โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ
https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
หลักสูตรแกนกลางสู่หลักสูตรสถานศึกษา
หลักสูตรแกนกลางสู่หลักสูตรสถานศึกษา
1. หลักสูตรแกนกลาง หมายถึง หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 มีรายละเอียดแสดงให้เห็นกรอบทิศทางในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สามารถนำไปใช้จัดการศึกษาทั้งในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยรวมทั้งสำหรับการจัดการศึกษาทุกกลุ่ม เช่น การศึกษาพิเศษ การศึกษาสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ เป็นต้น โดยมีมาตรฐานการเรียนรู้เป็นข้อกำหนดคุณภาพของผู้เรียน 2. หลักสูตรสถานศึกษา หมายถึง หลักสูตรระดับท้องถิ่นซึ่งสถานศึกษานำข้อมูลสภาพที่เป็นปัญหาหรือความต้องการในชุมชนและสังคมภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพังประสงค์ เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ มาจัดทำสาระของหลักสูตร และจัดการเรียนรู้โดยยึดหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นกรอบหรือแนวทางในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา 3. มาตรฐานการเรียนรู้ หมายถึง ข้อกำหนดคุณภาพผู้เรียนด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมของแต่ละกลุ่มเพื่อใช้เป็นจุดมุ่งหมายในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ซึ่งกำหนดเป็น 2 ลักษณะ คือ มาตรฐานการเรียนรู้การศึกษาขั้นพื้นฐานเป็น มาตรฐานการเรียนรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ เมื่อผู้เรียนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้นเป็นมาตรฐานการเรียน รู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ เมื่อผู้เรียนจบในแต่ ละช่วงชั้น คือชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 6 และชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 6
ความรู้เกี่ยวกับวิสัยทัศน์ ภารกิจ เป้าหมาย คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา วิสัยทัศน์ เป็นเจตนารมณ์ อุดมการณ์ หลักการ ความเชื่อ อนาคตที่พึงประสงค์ เป็นการคิดไปข้างหน้า มีเอกลักษณ์ สามารถสร้างศรัทธา และจุดประกายความคิดในสภาพการพัฒนาสูงสุด วิสัยทัศน์ประกอบด้วยตัวชี้วัดดังนี้ 1. แสดงภาพที่พึงพอใจในอนาคตอย่างชัดเจน 2. แสดงถึงเจตนารมณ์ อุดมการณ์ของสถานศึกษา 3. สามารถสร้างศรัทธา / จุดประกายความคิดของบุคลากร 4. มีเอกลักษณ์ชัดเจน 5. สอดคล้องกับสภาวะข้อเท็จจริงในปัจจุบัน 6. บ่งบอกภารกิจของสถานศึกษา 7. สอดคล้องกับนโยบายของสถานศึกษา 8. มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของบุคลากรทุกฝ่ายทั้งในโรงเรียนและชุมชน 9. มีความเป็นไปได้ 10. มีระยะเวลาที่แน่นอน ภารกิจ เป็นการแสดงวิธีดำเนินงานของสถานศึกษา เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์และนำไปสู่การวางแผนปฏิบัติต่อไป ประกอบด้วยตัวชี้วัด ดังนี้ 1. แสดงถึงงานที่สถานศึกษาต้องปฏิบัติอย่างชัดเจน 2. สะท้อนถึงวิธีดำเนินงานที่นำไปสู่ความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้ 3. มีการให้ชุมชนเข้ามามีส่วนในการดำเนินงาน 4. ตรงกับบทบาทหน้าที่ของสถานศึกษา เป้าหมาย เป็นความคาดหวังด้านคุณภาพที่เกิดกับผู้เรียนเมื่อจบหลักสูตร ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของสถานศึกษา และจุดหมายของหลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน ประกอบด้วยตัวชี้วัดดังนี้ 1. สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของสถานศึกษา 2. สอดคล้องกับจุดหมายของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 3. มุ่งเน้นผู้เรียนให้มีความรู้ ทักษะ กระบวนการ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์อย่างชัดเจน มาตรฐานการเรียนรู้ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดไว้เฉพาะมาตรฐานการเรียนรู้ที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนทุกคนเท่านั้น สำหรับมาตรฐานการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ตลอดจนมาตรฐานการเรียนรู้ที่เข้มขึ้นตามความสามารถความถนัด และความสนใจของผู้เรียนให้สถานศึกษาพัฒนาเพิ่มเติมได้ 4. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวังรายปี หมายถึง ข้อกำหนดเกี่ยวกับความรู้ ความสามารถ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่บ่งบอกถึงระดับคุณภาพที่คาดหวังจะให้เกิดกับผู้เรียนหลังจากได้ผ่านกระบวน การเรียนรู้ในแต่ละปีการศึกษา หรือแต่ละภาคเรียน 5. สาระการเรียนรู้ หมายถึง ที่องค์ความรู้ ทักษะกระบวนการ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ 6. สาระการเรียนรู้แกนกลาง หมายถึง รายละเอียดที่เป็นองค์ความรู้ ทักษะกระบวนการ คุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ ที่กระทรวงศึกษาธิการวิเคราะห์จากมาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มสาระและช่วงชั้นของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้เพื่อให้สถานศึกษาเทียบเคียง ตรวจสอบ และปรับใช้กับสาระการเรียนรู้พื้นฐานที่การศึกษากำหนด คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เป็นคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่สถานศึกษากำหนดขึ้น เพื่อแก้ปัญหาหรือสร้างค่านิยมที่ดีให้แก่ผู้เรียนตามจุดเน้นของหลักสูตร และหรือ ตามนโยบายของสังคมระดับประเทศประกอบด้วยตัวชี้วัด ดังนี้ 1. กำหนดคุณลักษณะที่ต้องการพัฒนาด้านคุณภาพ จริยธรรม และค่านิยม 2. กำหนดคุณลักษณะที่ต้องการพัฒนาไว้ชัดเจนทุกช่วงชั้น 3. กำหนดตัวบ่งชี้ในการพัฒนาที่นำไปปฏิบัติได้จริง 4. มีการกำหนดผู้รับผิดชอบการประเมินไว้ชัดเจน 5. มีการกำหนดวิธีการประเมิน โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา เป็นการแสดงให้เห็นถึงมวลประสบการณ์ที่สถานศึกษาจัดให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตลอดหลักสูตรที่ผู้เรียนได้ศึกษาอยู่ในสถานศึกษานั้นๆ โดยแบ่งเป็นช่วงชั้นที่ 1 (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 3 ) ช่วงชั้นที่ 2 (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 6) ช่วงชั้นที่ 3 (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1- 3 ) ช่วงชั้นที่ 4 (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 -6 ) ในแต่ละช่วงชั้นแสดงให้เห็นสาระการเรียนรู้ทั้งพื้นฐานและเพิ่มเติมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งกำหนดสัดส่วนเวลาหรือหน่วยคิดของแต่ละสาระการเรียนรู้เป็นรายปี / รายภาค หรือรายสัปดาห์ ประกอบด้วยตัวชี้วัด ดังนี้ 1. สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ภารกิจ และเป้าหมายของหลักสูตรสถานศึกษา 2. สอดคล้องกับโครงสร้างหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 3. มีการกำหนดสัดส่วนเวลาระหว่างสาระการเรียนรู้กับกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนอย่างเหมาะสม 4. มีการกำหนดสัดส่วนเวลาระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ อย่างเหมาะสม 5. มีหน่วยการเรียนรู้แบบบูรณาการระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ 6. มีหน่วยการเรียนรู้แบบบูรณาการกับวิถีชีวิตของผู้เรียน 7. มีรายวิชาพื้นฐาน/ หน่วยการเรียนรู้ครบตามกำหนดในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 8. มีรายวิชาเพิ่ม / หน่วยการเรียนรู้ตรงตามความต้องการของผู้เรียนและชุมชน 9. รายวิชาพื้นฐาน / หน่วยการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ ครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้ตามที่หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด แผนภูมิแนวทางกำหนดเวลาเรียนตามโครงสร้างหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ช่วงชั้นที่ 1 (ป. 1 3) ช่วงชั้นที่ 2 (ป. 4 6) ช่วงชั้นที่ 3 (ม. 1 3) ช่วงชั้นที่ 4 (ม. 4 6)
เวลา 800 1,000 ซม. / ปี (4 5 ซม. / วัน) 1,000 1,200 ซม. / ปี (5 6 ซม. / วัน) ไม่น้อยกว่า 1,200 ซม. / ปี ไม่น้อยกว่า 6 ซม. / วัน สาระพื้นฐาน 1. ภาษาไทย 2. คณิตศาสตร์ 50 % (2 1/2 ชม./วัน) 40 % (2 1/2 ชม./วัน)
50 % (3 ชม./วัน)
30 - 35 % (360 ชม./วัน) (9 นก.)
3. วิทยาศาสตร์ 4. สังคมศึกษาฯ 5. สุขศึกษาฯ 6. ศิลปะ 7. การงานฯ 8. ภาษาต่างประเทศ
30 % (1 1/2 ชม./วัน)
40 % (2 1/2 ชม./วัน) สาระเพิ่มเติม
5 % 35 % 2 ชม. / วัน 55 60 % 720 ชม. / วัน (18 นก.) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 20 % 15 % 15 % 10 %
หมายเหตุ ตารางที่นำเสนอข้างต้นนี้เป็นตารางที่สรุปจากแนวทางการจัดหลักสูตรที่เสนอไว้ในเอกสารหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 อย่างไรก็ดี หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้กำหนดเวลาในการจัดการเรียนรู้ไว้ในลักษณะยืดหยุ่น ไม่กำหนดเวลาไว้ตายตัว โดยเปิดโอกาสให้สถานศึกษาสามารถกำหนดเวลาของแต่ละสาระตามความเหมาะสม การจัดทำหน่วยการเรียนรู้ องค์ประกอบของหน่วยการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้แต่ละหน่วย ประกอบด้วย ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง สาระการเรียนรู้ เวลา การจัดทำหน่วยการเรียนรู้ การจัดทำหน่วยการเรียนรู้สามารถทำได้โดยการเอาสาระการเรียนรู้รายปีหรือรายภาคที่กำหนดไว้ในคำอธิบายรายวิชาไปบูรณาการ แล้วการจัดทำเป็นหน่วยการเรียนรู้ย่อยๆ เพื่อความสะดวกในการจัดการเรียนรู้ และผู้เรียนรู้ในลักษณะองค์รวม มีแนวทางในการจัดทำได้หลายวิธี ดังตัวอย่าง เช่น วิธีที่ 1 วิเคราะห์สาระการเรียนรู้รายปี / ภาค ผลการเรียนรู้ที่คาดหวังรายปี / การจากคำอธิบายรายวิชาจำแนกเป็นเรื่องย่อยๆ แล้วนำเรื่องย่อยๆ ที่สอดคล้องกันมารวมกันเป็นหน่วยการเรียนรู้ แล้วตั้งชื่อหน่วย วิธีที่ 2 นำความคิดรวบยอดของสาระการเรียนรู้จากคำอธิบายรายวิชามาวิเคราะห์เป็นหน่วยย่อย ตั้งเป็นหัวข้อเรื่อง แล้วนำสาระต่างๆ หรือเรื่องย่อยๆ ที่เกี่ยวข้องมาบูรณาการจัดทำเป็นหน่วยการเรียนรู้ แล้วตั้งชื่อหน่วยการเรียนรู้ให้น่าสนใจ การจัดทำหน่วยการเรียนรู้ อาจบูรณาการทั้งภายในและระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้หรือเป็นการบูรณาการเฉพาะเรื่องตามลักษณะสาระการเรียนรู้ หรือเป็นการบูรณาการที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้เรียน คำอธิบายรายวิชา เป็นการสะท้อนภาพรวมของคุณภาพของผู้เรียนที่แสดงออกด้านความรู้ ทักษะ กระบวนการควบคู่กับคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม หลังจากผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในแต่ละปีหรือแต่ละภาค โดยกำหนดสาระการเรียนรู้รายปีหรือรายภาคที่สอดคล้องกับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น รวมทั้งสอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่นและชุมชน และกำหนดจำนวนเวลาหรือจำนวนหน่วยกิตที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ แนวการเขียนคำอธิบายรายวิชา กำหนดไว้ดังนี้ จัดทำคำอธิบายรายวิชา จัดทำได้โดยการนำเอาผลการเรียนรู้ที่คาดหวังรายปีหรือรายภาคสาระการเรียนรู้รายปีหรือรายภาค รวมทั้งเวลาและจำนวนหน่วยกิตที่กำหนดมาเขียนเป็นคำอธิบายรายวิชาโดยให้ประกอบด้วย ชื่อรายวิชา รหัสวิชา จำนวนเวลาหรือจำนวนหน่วยกิตผลการเรียนรู้ที่คาดหวังรายปี/รายภาค และสาระการเรียนรู้ของรายวิชานั้นๆ ซึ่งสามารถเขียนคำอธิบายรายวิชาได้หลายรูปแบบ เช่น
รูปแบบที่ 1 เขียนเป็นความเรียงเสนอภาพรวมของผลการเรียนรู้ที่คาดหวังและสาระการเรียนรู้ทั้ง 3 ด้าน รูปแบบที่ 2 เขียนแยกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย - ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง : เขียนเป็นความเรียง สรุปภาพรวมของผลการเรียนรู้ทั้ง 3 ด้าน - สาระการเรียนรู้ : เขียนเป็นความเรียงของขอบข่ายเนื้อหา รูปแบบที่ 3 เป็นความเรียง ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ - ขอบข่ายกิจกรรมที่กำหนดกว้างๆ สอดคล้องกับผลการเรียนรู้ของรายวิชา - ขอบข่ายเนื้อหาที่สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ของรายวิชา - ผลการเรียนรู้ที่คาดหวังที่จะเกิดขึ้นกับผู้เรียนอย่างกว้างๆ รูปแบบที่ 4 เป็นความเรียง ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ - จุดประสงค์ของรายวิชาที่สอดคล้องกับผลการเรียนรู้รายวิชา - ขอบข่ายสาระการเรียนรู้ - กิจกรรมการเรียนรู้ - วิธีการวัดและประเมินผล รูปแบบที่ 5 เขียนแยกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย - ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง : เขียนให้เป็นครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน เป็นข้อๆ โดยไม่แยกด้าน - สาระการเรียนรู้เขียนเป็นข้อๆ สำหรับชื่อรายวิชามีแนวทางในการกำหนดดังนี้ ชื่อรายวิชาของสาระเรียนรู้ให้ใช้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ส่วนรายวิชาที่สถานศึกษาจัดทำเพิ่มเติมสามารถกำหนดตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ต้องสื่อความหมายได้ชัดเจนมีความสอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ทีกำหนดไว้ในรายวิชานั้น
******เพิ่มเติมข้อมูลการเสนอร่างหลักสูตรแกนกลางสู่หลักสูตรสถานศึกษา(ฉบับปรับปรุง)สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้นำร่างหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับปรับปรุง เสนอให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) พิจารณา ซึ่งร่างหลักสูตรนี้ ยังคงจัดโครงสร้างหลักสูตรเป็น 8 กลุ่มสาระวิชา ได้แก่ สาระวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และภาษาต่างประเทศ สำหรับเรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น เปลี่ยนตัวชี้วัดเป็นรายปี จากที่เคยกำหนดเป็นตัวชี้วัดช่วงชั้น และเขียนตัวชี้วัดให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น ที่สำคัญมีการกำหนดกรอบการจัดสรรเวลาเรียนสำหรับแต่ละระดับชั้น ด้วย โดยระดับประถมศึกษาให้มีเวลาเรียนวันละประมาณ 4-5 ชั่วโมง ระดับม.ต้น วันละประมาณ 5-6 ชั่วโมง ระดับ ม.ปลาย ไม่น้อยกว่าวันละ 6 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีการกำหนดกรอบเวลาเรียนในแต่ละกลุ่มวิชา โดย กลุ่มวิชาภาษาไทยและ กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ ระดับ ป.1 ป.3 ให้มีเวลาเรียนขั้นต่ำปีละ 200 ชั่วโมง ชั้น ป.4-ป.6 ปีละ 160 ชั่วโมง ม.ต้น ปีละ 120 ชั่วโมง ส่วน ม.ปลาย รวม 3 ปี ต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่า 240 ชั่วโมง กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์และสังคมศึกษาให้มีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าปีละ 80 ชั่วโมง ในระดับ ป.1 ป.6 ม.ต้นปีละ 120 ชั่วโมง ม.ปลาย รวม 3 ปี ต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่า 240 ชั่วโมง กลุ่มวิชาสุขศึกษาฯ ,การงานฯ และศิลปะ ระดับ ป.1 - ม.3 ให้มีเวลาเรียนขั้นต่ำปีละ 80 ชั่วโมง ส่วน ม.ปลาย รวม 3 ปี ต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่า 120 ชั่วโมง กลุ่มวิชาภาษาต่างประเทศ ป.1 ป.3 ให้มีเวลาเรียนขั้นต่ำปีละ 40 ชั่วโมง ป.4-ป.6 .ปีละ 80 ชั่วโมง ม.ต้นปีละ 120 ชั่วโมง ม.ปลาย รวม 3 ปี ต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่า 240 ชั่วโมง นอกจากนั้นให้มีกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนปีละ 120 ชั่วโมงด้วย อย่างไรก็ดี ได้มอบให้สถานศึกษาจัดสรรเวลาเรียนในแต่ละกลุ่มสาระวิชาและรายวิชาที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นให้เหมาะสมทั้งหมด ระดับประถมศึกษา จะมีเวลาเรียนในแต่ละกลุ่มสาระวิชาไม่เกินปีละ 1,000 ชั่วโมงต่อวิชา ม.ต้น ไม่เกินปีละ 1,200 ชั่วโมงต่อวิชา และ ม.ปลาย รวม 3 ปี ต้องมีเวลาเรียนไม่เกิน 3,600 ชั่วโมงในแต่ละวิชา นางเบญจลักษณ์ น้ำฟ้า ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา กล่าวว่า กรรมการ กพฐ.ได้รับร่างหลักสูตร ไปพิจารณาแล้ว โดยที่ประชุมมีความเห็นว่า ตัวชี้วัดที่ปรับใหม่นั้น ควรจะส่งเสริมให้เกิดการเรียนการสอนที่สร้างกระบวนการคิดให้กับเด็ก ไม่ต้องการให้ตัวชี้วัดไปส่งเสริมการเรียนแบบเน้นเนื้อหา เพราะความรู้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถ้าเด็กรู้จกกกระบวนการเรียนรู้แล้ว จะนำไปปรับใช้กับการเรียนรู้ความรู้ใหม่ ๆหลักสูตรที่ปรับปรุงใหม่ต้องมีการจัดกรอบเวลาเรียนในแต่ละกลุ่มสาระวิชา เพราะหลักสูตรเดิมให้โรงเรียนจัดสรรเวลาเรียนแต่ละวิชา ผลทำให้การจัดการเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียนแตกต่างกันมาก ส่วนใหญ่ ร.ร.จะจัดเวลาเรียนให้วิชาใดมากหรือน้อยเท่าใด ขึ้นอยู่กับครูที่ตัวเองมี เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องมีมาตรฐานขั้นต่ำในการจัดสรรเวลาเรียนแต่ละวิชาไว้ อย่างไรก็ตาม หลักจากได้ข้อสรุปแล้ว ทาง สพฐ.จะนำร่างหลักสูตรฯ ไปจัดประชาพิจารณ์ รับฟังความเห็นใน 4 ภูมิภาค แล้วนำความเห็นที่ได้จากการประชาพิจารณา รวมทั้งความเห็นของ กพฐ. มาปรับปรุง ร่าง หลักสูตรฯ อีกครั้ง ก่อนนำหลักสูตรไปใช้จริง--
Create Date : 09 เมษายน 2551 |
Last Update : 15 ธันวาคม 2552 18:38:52 น. |
|
5 comments
|
Counter : 46602 Pageviews. |
|
|
|
โดย: นาลิน IP: 192.168.182.249, 58.10.164.158 วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:15:26:41 น. |
|
|
|
โดย: polo IP: 119.31.126.141 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:47:29 น. |
|
|
|
โดย: ois IP: 119.31.126.141 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:52:47 น. |
|
|
|
โดย: ลักษ์ IP: 192.168.0.116, 203.172.184.99 วันที่: 22 เมษายน 2553 เวลา:9:04:54 น. |
|
|
|
โดย: pom IP: 118.173.57.80 วันที่: 6 มิถุนายน 2556 เวลา:20:51:02 น. |
|
|
|
|
|
|