มิถุนายน 2550

 
 
 
 
 
2
3
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
27
29
30
 
4 มิถุนายน 2550
วัดใจ (3)
วันที่สองของการปฏิบัติธรรม ฉันตื่นแต่เช้า แต่สายกว่าแม่ครัว ที่กำลังเตรียมอาหารเพื่อถวายจังหันสำหรับพระภิกษุสงฆ์

ทุกเช้าที่โรงครัว ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง ช่วยงานกันคนละไม้คนละมือ ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จเสร็จสิ้น

พวกเราถวายจังหันพระที่ศาลา พระสงฆ์นั่งประจำอาสนะและเตรียมบาตรไว้เรียบร้อย เมื่อหลวงปู่ (68 ปี) เข้ามานั่งประจำที่ พระสงฆ์รับอาหารจากอุบาสกที่ถวายอาหารให้กับหลวงปู่ก่อน แล้วส่งต่อให้พระสงฆ์ตักบาตรให้กับพระตามลำดับพรรษา

ในระหว่างนี้ ฉันสังเกตเห็นความเรียบง่ายอันงดงาม ที่เพรียบพร้อมทั้งกายใจ การสำรวมกิริยาอันเป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ยาก ถ้าไม่เคยฝึกฝนจนเป็นกิจวัตรประจำกายวาจาใจ

วัดถ้ำภูผาผึ้ง ถือว่าเป็นวัดป่าแห่งแรกในชีวิตของฉัน ที่ได้มาเห็นกิจวัตรเหล่านี้ มีโอกาสได้กราบพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นตัวอย่างที่ดี ให้กับมนุษย์ที่เดินดินธรรมดา ๆ ได้เรียนรู้และรับการอบรมสั่งสอนในพระธรรมของพระพุทธเจ้า

วันที่สาม

ตื่นนอนตอนเช้าตรู่ ฉันนั่งภาวนาสมาธิพอสมควรแก่เวลา จึงลงมาปฏิบัติภารกิจส่วนตัวเรียบร้อย จึงช่วยงานเบา ๆ ที่โรงครัว ส่วนงานหนัก ๆ แม่ครัวได้ทำหน้าที่ในความรับผิดชอบอย่างดีเยี่ยม

ก่อนที่พวกเราไปถวายจังหันที่ศาลาวัด น้องตุ่นได้ชวนชาวชมรมจริยธรรม ตักบาตรกับหลวงปู่แสน ฉันไม่ได้เตรียมอาหารอะไรเลย น้องตุ่นได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ฉันจึงเอาขวดน้ำดื่มใส่บาตรเท่านั้น

ฉันได้เรียนรู้วิถีแห่งธรรมะที่ลึกซึ้ง แต่เรียบง่าย พวกเราใส่บาตรให้หลวงปู่แสน และรับพรจากท่านด้วยความอิ่มใจ จากนั้นพากันเดินไปที่ศาลาวัด เพื่อถวายอาหารพระสงฆ์เหมือนทุกวันที่ผ่านมา

ความงดงามในกิจวัตรที่เรียบง่าย

เหมือนมีมนต์สะกดจิต

ก่อให้เกิดปิติสุขในการปฏิบัติธรรม


หลังจากรับประทานอาหารมื้อเช้าเรียบร้อย ทีมชมรมจริยธรรมซึ่งนำโดยคุณวิชชุดา พาพวกเรา 3 คนคือ พี่อุดมพร, พี่สมหวังและฉัน เดินทางขึ้นภูผาผึ้ง ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และถือโอกาสเยี่ยมกลุ่มผู้ชาย 4 คน ที่ขึ้นภูผาผึ้งตั้งแต่วันแรก

พวกเราออกเดินทางเวลา 09.00 น. เดิมนั้นตกลงกันไว้ว่า ให้คุณทองสุขและคุณสุรจิตต์ ลงมารับทีมผู้หญิงในเช้าวันนี้ พวกเราเห็นว่าเวลาผ่านมานานพอสมควร จึงตัดสินใจเดินทางขึ้นภูฯ กันเอง

ขณะที่เดินไปตามทางลาดกำลังจะพ้นเขตบริเวณของโรงครัว เห็นคุณทองสุขเดินมาพอดีเหงื่อออกท่วมตัวเลย จึงให้คุณทองสุขพักเหนื่อย และทานอาหารมื้อเช้าก่อน คุณทองสุขปฏิเสธ บอกว่า สามารถพาทีมผู้หญิงขึ้นภูผาผึ้งได้เลย จึงพากันเดินทางต่อทันที โดยมีเป้าหมาย คือ สถานที่ปฏิบัติธรรมภาวนาสมาธิ ซึ่งเป็นสถานที่หลวงปู่ได้มาปฏิบัติธรรม ณ ที่แห่งนี้ มีลูกศิษย์พระสงฆ์หลายรูป ได้มาฝึกปฏิบัติธรรมกันเสมอมา
ภูผาผึ้งแห่งนี้ จึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ควรแก่การฝึกภาวนาสมาธิอย่างดี

เส้นทางเดินช่วงแรก มีสะพานเหล็กสีดำข้ามลำห้วย แต่ไม่มีน้ำ เนื่องจากเป็นช่วงหน้าแล้ง เลี้ยวขวาเข้าสู่ภูผาผึ้ง ความชันของทางเดินยังไม่มากนัก ต้นไม้หลากหลายชนิดอุดมสมบูรณ์

เดินทางไปสักระยะหนึ่ง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที พี่อุดมพรมีอาการเหนื่อยเล็กน้อย เพราะมีโรคประจำตัวคือ หอบหืด พวกเราจึงขอให้นั่งพักก่อน แต่ด้วยความมุ่งมั่น จึงเดินทางต่อไปได้ เพียงแวะพักจุดชมวิวทิวทัศน์บนภูเขา มองลงมาข้างล่างจะเห็นหลังคาศาลาวัดที่มีต้นไม้ปกคลุมอยู่รอบด้าน

มีลมพัดผ่านมาเป็นระยะ ช่วยให้รู้สึกสดชื่นเย็นสบาย แม้เหงื่อจะออกและเริ่มเมื่อยล้า หลังจากที่เดินขึ้นบนสุดของภูเขาแล้ว ต้องเดินลงเขาอีกด้านหนึ่ง เข้าสู่เขตปฏิบัติธรรม

ระหว่างที่ก้าวเดิน ต้องสำรวมทั้งกายวาจาใจ เพราะบางแห่งเป็นจุดที่อันตราย อาจทำให้ล้มกลิ้งเจ็บตัวได้ง่าย

จุดแรกที่เห็นเมื่อเข้าบริเวณปฏิบัติธรรม คือ นพ.วสันต์ กำลังเดินจงกรม พวกเราจึงหยุดและสำรวมกายเพื่อให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้รู้ว่า มีคนเดินทางมาเยี่ยม เมื่อสวัสดีทักทาย จึงเดินลงมาที่บริเวณด้านล่าง มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ พวกเรากราบนมัสการ เพื่อขออนุญาตที่ได้เดินทางเข้ามาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

จากสภาพความเป็นอยู่ ได้เห็นสถานที่ภาวนาสมาธิ และทางเดินจงกรมทุกจุด ที่พระสงฆ์ได้มาพัฒนา เพื่อเป็นที่ทดสอบจิตใจของผู้คน ที่ต้องการเรียนรู้จักตัวตนที่แท้จริง

ฉันจึงถือโอกาสอธิษฐานในใจ ขออนุญาตเดินจงกรม ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้กับพระพุทธรูป เพราะโดยปกติ จะมีแต่พระสงฆ์และสุภาพบุรุษเท่านั้น ที่มาปฏิบัติธรรมภาวนาสมาธิและเดินจงกรมในสถานที่แห่งนี้

เดินจงกรมใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงพักอ่านหนังสือธรรมะที่ถือติดตัวมาด้วย 1 เล่ม แล้วพักสายตามองไปรอบ ๆ เห็นภูเขาทุกทิศทุกด้าน

ความเงียบสงัด ทำให้ได้ยินเสียงน้ำตกจากหน้าผาไหลผ่านรากไม้ เสียงน้ำตกกระทบกับสังกะสี ที่ใช้รองน้ำให้ไหลผ่านท่อลงในแทงค์น้ำขนาดใหญ่ เพื่อใช้สำหรับการยังชีพของพระสงฆ์และผู้ที่มาปฏิบัติธรรมได้ดื่มกิน (ผ่านการต้ม) ใช้ชำระร่างกายและซักผ้านุ่งห่ม

คุณทองสุขและคุณสุรจิตต์ นำทางไปที่เขาแหวน ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของภูผาผึ้ง เป็นสถานที่ นพ.วิเชียร ปฏิบัติธรรมภาวนาสมาธิ เส้นทางเดินค่อนข้างลำบาก สูงชัน พวกเราเดินทางนานพอสมควรแต่ไม่ทราบว่าใช้เวลาเท่าไร เพราะไม่มีใครมีนาฬิกามาด้วย

สถานที่ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ หลวงปู่ได้มาภาวนาสมาธิ จนเป็นที่เล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ แม้เวลาจะผ่านมานานแล้วก็ตาม พวกเราได้มาเห็นในตอนนี้ ยังรู้สึกถึงความอัศจรรย์ในการปฏิบัติธรรม เพราะเป็นสถานที่ที่วัดจิตใจของเราในทุกอิริยาบท ไม่ว่าจะนั่งภาวนาสมาธิ หรือเดินจงกรม เนื่องจากที่ปฏิบัติธรรมเป็นชะง้อนผา ที่ยื่นออกมา ไม่มีต้นไม้บดบังความน่ากลัวไว้เลย ทางเดินจงกรมแคบมาก ถ้าเผลอสติ อาจตกลงมาด้านล่างได้ทันที

พวกเราเดินทางย้อนกลับมาที่ภูผาผึ้งอีกครั้ง เพราะไม่มีเส้นทางอื่นที่จะกลับคืนสู่วัดได้ คุณทองสุขและคุณสุรจิตต์ เดินทางมาส่งพวกเรา ถึงบริเวณบันไดไม้อันแรกเท่านั้น แล้วสองคนกลับไปสถานที่ปฏิบัติธรรมเช่นเดิม

พวกเราใช้เวลาเดินทางขากลับเร็วกว่าตอนขาขึ้น เพราะไม่ได้หยุดพัก นอกจากแวะขึ้นบันไดเพื่อชมวิวทิวทัศน์บริเวณโดยรอบ และแวะชมกุฏิน้ำ ซึ่งเป็นที่เก็บเครื่องปั้มน้ำและเป็นจุดสุดท้ายที่พักดูปลาในลำน้ำ แต่ไม่เห็นปลาเลยสักตัว

5 ชั่วโมง กับการฝึกทุกข์กิริยาในอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ความรู้สึกที่ได้นอกจากความเหน็ดเหนื่อยคือ
“ความสุขใจบนความลำบากกาย”

ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้บ่อยนัก

คืนวันนี้ พระสงฆ์ทำวัตรเย็นเหมือนทุกวันที่ผ่านมา เมื่อได้ยินเสียงระฆัง พวกเราทุกคนรวมทั้งแม่ครัว น้าหนอม คุณแมนและคุณตา จะพากันเดินมาพร้อมกันที่ศาลาวัด เข้านั่งประจำที่ตามอัธยาศัย


ในศาลาวัด บรรยากาศเงียบสงบ มีพลังบางสิ่งบางอย่าง ทำให้เกิดความสงบในใจ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่สับสน ระหว่างที่รอหลวงปู่ ฉันได้ภาวนาทำสมาธิกำหนดลมหายใจ “พุทโธ”ไปพร้อมในขณะนั้น

หลวงปู่ เข้านั่งประจำที่ด้านหน้าพระพุทธรูปแล้ว ทั้งพระสงฆ์และฆราวาส นั่งคุกเข่าเบญจางคประดิษฐ์ พนมมือแล้วก้มกราบพระพุทธรูป 3 ครั้ง ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ได้มาเห็นพระสงฆ์ที่วัดถ้ำภูผาผึ้งแห่งนี้ กราบพระได้งดงามมาก ทำให้ฉันกราบพระงดงามเช่นเดียวกัน

หลวงปู่นำสวดทำวัตรเย็น เกือบทุกคนสามารถสวดมนต์ได้เช่นเดียวกับพระสงฆ์ แต่ฉันไม่เคยสวดมนต์ทำวัตรเย็นเลย จึงตั้งจิตระลึกตามบทสวดมนต์ ซึ่งเป็นเสียงที่ไพเราะมาก ทำให้มีความสุขใจ ขณะภาวนาสมาธิ

ค่ำคืนนี้ หลวงปู่นำสวดมนต์ยาวนานกว่า 2 วันที่ผ่านมา ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกเบื่อหน่ายเลย หลังจากสวดมนต์เสร็จ หลวงปู่ได้สอบถามทีมชมรมจริยธรรมว่า ปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไรบ้าง คุ้มค่าหรือไม่ที่มาภาวนาสมาธิที่วัดป่า สำหรับคำตอบของฉันคือ
“เพียงตั้งใจได้มาวัดปฏิบัติธรรมก็คุ้มค่ามากในชีวิต”

บรรยากาศในช่วงนี้ พระสงฆ์และฆราวาสนั่งภาวนาสมาธิด้วยความสงบนิ่ง ตอนกลางวันฉันไม่นั่งสมาธิเลย จึงตั้งใจมากสำหรับการภาวนาสมาธิในคืนนี้ มีความอดทนต่อความปวดความเจ็บทางด้านกาย ส่วนทางด้านจิตใจมีความสงบมากขึ้น ไม่มีความรู้สึกง่วงนอนและนั่งภาวนาสมาธิได้นานกว่า 2 วันที่ผ่านมา จนถึงเวลาประมาณ 23.00 น. จึงกราบลาพระสงฆ์กลับเข้าที่พัก

คืนนี้ฉันนอนหลับสนิท ไม่ได้ฝันอะไรเลย



Create Date : 04 มิถุนายน 2550
Last Update : 3 กรกฎาคม 2550 13:28:09 น.
Counter : 868 Pageviews.

3 comments
  
มาตามเข้าวัด

ขอให้ก้าวหน้าในทางธรรมยิ่งๆขึ้น

ออกจากวัดแล้วอย่าลืมนำวัตรปฏิบัติมาใช้ในบ้านและที่ทำงานด้วยเน้อ
สาวนางเด้อ
โดย: พ่อพเยีย IP: 124.121.18.188 วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:19:12:31 น.
  
ขอบคุณค่ะพี่โดม
----------------------------------------------------------
เมื่อคืน เริ่มสวดมนต์ก่อนนอน หลังจากเว้นวรรคมานาน
เมื่อหัวถึงหมอน (ข้ออ้าง) หลับก่อนทุกทีค่ะ

แต่ทุกเช้า.. นะโม 3 จบ ท่องคาถา "พระพุทธเจ้าชนะมาร"
อธิษฐาน ขอให้ชนะมารในใจตัวเอง และชนะมารภายนอกค่ะ
โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:8:15:45 น.
  

ตามมาด้วยคน อิอิอิ

มาชื่นชมที่คุณสาวฯ ปฏิบัติธรรมได้

ตัวเองมีแต่ คิดว่าจะทำนั่น ทำนี่ ไปนั่น ไปนี่

แล้วก็ไม่มีอะไรก้าวไปไกลสักเท่าไหร่...
โดย: หนอนบ้านนอก วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:17:55:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ลูกคนสุดท้องน้องสาวคนเล็ก
เด็ก ๆ ชอบเอาตัวไปปลายนา
เอาขาไปวิ่งเล่นที่ทุ่งหญ้า
โตเป็นสาว..ชอบอยู่บ้านนอก
อนาคต..ได้ไปที่ชอบ..ที่ชอบ
อะคึ่ ๆ


Friends Blog
[Add สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น's blog to your weblog]