Journey without destination is a successful journey.
Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
8 มกราคม 2551
 
All Blogs
 

...เหน็ดเหนื่อย...

หลังจากสอบกลางภาคเสร็จไปเมื่อวันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม 2550 ตอนเย็นๆ เราก็ขึ้นรถกลับบ้านอย่างด่วน เพราะว่าสัปดาห์ที่แล้วไม่ได้กลับบ้านที่พังงา ไม่ได้ยินเสียงบ่นด่ามาตั้งอาทิตย์นึงแล้วอ่ะ ชักคันๆ หูแฮะ

อ้อ สักราวๆ วันพฤหัสเนี่ยแหละ เราตั้งกระเป๋าสะพายไว้หน้าห้องสอบ ออกมาปุ๊บ กระเป๋าตังค์หายอ่ะ เซ็งมากมาย เพราะในนั้นมีบัตรเยอะแยะ ตังค์น่ะเอาออกเกือบหมดแล้ว ได้ไปไม่กี่บาทหรอก โจรคงเจ็บใจน่าดู ก๊ากๆๆๆ เราเลยโทรกลับบ้าน แม่รับแล้วก็บอกว่าพ่อรถชน แต่ไม่เป็นอะไร เป็นแผลนิดหน่อย ทั้งๆ ที่เค้าผิด เค้าก็ยอมรับ จะเสียค่าชดเชยให้หมดทุกอย่าง อย่าให้ขึ้นโรงพักเป็นพอ แต่พ่อกินเหล้า ไม่เมามาก แต่ดื้อ ไม่ยอมกลับบ้าน บอกว่าอะไรนะ ศักดิ์ศรีว่ะ จนพวกประกันเฮงซวยมา ได้กลิ่นเหล้า มันเลยไม่จ่ายให้ แล้ววันนั้นเค้าก็ยกรถที่เกิดเหตุออกแล้วด้วย เพราะขบวนเสด็จฯ กำลังมา เลยไม่มีหลักฐานมาแย้งพวกประกัน เราเลยต้องจ่ายไปสี่พัน ค่ารักษาพยาบาลของพ่อก็ต้องจ่ายเองหมด กรรมจริงๆ

กลับบ้านมาถึงพ่อใช้งานทันที ใช้ให้บีบนวดอย่างที่โดนใช้ประจำทุกวี่วันตั้งแต่เด็กๆ คราวนี้ให้นวดหน้าอกแฮะ เพราะเห็นบ่นๆ ว่าเจ็บหน้าอก นวดๆ ไปพร้อมกับหยอกบีบนมพ่อพร้อมกับตีพุงพ่อแทนกลอง ฮา

เรากับพ่อน่ะ ทะเลาะกันประจำแหละ เอาให้มันได้ทุกเรื่องสิน่า พ่อน่ะชอบสั่งๆๆๆๆ พอๆ กับเรานั่นแหละ พ่อสั่งหยิบช้อน เราเดินไปหยิบหนังสือมาก่อนแล้วค่อยไปหยิบช้อนทีหลัง พ่อสั่งไปซ้าย เราไปขวาแล้วค่อยวกกลับมาอีกที คือทำน่ะทำ แต่ขอให้มันได้ขัดใจพ่อซะก่อนเป็นพอ

ก่อนวันเกิดเราปีนี้สักสองอาทิตย์ ทะเลาะกับพ่อแรงมากๆ พ่อตบหัวเราเลยอ่ะ นั่นเป็นครั้งแรกนะ ครั้งแรกในชีวิตจริงๆ ที่พ่อตีเรา โกรธมาก เพราะไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา พ่ออารมณ์เสีย หงุดหงิดแล้วก็กินเหล้าเมาด้วย แล้วอีกสามวันถัดมาเราก็ต้องขึ้นกรุงเทพฯ มาสอบ ไม่โทรกลับบ้านสักนิดเลยเรา ไม่โทรบอกว่าอยู่ไหน ถึงโรงแรมรึยัง ฯลฯ แต่ไปๆ มาๆ อยู่ได้ไม่ถึงวัน บ่ายๆ พ่อก็ใช้ให้แม่โทรมาเช็คแล้ว คิดว่าเรารู้ไม่ทันรึไงนะ

กลับจากกรุงเทพฯ มาก็วันเกิดเรา ตอนวันเกิดเราอยู่ภูเก็ต ไม่ได้อยู่ที่บ้าน เพราะเป็นวันอังคาร ต้องไปโรงเรียน พี่ชายก็โทรมา แล้วน้องสาวเราก็บอกว่าแม่บอกว่าลงมาจะพาไปเลี้ยงที่ชายทะเล เราไม่ตอบอะไร เพราะรู้อยู่แล้ว ไม่ใช่ความคิดแม่แน่นอน พอลงมารู้สึกว่ามีเรื่องอะไรสักอย่างนี่แหละ เลยไม่ได้ไปเลี้ยง ก็โอเค ไม่เป็นไร เชิอลูกเดียว ยังงอนพ่ออยู่นิดๆ ไม่โกรธแล้วเพราะพ่อมาพูดด้วยก่อน

ช่วงหลังจากวันเกิดเรานี่พ่ออารมณ์แปรปรวนแฮะ ให้ตังค์เราไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ยกชุด ทั้งๆ ที่ไม่เคยให้ตังค์ไปซื้อเสื้อผ้าเลย เพราะเราไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าเองด้วยแหละ แม่จะซื้อให้ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า(สงสัยพ่อทนสภาพซกมกของเราไม่ได้แล้ว ฮา เรามันถนัดชุดซกมกมากกว่า ชุดดีๆ มีไม่ใส่ ก็มันคล่องกว่ากันเยอะเลยนี่นา) พอซื้อมาให้พ่อดู โดนด่าเลย เพราะเป็นเสื้อยืดตัวใหญ่ๆ กับกางกางขาสั้นทหารแบบที่สมควรให้พ่อใส่แทนมากกว่าน่ะ 555+

อยู่ๆ บ้าน นั่งๆ นอนๆ จนถึงวันอาทิตย์ ตอนสายๆ แม่ใช้ให้ขับมอเตอร์ไซค์ไปซื้อของแถวๆ บ้านให้หน่อย เราเลยออกไป ซื้อของเสร็จตอนจะเลี้ยวรถขึ้นบนถนน จู่ๆ มอเตอร์ไซค์วิ่งลงคูไปเฉยเลยเรา แค่ติดเครื่องใส่เกียร์รอจะไปแค่นั้นเองอ่ะ ก็โอเค สงสัยเผลอไปบิดแฮนด์มัน แล้วเราขี่มอเตอร์ไซค์ไม่คล่องนี่หว่า ขี่แถวบ้านได้ แต่ขี่ในเมืองไม่ได้อ่ะ ได้รอยช้ำที่น่องมาวงใหญ่มาก นอกนั้นไม่เป็นอะไร เพราะไม่ได้ล้มอ่ะ

มาเล่าให้พ่อแม่ฟังก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเราก็ไม่ได้เป็นอะไร ตอนเที่ยงๆ พ่อเราก็นั่งสอน(บ่น) เพราะพ่อใช้ให้ถอนหนวดให้ บอกว่าพบคนแล้วอาย หนวดยาวแล้ว เราก็ถอนให้จนเกลี้ยง หล่อเชียว พ่อก็บอกว่า "มึงอย่าดื้อนักแรง กูรักมึงที่สุดนั่นแหละ" เราก็ฟังงั้นๆ เพราะพ่อพูดงี้บ่อยๆ (พ่อจะไม่เรียกชื่อเราอ่ะ จะเรียกเมื่อโกรธหรืออารมณ์เสียเท่านั้น พ่อจะเรียกว่า ลูก,มึง,และอีกคำหนึ่งที่พ่อเรียกเราคนเดียว (แต่ไม่บอก ฮา))

พอตอนเย็น สักหกโมง กินข้าวกัน 3 คน พ่อแม่ลูก เพราะว่าน้องสาวเราขึ้นไปนอนบ้านพี่สาวเราที่เป็นหลานแม่ได้สองสามคืนแล้ว พ่อก็ถามว่าเมื่อไหร่จะกลับ ก็คงวันที่ 1 เพราะพี่สาวจะลงมาใส่บาตรที่วัดที่นี่เลย พ่อกินข้าวกับแม่สองคน เพราะว่าเราขี้เกียจลากเก้าอี้ไปนั่ง ไม่รู้ใครเอาเก้าอี้ไปไหน เราตักๆๆ ใส่จานแล้วก็มากินหน้าทีวีคนเดียว แต่เดินกินไปๆ มาๆ เรื่อยๆ พ่อก็นั่งด่าอีนังกาแฟที่มันไม่ยอมกินปลาที่พ่อให้เป็นตัวโตๆ อ่ะ (นังกาแฟมันหัวสูง ของไหนไม่พอใจมัน มันไม่กินหรอก ทั้งเชิด ทั้งหยิ่ง น่าหมั่นไส้ )

กินข้าวเสร็จพ่อก็มานั่งหน้าบ้าน มาพูดกับแม่เรื่องญาติๆ ที่เค้ามีเรื่องกัน แล้วก็เข้าไปนอนในห้อง เดินไปเดินมา ค่ำๆ ก็ออกมานอนดูทีวี แม่เข้านอนแล้ว ส่วนเราได้ชั้นวางหนังสือมาใหม่เลยมานั่งจัดอยู่ในห้องคอม เปิดประตูไว้ พ่อก็นอนดูทีวีบนเก้าอี้หวายคนเดียว สักทุ่มกว่าๆ อานูญโทรมา แล้วก็เลยไปตามป้าที่อยู่อีกบ้านมาพูดสายด้วย คุยกันเสร็จป้าก็กลับบ้าน เราก็มานั่งจัดหนังสือต่อ จัดเสร็จเราก็เดินไปอาบน้ำ เดินผ่านพ่อ เห็นพ่อหลับอยู่ มือซ้ายเท้าคางอยู่ เราก็เลยเข้าห้องน้ำไป พอออกมาก็มาแกล้งปลุกพ่อให้เข้าไปนอนในห้อง แต่เรียกแล้วพ่อไม่ตื่น ดึงมือที่เท้าคางมาเขย่าๆ ก็ไม่ตื่น เลยตะโกนเรียกแม่ แม่มาตบๆ แก้มพ่อ ก็ไม่ตื่น เลยตะโกนเรียกโก๊ที่อยู่อีกบ้านมา โก๊วิ่งมาดู มาปั๊มหัวใจ ผายปอด เช็คลมหายใจ แล้วหามพ่อส่งโรงพยาบาลกัน โก๊อุ้มท่อนบน เราท่อนล่าง พ่อนอนเบาะหลัง ขาพ่อตั้งบนตักเรา โก๊ขับ แม่เรา แม๊(ป้า) มะ(แม่ของพี่) จะไปด้วย ไม่ได้ไป เพราะโก๊รีบออกรถ ไปถึงก็พาพ่อเข้าห้องฉุกเฉิน โก๊ไปกลับรถ เราแจ้งชื่อ แล้วโก๊ก็พาเรากลับบ้านก่อน เพราะเรายังนุ่งวันพีซอยู่เลย เพิ่งออกจากห้องน้ำมา กลับบ้านมาก็มาเปลี่ยนเสื้อผ้า เอาโทรศัพท์ แล้วก็ไปรพ. อยู่บนรถเราโทรบอกพี่สาวให้พาน้องลงมาด่วน มาถึงแม่ก็อยู่ที่รพ.แล้ว แม่เข้าไปข้างใน เรากลับมาเอาบัตรของพ่ออีกรอบ แล้วก็ไปรพ.อีก แม่อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เห็นหน้าแม่แล้วรู้เลย พ่ออยู่ที่บ้าน ไม่ได้มารพ.กับเราแน่แล้ว พ่อไปแน่แล้ว

ตอนที่พาพ่อถึงรพ.น่ะ โก๊บอกหมอว่า ด่วนเลย คนไข้ไม่หายใจแล้ว ใจน่ะรู้ แต่ไม่อยากได้ยินคำนั้น เข้าใจไหม

เราเข้าไปฟังหมอแจ้งในห้อง คนไข้เสียตั้งแต่ที่บ้าน...เรารู้แล้ว เพราะว่าเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่ทัน มีลิ่มเลือดในเส้นเลือด ความดันหรือเบาหวานสักอย่างนี่แหละวัดได้สี่ร้อยกว่า เรากลับบ้านมาเอาเสื้อผ้าของพ่ออีกรอบ ไปรพ. แล้วกลับมากับน้ามาจัดเตรียมบ้าน เจอน้องลงมาแล้ว ยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้าน เราเดินเข้าบ้านเลย น้าบอกจะปูเสื่อแล้วเอาที่นอนรองให้พ่อนอนก่อนเวลาเขาพาพ่อกลับมาเพราะหาเตียงตั่งไม่ได้ เราบอกไม่เอา ถ้างั้นเอาเตียงนอนในห้อง เตียงนอนในห้องเอาออกมาจากห้องลำบาก เพราะเป็นเตียงใหญ่ เราเลยบอกว่า งั้นไปซื้อใหม่(มาคิดดูทีหลัง จะสี่ทุ่มเนี่ยนะ ร้านที่ไหนเปิดฟะ) แต่สุดท้ายก็ได้เตียงตั่งอันเก่าที่ขาไม่แข็งแรงเท่าไหร่ที่พ่อยกไปไว้หลังบ้านมาใช้แทน

สักพักแม่ก็มาที่บ้าน มาจัดบ้านจัดอะไร เขาให้พ่ออยู่รพ. ก่อน สี่ทุ่มครึ่งถึงมารับพ่อกลับไปได้ คนมาเต็มบ้านเลย ทั้งจากแถวบ้าน จากท้ายเหมือง ภูเก็ต ฯลฯ เราหยุดร้องไห้แล้ว วิ่งเตรียมงานจนแม่กับผู้ใหญ่หลายๆ คนไล่ให้ไปนอนตอนตีสอง เพราะว่าพรุ่งนี้เช้าคงยุ่งมาก เราหลับนะ เพลียมาก แต่ว่าหูเรารู้ทุกเรื่องที่คนข้างนอกคุยกันยันเช้าเลย (เรียกหลับได้ไหมนะ? ร่างกายเราหลับแต่ประสาทรับรู้ไม่หลับอ่ะ รู้ทุกเรื่อง)

ตอนเช้าก็อาบน้ำให้พ่อ แล้วก็ให้พ่อนอนในที่แคบๆ เตรียมงานต่างๆ นานา ตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน ไม่ค่อยได้อยู่กับที่เท่าไหร่ ยอมรับว่าไม่อยากอยู่นิ่งๆ เดินรับแขก ไปซื้อของที่ภูเก็ตบ้าง ในตลาดสดบ้าง ไปขนของ เสิร์ฟอาหารแขก คิดบัญชี จัดสำรับพระ จัดสำรับของพ่อ คอยดูธุปเทียนไม่ให้ดับ ฯลฯ ทำหลายอย่างยกเว้นช่วยงานครัวกับการเคาะโลงพ่อ อย่างหลังนี่ขอสารภาพเลยว่าไม่อยากทำ ไม่อยากรับรู้ จัดสำรับเสร็จแล้วให้แม่เคาะ พอแม่ด่าว่าทำไมไม่เคาะเองก็ไปเรียกพี่สาวที่เป็นลูกคนโตของพ่อมาเคาะให้ ตอนพระสวดนี่พอเขาใช้ให้เคาะก็ให้ป้าเคาะให้แทน ตอนพระสวดนี่เป็นเวลาที่ทรมานที่สุดเลย มันต้องนั่งนิ่งๆ ฟังพระสวด รู้สึกแย่แทบจะลุกขึ้นไปตรงอื่นเลยล่ะ เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง แต่เลี่ยงไม่เคยได้สักครั้งนึงเลย เฮ้อ...

หลายคนที่มาน่ะ ดูหน้ารู้เลยว่าเนี่ย ใจจริง ยายหนอมคนหนึ่ง แกไม่สบายแต่ก็ยังอุตส่าห์มา โกรธลูกโกรธหลานที่ให้แกอยู่บ้าน แกแอบเดินมาเองเลย สุดท้ายเขาเลยต้องมาส่ง เราไม่เคยเห็นแกร้องไห้เลยนะ แต่พอกับพ่อ แกเดินๆ มาดูพ่อ แล้วก็นั่งลงบนเสื่อ นั่งน้ำตาไหลเลย แกบอกว่าพ่อบอกว่าพ่อไม่ทิ้งแกหรอก งานศพแกพ่อจะจัดให้ใหญ่ ให้เต็มที่เลย ตอนพระสวดแกก็หน้าซีด แต่สุดท้าย ยายก็ต้องมางานศพพ่อแทน ป้าอีกคนหนึ่งก็เหมือนกัน พ่อพูดแบบๆ งี้ แต่สุดท้าย เขาก็ต้องมางานพ่อแทน

คืนแรกบางคนฝันเห็นพ่อ โก๊เลยมาถามเรามั่ง
โก๊ : คนอื่นเขาฝันเห็นพ่อกัน ไม่ฝันบ้างหรอ
เรา : ไม่อ่ะ โก๊อ่ะ
โก๊ : ไม่อ่ะ ไม่ได้นอน จะฝันบ้าอะไรได้วะ
เรา : เออ จริง ลืมไป 555+

โก๊อ่ะเหนื่อยมาก วันนั้นเรานั่งอยู่ตอนบ่ายๆ คนเดียว โก๊เพิ่งล้างหน้าทาแป้งเสร็จ(ซึ่งการทาแป้งของโก๊เป็นเรื่องที่แปลกมาก)แล้วเดินเข้ามาถามเราว่า "หน้าตางี้พอรับแขกได้มั้ยวะ" เออ ก็พอหยวนๆ ได้ล่ะโก๊เอ๊ย ไม่อยากบอกความจริงเลยว่าโทรมแค่ไหน ยังกะผีดิบเดินได้แน่ะ

เช้ามืดโก๊ขับรถขนของ เที่ยงจัดโต๊ะ จัดของ เย็นเดินเสิร์ฟ รับแขก กลางคืนรับแขกอีกกลุ่มนึง เที่ยงคืนเก็บของ แล้วนั่งรับแขกผู้ชายที่ตั้งวงหวดเหล้ากันอยู่ บางคืนเกือบสว่าง บางคืนยันเช้า ไม่ได้นอนเลย เรารู้ โก๊นอนก็ไม่ค่อยหลับหรอก เราน่ะพอได้นอนบ้าง นอนเที่ยงคืนกว่า ตีหนึ่งตีสองบ้างแล้วแต่สังขารจะอำนวย ตื่นตีห้ากว่าๆ ไปขนของกับโก๊ แล้วก็นั่นหละ วิ่งยาวไปเรื่อยทุกเรื่อง...จนวันสุดท้ายที่ปลงศพนั่นแหละ

ปลงศพเมื่อวันอาทิตย์ 6 มกราคม 2551 พยายามไม่ร้องไห้แล้ว แต่ไม่ไหว ตอนเขายกโลงออกมาจากบ้านนี่ไม่ไหวแล้ว แห่ขึ้นรถ ไปที่เมรุ แล้วก็เผา เช้าวันจันทร์ตอนตีห้าครึ่งก็ไปดับธาตุ ไปเก็บกระดูกใส่โกฐ รอทำบุญร้อยวันจะได้เอาใปใส่ใน...ไม่รู้เขาเรียกอะไร เป็นเจดีย์องค์เล็กๆ ใส่กระดูกตั้งแต่รุ่นปู่แล้ว นั่นล่ะ ครบร้อยวันค่อยเอาไปใส่ไว้

ที่จริง โก๊ลงมาจากภูเก็ตพร้อมมะวันนั้นพอดี กะว่าจะมาให้พ่อเราหาวันบวชให้ พ่ออยากเห็นโก๊บวช บอกจะจัดให้ใหญ่เลย เต็มที่สุดๆ เพราะพ่อเลี้ยงโก๊มา แต่ก็ไม่ทันได้บอก จี้ พี่สาวเราที่เป็นน้องโก๊ก็บอกเราว่าวันนั้นตากระตุกทั้งวันเลย จี้จะเอาธนบัตรที่ระลึกมาให้พ่อตอนปีใหม่แต่ก็ไม่ได้ให้พ่อ สองสามวันหลังเลยเอามาให้เราเก็บไว้แทน

เราน่ะ ตอนวันอาทิตย์ ตอนจัดหนังสืออยู่แล้วพ่อนอนดูทีวีอ่ะ ได้ยินเสียงคล้ายพ่อกรนสองครั้ง แล้วก็เงียบ รู้สึกแปลกๆ ตั้งนานแล้วล่ะ ขนาดเรียกป้ามาคุยโทรศัพท์พ่อยังไม่มีปฏิกิริยาตอบรับเลย เราเดินผ่านจะไปอาบน้ำก็มองพ่อนะ เหมือนพ่อหลับปกติ บวกกับเรากับพ่อไม่ค่อยถูกกันนัก ทะเลาะกันได้รายวัน เลยไม่ปลุก มาปลุกตอนอาบน้ำเสร็จก็ไม่ทันแล้ว พ่อทิ้งเราไปแล้วอ่ะ ตอนที่พ่อดูทีวีอยู่ พ่อใช้ให้เรานวดให้ แต่เราเดี๋ยวก่อน เพราะยังจัดหนังสือไม่เสร็จ สุดท้าย...ก็ไม่ได้นวดให้

รู้ไหม คำถามที่เลวร้ายที่สุดที่เราได้รับคือ "นึกยังไงไปปลุกพ่อ" จะตอบได้ไหมนั่น เออแฮะ เรานึกไงวะ? แต่ละคนถามมาไม่คิดเล้ย

พ่อบอกรักเราก่อนไป แต่เรายังไม่ได้บอกรักพ่อเลย พ่อน่ะ ไปแล้วไปลับ ไม่มีแม้แต่จะมาดูลูกๆ เลย ไม่รู้สึกว่ามีพ่ออยู่เลย ตอนงานน่ะ เรานะ นอนหลังคนอื่น รอดู เผื่อจะเจอพ่อ แต่ก็ไม่ นอนหลับก็ไม่ฝันอะไรเลย ฝันแต่ตอนที่เราไปปลุกพ่อ แย่ชะมัด

ขัดใจเพลงที่เปิดในงานว่ะ เปิดเพลงไรไม่รู้ เลยถามน้าว่าเอาบอดี้แสลมไปเปิดได้ไหม ได้มะเหงกกลับมาทีนึงอ่ะ

เมื่อวาน โก๊หลับเป็นตายเลยอ่ะ ไม่ได้ไปเก็บกระดูกพ่อกับเราหรอก ไม่เป็นไร

เราน่ะหรอ กิน กิน แล้วก็นอน ตื่นมาก็จัดบ้าน ของเยอะแยะมากมาย

วันนี้ก็ต้องจัดบ้านอีก เฮ้อ...


เปิดเพลงมันส์ๆ ให้ดังลั่นบ้านซะเลยดีกว่า คิคิ (โดนแม่ด่าก็ไม่สน)




 

Create Date : 08 มกราคม 2551
3 comments
Last Update : 12 มกราคม 2551 14:54:31 น.
Counter : 498 Pageviews.

 

มาให้กำลังใจน้องเมย์จ้า รู้นะว่าเมย์ไม่ชอบให้พี่เรียกแบบนี้ แต่อยากแสดงสถานะพี่สาวอ่ะค่ะ อิอิ


พี่เสียใจเรื่องคุณพ่อน้องเมย์ด้วยนะคะ ท่านไปสบายแล้วล่ะ ส่วนการตั้งคำถามที่มันอึดอัดกับเรา "นึกยังไงไปปลุกพ่อ" ก็ลืมๆ ไปเหอะ พี่เข้าใจนะ ก็อย่าคิดมากเลยจ้า

พ่อพี่เองก็พูดค่อนข้างฮาร์ดคอกับลูกเหมือนกันนะ ก็ขึ้นกูมึงเหมือนกัน พี่สาวพี่ที่มีลูกอ่ะ รับไม่ได้ กลัวลูกจะติดคุณตา ที่พูดจาแบบนี้กันในบ้าน แต่พี่ว่าไม่เห็นเกี่ยวเลย ในบ้านคือพูดกันก็จริง แต่นอกบ้าน พี่ไม่เคยพูดคำหยาบๆ คายๆ นะ ไม่รู้สิ ผิดกับเพื่อนบางคน ที่พ่อแม่บังคับไม่ให้พูด แต่พอออกมาสู่สังคม พูดมาทีพี่ฟังแล้วยังอึ้ง คือแอบคิดว่า เขาสวยนะ แต่ทำไมพูดจาหยาบคายจังเลยอ่ะ


สู้ๆ เรื่องสอบสัมภาษณ์นะคะ พี่บอกใน sms แล้วว่า หากสอบติด พี่มีของให้ด้วย ว่าแต่ เราไปเรียน มฟล. มันจะไกลบ้านมากๆ เลยนะ

 

โดย: ไกลนั้น 11 มกราคม 2551 18:10:11 น.  

 

เสียใจด้วยนะครับ << แบบพิธีการๆ

 

โดย: พีพี IP: 202.44.7.70 16 มกราคม 2551 19:36:23 น.  

 

พี่โณ : ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจาก "ขอบคุณมากๆ" ค่ะพี่โณ ขอบคุณในทุกๆ อย่างเลย แล้วก็อยากจะขอโทษพี่โณในหลายเรื่องที่หนูบอกพี่โณไป มันคงทำให้พี่โณยิ้มไม่ออกแน่ๆ เลย ขอโทษนะคะ

พีพี : ไม่รู้ว่าคุณพีพีจะเข้ามาเยี่ยมเยียนเราอีกไหมนะคะ แต่ก็อยากบอกว่าขอบคุณนะคะที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกัน

 

โดย: may (ศศิกัณห์ ) 18 มกราคม 2551 21:03:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ศศิกัณห์
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




may ค่ะ


===HOME SWEET HOME===


I don't have a wall but I've just be a wall.




Artemis หรือ Diana...เทพีแห่งจันทรา
Emo น้องลิง
Emo หัวหอม
Emo เหลืองดุ๊กดิ๊ก
X
X
X
Friends' blogs
[Add ศศิกัณห์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.