมพร้อมใจจัดให้ตามการร้องขอ มือหนาดึงชายเสื้อเชิ้ตตัวเล็กออกมาจากขอบเอวกระโปรงพร้อมกับสอดมือเข้าไปใต้เสื้อนั้นปัดป่ายพะเน้าพะนออยู่ที่เนินอกเต็มแน่น และเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของเธอก็ดังออกมาในทันทีที่เขาปลดตะขอบราของเธอได้สำเร็จ
ทันทีที่เนินเนื้อนุ่มๆ สัมผัสกับฝ่ามือของเขาที่กอบกุมไว้ทั้งสองข้างโดยปราศจากสิ่งปิดกั้นใดๆ ศิลาไม่คิดจะเล่นเกมอีกต่อไป เขารีบถอนมืออกอย่างรวดเร็วเพื่ออกมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตพร้อมทั้งดึงมันออกไปจากตัวเธอทันที
เขายืนนิ่งเพื่อชื่นชมความงามของร่างตรงหน้าด้วยสายตาหลากความรู้สึก นับว่าเธอรู้จักดูแลรูปร่างไว้ได้ดีจริงๆ แต่เขายังไม่พอใจเพียงเท่านั้นและเขาก็แสดงออกได้อย่างชัดเจนเมื่อมือทั้งสองข้างกลับมาจัดการอุปสรรคชิ้นล่างออกไปจนร่างสมส่วนเหลือแต่ชั้นในลูกไม้บางเบาตัวจิ๋วเพียงตัวเดียวเท่านั้น
ร่างเกือบเปลือยเปล่าบิดเร่าด้วยความขัดใจเมื่อชายหนุ่มไม่ยอมตอบสนองความต้องการสูงสุดให้เธอสักที ความชุ่มชื้นในกายของเธอมันกำลังเรียกร้องให้เขาทำบางอย่าง และเธอก็ไม่ต้องเสียเวลารอนานเลยเมื่อเขาเด้งตัวขึ้นถอดเสื้อเชิ้ตตามด้วยกางเกงสแลคของตัวเองโยนทิ้งอย่างรวดเร็ว
"ภัสสวยจังครับ"
เป็นประโยคที่เขาพูดตรงๆ ที่ข้างหูเมื่อร่างกายของเขาลดลงแนบกับตัวเธอ สิ่งที่ขวางกั้นระหว่างร่างเปลือยเปล่านั้นมีเพียงชั้นในด่านสุดท้ายของทั้งสองคน และเขาก็มั่นใจยิ่งกว่ามั่นใจว่าในเวลาที่ไม่นานเกินกว่าใครจะรอไม่ไหว ปราการด่านนั้นจะต้องมีอันถอดออกไปอย่างแน่นอน
."ตรงนี้ก็สวย"
ศิลาพูดด้วยเสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงแรงปรารถนาที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ของตัวเองพร้อมกับการจุมพิตเบาๆ ที่หลังหู
"ตรงนี้ด้วย"
ซอกคอขาวหอมกรุ่นถูกเชยชม
"ตรงนี้ ตรงนี้ และก็...ตรงนี้"
เขาลากริมฝีปากฝากรอยอุ่นซ่านไว้ทั่งจากลำคอไล่เรื่อยมาจนถึงเนินอกเต็มแน่น จมูกโด่งคลอเคลียกดเน้นอยู่ที่เนินสองลูกนั้นอย่างมัวเมา และหญิงสาวก็อดที่จะหวีดออกมาสั้นๆ ไม่ได้เมื่อริมฝีปากเขาครอบครองปลายยอดสีชมพูนั้นพร้อมขบเบาๆ
"ไปที่เตียงกันนะ"
เขาพูดเบาๆ อีกครั้งก่อนที่จะอุ้มหญิงสาวตัวลอยไปทิ้งไว้ที่เตียงนุ่มดังตุบ แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้คนที่กำลังถูกครอบงำด้วยไฟราคะได้แม้แต่น้อย หากความรวดร้าวจากการรอคอยการเติมเต็มนั้นมันรุนแรงยิ่งกว่านัก
ศิลารูดเอาชั้นในเนื้อหนาของตัวเองออกทางขาอย่างรวดเร็วพร้อมเตะออกไปไกลๆ และเขาก็สิ้นความอดทนเกินกว่าจะรอช้าจนทำให้ชั้นในตัวจ้อยของหญิงสาวมีอันต้องกระเด็นหายไปในทางเดียวกัน
ร่างกายที่ผ่านประสบการณ์จากชายผู้ให้นามสกุลของเขาแก่เธอมาใช้ร่วมกันนั้นเร่าร้อนเกินกว่าจะเอียงอาย เมื่อชายหนุ่มจัดการฉีกซองฟลอยด์ออกเพื่อสวมสิ่งของที่บรรจุอยู่ข้างในเข้ากับตัวเอง เขาลดร่างลงแนบไปกับร่างหญิงสาวพร้อมทั้งการตื่นตัวพร้อมพรักที่สัมผัสที่หน้าขาของเธอ หญิงสาวก็เปิดขยับขาให้เขาอย่างไม่เกี่ยงงอนใดๆ
เขาค่อยๆ ลากฝ่ามือช้าๆ จากต้นขาลงไปที่ข้อพับทั้งสองข้างเพื่อจับมันยกขึ้นมาให้พร้อมรับการรุกรานจากเขา แก่นกายร้อนรุ่มเคลื่อนตัวช้าๆ เข้าไปหาความชุ่มชื่นจากกายหญิงสาวจนหมดมิด
เธอแทบกระตุกตัวเฮือกขึ้นมาทันทีที่การรุกล้ำแนบแน่นของเขาเข้าอยู่ในการครอบครองของเธอจนหมด ความปวดร้าวตรงจุดที่สอดประสานกันเรียกร้องให้เธอขยับสะโพกประท้วงที่เขายังนอนนิ่งอยู่ในตัวเธออย่างนั้น
"จุ๊ จุ๊ ใจเย็นสิครับ"
ถึงเขาจะบอกเธออย่างนั้นแต่คนที่กลับใจเย็นไม่ได้เมื่อร่างบางข้างใต้ขยับตัวอีกครั้งนั้นเป็นเขาเสียเอง เขาเริ่มถอดถอนเชื่องช้าก่อนที่จะเดินหน้าเข้าไปใหม่อย่างหนักหน่วงยิ่งกว่าตอนแรก
การขยับไหวเป็นจังหวะสร้างเสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียงนอนให้ดังถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ สลับกับเสียงลมหายใจหอบถี่ของคนทั้งสอง และเสียงนั้นก็ยังดำเนินต่อไปจนกระทั่งมาถึงปลายทางจุดสุดท้ายของไฟปรารถนาทั้งหมดทั้งมวลจะได้ปลดปล่อย ความเกร็งแน่นทั้งหมดค่อยๆ คลายตัวลงพร้อมเสียงกรีดร้องอย่างสุขสมของหญิงสาวประสานเสียงครางกระหึ่มของเขาที่บ่งบอกความปลดปล่อยในแบบเดียวกัน
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางขอบผ้าม่านที่เปิดไว้เล็กน้อยปลุกร่างเปลือยเปล่าที่กอดก่ายกันทั้งคืนให้ตื่นขึ้นมา เขายันศอกนอนมองเธออยู่ก่อนแล้ว ในตอนที่เธอลืมตาขึ้นมาช้าๆ
"มองนางงามอาบแสงอาทิตย์ยามเช้าครับผม"
และคำอธิบายพร้อมรอยยิ้มทะเล้นนั่นก็เรียกเสียงหัวเราะจากเธอได้อีกครั้ง เมื่อคืนเป็นการร่วมรักที่เธอโหยหาอยากได้มันมาตลอด การหลับนอนกับสามีไม่สามารถช่วยได้เลย ทุกคืนที่สามีเธอมีความต้องการ เธอก็เพียงตอบสนองไปแกนๆ เท่านั้น อารมณ์อ่อนหวานซาบซ่านอย่างที่ได้พบจนแทบสำลักความสุขอย่างเมื่อคืนนั้นเธอแทบไม่เคยได้สัมผัสมันอีกเลยหลังจากครั้งแรกของเธอกับสามีในอดีตแสนนานที่ไม่สามารถหวนคืนมาได้อีกแล้ว
ถึงแม้เธอจะรู้ว่าตัวเองทำผิด แต่การได้ลองเพียงครั้งก็เหมือนกับสิ่งเสพย์ติด รสสวาทจากหนุ่มรุ่นน้องตรงหน้าไม่อาจทำให้เธอหยุดเสพมันได้ มีแต่อยากเรียกร้องต้องการเพิ่มเท่านั้น
"แล้วจะทำแค่มองเหรอคะ"
เพียงแค่คิด ร่างกายเธอก็เรียกร้องขึ้นมาในทันที ความต้องการสายหนึ่งแล่นปราดเข้ามาสู่ร่างกายของเธอทันทีถึงได้ถามคำถามนั้นออกไป ฝ่ายศิลาก็สามารถรับสิ่งที่ต้องการสื่อนั้นมาได้อย่างง่ายดาย เพราะเขาไม่รอช้าที่จะปลุกเอาไฟที่ดับไปแล้วเมื่อคืนนี้ให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
ร่างกายสองคนที่สอดประสานเป็นจังหวะนำพากันสู่ดินแดนแห่งความหลงใหลและไฟที่เร่าร้อนนั้นกำลังเดินสู่เส้นทางแห่งความผิดบาป มันคือความผิดที่ทั้งคู่รู้ดีแต่ไม่สามารถห้ามสัญชาติญาณดิบและความต้องการทางอารมณ์ที่รุนแรงของตัวเองได้ บาปนั้น ย่อมดำเนินต่อไป
เช้าวันเสาร์หนึ่งหลังจากวันคืนดำเนินไปอย่างเชื่องช้า เกมรักเร่าร้อนของทั้งคู่แทบจะกำหนดเป็นกิจวัตรประจำสัปดาห์ เขาและเธอเริ่มนัดกันในเวลากลางวันเพื่อที่เธอจะแวบออกจากที่ทำงานตั้งแต่พักเที่ยงและนัดพบเขาที่คอนโดเพื่อปฏิบัติภารกิจแห่งการปลดปล่อยความใคร่เพราะไม่สามารถรอคอยวันที่มีเวลาว่างตรงกันได้ในยามกลางคืน หากเธอว่างเพราะสามีเธอกลับดึกหรือไม่กลับด้วยเหตุผลใด หรือไม่มีเหตุผลที่เธอไม่สนใจแม้แต่จะคิดถามเขาก็มักจะติดธุระเสมอ และหากสามีเธออยู่บ้านเพื่อเล่นบทรักกับเธอด้วยความจืดชืดไม่สามารถเทียบเท่าชายผู้ได้ตำแหน่ง 'ชู้รัก' ได้แม้แต่น้อยนั้น เขาก็มักจะอยู่คอนโดคนเดียวเสมอเช่นกัน
จนกระทั่งโอกาสมาถึง
เขาบอกเธอว่าทางบริษัทส่งเขาไปร่วมประชุมกับกลุ่มบริษัทแม่จากต่างประเทศที่พัทยาสองคืน และต้องไปพักที่โรงแรมหรูริมหาดจอมเทียน ซึ่งเป็นกำหนดการวันที่สามีเธอต้องขึ้นเครื่องไปประชุมที่เชียงใหม่พอดิบพอดี และเธอก็ไม่รอช้าที่จะยื่นลาพักร้อนกะทันหัน คราวนี้เธอจะไปส่งของหวานเซอร์ไพรซ์เขาถึงที่เลยทีเดียว
นภัสมาถึงโรงแรมที่พัทยาในช่วงค่ำ เธอคาดว่าตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่ห้องพักในโรงแรมแล้ว อย่างน้อยหากเขาจะออกไปตะลุยเที่ยวราตรีก็น่าจะดึกกว่านี้
เธออาศัยความใหญ่โตและชื่อเสียงในฐานะนักพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่สาวไทยนิยมใช้ให้เป็นประโยชน์ในการหลอกถามหมายเลขห้องของศิลาจากพนักงานต้อนรับหน้าสวยของโรงแรม สาวนั่นทำท่าชื่นชมเห็นได้ชัดเมื่อเห็นนามบัตรของเธอ และเกินกว่าความคาดหมายเมื่อเธอได้ทั้งข้อมูลว่ามีชื่อผู้เข้าพักคนเดียวในห้องแถมคีย์การ์ดสำรองอีกใบเมื่อสาวหัวอ่อนนั้นได้ตัวอย่างเครื่องสำอางประทินผิวแบบครบเซ็ตที่เธอตั้งใจหอบหิ้วมาปิดปากเป็นการเฉพาะ นี่เป็นประโยชน์เพียงอย่างเดียวของการทำงานที่แสนหนักเหนื่อยในบริษัทที่การแข่งขันสูง
เธอเดินมายืนอยู่หน้าห้องของเขาตามหมายเลขที่ได้มาจากพนักงานด้านล่าง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งคิดว่าจะเข้าไปพูดประโยคแรกเพื่อเซอร์ไพรซ์ว่าอะไรดีที่จู่ๆ โผล่มาอย่างนี้
ความตื่นเต้นเหมือนเด็กสาวที่ได้เล่นสนุกของนภัสกลับมาอีกครั้ง ความเป็นสาวของเธอหวนกลับมาตั้งแต่ได้รู้จักศิลา ชายหนุ่มผู้สามารถตอบสนองทุกอย่างให้เธอได้ หน้าตาหล่อเหลาพราวเสน่ห์ รูปร่างสูงโปร่งสมส่วนแข็งแรงอย่างคนที่รู้จักออกกำลังกายและดูแลสุขภาพ การรู้จักเอาอกเอาใจพูดจาอ่อนหวานทุกครั้งที่เธอเหนื่อยจากงาน รวมไปถึงเรื่องเซ็กซ์ที่ไม่เคยทำให้เธอผิดหวังเลยสักครั้ง
เธอค่อยๆ สอดคีย์การ์ดเข้าช่องรับตรงประตูเบาๆ จนเสียงกริ๊กดังขึ้นพร้อมไฟกระพริบสีเขียวที่ระบุชัดว่าห้องได้ถูกปลดล๊อคแล้ว พร้อมกับกลั้นใจแง้มประตูเข้าไปช้าๆ ให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เสียงที่ดังออกมาจากในห้องทำให้เธอต้องขมวดคิ้ว เมื่อเสียงหอบครางที่คุ้นเคยนั้นดังเข้าหูของเธอ เสียงเตียงดังเป็นจังหวะของการขย่มไม่ได้ทำให้เข้าใจได้ยากเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่ทำให้เธอรีบรุดพรวดพราดเข้าไปในห้องให้เร็วที่สุดนั่นกลับไม่ใช่เพราะเธอรู้ว่าเขากำลังทำอะไร แต่มันเป็นเพราะเธอกำลังข้องใจว่าสองเสียงที่คุ้นเคยทั้งคู่นั้นเป็นของใครต่างหาก
การเข้าไปยืนนิ่งปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าบทรักร้อนแรงตรงหน้าเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์อย่างที่สุดในชีวิตของเธอทั้งหมดทั้งมวล ร่างเปลือยเปล่าทั้งสองร่างที่กำลังชะงักกึกหยุดการเคลื่อนไหวเบิกตาค้างเพราะการปรากฏตัวแบบไม่บอกกล่าวของเธอกำลังซ้อนประสานกันอยู่แนบแน่น ใบหน้าและทุกอย่างของคนทั้งสองนั้นเป็นอะไรที่เธอรู้จักดีมาตลอด
"ศิ... คุณ..."
เธอทำอะไรได้ไม่มากไปกว่าอ้าปากค้างและชี้นิ้วที่สั่นเทาตรงไปยังคนทั้งสอง คนหนึ่งคือสามีของเธอ และอีกคนคือชู้รัก ที่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่า ชู้รักของเธอกับของสามีเธอนั้น...
เป็นคนคนเดียวกัน!
******************************************************************
THE END
สาธกา: เรื่องนี้ถูกโพสท์ในพันทิปด้วยชื่อของ BestChild ค่ะ (I am her shadow)
Create Date : 30 สิงหาคม 2551 |
|
4 comments |
Last Update : 30 สิงหาคม 2551 2:58:06 น. |
Counter : 465 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ชญาลี 13 กันยายน 2551 0:05:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: สาธกา 13 กันยายน 2551 15:44:45 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ~
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมด หรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดใน Blogไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาติจากเจ้าของ Blog เป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่ กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
|
|
|
|
|
|
|
ให้ Shadow มาแปะเรื่องนี้ลง Blog นะ